|
|
นายกฯ บ่นตอบยากม็อบต้านนิรโทษกรรมยืดเยื้อ สั่งฝ่ายความมั่นคงจับตา สวมบทหนูไม่รู้โยนเป็นเรื่องนิติบัญญัติอย่างเดียว ท่องคาถาตามฟอร์มขอให้ประเทศเดินหน้า ฉวยโอกาสขอร้องเมตตา-เข้าอกเข้าใจบ้าง ท้ายสุดหนีนักข่าว ไม่ตอบว่าจะยุบสภาหรือไม่
วันนี้ (1 พ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จ.ลพบุรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยกระดับการชุมนุมหลังสภาผู้แทนราษฎรผ่านโหวตลงมติ วาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า จริงๆ แล้วยังมีขั้นตอนของวุฒิสภาอยู่ และวุฒิสภาก็เป็นตัวแทนจากทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนเหมือนกัน ดังนั้นมองว่ายังมีอีกหลายขั้นตอน ผู้สื่อข่าวถามว่า จะยังสามารถแก้ไขได้อีกใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อันนี้ต้องเป็นไปตามขั้นตอนและเป็นไปตามระเบียบของฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายสมาชิกรัฐสภาต้องว่าไปตามขั้นตอน ซึ่งคงต้องอยู่ที่ฝ่ายนิติบัญญัติ
เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงประเมินสถานการณ์การชุมนุมจากนี้ไปอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ได้ให้ฝ่ายความมั่นคงติดตามสถานการณ์ เราเคารพในสิทธิเสรีภาพของทุกคน เคารพในการตัดสินใจและเคารพข้อห่วงใยของทุกๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งต้องขอความร่วมมือ ขอความกรุณาทุกฝ่าย การแสดงออกซึ่งสิทธิและเสรีภาพนั้นขอให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เราไม่อยากให้ถึงขนาดก่อให้เกิดความรุนแรง ฉะนั้นได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนว่าให้ดูแลความปลอดภัยของประชาชนทั้งผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้มาร่วมชุมนุมให้สงบเรียบร้อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงการปะทะกันหรืออะไรต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง
เมื่อถามว่ารัฐบาลประเมินว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อหรือก่อให้เกิดความรุนแรงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตรงนี้ตอบยาก คงต้องติดตามแต่สิ่งที่เรามองคือพยายามอย่างเต็มที่ทำให้เกิดความสงบ ไม่ให้ไปสู่ความรุนแรง หากชุมนุมโดยกรอบของกฎหมายตามระบอบประชาธิปไตยเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่พึ่งกระทำได้ เมื่อถามว่ามีการมองกันว่า การผ่านวาระ 3 พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กลางดึกเป็นการลักหลับผ่านกฎหมายประชาชน นายกฯ กล่าวว่าต้องอยู่ที่ฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งเป็นขั้นตอนต่างๆ รัฐสภา ซึ่งยังมีอีกหลายขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการโดยเฉพาะขั้นตอนวุฒิสมาชิกที่มีตัวแทนมาจากการเลือกตั้งและแต่งตั้ง
เมื่อถามว่าจะมีการขยายประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ไปพื้นที่สถานีรถไฟสามเสนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ฝ่ายความมั่นคงประเมินก่อน ถ้าช่วงไหนยังควบคุมสถานการณ์เราก็พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เมื่อถามว่า หลายฝ่ายออกมาต่อต้านและยืนยันคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ถึงที่สุด ในที่สุดแล้วจะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราเป็นห่วงทุกๆ ปัญหา ทุกๆ ความกังวลใจ ต้องเรียนว่าทุกๆ อย่างเราเชื่อว่าการตัดสินใจต่างๆ และทุกทางออกมีทั้งคนที่ถูกใจ เห็นด้วยกับไม่เห็นด้วย แต่สิ่งที่อยากขอความร่วมมือกับประชาชนทุกฝ่ายคือ เราควรจะหันมามองในหลักที่ให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ และมองในหลักของความเมตตาธรรม การเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน และใช้เวทีตามระบอบประชาธิปไตยในการพูดคุยกัน และแสดงออกในความคิดเห็นร่วมกัน
เมื่อถามว่าถ้าทางที่เดินเป็นซอยตัน เตรียมทางออกไว้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าขอพูดเหมือนเดิมในขั้นตอนฝ่ายนิติบัญญัติต้องเป็นในส่วนนิติบัญญัติที่จะพิจารณา เราไม่สามารถก้าวล่วงเอกสิทธิ์ของแต่ละท่านได้ แต่หน้าที่ของรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ในการเปิดเวทีให้มีการพูดคุยกัน หรือทำอย่างไรให้ความกังวลใจต่างๆ ของประชาชนไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะกลไกอะไรที่มีอยู่ เพื่อให้ประชาชนไม่ออกมาลุกฮือตามแรงยุของนักการเมือง นายกฯ กล่าวว่าต้องขอร้อง เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน และเราเข้าใจความห่วงใยความกังวลต่างๆ แต่ก็อยากเห็นบ้านเมืองเดินไปได้ เชื่อว่าทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยจะใช้เวทีแสดงออกถึงความคิดเห็น เชื่อว่าสักพักประชาชนคงจะได้รับทราบข่าวสารข้อเท็จจริงต่างๆ ก็น่าจะได้มีโอกาสพัฒนาถ้าเรารักษาบรรยากาศไม่ให้เกิดความรุนแรง
เมื่อถามว่า ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้หรือไม่หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ นายกฯ กล่าวว่า เราก็ทำหน้าที่อย่างดีและเต็มที่ที่สุด และต้องขอร้องสื่อมวลชน เราต้องช่วยกันให้ประเทศเดินได้ และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเราคงไม่อยากจะเห็นเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ เกิดขึ้นกับประเทศไทยอีกแล้ว เราไม่อยากเห็นการสูญเสียต่างๆ เกิดขึ้นอีก อยากเห็นความเมตตา ความเข้าอกเข้าใจกัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังตอบคำถามเสร็จ นายกฯ พยายามเดินเลี่ยงนักข่าว ขณะที่นักข่าวถามว่าถ้าถึงทางตันจะถึงขั้นยุบสภาหรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถามพร้อมเดินออกจากวงสื่อมวลชน
ต่อมาเวลา 14.30 น. ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ที่ จ.ลพบุรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ เดินทางมายังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เพื่อตรวจดูสถานการณ์น้ำและระดับน้ำในเขื่อน โดยนายกฯได้ปล่อยกุ้งก้ามกรามจำนวน 20,000 ตัว ปลากระโห้ 20,000 ตัว ปลากราย 10,000 ตัว และปลาเทโพ 100 ตัว จากนั้นนายกฯได้นั่งรถรางดูระดับน้ำรอบเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และนั่งมาสักการะพระพุทธรัตนมณีมหาบพิตรชลสิทธิ์มงคลชัย (หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก) อ.วังม่วง จ.สระบุรี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดหน้าตักกว้าง 9.59 เมตร สูง 14 เมตร สูงจากพื้นดิน 24 เมตร ประดิษฐานอยู่ติดกับเขื่อนป่าสักฯซึ่งเป็นเขตเชื่อมต่อระหว่างจ.ลพบุรีและสระบุรี โดยนายกฯได้กราบสักการะพร้อมกับปิดทององค์พระ
อย่างไรก็ตาม กำหนดการดังกล่าวนี้ไม่ได้มีการแจ้งสื่อมวลชนไว้ล่วงหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น