วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เป้านกหวีดการชุมนุมทางการเมือง 30 ต.ค.56




วีดีโอการชุมนุมทางการเมือง

ปชป.รบแบบแทงกั๊กใจตุ๊ด ไปปูพรมแดงรับ “แม้ว” ดีกว่า โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 ตุลาคม 2556 05:50 น.

ปชป.รบแบบแทงกั๊กใจตุ๊ด ไปปูพรมแดงรับ “แม้ว” ดีกว่า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์31 ตุลาคม 2556 05:50 น.

รายงานการเมือง
       
       โดนค่อนแคะกันเยอะว่าดีแต่ปากไม่สามารถสลัดคราบผู้ดีลงมาเดินบนท้องถนนแบบเป็นจริงเป็นจังได้ ในที่สุด “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ก็คลำนกหวีดที่โวเอาไว้ว่าจะเป่ามานานสองนานออกมาเป่าจนได้
       
       ได้ฤกษ์เป่านกหวีดเปิดฉากการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับทะลุซอยกันไปแล้วที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยขนเอาบรรดา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กว่า 50 ชีวิตโหมโรงแต่งดำยืนทะมึนกันขึงขังอยู่ข้างหลังเพื่อลั่นกลองรบ
       
       แถมมีการข่มขวัญกันแบบโหดๆ ให้รู้ว่าฝ่ายค้านพร้อมสู้ถวายหัวแบบไม่มีชนักปักหลังโดยให้รองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบในแต่ละภาคไขก๊อกจากตำแหน่งเพื่อป้องกันการยุบพรรคในอนาคต
       
       ไม่ว่าจะเป็นในรายของนายถาวรเสนเนียม ส.ส.สงขลา ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ดูแลรับผิดชอบภาคเหนือ นายอิสระสมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสาน และนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่กทม.
       
       ประกาศก้องจะค้านแบบสุดลิ่มทิ่มทวารพร้อมทั้งเชื้อเชิญเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกสาขาอาชีพมาร่วมชุมนุมกันที่สถานีรถไฟสามเสนในวันที่ 31 ตุลาคมนี้กันให้หนาตา จะขึ้นรถไฟพุ่งชนรัฐบาลกันหรือไร
       
       กระนั้นก็ตามถือว่าผิดคาดเล็กๆ กับการเคลื่อนพลของพรรคประชาธิปัตย์ที่มาเร็วกว่ากำหนดหลังก่อนหน้านี้ตัดไม้ข่มนามเอาไว้ว่าจะเป่านกหวีดต่อเมื่อผ่านวาระ 3 เท่านั้น แต่ ณ ปัจจุบันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยเพิ่งจะเริ่มเข้าวาระ 2 “เทพเทือก” ก็คว้านกหวีดมาเป่ากันเสียแล้ว
       
       แม้แต่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่รัฐบาลไว้วางใจให้สืบสภาพแนวร่วมฝ่ายตรงข้ามยังออกลูกเบลอกับท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ที่มาก่อนกำหนดในครั้งนี้
       
       แต่หากมองกันตามสภาพคิวนี้ของพรรคประชาธิปัตย์จริงๆ ก็ไม่ได้ฉับไวอะไรเป็นพิเศษ ที่ต้องออกมาตีฆ้องร้องป่าวกันเร็วเพราะถูกบีบด้วยเกมของฝั่งนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ที่มาเหนือเมฆกว่า
       
       ด้วยการลักไก่ดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับทะลุซอยที่เพิ่งการหักดิบในผ่านชั้นกรรมาธิการมายังไม่พ้นวันยัดเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ เลยทันที โดยมีเวลาให้หายใจหายคอกันแค่ 1- 2 วันเท่านั้น
       
       ทำเอาตั้งตัวกันไม่ติดคิดกันไม่ถึงว่าลิ่วล้อของ พ.ต.ท.ทักษิณจะใจกล้าหน้ามืดอาศัยช่วงที่ประชาชนกำลังไว้อาลัยกับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสังฆราชมาคลอดกฎหมายล้างโกงกันแบบหน้าด้านๆ ไม่ละอายใจตัวเอง
       
       บ่งบอกกันชัดๆ นายใหญ่ อยากกลับบ้านใจแทบขาด เบื่อนั่งตรอมใจอยู่เมืองนอกเต็มแก่แล้ว
       
       ด้วยความมั่นอกมั่นใจในทุกอย่างที่วางไว้หมดแล้วว่าทางโล่งไม่ว่าจะเป็นปัญหา ส.ส.เสื้อแดง ที่ทำออกมาตีโพยตีพายจะไม่ยกมือสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยเพราะทนเห็นคนฆ่าพี่น้องประชาชนกำลังจะพ้นความผิดไม่ได้แต่สุดท้ายอ้าปากเห็นลิ้นไก่เป็นแค่ละครตบตาหลอกมวลชน เห็นแล้วน่าสมเพชสิ้นดี
       
       เพราะเอาเข้าจริง ส.ส.เสื้อแดงก็เป็นแค่สมุนผู้จงรักภักดีต่อ “นายใหญ่” ไม่กล้าหืออืออย่างที่ทำปากกล้าขาสั่น ลองฮึดฮัดโหวตสวนโดยไม่ได้รับอนุญาตฝันไปเถอะว่าจะกล้างัดกล้าลองดี วันนี้ผลประโยชน์ต่างๆ มันมัดตัวจะเดินหลุดออกจากรั้วพรรคเพื่อไทยก็มีแต่จะแห้งเหี่ยว กลายเป็นเด็กเหลือขอไม่มีทั้งทุนทั้งกำลังคนหรือจะทำอุดมการณ์สูงสุดลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปเลือกตั้งสู้ก็รับประกันซ่อมฟรีไม่ได้ส.ส.แม้แต่คนเดียว เห็บสลัดตัวหนีหมาก็มีแต่รอวันตายลูกเดียว
       
       อยู่กับเงินกับอำนาจ แล้วจะไปอดตายให้โง่ทำไม!!
       
       ขณะที่นักวิชาการและกลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาดักหน้าดักหลังไม่ให้พิจารณาก็เป็นพวกไม่มีราคาไม่มีมวลชนจะแหกปากตะโกนร้องก็ไม่ได้มีผลอะไรประเมินแล้วว่าไม่สั่นสะเทือน เหมือนหมาเห่าใบตองแห้ง
       
       ด้านม็อบฝ่ายต้านบรรดาลิ่วล้อขี้ข้าคงประเมินแล้วว่าหากเล่นเกมเร็วแบบนี้ น่าจะขนมวลชนระดมพลกันมาคัดค้านไม่ทันเลยชิงจังหวะทีเผลอรีบยัดวาระมาพิจารณากันแบบน่าเกลียดในวันที่ 31 ตุลาคมนี้กันเสียเลย
       
       เมื่อ “นายใหญ่” ลุยแหลกกันแบบหน้ามืดนาทีนี้ก็คงต้องหันไปจับตากันที่พรรคประชาธิปัตย์ว่าจะวางแผนรบแก้เกมแก้ทางกันอย่างไร เพราะดูจากจังหวะเป่านกหวีดชุมนุมในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ยังไม่ใช่ประเภทแตกหักวัดใจกันเลยโดยรวมแล้วยังเป็นแค่การส่งสัญญาณตอบโต้คู่ต่อสู้
       
       ลั่นกลองรบให้พรรคเพื่อไทยรับรู้ว่ากำลังฝ่ายต้านที่ถูกประเมินว่าอ่อนแอและไม่มีปัญญาเขย่ารัฐบาลถือเป็นการคาดคะเนที่ผิดมหันต์เลยเป่าเรียกระดมพลเฉพาะแค่ใน กทม.ให้เห็นกันเลยว่ามีจำนวนไม่น้อยหากดื้อด้านดันทุรังต่อยังมีก๊อกสองจากต่างจังหวัดขนมาเพิ่มได้อีกเพียบ
       
       ประชาธิปัตย์วัดใจเพื่อไทยกล้าหรือไม่!!
       
       กระนั้นก็ตามเสียงนกหวีดของ “เทพเทือก” รอบนี้ก็ไม่แน่ว่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยขนลุกขนพองได้หรือไม่เพราะ “นายใหญ่” ก็อยู่ในอาการหน้ามืดตามัวไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอยากกลับบ้านจนเนื้อตัวสั่นเต็มแก่วิธีไหนบล็อกม็อบบล็อกฝ่ายค้านได้คงมีการวางหมากรับมือกันไว้แล้วโดยเฉพาะอำนาจรัฐและกฎหมายติดดาบที่คิดว่าจะเอาอยู่
       
       หากพรรคประชาธิปัตย์ยังสู้แบบแทงกั๊กแค่ให้รองหัวหน้าพรรคแต่ละภาคลาออกเพื่อเป็นการข่มขู่ว่ากล้าสู้แบบถวายหัว หรือการเป่านกหวีดลงมาสู้กันบนถนนทั้งที่ยังอยู่ในสภาพ ส.ส.นั้นคงไม่พอ
       
       แต่ต้องลงมาสู้กันแบบเต็มตัวสลัดคราบผู้ดีเสีย แล้วโยนสูท ส.ส.ทิ้งไปขจัดข้อครหาให้คนอื่นสู้แล้วตัวเองได้ดีด้วยการลงมาถือธงนำในฐานะแกนนำประชาชนแบบเต็มขั้นเพื่อท้ารบกับระบอบทักษิณ
       
       ไม่ใช่ห่วงหน้าห่วงหลังทั้งงานในสภาและนอกสภาฯ ถ้าทำได้แบบนี้โอกาสได้ใจมวลชนมันก็พอมี
       
       ทว่า หากยังแทงกั๊กแบบเดิมๆ ไม่กล้าได้กล้าเสียก็ไม่ต้องไปพึ่งหวังอะไรมวลชนมาฟรีเจ็บฟรีแน่ คงเป็นได้เพียงแมลงสาบที่ไร้ประโยชน์ สังคมรังเกียจและต้องคอยวิ่งหนีตีนทักษิณเหมือนเดิม
       
       ก็แนะนำให้เอาเวลาไปหาซื้อพรมแดงไว้ปูรอ “นช.ทักษิณ” ที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อต้อนรับการกลับบ้านกันเลยดีกว่าฮ่วย

ดีเดย์ต้าน กม.อุบาทว์ 31 ต.ค.วัดใจคนไทย-วัดใจ ปชป.!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 ตุลาคม 2556 05:49 น

ดีเดย์ต้าน กม.อุบาทว์ 31 ต.ค.วัดใจคนไทย-วัดใจ ปชป.!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์31 ตุลาคม 2556 05:49 น

ผ่าประเด็นร้อน
       
       เป็นกำหนดการดีเดย์ออกมาแล้วทั้งฝ่ายต่อต้านและสนับสนุนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่มีเจตนาลบล้างความผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก นั่นคือวันที่ 31 ตุลาคม 
       
       เริ่มจากฝ่าย “ขี้ข้า” หรือฝ่ายสนับสนุนก่อน ที่ล่าสุดประธานสภาผู้แทนราษฎรสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ได้ “รับงาน” รีบรวบรัดจัดให้เป็น “เรื่องด่วน” บรรจุวาระเข้าพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ทันทีแบบรวดเร็วทันใจ แบบว่าถ้าไม่พิจารณากันภายในวันสองวันนี้ ทุกอย่างจะพังทลายลงไปหมด
       
       ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งฝ่ายต่อต้าน โดยเฉพาะฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ประกาศชัดแล้วว่านัดระดมมวลชนชุมนุมต้านครั้งใหญ่ โดยนัดระดมพลกันก่อนที่สถานีรถไฟสามเสน ใกล้ที่ทำการพรรค และล่าสุดเห็นว่ามีหลายคนที่ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารพรรคเพื่อมาร่วมเคลื่อนไหวคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวร่วมกับประชาชน เช่น กรณ์ จาติกวณิช, ถาวร เสนเนียม, อิสสระ สมชัย, ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็นต้น อ้างว่าเพื่อตัดปัญหาเรื่องการร้องยุบพรรคในภายหลัง
       
       ขณะที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าพวกเขาก็จะต่อต้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับ “สุดซอย” นี้เช่นเดียวกัน โดยมีการนำทีม สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายสิบคนออกมาแถลงที่พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 ที่รัฐสภา แสดงท่าทางอย่างขึงขังว่า “เดินหน้าต้านเต็มกำลัง”
       
       นอกจากนี้ยังมีกลุ่มมวลชนอื่นๆ เช่น กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทยที่ปักหลักชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่แยกอุรุพงษ์ และกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณที่สวนลุมพินี มาล่วงหน้านานนับเดือนแล้ว รวมไปถึงกลุ่มองค์กรภาคประชาชนทั่วประเทศที่กำลังนัดเคลื่อนไหวดีเดย์ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้น่าจับตามองว่า ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมเป็นต้นไป บรรยากาศการชุมนุมและอารมณ์ของประชาชนจะถูกเร้าถึงขีดสุดแค่ไหนเป็นเรื่องที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
       
       อย่างไรก็ดี บรรยากาศจะดุเดือดเลือดพล่านเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร จะเอาอย่างไร ถ้ายัง “เห็นแก่ตัว” เดินหน้าสุดซอย ทะลุซอย นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการ “เรียกแขก” กันแบบตั้งใจ เพราะเชื่อว่าถ้ายังเดินหน้าไม่ถอย กระแสต้านจะลามไปกันใหญ่แน่นอน แต่ขณะเดียวกันนาทีนี้ก็ต้องรอดูว่า พรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า “เป่านกหวีด” จริงจังแค่ไหน หรือทำท่าขึงขังเพียงแค่พามวลชนไปส่งที่หน้ารัฐสภาเหมือนคราวก่อน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ถือว่า “จบเห่” แต่คนที่จบเห่ก็คือประชาธิปัตย์ทั้งพรรคนั่นแหละ
       
       เพราะสถานการณ์ในเวลานี้ต้องยอมรับว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวแปรสำคัญ เพราะมีทุกอย่างพร้อมทั้งบุคลากร มวลชน และทุนสนับสนุนอย่างพร้อมสรรพมากที่สุด ดังนั้นถ้าฝ่ายประชาธิปัตย์ออกโรงเคลื่อนไหวออกหน้านำมวลชนด้วยตัวเองอย่างจริงจัง เปลี่ยนแปลงวิธีการทางการเมืองเสียใหม่ “กล้าลงทุนเอง” และที่สำคัญต้องยอม “เสี่ยง” เอง เพื่อซื้อใจมวลชน สร้างความเชื่อมั่นกับมวลชนที่พร้อมจะก้าวเดินออกมาขับไล่ระบอบทักษิณ อย่างมั่นใจ และที่สำคัญที่สุดสิ่งที่ คนในพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ สุเทพ เทือกสุบรรณ และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องตระหนักก็คือ ชาวบ้านขาตื่นรู้และรู้เท่าทันนักการเมือง ก้าวหน้าไปไกลแล้ว เนื่องจากมวลชนเหล่านี้มีการเรียนรู้และมีบทเรียนจากสถานการณ์จริงมาอย่างต่อเนื่อง ไม่อาจใช้วิธีตบตาแบบเดิมได้อีกต่อไปแล้ว
       
       ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งการเคลื่อนไหวต่อต้านร่าง “กฎหมายอุบาทว์” ที่จะช่วยลบล้างความผิดให้กับ ทักษิณ ชินวัตร ย้อนหลังไปจนถึงปี 2547 ในทุกคดี มันก็จะเป็นการวัดใจคนไทยด้วยเช่นเดียวกันว่า “ยังโง่” อยู่แค่ไหน หรือว่าตื่นแล้ว และร่วมออกมาต่อสู้กันอย่างพร้อมเพียง เพื่อรักษาระบบ “นิติรัฐ” เป็นการสั่งสอนให้มันรู้ว่า “มันชักเลยเถิด” เพราะเมื่อโกงเห็นแก่ตัว แถมยังทำงานห่วย แต่ดันจะมาขอเงินเพิ่มอะไรประมาณนั้น
       
       อย่างไรก็ดี บรรยากาศในที่กำลังเกิดขึ้นถือว่าน่าจะเร่งเร้ากันพอสมควร เนื่องจากที่ผ่านมาสังคมได้เห็น “ธาตุแท้” ของ ทักษิณ ชินวัตร มากขึ้นทุกวัน เพราะที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นมาเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พิสูจน์ชัดแล้วว่าทำเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ และเพิ่มอำนาจทางการเมืองให้กับคนในครอบครัวนี้ทั้งสิ้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องปากท้อง หรือทำไปเพื่อลดปัญหาหรืออุปสรรคในการบริหารบ้านเมืองแต่อย่างใด ทำให้สะสมความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ
       
       ดังนั้น การดีเดย์ “เป่านกหวีด” รวมพลต้านร่างกฎหมาย “อุบาทว์” เจตนาลบล้างความผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 31 ตุลาคม ทั้งที่ออกโรงโดยคนของพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งมวลชนฝ่ายต่างๆ ที่ปักหลักต่อต้านมาก่อนหน้านี้ หากมีการสมทบกันก็จะกลายเป็นมวลชนขนาดใหญ่ และมีพลัง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องวัดใจกันว่าจะเอาจริงและตื่นตัวแค่ไหน แต่นาทีนี้ถือว่า “เริ่มจุดติด” แล้ว!! 

เช็กจุดยืน “เสื้อแดง” หลากกลุ่ม ถึงเวลา “ทักษิณ” ผลักมิตรเป็นศัตรู โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 ตุลาคม 2556 06:00 น.

เช็กจุดยืน “เสื้อแดง” หลากกลุ่ม ถึงเวลา “ทักษิณ” ผลักมิตรเป็นศัตรู

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์30 ตุลาคม 2556 06:00 น.

รายงานการเมือง
       
       เมื่อ “นายใหญ่” ลั่นระฆังรบ สั่งให้บรรดาสมุนเดินตามด้วยการสนับสนุน “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” ฉบับ “ทะลุซอย” บรรยากาศการเมืองไทยในช่วงต้นฤดูหนาว ก็ร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
       
       โดยเฉพาะปากคำของ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เจาะจงออกมาให้สัมภาษณ์ส่งสัญญาณ “Set Zero” หรือเริ่มต้นใหม่ พุ่งตรงไปยังทุกชนชั้นในโครงสร้างการเมืองไทย
       
       ถอดรหัสแล้ว “นช.แม้ว” ต้องการจี้จุดให้ “อำมาตย์” ไม่ต้องลับๆ ล่อๆ อีกต่อไป
       
       แถมยังฝากไปถึง “พรรคประชาธิปัตย์” เป็นนัยๆว่า ขุมเครือข่ายทั้งหมดต้องการ “Set Zero” ก็เหลือแต่ “ประชาธิปัตย์” กับ “แม่ยก” เท่านั้น
       
       งานนี้ว่ากันว่า “นช.แม้ว” เช็กกระแสรอบทิศหมดแล้ว ก่อนจะสั่ง “เกทับ” จนแทบจะ “หมดหน้าตัก”
       
       ทำให้ “ลิ่วล้อ” ที่รู้งานรีบสนองความกระสันของ “นายใหญ่” ทันที ตั้งแต่ชั้นกรรมาธิการ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีรุ่นใหญ่อย่าง “สามารถ แก้วมีชัย” เป็นประธาน ก็ใช้เสียงข้างมากอุดปากกรรมาธิการเสียงข้างน้อย โหวตผ่านร่างตามกรรมาธิการเสียงข้างมากฉบับ “ทะลุซอย” โดย “ประยุทธ์ ศิริพานิชย์” ที่ขยี้หลักการเดิมไม่นิรโทษกรรม “แกนนำ-ผู้สั่งการ” ตามต้นร่างของ “วรชัย เหมะ” จนป่นปี้
       
       ก่อนร่อนหนังสือถึง “สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม ซึ่งเจ้าของฉายา “ค้อนปลอม” ก็ไม่รอช้า ได้หนังสือตอนเช้า ตกบ่ายก็ร่อนหนังสือเรียกประชุมสภาฯนัดพิเศษ เพื่อทำคลอด “กฎหมายล้างผิดเหมาเข่ง” ใน “วันปล่อยผี” วันที่ 31 ต.ค.นี้ทันที เร็วกว่ากำหนดการเดิมที่กะเกณฑ์ไว้เป็นสัปดาห์
       
       ถึงตอนนี้ต้องถือว่า “นายใหญ่” ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายเลือก “ล้างผิด” กันแบบ “เหมาเข่ง-ทะลุซอย” แน่นอนว่า ย่อมถูกใจบรรดาแฟนคลับบางส่วนที่อยากเห็น “ทักษิณกลับบ้านแบบเท่ๆ” แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ถูกใจบรรดา “ขาเชียร์” ส่วนใหญ่ของคนเสื้อแดงแน่นอน
       
       เพราะกลุ่มหลังจองเวรจองกรรมหวังลากคอ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - สุเทพ เทือกสุบรรณ” มาลงทัณฑ์ให้ได้
       
       ดังนั้นต้องไล่เช็คพวก “แดงแท้-แดงเทียม-แดงการเมือง-แดงวิชาการ” ว่ามีความเห็นและ “จุดยืน” ที่แตกต่างกันออกไปอย่างไร
       
       “แดงบางกลุ่ม” โดนหลอกหัวขมำเพราะหลงเชื่อน้ำคำว่า “นายใหญ่” จะจริงใจ แต่ถึงขั้นนี้น่าจะรู้ตัวแล้วว่า ถูก “นายใหญ่” เล่นเกม “หลอกใช้” เข้าให้แล้ว จะมีก็ “แดงบางกลุ่ม” ที่เต็มใจให้โดนหลอก เพราะมีผลประโยชน์ ทั้งน้ำเลี้ยงที่ผ่านมือมา หรือตำแหน่งลาภยศที่ได้ อย่างน้อยๆก็ได้พิมพ์นามบัตรแอ๊ดร์ตไม่อายใคร
       
       เมื่อสแกนคนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆ ออกมา ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นภาพขบวนการ “ต้มเปื่อย” ได้เป็นอย่างดี
       
       เริ่มที่ “แดงวิชาการ” สายนี้แดงจ๋าทั้งหัวใจ-ความคิด-จิตวิญญาณ มี “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” แดงตัวพ่อเป็นหัวขบวนใหญ่ ถ่ายทอดความคิดจากรุ่นสู่รุ่น
       
       คนอย่าง “สมศักดิ์” ฉลาดพอที่จะรู้ว่า “นายใหญ่” หลอกใช้แดง แต่ด้วยความหวังที่จะเผยแพร่ลิทธิแดง ที่ผ่านมาจึงต้องแอบอิงในบางจังหวะแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึงป่า แต่เมื่อถึงเวลาที่ “นายใหญ่” คิดเอาตัวรอด จึงออกมาด่าทอผ่านเฟซบุ๊คให้รู้เช่นเห็นชาติกันสักหน่อย โดยระบุว่า “ทักษิณ ไม่ได้เห็นว่าการเสียชีวิต พิการบาดเจ็บของประชาชนธรรมดา (บรรดา “เบี้ย” ทั้งหลาย) มีความสำคัญมากมายอะไร”
       
       สรุปภาพรวม “แดงวิชาการ” ส่วนใหญ่ไม่เอา “ทักษิณ”
       
       “แดงสายญาติวีรชน” นำโดย “พะเยาว์ ฮัคฮาด” แม่ “น.ส.กมนเกด ฮัคฮาด” อาสาสมัครพยาบาลที่เสียชีวิตจากการชุมนุมของกลุ่ม นปช. แดงสายนี้ถูก “นายใหญ่” หลอกใช้อย่างชัดเจนมากที่สุด แม้จะได้เงิน 7 ล้านกว่าแลกกับชีวิตที่เสียไป แต่ก็ยังอุดไม่อยู่ ระยะหลังจึงเห็นภาพ “พะเยาว์” กับพวก เริ่มออกมาเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง ด้วยการยื่น “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” ฉบับประชาชน เพื่อเข้าไปคัดทานกับฉบับของ “วรชัย เหมะ” แต่ก็ถูกสมุนนายใหญ่ปฏิเสธที่จะรับอย่างไม่ใยดี
       
       ทำให้ “พะเยาว์” กับพวก เริ่มปันใจตีตัวออกห่าง “นายใหญ่-พรรคเพื่อไทย” ออกไปตั้งกลุ่มก้อน และเคลื่อนไหวต่อรองด้วยตัวเอง
       
       “แดงสายแกนนอน” นำโดย “หนูหริ่ง-สมบัติ บุญงามอนงค์” เจ้าของสมญา บก.ลายจุด ที่มักมีกิจกรรมเคลื่อนไหวโดยอิสระ นำมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมคู่ขนานกับแดง นปช.บ้างในบางครั้ง กลุ่มนี้แม้มวลชนไม่มาก แต่ก็ประกาศไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม “เหมาเข่ง”
       
       โดย “สมบัติ” ออกมาด่าสวนว่า “เป็นวิธีที่บัดซบ” ทันทีที่แปลงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ล้างผิดกับทุกฝ่าย จึงยิ่งชัดเจนว่า “แดงสายแกนนอน” ถูกผลักให้จงเกลียดจงชัง “นายใหญ่-เพื่อไทย” ไปโดยปริยาย
       
       มาถึง “แดง นปช.” นำโดย “ธิดา ถาวรเศรษฐ” ประธาน นปช. พ่วงด้วย “จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” พ่วงด้วยบรรดา ส.ส.ราว 20 ชีวิตในสภาฯ แม้จะออกแอ็กชันหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่เห็นด้วยกับ สูตร “เหมาเข่ง-ทะลุซอย” แต่ก็ไม่เนียน เพราะใครก็รู้ว่า “แดง นปช.” แค่เล่นละครตบตามวลชน เพราะบรรดา “แกนนำ” พวกนี้มีคดียาวเป็นหางว่าว หากได้รับนิรโทษกรรม ก็ไม่ต้องขึ้นศาลให้เสียเวลา
       
       แม้ปากจะบอกว่า “ไม่เอา” แต่ข้างในใจถวิลหาสูตรนี้มานาน
       
       เหตุที่ “แดง นปช.” จำต้องพลิกลิ้นไปมา เพราะต้องเลี้ยงมวลชนไม่ให้เสียขบวน เพราะอย่างน้อยเมื่อเข้าโหมด “ต่อสู้” ก็ต้องกองทัพไว้ห้ำหั่นกับฝ่ายตรงข้าม และ “ตายแทน” เหมือนที่ผ่านมา ดังนั้นจะหาความจริงใจจาก “แดง นปช.” แทบไม่ได้
       
       “แดงนิติราษฎร์” นำโดย “วรเจตน์ ภาคีรัตน์” เหมือนจะหายไปจากสารบบ เพราะเป็นที่รู้กันว่า “แดงเฉพาะกิจ” ออกมาเคลื่อนไหวกฎหมายที่ล่อแหลม เขี่ยลูกให้กับพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู้สนามรบไม่มีทางที่จะเห็น “แดงนิติราษฎร์” ออกมาเคลื่อนไหวแน่นอน
       
       ว่ากันว่า “แดงนิติราษฎร์” แค่รับจ็อบจาก “จาตุรนต์ ฉายแสง” ออกมาเคลื่อนไหวชั่วคราวเท่านั้น
       
       ทั้งหมดคือภาพรวมของคนเสื้อแดงที่ต่างกลุ่มต่างก็มี “จุดยืน” กันคนละทิศคนละทาง เพียงแต่กลุ่มไหนจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่อย่างไรเท่านั้น
       
       สรุปแล้วไม่ว่าจะ “แดงแท้-แดงเทียม-แดงการเมือง-แดงวิชาการ” ก็ตกเป็นเครื่องมือของ “นายใหญ่” ที่หลอกกินอุดมการณ์กันทั้งหมด เมื่อเดินเข้าสู่โหมดสมประโยชน์ “ทักษิณ” คงไม่ลังเลที่จะถีบส่ง “คนเสื้อแดง” เพราะผลประโยชน์ของตัวเองย่อมสำคัญกว่า
       
       อาจจะถึงเวลาที่ “นายใหญ่” ต้องผลัก “มิตร” เป็น “ศัตรู” แล้ว

ภาคเอกชนเหลืออด ออกโรงต้านนิรโทษกรรมแม้วโกง สัญญาณเริ่มไม่เฉย!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 ตุลาคม 2556 06:00 น.

ภาคเอกชนเหลืออด ออกโรงต้านนิรโทษกรรมแม้วโกง สัญญาณเริ่มไม่เฉย!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์30 ตุลาคม 2556 06:00 น.

ผ่าประเด็นร้อน
       
       ในแง่มุมหนึ่งก็ยต้องยอมรับว่าเป็นนิมิตหมายและเป็นความหวังในด้านบวกพอสมควรกับท่าทีความเคลื่อนไหวล่าสุดของ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่มี ประมนต์ สุธีวงศ์ เป็นผู้นำที่ออกแถลงคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่กำลังแปรญัตติกันแบบ “ทะลุซอยหลุดโลก” โดยเห็นว่านี่คือการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ทำลายบรรยากาศการลงทุนให้ป่นปี้ 
       
       แน่นอนว่าหากใครก็ตามพอมีปัญญาบ้างเล็กน้อยก็ย่อมเข้าใจดีว่า การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในร่างกฎหมายเพื่อให้ครอบคลุมไปถึงการลบล้างความผิดในทุกคดีให้กับ ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะคดีทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งที่ศาลตัดสินลงโทษจำคุกไปแล้ว และคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาหรือไม่ก็ตาม ทุกอย่างจะยุติ เจ๊ากันไปทั้งหมด
       
       แน่นอนว่าสำหรับคนที่ยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรม เชื่อมั่นในระบบของศาลที่ใช้เป็นเครื่องตัดสินความถูกผิด ตามกระบวนการให้ถึงที่สุด จะไม่มียอมรับกับความเคลื่อนไหวอัน “อุบาทว์”ของเครือข่ายระบอบทักษิณเป็นอันขาด เพราะหากมีการลบล้างความผิดอย่างที่มีความพยายามกันอย่างเต็มที่อย่างที่เห็น โดยที่ยังไม่มีพิสูจน์ความจริง ยังไม่มีการยอมรับความผิด มันก็ไม่สมควรนิรโทษกรรมให้อย่างเด็ดขาด อีกทั้งคดีทุจริตคอร์รัปชัน ที่หากต่อไปสามารถยกเว้นความผิดกันได้ ทั้งที่ศาลตัดสินไปแล้วหรือไม่ก็ตาม มันก็เหมือนกับว่านี่คือการ “ส่งเสริมการทุจริตโดยอ้อม” รวมไปถึงเป็นการสร้างบรรทัดฐานผิดๆให้กับชาวบ้าน และเยาวชนที่เห็นแนวทางตัวอย่างที่ไม่ดี ระบบที่เป็นอยู่จะวิปริตผิดเพี้ยนไปหมด
       
       สำหรับท่าทีดังกล่าวขององค์กรต่อต้านต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ถือว่าน่าจับตา เพราะมีองค์ประกอบมาจากองค์กรภาคธุรกิจสำคัญ เป็นภาคีธุรกิจการเงินการลงทุน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น ซึ่งการแสดงออกอย่างชัดเจนแบบนี้ถือว่าไม่ค่อยได่เห็นมาก่อน เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่ภาคธุรกิจเหล่านี้มักจะใช้ “วิธีเงียบ” หรือไม่ก็ “ลู่ตามลม”เลือกที่จะไม่วิจารณ์ฝ่ายรัฐบาล เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา แต่เมื่อพวกเขากล้าที่จะออกมาแสดงออกแบบนี้ นั้นก็แสดงให้เห็นว่า “เหลืออด”แล้ว รวมทั้งคงเห็นว่าถ้ายังเลือกที่จะใช้วิธีเงียบแบบเดิม แล้วปล่อยให้คนพวกนี้ทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจแล้วทุกอย่างคงหายนะอยู่ตรงหน้าแน่ จึงต้องออก “แอ็กชัน”อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
       
       การประกาศว่าจะเดินหน้าคัดค้านจนถึงที่สุด มีทั้งการเดินสายยื่นหนังสือประจานไปให้นานาชาติได้รับรู้ ว่า สิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่นำโดย นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำเนินการอยู่ด้วยการประกาศว่าในเวทีนานาชาติว่าจะ “ต่อต้านคอร์รัปชัน”แต่สิ่งที่กำลังดำเนินการแบบ “สุดซอย” ดังกล่าวถือว่ามันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ต่างจากพูดอย่างทำอย่าง เป็นการสร้างภาพที่ผิดเพี้ยนจากความจริง
       
       อย่างไรก็ดี แม้ว่าถ้าพิจารณากันตามความเป็นจริง แล้วก็พอเข้าใจได้ว่า การเคลื่อนไหวของภาคีต่อต้านคอร์รัปชันฯ จะออกไปในเชิง “สัญลักษณ์” คงไม่ถึงขั้นออกโรงกันถึงขั้นแตกหักแน่นอน แต่สำหรับองค์กรธุรกิจการค้าที่มักห่วงแต่เรื่องกำไรขาดทุน ห่วงเรื่องบรรยากาศการลงทุน
       
       ดังนั้น การออกมาเคลื่อนไหวแบบเปิดหน้าเปิดตัวอย่างที่เห็นคราวนี้ของบรรดาภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมมาตรฐาน ถือว่าน่าสนใจ และเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในสังคมไทยมากนัก และแม้ว่าถ้าจะได้เห็นการเคลื่อนไหวแบบดุเดือด กันบนท้องถนนก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าคงจะผิดหวัง เพราะเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยการออกมาเปิดเผยออกมาอย่างที่เห็น มันก็เหมือนกับการชนกับ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเป้าหมายของร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแบบสุดซอยที่ให้ลบล้างความผิดในคดีคอร์รัปชัน และความผิดทุกคดี ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าใครก็ตามที่มีความคิดที่“พอเป็นคนอยู่บ้าง”คงทนไม่ไหวต้องออกมาต้าน ซึ่งอย่างน้อยก็มีองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นหนึ่งองค์กรหลักที่ออกมาแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว
       
       ดังนั้น แม้ว่าฝ่ายเครือข่ายทักษิณจะใช้พวกมากลากไปกันแบบหน้าด้านๆ แต่เชื่อเถอะยิ่งทำทุเรศน่าเกลียดเพียงใดก็ยิ่งสร้างกระแสเกลียดชัง มีกระแสต่อต้านกลับมาเป็นทวีคูณ คนที่เคยนิ่งเฉยก็จะทนไม่ไหวก็จะยิ่งออกมา อย่างที่เห็นในวันนี้ อย่างน้อยก็มีองค์กรธุรกิจดังกล่าวที่ออกมาแล้ว และเชื่อว่าจะต้องมีการเคลื่อนไหวแบบนี้ตามมาอีก!!

ส่อแย่!! โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาล "แท้งแล้ว" ผู้บริหาร 4 ธนาคารพาณิชย์ ไม่ได้ปล่อยสินเชื่อเพราะรายละเอียดส่อไม่ชอบด้วยกฎหมาย?? วันนี้ (31 ต.ค.56)




ส่อแย่!! โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาล "แท้งแล้ว" ผู้บริหาร 4 ธนาคารพาณิชย์ ไม่ได้ปล่อยสินเชื่อเพราะรายละเอียดส่อไม่ชอบด้วยกฎหมาย??

วันนี้ (31 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์การเมืองไทยที่กำลังเข้าสู่ความร้อนระอุอย่างหนักในปัจจุบัน สืบเนื่องมาจากการชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ส่งผลกระทบต่อหลากหลายปัจจัยภายในประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับภาคเศรษฐกิจในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้นักลงทุนต่างชาติที่กำลังรอดูท่าทีและเฝ้าจับตาสถานการณ์แบบวันต่อวัน ซึ่งเชื่อว่าปัญหาความขัดแย้งด้านการเมือง หากไม่ยุติโดยเร็วจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างแน่นอน
ล่าสุด ที่เพจเฟซบุค "คนไทยสนับสนุนกองทัพไทยในการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์" ได้มีการโพสต์ข้อความ โดยมีเนื้อหาระบุว่า "มีข่าวดีมาแจ้งให้ทราบ คือโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท "แท้งแล้ว" เพราะผู้บริหาร 4 ธนาคารพาณิชย์ ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภาว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ปล่อยสินเชื่อแก่โครงการนี้ และมีแนวโน้มสูงยิ่งว่าจะไม่สามารถทำได้ เพราะรายละเอียดของโครงการส่อว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังมีปัญหาปลีกย่อยมากมาย รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบต่อไปครับผม"

ทั้งนี้ มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็น ... "ดีใจมาก ปลดหนี้อัตโนมัต" หรือ "ไม่เป็นหนี้แล้วเราเฮ่" , "ขอบคุณครับ ที่ยังเห็นแก่ประเทศชาติ" และ "ดีใจจังประเทศไม่ต้องเป็นหนี้" ....เห็นที่ว่างานนี้ต้องคอยจับตาอย่างใกล้ชิดว่าแท้จริงแล้วผลสรุปจะออกมาเป็นไปในแนวทางไหนกันแน่.

ผู้บัญชาการทหารบก ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล ชายแดนไทย-เขมร ด้านเขาพระวิหาร กำชับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง วันนี้(31ต.ค.56)



คอลัมน์ : ภูมิภาค / สังคม
ผู้บัญชาการทหารบก ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล ชายแดนไทย-เขมร ด้านเขาพระวิหาร กำชับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง
             
                   วันนี้(31ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย  นายทหารระดับสูงของกองทัพบก  ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา  ด้านเขาพระวิหาร  และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่กำลังพล   ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์  จ.ศรีสะเกษ  พร้อมเข้ารับฟังการบรรยายสรุปจากหน่วยที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณปราสาทพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยพล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่าการการเดินทางครั้งนี้เป็นการ เป็นไปตรวจเยี่ยมกองกำลังต่างๆ เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ พร้อมทั้งให้กำลังในในการปฏิบัติหน้าที่ และกำชับให้กำลังพลดูแลประชาชนในพื้นที่ให้เกิดความอุ่นใจ
         
                  นอกจากนี้จะกำชับให้กำลังพลได้ระมัดระวังในการปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และกำชับถึงการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์ยังปกติ เรามีความพร้อม ทั้งแผนป้องกันชายแดน แผนเผชิญเหตุ และแผนดูแลอพยพประชาชน รวมถึงแผนพิทักษ์ส่วนหลัง ตลอดจนการควบคุมการจราจร ซึ่งทุกกองกำลังที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนได้ดำเนินการอยู่แล้ว
            
                    ส่วนกรณีที่กลุ่มธรรมญาติตราซึ่งจะขึ้นไปปักหลักชุมนุมในพื้นที่ว่า จะอนุญาตให้เข้าได้เป็นบางจุดเท่านั้น หากเป็นการเคลื่อนไหวของประชาชน ถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเป็นผู้ดูแล ผู้ชุมนุมให้อยู่ในพื้นที่ที่จัดให้ และบางพื้นที่ไม่สามารถให้เข้าไปได้ เพราะจะกีดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหาร และถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็จะอันตราย

คนล้นแล้ว !!! เวทีสามเสน คนแห่ทะลักต้าน "เหมาเข่งเน่า"วันนี้ ( 31 ต.ค.56) เวลา 15.00 น.



คนล้นแล้ว !!! เวทีสามเสน คนแห่ทะลักต้าน "เหมาเข่งเน่า"
 ล่าสุด !!!  บรรยากาศที่เวทีสามเสน  คนพรึ่บจากทั่วทุกสารทิศ  ปชช.แหกด่านจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ  โดยใช้กลยุทธ์รถไฟเป็นยานพาหนะหลัก

       
          วันนี้ ( 31 ต.ค.)  เวลา 15.00 น.ที่บรรยากาศการชุมนุมค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ บนถ.กำแพงเพชร5 โดยมีผู้ชุมนุมทยอยเข้าพื้นที่ เดินทางมาด้วยรถตู้ รถบัสและรถไฟ ส่วนใหญ่มาจากกทม. ภาคใต้ และ จ.นครสวรรค์ ซึ่งด้านหลังของเวทีมีการประกอบอาหารเลี้ยงผู้ชุมนุมจากครัวอาหารใต้จังหวัดต่างๆ

        
          ขณะในที่ชุมนุมเริ่มมีส.ส.ประชาธิปัตย์มาสังเกตการณ์ คาดผู้ชุมนุม 3-5หมื่นคน โดยมีการ์ดคอยดูแลความสงบ เช่นเดียวกับตร.นครบาล เตรียมกำลังไว้40กองร้อย และพร้อมเสนอประกาศพื้นที่พ.ร.บ.ความมั่นคง หากมีการยกระดับการชุมนุม  โดยเริ่มปราศรัย 6 โมงเย็นนี้
             ล่าสุด เวลา 17.17 น. บรรยากาศในม็อบสามเสน คนแห่ทะลักเข้าร่วมจนแถวหน้าเวทีไม่สามารถรองรับผู้คนได้แล้ว เนื่องจากมีคนมาจับจองพื้นที่นั่งเป็นจำนวนมากตั้งแต่ช่วงบ่าย และเป็นที่น่างสังเกตว่าคนที่เข้าร่วมม็อบนั้นใช้ยานพาหนะเป็นรถไฟหลัก เพื่อหลีกเลี่ยงตำรวจตั้งด่านสกัดทุกเส้นทาง

"ทัพหนุน" ขยับ !!! "กลุ่มแพทย์หัวใจรักชาติ" เคลื่อนขบวนจากรพ.รามา ตบเท้าเข้าร่วมที่ม็อบสามเสน พร้อมจุดยืนต้านพ.ร.บ. นิรโทษกรรม เมื่อ 31 ต.ค.56



"ทัพหนุน" ขยับ !!! "กลุ่มแพทย์หัวใจรักชาติ" เคลื่อนขบวนจากรพ.รามา ตบเท้าเข้าร่วมที่ม็อบสามเสน พร้อมจุดยืนต้านพ.ร.บ. นิรโทษกรรม  


         
      วันที่ (31 ต.ค.)   เมื่อเวลา 16.30 น. ที่บริเวณหน้ามูลนิธิช่วยคนตาบอด กลุ่มแพทย์ไทยหัวใจรักชาติ เริ่มทยอยเดินทางมารวมตัวเพื่อแสดงจุดยืนต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก่อนเคลื่อนขบวนไปสมทบกับผู้ชุมนุมบริเวณสถานีรถไฟสามเสน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ระหว่างการเตรียมป้ายข้อความคัดค้าน พร้อมรอกลุ่มหมอ แพทย์ และนักศึกษามารวมตัวกันช่วงเวลา 17.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เริ่มมีกลุ่มแพทย์ พยาบาล เดินทางรวมสมทบต่อเนื่อง สำหรับการจราจรบริเวณถนนพระราม 6 การจราจรเริ่มติดขัด แนะประชาชนหลีกเลี่ยงเส้น
ภาพจากเพจ "กองทัพนิรนาม"

"พล.ต.ต.วิสุทธิ์-หมอตุลย์-อ.เจิ่มศักดิ์ ปิ่นทอง" โผล่ร่วมให้กำลังม็อบคปท. !!! ด้าน ม็อบสามเสนพร้อมใจแต่งดำ ต้านนิรโทษสุดซอย วันนี้ (31 ต.ค.56)




"พล.ต.ต.วิสุทธิ์-หมอตุลย์-อ.เจิ่มศักดิ์ ปิ่นทอง" โผล่ร่วมให้กำลังม็อบคปท. !!!  ด้าน ม็อบสามเสนพร้อมใจแต่งดำ ต้านนิรโทษสุดซอย

  
          วันนี้ (31 ต.ค.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท.ในช่วงบ่ายวันนี้ นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงานคปท.และนายวัชรินทร์ เรืองฤทธิ์กูล อดีตนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต ปี 54 ร่วมแถลงถึง ท่าทีการการชุมนุม

          โดยนายอุทัย กล่าวว่า คปท.จะยังปักหลักการชุมนุม อยู่ที่แยกอุรุพงษ์ ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ส่วนแม่น้ำร้อยสาย จะเวียนมาบรรจบกัน ที่ตรงไหน เป็นเรื่องของระยะเวลาในอีก 2-3 วันข้างหน้า
          โดยล่าสุด เมื่อเวลาช่วง 18.00 น. ได้มีบุคคลชื่อดังทางสังคมและนักวิชาการได้เข้ามาร่วมให้กำลัง เช่น  พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร  นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ หรือ หมอตุลย์  และอ.เจิ่มศักดิ์ ปิ่นทอง ทำให้บรรยากาศคึกคักไม่แพ้ที่เวทีสามเสน

         
ภาพจากเพจ "รวมพลคนกันเองคืนแคว้นแดนปักษ์ใต้"

"หมอก้อง" ดาราช่อง 3 อดใจไม่ไหว !!! ทนรบ.มานาน ร่วมโดดต้านเหมาเข่งด้วย ชูป้ายประกาศลั่น "กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย” วันนี้ ( 31 ต.ค.56)





 "หมอก้อง" ดาราช่อง 3 อดใจไม่ไหว !!! ทนรบ.มานาน  ร่วมโดดต้านเหมาเข่งด้วย  ชูป้ายประกาศลั่น "กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย” ????  

         วันนี้  ( 31 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณสถานีรถไฟสามเสนว่า ประชาชนเริ่มทยอยมาร่วมการชุมนุมต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ที่ครอบคลุมไปถึงคดีทุกจริตคอร์รัปชั่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาศาลจำคุก 2 ปีในคดีทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาฯมากขึ้นเรื่อยๆ จนขณะนี้พื้นที่การชุมนุมแน่นขนัด จนล้นข้ามทางรถไฟไปแล้ว

          รายงานระบุว่า นอกเหนือจากนักการเมือง ผู้มีชื่อเสียงแล้ว ปรากฏว่า ร.ท.สรวิชช์ สุบุญ หรือ หมอก้อง ดารานักแสดงชื่อดัง มีผลงานมากมายทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ได้มาร่วมชุมนุม พร้อมชูป้ายว่า “กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย” รวมอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย

          ส่วนที่จังหวัดตรัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่า ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่า กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมชาวจังหวัดตรัง (หน้ากากขาว) ได้มีการติดตั้งเวที พร้อมเครื่องขยายเสียง และป้ายโปสเตอร์ ต่างก็ไม่เห็นด้วย และพร้อมจะออกมาแสดงพลังต่อต้าน ส่งผลให้ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางมารวมตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าคืนแรกของการเปิดเวทีในครั้งนี้จะมีประชาชนเดินทางมาร่วม แสดงออกไม่ต่ำกว่า 200 คน โดยมีตำรวจกว่า 400 นายดูแลการชุมนุม

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้มีประชาชนจากจังหวัดตรัง ส่วนหนึ่งได้ทยอยเดินทางไปร่วมชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งที่กรุงเทพมหานคร ทั้งด้วยรถยนต์ส่วนตัว และทางเครื่องบิน บ้างแล้วไม่ต่ำกว่า 300 คน และจะมีการเดินทางไปสมทบอีกจำนวนมาก

          ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดขอนแก่นว่า มีประชาชนชาวขอนแก่นกว่า 200 คนเดินทางมารวมตัวชุมนุม ต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ สุดซอย และการนิรโทษกรรมคดีทุจริตคอร์รัปชั่นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วย ณ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น

ครั้งแรกของโลกนิรโทษคนโกง เมื่อ 31 ต.ค.56



ครั้งแรกของโลกนิรโทษคนโกง
เนื้อหาของร่างพรบ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอยมีเนื้อหาที่จะนำไปสู่การลบล้างคดีทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งคุณผู้ชมรู้หรือไม่ว่า ถ้าหากร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้จริงก็จะเป็นครั้งแรกของโลกที่เกิดการนิรโทษกรรมคดีทุจริตคอรัปชั่น หรือเรียกว่า First time on earth : Amnesty “Thecheat”
มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ.2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
การกระทำตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
มาตรา 4 เมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับแล้ว ถ้าผู้ที่กระทำการตามมาตรา 3 ยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาลหรืออยู่ในระหว่างการสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนผู้ซึ่งมีอำนาจสอบสวนหรือพนักงานอัยการระงับการสอบสวนหรือการฟ้องร้อง หากถูกฟ้องต่อศาลแล้วให้พนักงานอัยการหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องระงับการฟ้อง ถ้าผู้นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีไม่ว่าจำเลยร้องขอหรือศาลเห็นเอง ให้ศาลพิพากษายกฟ้องหรือมีคำสั่งจำหน่ายคดี ในกรณีที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษบุคคลใดก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ให้ถือว่าบุคคลนั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิด ในกรณีที่บุคคลใดอยู่ระหว่างการรับโทษ ให้ลงโทษนั้นสิ้นสุดลงและปล่อยตัวให้ผู้นั้น ทั้งนี้ ให้ทุกองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติต่อกระทำการตามมาตรา 3 ให้เป็นไปตามหลักนิติธรรมตามรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัดต่อไป
ที่ผ่านมาสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้เล็งเห็นถึงความ ร้ายแรงของปัญหาและการคุกคาม จากภัยทุจริต จนนำมาสู่การมีมติให้พิจารณากำหนดเครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นที่มาของอนุสัญญาขององค์การสหประชาชาติเพื่อการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 (UNCAC 2003) มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2548 และรัฐบาลไทยได้ให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2554 ซึ่งรัฐบาลไทยจะต้องจัดให้มีมาตรการที่จำเป็น รวมทั้งมาตรการทางกฎหมายและทางบริหารเพื่อให้มีการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันเป็นรูปธรรมอย่างจริงจังและน่าเชื่อถือ
โดยเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ได้เดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนดังกล่าวที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย

กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดยนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. และพล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา ร่วมกันแถลงข่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมในวาระ 2 โดยนายคำนูณ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่จะมีการนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่าย รวมถึงผลพวงจากการรัฐประหาร 19 กันยายน2549 และครอบคลุมไปถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันและการทุจริตการเลือกตั้งนั้น เกรงว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศได้

ด้านพล.อ.อ.วีรวิท กล่าวว่า ต่างชาติให้ความสำคัญเรื่องคอร์รัปชันเป็นพิเศษ การที่ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ทุจริตคอร์รัปชันนั้น อาจจะทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศในสายชาวโลกได้ ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้
ขณะที่น.ส.รสนา กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทำลายหลักนิติธรรม ขยายขอบเขตการนิรโทษไปถึงคดีทุจริตซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยังแสดงให้เห็นอีกว่า เมื่ออำนาจบริหารร่วมกับอำนาจนิติบัญญัติจะกลายเป็นศูนย์รวมอำนาจเบ็ดเสร็จ ทำสิ่งผิดให้ถูกได้ ดังนั้นขอเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการฯ ถอนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกไป เพื่อลดความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม หากการพิจารณามาถึงขั้นของวุฒิสภา จะเรียกร้องเพื่อนสมาชิกไม่ให้ยอมรับร่างดังกล่าว เพราะส่อว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

คนรักหมา ผงะ !!! สุนัขนอนกองกว่า 100 ตัว หลังเจ้าหน้าที่ฉีดยาสลบ -ในวัดก็ไม่เว้น ?? หวังเคลียร์สัตว์จรจัด ต้อนรับนายกเยือนสิงห์บุรี ? วันนี้ ( 31 ต.ค.56)




 คนรักหมา ผงะ !!!  สุนัขนอนกองกว่า 100 ตัว หลังเจ้าหน้าที่ฉีดยาสลบ -ในวัดก็ไม่เว้น ?? หวังเคลียร์สัตว์จรจัด ต้อนรับนายกเยือนสิงห์บุรี          วันนี้ ( 31 ต.ค.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเดินทางมาปฎิบัติภารกิจ ซึ่งทางจังหวัดได้มีการเตรียมความพร้อมเรื่องสถานที่ โดยการประสานกับปศุสัตว์จังหวัด ให้มาจัดการนำสุนัขออกจากบริเวณพื้นที่จัดงาน

          โดยพระลูกวัด เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่ขบวนของนายกฯจะเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่จากกรมปศุสัตว์ได้วางยาสลบสุนัขจรจัดและสุนัขบริเวณรอบวัด โดยการฉีดสารไซลาซีนทำให้สุนัขมีอาการง่วงซึมประมาณ 30 นาที จากนั้นจึงขนสุนัขขึ้นรถออกไปไว้บริเวณที่กักกันสัตว์ เนื่องจากสุนัขในวัดมีจำนวนมาก และไม่สามารถทราบได้ว่าสุนัขตัวไหนดุ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นขั้นตอนการป้องกันและรักษาความปลอดภัย เพราะวันดังกล่าวมีประชาชนจำนวนมาก จึงเกรงว่าอาจจะถูกทำร้าย ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องปกติเวลามีการจัดงานของหน่วยงานราชการ และเป็นคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย
          ด้าน นายโรเจอร์ โลหนันท์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ถือเป็นความจำเป็นในระบบราชการ เพราะทุกครั้งที่มีการจัดงานในสถานที่สำคัญ เป็นปกติที่จะมีการเคลียร์สุนัขจรจัดเพื่อความปลอดภัยและความเหมาะสม ซึ่งปัจจุบันการจัดการสุนัขด้วยยาสลบจากกรมปศุสัตว์ จะมีความปลอดภัยกว่าเมื่อก่อน ที่ให้ท้องถิ่นหรือเทศบาลมาจัดการเอง
ภาพจากเพจ "ก้างปลา"  และ คลิปจากผู้ใช้ยูทูปนามว่า  "ladda luangjam"

ขอให้ชุมนุมอย่างสงบ ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงเหมือนปี 53 เมื่อ วันที่ 31 ต.ค. 56



ขอให้ชุมนุมอย่างสงบ ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงเหมือนปี 53
เมื่อ วันที่ 31 ต.ค. ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ว่า ตนอยากให้ประชาชนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่าละเมิด หรือก้าวล่วงซึ่งกันและกัน ทหารทำหน้าที่ได้แค่เพียงเฝ้าติดตามสถานการณ์เท่านั้น ตนก็รู้สึกเป็นห่วง ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง ทุกอย่างมีบทเรียนมาแล้วในปี 53 และก็เป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบันนี้ ตนขอให้เป็นการชุมนุมอย่างสงบ ไม่กีดขวางการจราจร
ไม่ก้างล่วงอัยการสูงสุด
ส่วน กรณีที่ทางอัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฏร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ นั้น เราต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม ตนคงไม่ไปก้าวล่วง จะผิดจะถูกอย่างไร มีกระบวนการในการต่อสู้อยู่แล้ว เราก็เฝ้าติดตามดู และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
กำลังพลยืนยันมีชายชุดดำจริง
เมื่อ ถามว่าทางอัยการสูงสุดได้ตัดประเด็นเรื่องชายชุดดำออกไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อมวลชนก็เห็น ว่ามีจริงหนังสือพิมพ์ก็ลงภาพกันหลายฉบับ และกำลังพลของตนก็ยืนยันว่ามีชายชุดดำจริง แต่จะมาจากไหนก็ขอให้ไปพิสูจน์กัน ซึ่งก็คงต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาล
แหล่งข่าว/เครดิตภาพประกอบข่าว  http://www.xn--12c2bn1ewcp.com/?p=3505
- See more at: http://www.spiceday.com/31/%e0%b8%9e%e0%b8%a5-%e0%b8%ad-%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b9%8c-%e0%b8%a2%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%9b/#sthash.VymK51hg.dpuf

ตร.มุกเดิมปิดถนนตั้งป้ายเลี่ยงเส้นทาง คอมมานโดพร้อมรับม็อบ รปภ.เข้มทั้งใน-นอก สภาฯ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 ตุลาคม 2556 12:59 น.

ตร.มุกเดิมปิดถนนตั้งป้ายเลี่ยงเส้นทาง คอมมานโดพร้อมรับม็อบ รปภ.เข้มทั้งใน-นอก สภาฯ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์31 ตุลาคม 2556 12:59 น.

ตร.นำรั้วติดป้าย ปชป.ชุมนุมโปรดเลี่ยงเส้นทางบนถนนเศรษฐศิริ ส.ส.ปชป.ตรวจเวทีชี้ใช้แต่ช่องขาออก ยังสัญจรได้แต่ ตร.กลับปิดถนน ขณะที่เตรียมกำลังคอมมานโด 1 กองร้อยดูแลสภา เข้มรักษาความปลอดภัยทั้งในและนอกสภา ผกก.ปพ.บก.ป. แจงปฏิบัติหน้าที่ชุดแรก สับเปลี่ยนกำลังตลอด - ศอ.รส.ประเมินวันต่อวัน
       
       วันนี้ (31 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจ สน.บางซื่อ ได้นำรั้วเหล็กติดป้ายระบุข้อความว่า “ข้างหน้ามีการชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์ โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทาง” มาวางไว้บริเวณหัวถนนเศรษฐศิริ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้สัญจรผ่านพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้ยังวางรั้วเหล็กปิดถนนด้านในโดยบังคับให้รถเลี้ยวเข้าไปใช้เส้นทางในสวัสดิการ ทบ.แทน ทั้งๆ ที่การจราจรในบริเวณดังกล่าวยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ โดย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคน เช่น นายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ นายอนุชา บูรพชัยศรี ส.ส.กทม. และนายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร ได้ตรวจตราดูแลความเรียบร้อยในการตั้งเวทีและเครื่องเสียงบริเวณถนนเลียบทางรถไฟ โดยใช้ถนนขาออกเพียงด้านเดียว ทำให้รถยังสัญจรไปมาได้ แต่ตำรวจกลับปิดเส้นทางดังกล่าวพร้อมกับปิดข้อความระบุให้หลีกเลี่ยงเส้นทางเพราะมีการชุมนุม
       
       ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคณะได้แถลงที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 หน้ารัฐสภาเมื่อวานนี้ ปลุกให้ประชาชนร่วมต้านกฎหมายล้างผิดคนโกงที่จะนิรโทษกรรมทั้งคนฆ่า เผา ปล้น ในวันนี้เวลา 18.00 น. ทำให้ตำรวจมีการเตรียมความพร้อมระดมกำลังตั้งแต่เมื่อวานนี้ (30 ต.ค. 56)
       
       โดยที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.ปพ.บก.ป.ได้เรียกกำลังตำรวจคอมมานโด กก.ปพ.บก.ป.จำนวน 1 กองร้อย รวม 155 นาย รับคำสั่งเตรียมพร้อม ก่อนปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยที่บริเวณโดยรอบอาคารรัฐสภา หลังจากมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เตรียมเคลื่อนไหวกันในช่วงเย็นวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ซึ่งกำลังคอมมานโดดังกล่าวจะปฏิบัติหน้าที่เป็นชุดแรก ก่อนจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกับกองกำลังควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)
       
       พ.ต.อ.อธิปกล่าวว่า สำหรับกำลังคอมมานโด กก.ปพ.บก.ป.ทั้ง 155 นาย นั้น จะเข้าปฏิบัติหน้าที่โดยรอบอาคารรัฐสภา เป็นชุดแรก ซึ่งตนได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย สว.กก.ปพ.บก.ป.เป็นผู้ควบคุมและสั่งการ โดยจะรายงานผลการปฏิบัติต่อผู้บังคับบัญชาเป็นระยะ มีการจัดกำลังสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นผลัด ส่วนการประเมินสถานการณ์การชุมนุมทาง ศอ.รส.จะมีการประเมินกันวันต่อวัน

เดิมพันไล่ทรราช ‘เทือก’ลั่นยืดเยื้อสู้ถวายชีวิต‘พะจุณณ์’ปลุกทหาร เมื่อ 31 ต.ค.56

เดิมพันไล่ทรราช ‘เทือก’ลั่นยืดเยื้อสู้ถวายชีวิต‘พะจุณณ์’ปลุกทหาร


ปรี๊ดจุดติด “สามเสน” ชุมนุมหลายหมื่นต้านเซตซีโร “สุเทพ” ประกาศสู้ยืดเยื้อด้วยชีวิต เทหมดหน้าตัก ลั่นหากประชาชนเจ็บแม้คนเดียว ครอบครัวรัฐบาลอยู่ไม่ได้แน่ “พระจุณณ์” โผล่ม็อบ คปท.ปลุกทหารออกมาร่วม! เวทีสภาฯ ระอุไม่แพ้กัน งัดข้อบังคับชิงเหลี่ยม “อภิสิทธิ์” ประกาศขอสู้ถึงจำคุก-ประหารชีวิต เพื่อแม้วแสลงถูกด่าทรราช ใช้มุกปิดประชุมรูดซิปปาก สั่งปิดเกมก่อน 1 พ.ย. “ปู“ อายเอื้อครอบครัวคาดไม่โหวต “อดุลย์” ขอ 3 วันประเมินขยายกฎหมายติดหนวด
การพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ....ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระที่ 2 และ 3 เมื่อวันพฤหัสบดีมีความร้อนแรงทั้งในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและบนท้องถนน
โดยก่อนเข้าวาระ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ได้เรียกร้องให้ถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่องเอ็นบีที พร้อมทั้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเข้าร่วมประชุม เพราะเคยระบุว่า อยากให้ทุกฝ่ายต่อสู้กันในสภาฯ อย่านำการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่ จ.ลพบุรี มาหลบเลี่ยง เพราะในวันที่ 31 ต.ค.ไม่มีการประชุม
    นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ได้ชี้แจงว่า ไม่มีการถ่ายทอดผ่านช่อง 11 แต่ถ่ายทอดสดผ่านวิทยุโทรทัศน์และของสภาฯ ส่วนกรณีนายกฯ ได้มีหนังสือมาว่าขอลาประชุม เพราะเป็นประธานการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.ลพบุรีและสิงห์บุรี ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. ถึงวันที่ 1 พ.ย.
    นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบต่อร่างกฎหมายดังกล่าว แต่ติดภารกิจ เมื่อเสร็จสิ้นก็จะเข้าร่วมตามปกติในวันที่ 2 พ.ย. ส่วนจะร่วมโหวตหรือไม่นั้นต้องพิจารณาอีกครั้ง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีหลายฝ่ายมองเป็นการช่วยคนในครอบครัว และหากท้ายที่สุดสภาฯ ไม่สามารถออกกฎหมายได้ ก็ต้องหาวิธีอื่น แต่รัฐบาลจะไม่พิจารณาออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมหรือยุบสภาฯ แน่นอน  
จากนั้น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ต่างยังอภิปรายและทักต่อเนื่อง ทั้งกรณีถ่ายทอดสด, น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เข้าร่วม, การเป็นกฎหมายการเงิน และการเลื่อนประชุม แต่สุดท้ายนายสมศักดิ์ได้ตัดบทเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และได้ลงมติญัตติการเลื่อนพิจารณากฎหมายหรือไม่ โดยที่ประชุมเห็นชอบให้พิจารณากฎหมายต่อไปด้วยคะแนนเสียง 308 ต่อ 112  
เพื่อไทยแสลงทรราช
 ในเวลา 12.00 น. การอภิปรายยังคงไม่สามารถเข้าสู่เนื้อหาได้ เนื่องจากมีการทักท้วงในรายงาน กมธ.ที่มีความบกพร่อง รวมถึงข้อสังเกตการบรรจุคำแปรญัตติของ กมธ. โดยการอภิปรายมาร้อนแรงขึ้นเมื่อนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในเรื่องชื่อร่างกฎหมาย ที่มีการเปรียบเทียบประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกากับไทยในเรื่องทรราช ทำให้นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประท้วงให้ถอนคำพูดก่อนจะมีการแย่งไมค์นายนิพิฏฐ์ แต่สุดท้ายประธานก็ให้นายนิพิฏฐ์อภิปรายจนจบก่อนไปตรวจสอบในการกล่าวคำว่าทรราช
ในเวลา 16.00 น. ระหว่างนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กำลังอภิปรายชื่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายพหล วรปัญญา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ก็ได้เสนอปิดอภิปราย ท่ามกลางการประท้วงของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ แต่ในที่สุดที่ประชุมมีมติ 305 ต่อ 103 เสียง เห็นชอบให้ปิดอภิปราย จากนั้นได้ลงมติ 306 ต่อ 109 เสียง รับชื่อร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ....
    ต่อมาได้เข้าในส่วนของคำปรารภ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านที่ได้สงวนความเห็นอภิปรายว่า มีจุดยืนมาตลอดว่านิรโทษกรรมจะออกได้ ต้องมีเส้นแบ่งว่าความผิดที่สมควรได้รับนิรโทษ แต่ถ้าเป็นความผิดอาญาต้องไม่นิรโทษกรรมให้ เพราะไม่ใช่การแสดงออกทางการเมือง ไม่ใช่การชุมนุมตามสิทธิ์ทางการเมืองและรัฐไม่ใช่เจ้าของสิทธิ์ที่จะบอกว่าชีวิตที่สูญเสียไปนั้นถือว่าไม่ผิดอีก การเอาอาวุธออกจากบ้านมายิงไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง
มาร์คลั่นสู้ถึงประหาร
“ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากกระบวนการระบุว่าผมผิด ผมพร้อมยอมรับ จะสั่งให้ประหารชีวิตหรือจำคุก ก็ดำเนินการได้ เพราะถือว่าระบบใหญ่กว่าตัวบุคคล ยืนยันว่าประเทศนี้ต้องมีการพิสูจน์เพื่อเป็นบรรทัดฐาน แต่บางคนที่มาจากตระกูลที่มีสันดานเอาแต่ได้คงไม่คิดแบบนี้” นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า ดูอย่างไรก็ไม่ถึงคนโกง การโกงเป็นการชุมนุม แสดงออกทางการเมืองหรือไม่ ถ้าแสดงออกการกินเมืองล่ะใช่ จะมารวมได้อย่างไร ไม่ต้องถอยไปเซตซีโรหรอก ใครมีอำนาจจะทำอะไรก็ได้ บ้านเมืองก็จะวุ่นวาย ผมต้องการต่อสู้ตามกฎหมาย ไม่ต้องการผงซักฟอกยี่ห้อพิเศษ ขจัดคราบเลือดด้วยเงิน 5.7 หมื่นล้านบาท บ้านเมืองไม่ต้องการผงซักฟอกยี่ห้อนี้
ต่อมานายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ ได้ขึ้นมาทำหน้าที่ประธาน ซึ่ง นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ทวงถามถึงการให้ถอนคำว่ารัฐบาลทรราช โดยนายเจริญได้อ่านชวเลข และได้สั่งให้นายนิพิฏฐ์ถอน แต่นายนิพิฏฐ์ยืนยันว่าไม่ถอน ทำให้นายเจริญต้องสั่งให้ออกจากห้องประชุมไป
    ต่อมาเวลา 18.05 น. นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ได้เสนอปิดอภิปรายในส่วนคำปรารภอีกครั้ง ทำให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์หลายคนไม่พอใจลุกขึ้นประท้วง และชี้ว่าไม่สามารถทำได้ แต่สุดท้ายที่ประชุมก็มีมติปิดอภิปรายด้วยเสียง 307 ต่อ 88 เสียง และลงมติ 307 ต่อ 91 เห็นด้วยกับร่างเดิมในคำปรารภ
    จากนั้นเวลา 18.30 น. นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. ได้ขอเลื่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ ส.ส.เพื่อไทยได้ลุกขึ้นทักท้วงว่าไม่สามารถเสนอญัตติซ้อนได้ ซึ่งประธานในที่ประชุมจึงตัดบทเข้าสู่การพิจารณา มาตรา 1 เกี่ยวกับชื่อร่าง โดยมีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายสงวนความเห็นคนแรก แต่ถูก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ขอปิดการอภิปรายของนายจิรายุบ้าง จนเกิดการทักท้วงไปมาจนทำให้นายเจริญต้องขอสั่งพักการประชุม 10 นาที
    สำหรับความคิดเห็นที่เกี่ยวเนื่องนั้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยได้ปฏิเสธกระแสข่าวพรรคส่งสัญญาณถอยร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า พรรคยังชัดเจนสนับสนุนร่างที่ กมธ.แก้ไขตามข้อเสนอของนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ รองประธาน กมธ. และจะโหวตในทิศทางนี้ทุกคน ส่วนความเห็นของคนเสื้อแดงเราเคารพและเห็นใจ แต่เมื่อพรรคมีมติก็ต้องปฏิบัติตาม
ลั่นลุยให้จบไม่เกิน 1 พ.ย.
    รายงานข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทยยืนยันเช่นกันว่า ไม่มีสัญญาณให้ถอยหรือล้มเลิก เนื่องจากเป็นแผนที่วางไว้ล่วงหน้าแล้ว หากถอยจะเสียเปล่าในสิ่งที่ทำมาทันที ส่วนกรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณโพสต์เฟซบุ๊กส่งสัญญาณพร้อมถอยนั้น เป็นเพียงการหลบกระแสต่อต้าน เอาใจมวลชนเสื้อแดงเท่านั้น เพราะกรรมการยุทธศาสตร์ยังส่งสัญญาณให้เดินหน้าให้จบไม่เกินวันที่ 1 พ.ย.
“ก่อนเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณได้ส่งคนใกล้ชิดไปพูดคุยกับตัวแทนฝ่ายทหารที่เห็นด้วยกับนิรโทษกรรมทุกฝ่าย เพราะทหารทั้งที่อยู่ในราชการหรือนอกราชการ ไม่ต้องการให้ปากคำในชั้นศาล”
    ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ นั้น ที่แยกอุรุพงษ์ บรรยากาศการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เริ่มคึกคักในช่วงเย็น ประชาชนทยอยมาชุมนุมกันมากขึ้น ในขณะที่กิจกรรมบนเวทียังคงปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลสลับการแสดง โดยนายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. แถลงว่า จะปักหลักที่แยกอุรุพงษ์ ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ส่วนแม่น้ำร้อยสายจะเวียนบรรจบตรงไหน เป็นเรื่องอีก 2-3 วันข้างหน้า และยืนยันว่าจะไม่ไปร่วมชุมนุมที่สามเสน
     นายวัชรินทร์ เรื่องฤทธิ์กุล อดีตนายกสโมสรนักศึกษา ปี 2554 มหาวิทยาลัยรังสิต ตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชน ประกาศจะจัดตั้งเวทีสนับสนุน คปท. ซึ่งขณะนี้ได้ล่าชื่อมีคนลงนามแล้ว 3,000 คน และคาดว่าจะมีนักศึกษามาร่วมชุมนุม คปท. ไม่น้อยกว่า 1,000 คนแน่นอน
    ในเวลา 17.00 น. ที่หน้ามูลนิธิช่วยคนตาบอดเเห่งประเทศไทย ฝั่งตรงข้ามอาคารเทพรัตน์ รพ.รามาธิบดี กลุ่มแพทย์ไทยหัวใจรักชาติ นำโดย ศ.นพ.ประมวล วรุตมเสน อดีตนายกแพทยสภา อดีตศาตราจารย์แผนกสูตินรีเวช จุฬาฯ ได้จัดตั้งขบวนเข้าร่วมเดินรณรงค์ต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยแต่งชุดขาว-ดำ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 250 คน และได้เดินทางไปสมทบกับ คปท.ที่เเยกอุรุพงษ์ ก่อนเดินทางไปร่วมกับผู้ชุมนุมที่สามเสน ซึ่ง นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เเกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี ก็ได้เดินทางเข้ามาร่วมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมด้วย
    สำหรับด้านหลังเวที คปท. ก็มีบุคคลที่มีชื่อเสียง ทั้งอดีตนายทหาร, ตำรวจ, ข้าราชการ และนักการเมืองเดินทางมาให้กำลังใจแกนนำคึกคัก ทั้ง พล.ร.อ.พระจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี, พล.อ.อ.สามารถ โสดสถิตย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทอ., พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร อดีตรอง ผบช.ภ.9, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว., นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา และนายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา
พระจุณณ์ปลุกทหาร
“ขอเชิญชวนพี่น้องทหารที่ยังไม่ปรากฏตัวทั้งที่เกษียณแล้ว และยังรับราชการอยู่ขอให้ออกมา อย่ามั่วแต่คิดว่าออกมาไม่ได้ เพราะนี่เป็นหน้าที่เพื่อปกป้องสถาบัน” พล.ร.อ.พระจุณณ์เรียกร้อง
     พล.อ.อ.สามารถกล่าวเช่นกันว่า มาให้กำลังใจการชุมนุม เพราะประชาชนได้ออกมาทำในสิ่งที่ถูกต้องขจัดความไม่ดีของผู้ปกครอง ซึ่งได้ชวนเพื่อนๆ ทหารออกมา แม้จะแก่และเกษียณแล้วก็ตาม
    พล.ต.ต.วิสุทธิ์กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมาผู้บริหารประเทศใช้ไม่ได้ ออกกฎหมายให้ผู้กระทำผิด ให้คนคดโกงพ้นผิด เอาเงินที่โกงไปกลับคืนให้คนโกง ตนเป็นตำรวจมีสีเดียวคือ สีกากีที่ต้องดูแลประชาชน จึงขอแนะนำตำรวจว่าถ้ารัฐบาลชนะ คนที่ได้ความดีความชอบคือพวกเจ้านายพวกหัวหน้า ดังนั้นตำรวจที่เป็นฝ่ายปฏิบัติก็อย่าจริงจังทำพอเป็นพิธี เรากินเงินประชนชน ไม่ใช่ขี้ข้าผู้บริหารประเทศที่ใช้อำนาจพวกมากลากไปออกกฎหมายและเหลิงอำนาจ
ที่เวทีสามเสนนั้นได้มีการตั้งเวทีปราศรัยหน้าร้านอาหารชูจันทร์ บริเวณ ถ.เศรษฐศิริตัดกับ ถ.กำแพงเพชร 5 และมีการปิดถนนตั้งแต่ปากซอยหน้าที่ทำการพรรค ปชป.จนถึงทางตัดรางรถไฟก่อนถึงสถานีรถไฟสามเสน พร้อมกางเต็นท์ให้ผู้ชุมนุมใช้นั่ง รวมทั้งเต็นท์ปรุงอาหารเลี้ยงผู้ชุมนุม ที่มีทั้งครัวภาคต่างๆ และมีการขนข้าวสารกว่า 300 กระสอบ มาตั้งไว้บริเวณหน้าลานแม่พระธรณีบีบมวยผม โดยผู้ชุมนุมยังคงทยอยเดินทางมาร่วมคึกคักตั้งแต่ช่วงเย็น และในช่วงค่ำมีปริมาณกว่า 3 หมื่นคน
โดยบนเวทีปราศรัยได้เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. โดยมี ส.ส.ปชป.สลับกันขึ้นปราศรัย ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ปชป. ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวทีว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาประกาศว่ายอม และถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกจากสภาฯ ก็จะกลับบ้าน แต่ถ้าไม่ถอนก็สู้จนกว่าจะถอน และจะยืดเยื้อหรือไม่ต้องถามประชาชน เพราะทำงานร่วมกับประชาชนเต็มตัวแล้ว
“ครั้งนี้ผมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เมื่อตัดสินใจว่าจะลงสู่ถนนก็ไม่กังวลอะไร ได้กลายสภาพเป็นแกนนำม็อบเต็มตัว จึงอยากบอกประชาชนว่าไม่มีใครใหญ่กว่าประชาชน ถ้าทั้งประเทศร่วมใจเป็นหนึ่งเราสามารถทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองได้ และรักษาบ้านเมืองได้” นายสุเทพกล่าว
ต่อมาเวลา 18.45 น. นายสุเทพได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยได้อ่านแถลงการณ์ของกลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า จะต่อสู้คัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจนถึงที่สุดจนกว่าจะชนะ หากไม่ชนะก็ไม่เลิก และขอให้ประชาชนทั่วประเทศลุกขึ้นมาร่วมกันต่อสู้ คนที่อยู่ต่างจังหวัดให้นั่งรถไฟฟรีมาลงที่สถานีรถไฟสามเสน หรือไปชุมนุมที่หน้าศาลากลาง
“การที่ผมต้องประกาศเป็นแกนนำ เพราะรัฐบาลกำลังหาจำเลย จึงขอประกาศว่าจะสู้ด้วยชีวิตเทหมดหน้าตัก ต่อสู้เคียงข้างประชาชนทุกคืนทุกวันจนกว่าจะชนะ ทั้งนี้ ขอเตือนรัฐบาลว่าให้เลิกคุกคามข่มขู่ผู้จะเข้าร่วมชุมนุม และข่มขู่เรื่องมือที่สาม หากใครทำร้ายประชาชนคนนั้นต้องรับผิดชอบ และถ้ามีผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตายแม้แต่คนเดียว คนในครอบครัวรัฐมนตรีจะไม่มีใครปลอดภัยและอยู่ประเทศไทยไม่ได้อีกต่อไป วันนี้มีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 5 หมื่นคน วันที่ 1 พ.ย. ขอให้ได้ 1 แสนคน และวันที่ 2 พ.ย. ให้ได้ล้านคน”
ตั้งแต่เวลา 20.00 น. ผู้ร่วมชุมนุมเดินทางเข้ามาจนแน่นขนัดตา และเข้ายึดเต็มพื้นที่บนถนนกำแพงเพชร 5 ตั้งแต่บริเวณสามแยกร้านชูจันทร์จนถึงสามแยกร้านส้มตำดอกคูน และล้นไปอีกฝั่งของรางรถไฟ จนทำต้องติดตั้งจอโปรเจ็กเตอร์ ขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่แต่งชุดดำพากันเป่านกหวีดเป็นระยะ แต่น่าสังเกตว่า การสื่อสารทั้งสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตไม่สามารถใช้การได้ 
ส่วนความเคลื่อนไหวในภูมิภาคนั้น มีหลายจังหวัดที่มีการตั้งเวทีปราศรัยต่อต้านเรื่องดังกล่าวที่บริเวณศาลากลางจังหวัดหลายแห่งแล้ว อาทิ จ.อุบลราชธานี, ตรัง และนครศรีธรรมราช
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการชุมนุมที่สามเสนว่า การข่าวจะมีผู้ร่วมชุมนุม 2-3 หมื่นคน มาจาก กทม.เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผู้ชุมนุมทุกกลุ่มเชื่อมโยงกัน ทั้งบริเวณแยกอุรุพงษ์, สวนลุมพินีและสามเสน ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์วันต่อวัน แต่ยังไม่มีแนวคิดขยายพื้นที่ประกาศพระราชบัญญัติความมั่นคงภายในราชอาณาจักรแต่อย่างใด ขอดูสถานการณ์หลังจากนี้อีก 3 วันก่อนประเมินอีกครั้ง ส่วนมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย ใช้กำลังจากตำรวจนครบาล 40 กองร้อยดูแล
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ระบุว่า คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมราว 8,000 คน เป็นมวลชนในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ส่วนการ์ดที่ใช้ดูแลมีการเตรียมมาโดยเฉพาะจาก จ.ระยองและเพชรบุรี รวมทั้งมีหลักฐานยืนยันว่าจะชุมนุมยืดเยื้อเป็นเวลานาน
“ศอ.รส.ยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องกลุ่มผู้ไม่หวังดีอาจสร้างสถานการณ์ให้รุนแรงขั้น อาจถึงขั้นต้องปิดการเดินรถไฟ และในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันเปิดภาคเรียนจะส่งผลกระทบต่อการจราจร”
    รายงานข่าวแจ้งว่า การจัดกำลังตำรวจครั้งนี้จะใช้กำลังจากกองร้อยควบคุมฝูงชนทั้งหมด 48 กองร้อย หรือ 7,470 นาย โดยแบ่งเป็นดูแลในพื้นที่สถานที่สำคัญ 43 กองร้อย และสถานที่รอบนอก 5 กองร้อย
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการเคลื่อนไหวต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า คิดว่าเรามีบทเรียนอยู่แล้ว ก็ไปหาทางออกให้ดีที่สุด คิดว่ามีวิธีแก้ไขปัญหาหลายอย่างทั้งสันติวิธี กระบวนการประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม อย่าเอาทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย.