|
|
ผ่าประเด็นร้อน
ในแง่มุมหนึ่งก็ยต้องยอมรับว่าเป็นนิมิตหมายและเป็นความหวังในด้านบวกพอสมควรกับท่าทีความเคลื่อนไหวล่าสุดของ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่มี ประมนต์ สุธีวงศ์ เป็นผู้นำที่ออกแถลงคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่กำลังแปรญัตติกันแบบ “ทะลุซอยหลุดโลก” โดยเห็นว่านี่คือการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ทำลายบรรยากาศการลงทุนให้ป่นปี้
แน่นอนว่าหากใครก็ตามพอมีปัญญาบ้างเล็กน้อยก็ย่อมเข้าใจดีว่า การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในร่างกฎหมายเพื่อให้ครอบคลุมไปถึงการลบล้างความผิดในทุกคดีให้กับ ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะคดีทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งที่ศาลตัดสินลงโทษจำคุกไปแล้ว และคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาหรือไม่ก็ตาม ทุกอย่างจะยุติ เจ๊ากันไปทั้งหมด
แน่นอนว่าสำหรับคนที่ยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรม เชื่อมั่นในระบบของศาลที่ใช้เป็นเครื่องตัดสินความถูกผิด ตามกระบวนการให้ถึงที่สุด จะไม่มียอมรับกับความเคลื่อนไหวอัน “อุบาทว์”ของเครือข่ายระบอบทักษิณเป็นอันขาด เพราะหากมีการลบล้างความผิดอย่างที่มีความพยายามกันอย่างเต็มที่อย่างที่เห็น โดยที่ยังไม่มีพิสูจน์ความจริง ยังไม่มีการยอมรับความผิด มันก็ไม่สมควรนิรโทษกรรมให้อย่างเด็ดขาด อีกทั้งคดีทุจริตคอร์รัปชัน ที่หากต่อไปสามารถยกเว้นความผิดกันได้ ทั้งที่ศาลตัดสินไปแล้วหรือไม่ก็ตาม มันก็เหมือนกับว่านี่คือการ “ส่งเสริมการทุจริตโดยอ้อม” รวมไปถึงเป็นการสร้างบรรทัดฐานผิดๆให้กับชาวบ้าน และเยาวชนที่เห็นแนวทางตัวอย่างที่ไม่ดี ระบบที่เป็นอยู่จะวิปริตผิดเพี้ยนไปหมด
สำหรับท่าทีดังกล่าวขององค์กรต่อต้านต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ถือว่าน่าจับตา เพราะมีองค์ประกอบมาจากองค์กรภาคธุรกิจสำคัญ เป็นภาคีธุรกิจการเงินการลงทุน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น ซึ่งการแสดงออกอย่างชัดเจนแบบนี้ถือว่าไม่ค่อยได่เห็นมาก่อน เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่ภาคธุรกิจเหล่านี้มักจะใช้ “วิธีเงียบ” หรือไม่ก็ “ลู่ตามลม”เลือกที่จะไม่วิจารณ์ฝ่ายรัฐบาล เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา แต่เมื่อพวกเขากล้าที่จะออกมาแสดงออกแบบนี้ นั้นก็แสดงให้เห็นว่า “เหลืออด”แล้ว รวมทั้งคงเห็นว่าถ้ายังเลือกที่จะใช้วิธีเงียบแบบเดิม แล้วปล่อยให้คนพวกนี้ทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจแล้วทุกอย่างคงหายนะอยู่ตรงหน้าแน่ จึงต้องออก “แอ็กชัน”อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
การประกาศว่าจะเดินหน้าคัดค้านจนถึงที่สุด มีทั้งการเดินสายยื่นหนังสือประจานไปให้นานาชาติได้รับรู้ ว่า สิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่นำโดย นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำเนินการอยู่ด้วยการประกาศว่าในเวทีนานาชาติว่าจะ “ต่อต้านคอร์รัปชัน”แต่สิ่งที่กำลังดำเนินการแบบ “สุดซอย” ดังกล่าวถือว่ามันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ต่างจากพูดอย่างทำอย่าง เป็นการสร้างภาพที่ผิดเพี้ยนจากความจริง
อย่างไรก็ดี แม้ว่าถ้าพิจารณากันตามความเป็นจริง แล้วก็พอเข้าใจได้ว่า การเคลื่อนไหวของภาคีต่อต้านคอร์รัปชันฯ จะออกไปในเชิง “สัญลักษณ์” คงไม่ถึงขั้นออกโรงกันถึงขั้นแตกหักแน่นอน แต่สำหรับองค์กรธุรกิจการค้าที่มักห่วงแต่เรื่องกำไรขาดทุน ห่วงเรื่องบรรยากาศการลงทุน
ดังนั้น การออกมาเคลื่อนไหวแบบเปิดหน้าเปิดตัวอย่างที่เห็นคราวนี้ของบรรดาภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมมาตรฐาน ถือว่าน่าสนใจ และเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในสังคมไทยมากนัก และแม้ว่าถ้าจะได้เห็นการเคลื่อนไหวแบบดุเดือด กันบนท้องถนนก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าคงจะผิดหวัง เพราะเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยการออกมาเปิดเผยออกมาอย่างที่เห็น มันก็เหมือนกับการชนกับ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเป้าหมายของร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแบบสุดซอยที่ให้ลบล้างความผิดในคดีคอร์รัปชัน และความผิดทุกคดี ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าใครก็ตามที่มีความคิดที่“พอเป็นคนอยู่บ้าง”คงทนไม่ไหวต้องออกมาต้าน ซึ่งอย่างน้อยก็มีองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นหนึ่งองค์กรหลักที่ออกมาแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว
ดังนั้น แม้ว่าฝ่ายเครือข่ายทักษิณจะใช้พวกมากลากไปกันแบบหน้าด้านๆ แต่เชื่อเถอะยิ่งทำทุเรศน่าเกลียดเพียงใดก็ยิ่งสร้างกระแสเกลียดชัง มีกระแสต่อต้านกลับมาเป็นทวีคูณ คนที่เคยนิ่งเฉยก็จะทนไม่ไหวก็จะยิ่งออกมา อย่างที่เห็นในวันนี้ อย่างน้อยก็มีองค์กรธุรกิจดังกล่าวที่ออกมาแล้ว และเชื่อว่าจะต้องมีการเคลื่อนไหวแบบนี้ตามมาอีก!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น