วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

"กำนันสุเทพ" ขอทุกหมู่เหล่า รวมใจ !!! ฮึดสู้ ยึดอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนแบบเบ็ดเสร็จ วันนี้ ( 31 ธ.ค.56)


"กำนันสุเทพ" ขอทุกหมู่เหล่า รวมใจ !!! ฮึดสู้ ยึดอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนแบบเบ็ดเสร็จ

"สุเทพ"  ซัดรบ.สุดด้าน  จนบานปลายการ์ดคปท. ต้องสังเวยชีวิต  -ปชช.ต้องปฏิรูปทันที ให้ประชาชนเดินหน้าสามัคคี  ทุกภาคส่วน   ชักช้าไม่ได้  ทำต่อเนื่องตั้งแต่หลังปีใหม่เพื่อให้เกิดความเด็ดขาด
             วันนี้ ( 31 ธ.ค.56) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 19.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ขึ้นปราศรัยที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย์ โดยไล่ลำดับเวลาเหตุการณ์ตั้งแต่การตั้งเวทีที่สามเสนเรื่อยมา จนกระทั่งกลายมาเป็น กปปส. ซึ่งนำมวลมหาประชาชนมาชุมนุมครั้งใหญ่หลายครั้งในกรุงเทพฯ
          ทั้งนี้ เลขาธิการ กปปส. ยืนยันว่า การยุบสภาไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหาประเทศ แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการปฏิรูปประเทศไทย แต่รัฐบาลยังดื้อด้าน ไม่ยอมคืนอำนาจให้กับประชาชน ดังนั้น 22 ธ.ค. ประชาชนจำนวนมหาศาลได้ออกมาเรียกร้อง ออกมากันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 ธันวาคม เป็นวันที่เศร้าสลดที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิตของมวลมหาประชาชนเป็นรายแรก คือ นายวสุ สุฉันทบุตร และมีผู้บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ตามคำสั่งของ ศอรส. รวมทั้งตำรวจเช่นกัน คือ ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ ผบ.หมู่ จราจร สน.ตลาดพลู มือปืนที่สังหารตำรวจและประชาชน ยังไม่มีถ้อยแถลงว่ามาจากไหน แต่มีคลิปที่แพร่หลายเห็นชัดว่าเป็นชายชุดดำ กราดยิงมาจากอาคารกระทรวงแรงงาน ใส่ผู้ชุมนุมและตำรวจ
          เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ตอนตี 3 มีคนร้ายใช้เอ็ม 16 กราดยิงผู้ชุม และทำให้นายยุทธนา องอาจ การ์ด คปท.ต้องเสียชีวิต และวานนี้ 30 ธ.ค. กลางวันแสกๆ ก็มีการปาระเบิดปิงปอง เมื่อคืนนี้ตอน 5 ทุ่มเศษ มีคนร้ายสองคนบุคเข้าไปใช้ปืนพกยิงใส่ผู้ชุมนุมที่ คปท.บาดเจ็บสาหัส 1 คน ที่สี่แยก จปร. มาจนถงวันนี้ ชัดเจนว่าระบอบทักษิณ ซึ่งใช้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯหุ่นเชิด แสดงให้ประชาชนเห็นว่าอปกครองโดยใช้อำนาจตามอำเภอใจไม่ฟังเสียงประชาชน ไม่เคารพกฎหมาย
          ประชาชนจึงเห็นพ้องว่าต้องปฏิรูปประเทสไทยทันที ชักช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว และการปฏิรูปต้องทำโดยรัฐบาลและสภาของประชาชน วิธีเดียวที่ทำได้คือการปฏิวัติของประชาชน คือการยึดคืนอำนาจอธิปไตยให้คืนมาเป็นของประชาชน หรือประชาภิวัฒน์นั้น เราจะทำกันหลังปีใหม่ โดยทำพร้อมกันทั้งประเทศและทำกันต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความเด็ดขาดและสมบูรณ์
          หลังปีใหม่นี้เราจะหลอมรวมหัวใจทุกสาขาอาชีพ รวมทั้งข้าราชการ ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จัดตั้งสภาประชาชน เพื่อเร่งรัดสภาปฏิรูปประชาชน เพื่อจัดการกฎหมายคอร์รัปชั่นรวมถึงรัฐธรรมนูญบางประเด็น ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ปลอดภัยสมบูรณ์แข็งแรง
          โดยสรุปของการเคลื่อนไหวมวลมหาประชาชน 1. สามารถสกัดกฎหมายนิรโทษกรรม ที่จะช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นผิดได้ด้วยมือและเท้าของพวกเรา 2.การยุบสภา ซึ่งทำให้ ส.ส.หมดไปจากสภาด้วยตัวเอง 3.ทำให้ประชาชนตื่นรู้ และมีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่าต้องปฏิรูปประเทศไทยโดยทันที และการปฏิรูปประเทศต้องทำโดยประชาชน ไม่มีพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญคือต้องทำก่อนการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 โดยประชาชนเห็นว่าไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้
          เรามากันไกลมาก 2 เดือนเต็มๆ ที่เราต้องต่อสู้ แต่พวกเราไม่มีย่อท้อ มีแต่เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นทุกวัน มาบัดนี้ เราต้องรวมพลังและยึดอำนาจอธิปไตยมาเป็นของมวลมหาประชาชนให้สำเร็จให้ได้ หลังเทศกาลปีใหม่นี้เราจะเดินหน้าสามัคคี ประชาชน สามัคคีประชาชนทุกภาคส่วน ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะสาขาอาชีพใด รวมทั้งบรรดาข้าราชการ ตำรวจ ทหาร เราต้องร่วมแรง ร่วมใจทำให้สำเร็จ เมื่อตั้งรัฐบาลของประชาชนได้แล้วก็จะมอบหน้าที่ให้สภาประชาชน และรัฐบาลประชาชน ตามแนวทางที่มวลมหาประชาชนได้กำหนดเอาไว้ ให้เสร็จโดยรวดเร็ว แต่หนนี้สู้กันยาว สู้กันนานหลายวัน และสู้ให้ได้ ทำให้เห็นว่าปิดกรุงเทพฯ มาได้ครึ่งวัน เที่ยวนี้จะต้องปิดให้ได้ ปิดจนอำนาจอธิปไตยมาเป็นของเรา ตนขอกราบขอบพระคุณ และจดจำไว้ชั่วลูกชั่วหลาน ด้วยความเคารพเป็นอย่างยิ่ง

"ดร.เสรี" แจงชัด!! มวลมหาปชช.มาไล่ "ทักษิณ-ขี้ข้า" เพราะความชั่ว -ไม่ได้ทำเพื่อใคร !วันนี้ ( 31 ธ.ค.56 )



"ดร.เสรี" แจงชัด!! มวลมหาปชช.มาไล่ "ทักษิณ-ขี้ข้า" เพราะความชั่ว -ไม่ได้ทำเพื่อใคร !
"ดร.เสรี" แจงชัดเหตุที่มวลมหาประชาชนออกมาขับไล่ทักษิณ และพวกพ้องเพราะความชั่ว ยืนยันไม่ได้ทำเพื่อนักการเมือง หรือ พรรคการเมืองใด
วันนี้ ( 31 ธ.ค.56 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน และการประชาสัมพันธ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ดร.เสรี วงษ์มณฑา ระบุการออกมาชุมนุมของมวลมหาประชาชน โดยกล่าวว่าที่พวกเขาออกมาไม่ได้ทำเพื่อนักการเมือง หรือ พรรคการเมืองใด แต่ทนความเลวร้ายที่สุดของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพวกพ้องไม่ได้ ยืนยันรัฐบาลอื่นทำผิดทำชั่วก็ด่าเหมือนกัน แต่ที่ด่าทักษิณมากเพราะชั่วมาก รุนแรงกว่าคนอื่น ย่ำยีประชาชนน้อยกว่า
โดยข้อความทั้งหมดมีดังนี้
เมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักทีนะว่าที่มวลมหาประชาชนเขาออกมาต่อสู้กันครั้งนี้
เขาไม่ได้ทำเพื่อนักการเมืองคนไหน
เขาไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมืองใด
เขาไม่ได้บอกว่าพรรคการเมืองอื่นดี
เขาไม่ได้ยืนยันว่าพรรคการเมืองไหนไม่โกง
แต่เขาทนความเลวร้ายที่สุดของทักษิณไม่ได้ เขาต้องการกำจัดนักการเมืองที่เลวขนาดหนักจนเป็นภัยต่อแผ่นดินและใช้ความเจ้าเล่ห์ครอบงำประชาชนให้เป็นพวก ปกป้องตนเอง ขณะที่ตนเองนั้นกระทำการฉ้อฉลกลโกงในระดีบทำลายชาติ
เรามาไล่นักการเมืองที่มีอำนาจในเวลานี้ ไม่ได้หมายความว่าเราชื่นชมนักการเมืองคนอื่นและออกมาต่อสู้เพื่อนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง
ทำไมมาถามว่าตอนนักการเมืองอื่นโกงนั้น เราอยู่ไหน ทำไมไม่พูด เรื่องนี้ไม่จริง ตอนที่ใครเป็นรัฐบาลไม่ดี พวกเราก็ออกมาพูดทั้งนั้น แต่เวลานั้น พวกคุณไม่ได้สนใจ เพราะรัฐบาลเหล่านั้นไม่มีโครงการประชานิยมที่ให้ผลประโยชน์แก่คุณ ดังนั้นพวกเขาจะโดนเราวิจารณ์อย่างไรคุณก็ไม่สนใจ คุณจึงมากล่าวหาว่าเราไม่ได้ตำหนิรัฐบาลอื่น แต่รัฐบาลทักษิณตั้งแต่ปี 2544 มีโครงการประชานิยมมากมายที่หลายคนพอใจ ดังนั้นหลายคนเหล่านั้นจึงปกป้องรัฐบาลทักษิณ กลัวว่าผลประโยชน์ที่ได้จะหายไป จึงติดตามว่ารัฐบาลทักษิณทั้งตัวจีิงและหุ่นเชิดโดนอะไรบ้าง จึงคิดว่าพวกเราด่าแต่ทักษิณ ไม่ด่ารัฐบาลอื่น
ว่างๆย้อนกลับไปดูได้ว่านักคิดทั้งหลายเขาตำหนิรัฐบาลอื่นๆตั้งแต่สมัยพลเอกถนอม. พลเอกประภาสเรื่อยมาอย่างไรกันบ้าง อย่าเข้าข้างทักษิณจนตามัวหูหนวกใจบอดกันนักเลย
ส่วนที่ด่าทักษิณและบบรดาขี้ข้ามากกว่าพรรคอื่นนั้นก็เพราะทำชั่วมากกว่าคนอื่น รุนแรงกว่าคนอื่น ส่งผลร้ายต่อประเทศมากกว่าคนอื่น ย่ำยีหัวใจประชาชนมากกว่าคนอื่น ฝ่าฝืนกฎหมายและใช้นักกฎหมายใกล้ตัวตีความเข้าข้างตนเองมากกว่าคนอื่น
ทำชั่สมากกว่าคนอื่น โดนด่ามากกว่าคนอื่น คนที่นิยมชมชื่น อย่ามากล่าวหาว่าคนที่ด่านั้น มีอคติและไม่ได้ด่ารัฐบาลอื่นๆ พวกเขาด่า ไม่ใช่ไม่ด่า แต่ด่าน้อยกว่าเพราะทำชั่วน้อยกว่า รุนแรงน้อยกว่า ย่ำยีประชาชนน้อยกว่า แค่นี้เข้าใจไม่ได้หรือไร แค่ตรรกะแบบง่ายๆ ถ้าใจไม่มืดบอดจนเกินไป แค่นี้ย่อมเข้าใจได้
หาข้อมูลบ้าง เปิดใจบ้าง หูตาจะได้สว่าง สงบสติอารมณ์ได้เมื่อได้พบว่ามีคนด่าทักษิณและขี้ข้าที่ช่วยพายเรือให้โจรนั่ง จะได้ไม่มีอาการของขึ้น จนเสียสติลืมตัวและใช้จ้อความหยาบคาย

"ตั้ม-โฆษกคปท." ยันสู้ต่อ!! ร่วมพี่น้องปชช.ลั่นบทบาทอาจเปลี่ยนบ้าง หลังได้รับการประกันตัววันนี้ (31 ธ.ค.56)



"ตั้ม-โฆษกคปท." ยันสู้ต่อ!! ร่วมพี่น้องปชช.ลั่นบทบาทอาจเปลี่ยนบ้าง หลังได้รับการประกันตัว
"ตั้ม-โฆษกคปท." ขึ้นเวที คปท. เล่าเหตุการณ์ขณะถูกควบคุมตัว ยืนยันต่อสู้กับพี่น้องประชาชน แต่บทบาทอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง หลังได้รับการประกันตัว
วันนี้ (31 ธ.ค.56) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.40 น.กลุ่มเครือข่ายนักศักษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐถนนพิษณุโลก ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ซึ่งในวันนี้ นายพิชิต ไชยมงคล โฆษก คปท. ถูกปล่อยตัวแล้ว ด้วยการประกันตัวในวงเงินประกัน 1 แสนบาท ภายหลังถูกจับกุมตัวตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายพิชิต ได้ขึ้นเวที คปท. เล่าเหตุการณ์ขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ ตชด.ภ.1 ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ว่าได้รับการดูแลจาก เจ้าหน้าที่ ตชด.ภ.1 เป็นอย่างดีเยี่ยม โดยนายพิชิตไม่ได้เกิดความตรึงเครียดแต่อย่างใด และเล่าเหตุการณ์ต่างๆด้วยรอยยิ้ม เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชุมนุม
นอกจากนั้น นายพิชิต กล่าวยังกล่าวอีกว่า ศาลได้มีคำสั่งว่าขอให้ตนอย่าผิดเงื่อนไขการประกันตัว โดยห้ามยุยง ปลุกปั่น ห้ามสั่งการ ห้ามเป็นการนำ พร้อมยืนยันว่า จะยังร่วมต่อสู้กับพี่น้องประชาชน แต่บทบาทอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง ส่วนการปราศรัยยังเหมือนเดิม

ตำรวจในระบอบทักษิณวันอังคาร ที่ 31 ธันวาคม 2556

วันอังคาร ที่ 31 ธันวาคม 2556

       

สองเดือนสุดท้าย ก่อนสิ้นปี 2556 รัฐบาลระบอบทักษิณได้เผยธาตุแท้ของความอำมหิต โหดร้าย เลวทราม ออกมาอย่างหมดเปลือก โดยอาศัยความเป็นรัฐตำรวจ รักษาอำนาจทางการเมืองของตนเอง ก่อให้เกิดความสูญเสียร้ายแรงแก่ประชาชนและประเทศชาติส่วนรวม
เหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ล้วนแต่มีกลิ่นสีกากีคละคลุ้ง อาทิ
เหตุการณ์คืนวันที่ 30 พ.ย.56 ล้อมสังหารนักศึกษาในมหาวิทยาลัยรามคำแหง นายทวีศักดิ์ โพธิ์แก้ว นักศึกษารามคำแหง ถูกยิงเสียชีวิต ตำรวจไม่เข้าระงับเหตุ ไม่เข้าไปช่วยเหลือ อ้างว่าเข้าพื้นที่ไม่ได้ จนในที่สุด ทหารต้องบุกเข้าไปช่วยนักศึกษานับร้อยคนออกมาช่วงสายวันที่ 1 ธันวาคม 56
เหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 56 หน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง การใช้กำลังตำรวจปะทะกับผู้ชุมนุม คปท. ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก อาทิ นายวสุ สุฉันทบุตร ผู้ชุมนุม ถูกยิงด้วยอาวุธปืน กระสุนทะลุตับ เสียชีวิต, ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ ผบ.หมู่ จร. สน.ตลาดพลู ถูกยิงเสียชีวิต มีผู้บาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนมาก
พฤติกรรมของตำรวจได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาอย่างผิดหลักสากล ยิงตั้งแต่เช้ายันบ่าย โดยยิงวิถีพุ่งตรงเข้าใส่ผู้ชุมนุม ทำให้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก แถมด้วยการยิงกระสุนยางอย่างเมามัน มีคนในชุดตำรวจดาหน้าทุบตีผู้ชุมนุม ทำลายรถยนต์-รถจักรยานยนต์ของผู้ชุมนุมอย่างโหดร้าย โดยเมื่อผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ทหารไปตรวจค้นรถของตำรวจก็พบอาวุธหนักจำนวนมาก มีทั้งปืน เครื่องกระสุนจริง และระเบิดมือ!
เวลาประมาณตีสาม วันที่ 28 ธันวาคม 56 คนร้ายใช้อาวุธสงคราม บุกกราดยิงใส่กลุ่มการ์ด คปท. ด้านหลังเวทีปราศรัย บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ นายยุทธนา องอาจ เสียชีวิต มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย เป็นการก่อเหตุอุกอาจ เล็ดรอดด่านของตำรวจอย่างสะดวกโยธิน
ขณะที่ท่าทีของตำรวจ แสดงตนเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรงกับประชาชนผู้ชุมนุม กปปส. คปท. และทุกกลุ่มที่ต่อต้านระบอบทักษิณ

1) ก่อนรัฐประหารในปี 2549 การชุมนุมของพันธมิตรฯ ขับไล่ระบอบทักษิณ ตำรวจก็แสดงตนเป็นปฏิปักษ์ชัดเจน โดยบรรดาตำรวจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ปูนบำเหน็จ แต่งตั้ง ผลักดัน เข้าไปยึดกุมกลไกของรัฐไว้เกือบจะทั้งหมด ต่างแสดงบทบาทค้ำจุนอำนาจของระบอบทักษิณ ตัดตอนการตรวจสอบ รวมถึงเล่นงานฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ อาทิ กกต.ยุค พลตำรวจเอกวาสนา เพิ่มลาภ (สามหนาห้าห่วง), ป.ป.ช.ยุค พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ (ขึ้นเงินเดือนตัวเอง), ป.ป.ง.ที่ตรวจบัญชีสื่อมวลชนและเอ็นจีโอ ฯลฯ
มีการฆาตกรรมในสงครามยาเสพติด กว่า 2,500 ศพ
อุ้มฆ่าในพื้นที่ภาคใต้
อุ้มฆ่าทนายสมชาย นีละไพจิตร
เมื่อมีการทำร้ายผู้ชุมนุมพันธมิตร อาทิ ทำร้ายคนแก่ที่เวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ (เซ็นทรัลเวิร์ล) หรือแม้แต่การยิง M79 เข้าใส่ผู้ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล ตำรวจก็ไม่สามารถติดตามจับกุมผู้กระทำผิดได้เลย

2) ในการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตำรวจก็เข้ามาร่วมเป็นองค์กรสุดท้าย ก่อนออกทีวีแถลงการณ์ยึดอำนาจของ คปค. นำโดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน

3) ปี 2550 รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ พยายามกระจายอำนาจ กระจายงานของตำรวจ เริ่มต้นปฏิรูปตำรวจ เพื่อมิให้อำนาจตำรวจกระจุกตัวขึ้นอยู่กับนักการเมือง ปรากฏว่า ตำรวจมีท่าทีต่อต้าน

4) ปี 2551 ปลายสมัยรัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย เมื่อประชาชนออกมาขับไล่ระบอบทักษิณ ตำรวจใช้ระเบิดแก๊สน้ำตาสังหารประชาชน 7 ต.ค. 2551 ทำให้ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ เสียชีวิต ประชาชนพิการ บาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดร้ายแรง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครได้รับโทษ

5) ปี 2552-53 ตำรวจเกียร์ว่าง ไม่จัดการกับขบวนการเสื้อแดงล้มรัฐบาล โค่นอำมาตย์ ไม่ใช้แก๊สน้ำตา ไม่ใช้ความเด็ดขาดในการรักษากฎหมายและดูแลความสงบในบ้านเมือง กระทั่งมีการล้มการประชุมอาเซียน  ก่อความไม่สงบในบ้านเมือง ก่อเหตุยิงระเบิด M79 เข้าใส่สถานที่ราชการต่างๆ สังหารประชาชนที่ต่อต้านเสื้อแดง
แกนนำเสื้อแดง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ถึงกับประกาศว่า “ตำรวจเป็นพวกเรา” ไม่ต้องห่วงแกนนำ หลังจากนั้น แกนนำเสื้อแดงก็ได้รับการดูแลโดยตำรวจเป็นอย่างดี นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง สามารถไต่เชือกตะกายตึกหนีการจับกุมของตำรวจได้ แกนนำหลายคนสามารถหลบหนีไปต่างประเทศได้

6) เมื่อระบอบทักษิณได้กลับมายึดครองอำนาจรัฐอีกครั้ง รัฐตำรวจก็ยิ่งเหิมเกริม ลุแก่อำนาจมากขึ้น
ใช้อำนาจโดยไม่ยำเกรงกฎหมาย ไม่เห็นหัวประชาชน และเห็นประชาชนที่ต่อต้านระบอบทักษิณเป็นศัตรูที่ต้องประหัตประหารอย่างไม่ต้องปราณี ไม่ว่าจะเป็น การจัดการกับการชุมนุมกลุ่มพิทักษ์สยาม (เสธ.อ้าย) การชุมนุมของกองทัพประชาชนฯ อย่างเด็ดขาด โหดร้าย หรือแม้แต่กรณีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชัญบุตร ตำรวจก็ยังทำคดีให้เกิดข้อครหามากมาย
ขณะเดียวกัน ก็มีการปูนบำเหน็จ แต่งตั้งให้ตำรวจในอาณัติของระบอบทักษิณได้ยึดกุมตำแหน่งสำคัญไว้อย่างมากมาย เกือบทุกวงการ อาทิ
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก คนที่เคยถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแข่งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่แพ้โหวตในสภา ก่อนที่ทักษิณและเสื้อแดงจะออกมาป่วนนอกสภา ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการ ปปส.
พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ได้ดิบได้ดีจากระบอบทักษิณต่อเนื่อง เป็นถึงรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ป.ป.ง.
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงการแต่งตั้งตำรวจของระบอบทักษิณเข้าไปดำรงตำแหน่งบอร์ดในรัฐวิสาหกิจจำนวนมาก เช่น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นกรรมการบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์, พล.ต.ท. คำรณวิทย์  ธูปกระจ่าง เป็นประธานบอร์ดการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นต้น

7) มาวันนี้ เมื่อระบอบทักษิณพยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อรักษาอำนาจของตนไว้อย่างบ้าคลั่ง จึงปรากฏว่า รัฐตำรวจได้แสดงออกถึงการรับใช้ ปกป้องอำนาจให้แก่ระบอบทักษิณอย่างอุกอาจ โหดเหี้ยม
พยายามปลุกปั่นให้ตำรวจทั้งหลายเกิดความเกลียดแค้นชิงชังประชาชนฝ่ายที่ต่อต้านระบอบทักษิณ
บิดเบือนว่า กปปส.จะทำลายองค์กรตำรวจ จะเอาตำรวจไปขึ้นกับ อบต. ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะ กปปส.ประกาศจะปฏิรูปตำรวจ เพื่อให้ตำรวจชั้นผู้น้อยได้ก้าวหน้า มีเงินเดือนสวัสดิการเพียงพอ มีเกียรติยศดียิ่งขึ้น ไม่ต้องวิ่งเต้นเส้นสาย หาเงินส่งให้นาย กระจายอำนาจตำรวจ ไปขึ้นกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง
ปลุกปั่นใส่ร้ายว่าผู้ชุมนุมฆ่าตำรวจ ตำรวจจะต้องไม่ตายฟรี โดยยกเอากรณีเสียชีวิตของ ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ ในเหตุการณ์วันที่ 26 ธันวาคม 2556 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ขึ้นมาปลุกปั่น ทั้งๆ ที่ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ 10 เปิดเผยว่า ด.ต.ณรงค์ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .32 วิถีกระสุนยิงแนวกดลงทำมุม 15 องศา เข้าบริเวณหัวไหล่ด้านขวา ถูกเส้นเลือดใหญ่ เศษกระสุนไปฝังที่ผนังหัวใจ โดยข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในเหตุการณ์วันดังกล่าว มีหลักฐานภาพถ่ายและวีดีโอคลิปยืนยันว่า คนในชุดตำรวจจำนวนหนึ่งได้ขึ้นไปปฏิบัติการบนดาดฟ้าของตึกในกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมของตำรวจนั่นเอง
แต่บรรดานายตำรวจของระบอบทักษิณก็จงใจมองข้ามข้อเท็จจริง แต่ใช้การตายของตำรวจมาปลุกปั่นให้ตำรวจเกิดความเคียดแค้น เกลียดชังผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ กระทั่งเกิดเหตุการณ์บุกยิงสังหารการ์ด คปท. ตอนตี 3 เช้ามืดของวันที่ 28 ธันวาคม 2556
ทั้งหมดนี้ คือ อาการของรัฐตำรวจในระบอบทักษิณ
ตำรวจของระบอบทักษิณกำลังดิ้นรน เอากำลังของสถาบันตำรวจไปใช้โดยบิดเบือน รับใช้ระบอบทักษิณ เอาใจนักการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ ประกาศไม่รับอำนาศาลรัฐธรรมนูญ ประหัตประหารประชาชน เป็นศัตรูกับประชาชน เพื่อต่ออายุอำนาจของระบอบทักษิณซึ่งตนเองมีผลประโยชน์ส่วนตัวร่วมด้วยต่อไป!

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต


ขอบคุณ  :  http://www.naewna.com

กปปส.จัดงานปีใหม่ ธีมงานวัด บนถ.ราชดำเนินคึกคัก ฮิตปาเป้าหน้า′ปู-แม้ว-ธาริต-บิ๊กแจ๊ด′ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19:14:52 น.

กปปส.จัดงานปีใหม่ ธีมงานวัด บนถ.ราชดำเนินคึกคัก ฮิตปาเป้าหน้า′ปู-แม้ว-ธาริต-บิ๊กแจ๊ด′

วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19:14:52 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม    ถึงบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มกปปส.  ที่บริเวณถนนราชดำเนินว่า บรรยากาศเริ่มคึกคัก โดยผู้ชุมนุม ได้เที่ยวชมการจัดกิจกรรมปีใหม่ ซึ่งมีการแบ่งเป็น 2 เวที คือเวทีปราศรัยใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเวทีแยกคอกวัว ซึ่งเป็นเวทีย่อยที่ใช้จัดกิจกรรมการแสดงรื่นเริงและเกมต่างๆ เป็นธีมแบบงานวัด

สำหรับกิจกรรมที่ผู้ชุมนุมให้ความสนใจคือการปาเป้ารูปใบหน้าบุคคลของรัฐบาล อาทิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมถึงรูปของ  พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี   นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  (ดีเอสไอ)   นายพานทองแท้ ชินวัตร ,นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นต้น     นอกจากนี้  ยังมีการจัดเครื่องเล่นทั้งม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ สวนสนุกเด็กเล่นเป่าลม และฉายภาพยนตร์กลางแปลงด้วย ทุกอย่างเล่นฟรี จนกระทั่งไปถึงงานเคาท์ดาวน์ 





'ทนายแม้ว'เย้ย!'เทือก'ปิดกรุงไม่สำเร็จ เมื่อ 31 ธ.ค.56



'ทนายแม้ว'เย้ย!'เทือก'ปิดกรุงไม่สำเร็จ
 

'นพดล'โพสต์เฟซบุ๊ก ยก 5 ข้อเหตุใดที่ 'ยิ่งลักษณ์' ไร้อำนาจในการเลื่อน'เลือกตั้ง' เย้ย'สุเทพ' ประกาศปิดกรุงเทพไม่สำเร็จ

 31 ธ.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล ปัทมะ ทนายความพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Noppadon Pattama" โดยระบุว่า 
 
 คำแถลงนายนพดล ปัทมะ กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย 5 เหตุผลที่การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. ต้องเดินหน้า
 
  นายนพดล ปัทมะ กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยกล่าวว่ามีการโจมตีใส่ร้ายนายกฯยิ่งลักษณ์และรัฐบาลว่าอำมหิตที่ไม่เลื่อนวันเลือกตั้ง 

ตนขอชี้แจง 5 เหตุผลที่การเลือกตั้ง 2 ก.พ. ต้องเดินหน้าดังนี้
 
  1. ไม่มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดๆให้อำนาจนายกฯหรือรัฐบาลให้เลื่อนวันเลือกตั้งได้เลย ไม่ใช่เป็นเพราะหวงอำนาจหรืออำมหิตตามที่ถูกใส่ร้าย
 
 2. รัฐธรรมนูญกำหนดให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นไม่เกิน 60 วันนับแต่วันยุบสภา เพื่อให้รัฐบาลใหม่มารับช่วงจากรัฐบาลรักษาการให้เร็วที่สุด
 
  3. การเลือกตั้งคือทางออกจากความขัดแย้งที่ดีที่สุดและใช้ได้ดีในทุกประเทศ เพราะเป็นการยุติข้อขัดแย้งด้วยบัลลอตคือบัตรเลือกตั้ง ดีกว่าบุลเลตที่แปลว่ากระสุน 
 
 4. ไม่มีใคร ไม่ว่า กปปส.หรือนายสุเทพ มีความชอบธรรมหรือมีสิทธิเหนือกว่าคนไทย 48 ล้านคนที่จะใช้สิทธิของเขาในวันเลือกตั้ง การปิดกั้นเท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
 
5. มิตรประเทศกว่า 53 ประเทศสนับสนุนการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. ดังนั้นถ้าไม่มีการเลือกตั้งจะทำให้ภาพลักษณ์และสถานะของไทยเสียหาย ต่างชาติขาดความเชื่อมั่น ทำให้ไม่มาลงทุนในประเทศไทย มีผลเสียตามมามากมาย
 
ส่วนการประกาศปิดกรุงเทพฯของนายสุเทพนั้น เท่าที่พูดคุยกับประชาชนเขาบอกว่าทำไมต้องซ้ำเติมการทำมาหากินของประชาชนอีก นักการเมืองจะทะเลาะกันก็ว่าไป อย่าทำให้ประชาชนเดือดร้อน และตนเชื่อว่านายสุเทพจะทำไม่สำเร็จ

 แต่ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมยกตนข่มท่านของนายสุเทพทำให้พรรคเพื่อไทยหาเสียงง่ายขึ้นในหลายภาคทั่วประเทศที่ไม่พอใจการประท้วงของนายสุเทพและอยากออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเร็วๆ
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

"เทือก" หาเรื่องบรรหาร ซัดล้าหลัง ขู่ข้าราชการ-นักธุรกิจให้เข้าร่วมหลังปีใหม่ จะได้จบอย่างสงบ เมื่อ 31 ธ.ค.56



"เทือก" หาเรื่องบรรหาร ซัดล้าหลัง ขู่ข้าราชการ-นักธุรกิจให้เข้าร่วมหลังปีใหม่ จะได้จบอย่างสงบ
 

"เทือก" หาเรื่องบรรหาร ซัดล้าหลัง ขู่ข้าราชการ-นักธุรกิจให้เข้าร่วมหลังปีใหม่ จะได้จบอย่างสงบ

เวลา 20.00 น. วันที่ 30 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า มีความพยายามต่อรองให้เลิกการชุนนุม โดยบอกว่าจะเอาอะไรก็บอก แต่ตนได้เรียนกลับไปตรงๆว่า ท่านมองไม่ทะลุจิตใจของมวลมหาประชาชน

 คิดว่าเหมืนการชุมนุมอื่นๆ ที่มีอะไรก็ไปมองผู้นำ แต่การชุมนุมคราวนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น มาคุยกับตนไม่ได้ ต้องไปคุยกับคนเป็นล้าน เรื่องถึงจะจบ ที่พูดเช่นนี้ไม่ใ ช้เพราะตนก้าวร้าว

 แต่ประชาชนต้องการระบอบทักษิณ ถ้าข้อเสนอต่ำกว่านี้ไม่รับเงื่อนไข เพราะ ประชาชนเป็นคนกำกับให้ตนเป็นคนแสดงออกพูดจาแทนประชาชนหลายๆล้านคนทั่วประเทศไทย เพราะขณะนี้ประชาชนก้าวหน้าไปมาก ก้าวหน้ากว่านักการเมืองและข้าราชการไดโนเสาร์หลายคน

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า การที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้พูดกับสื่อว่า ตนจะปิดกทม.ทำไมนั้น ตนไม่มีโอกาสโทรศัพท์ไปชี้แจง แต่ตนต้องขอเรียนว่า คำถามที่ตั้งเป็นตัวอย่างที่ดี แสดงว่านักการเมืองตั้งแต่รุ่นนายบรรหารทั้งหลายไม่เข้าใจมวลมหาประชาชนชาวไทย 

เพราะประชาชนคิดล้ำหน้าหว่า นายบรรหารมาก ตนตอบแทนได้เลยว่า ที่มวลมหาประชาชนสั่งให้ตนซัดดาวน์ กทม.เพราะไม่ต้องการเห็นการเมืองเป็นแบบนี้อีกแล้ว ต้องให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ประชาชนไม่อดทนอีกต่อไปแล้วที่จะเห็นการเลือกตั้งที่มีการทุจริต เพราะวิธีการเลือกตั้งแบบนี้ไม่ทำให้ได้ดีเข้ามาทำงานในสภาฯแทนประชาชน และประชาชนยังเห็นชัดแล้วว่า การทุจริตคอร์รั่ปชั่นนั้นทำให้ชาติย่อยยับ โดยที่นักการเมืองไม่เคยละอายต่อบาป

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ก็มีความพยายามทำให้ตนเป็นพ่อค้ายา เพราะบังเอิญไปตำหนิตอนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นนายกฯ ฆ่าคนเพราะนโยบายยาเสพติด ตนไม่โกรธเพราะชีวิตมีคนเข้าใจผิดมามากแล้ว  ผมเรียนให้พี่น้องสบายใจว่าในบรรดาครัวต่างๆเป็นเงินที่บริสุทธิ์ ขอให้สบายใจได้ เพราะเป็นเงิน เป็นเงินบริสุทธิ์และไม่ได้โกงใครมา ซึ่งการที่ตำรวจนัดชุมนุมในวันนี้(30ธ.ค.) ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ตั้งเวทีปราศรัย ซึ่งบนเวทีปราศรัย โดยที่ตำรวจเขาคิดเอาเองว่า กปปส.ไม่ยุติธรรมไปด่าตำรวจให้คนเกลียดตำรวจ 

ซึ่งตนต้องขอเรียนไปยังตำรวจทั้งประเทศว่า ไม่มีความโกดแค้นอาฆาตตำรวจในภาพรวม แต่ไม่พอใจตำรวจเลวๆบางคนเท่านั้น คือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น ทั้งนี้ เรายังยืนยันว่าตำรวจส่วนใหญ่เป็นตำรวจที่ดี ทั้งนี้ ที่ต้องพูดถึง 3 คนนี้ เพราะเป็นตำรวจที่รับคำสั่งจากรัฐบาล และทำการเป็นปฏิปักษ์กับประชาชน

“หลังเหตุการณ์ปี 53 มีการตั้งข้อหาผม กับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่า ฆ่าคนตายโดยเจตนา ซึ่งก็ได้มอบตัวกับ นายธาริต เพ่งดิษฐ์ อดีบดีดีเอสไอ โดยพิมพ์ลายนิ้มมือเป็นผู้ตั้งหาเรียบร้อย และส่งไปให้อัยการ และนำไปฟ้องศาล นายอภิสิทธิ์ ศาลฟ้องไปแล้ว แต่ผมยังไม่ไปยุ่งอยู่ แต่ยืนยันว่าไม่หนีไปไหน การปฏิบัติหน้าที่ของทั้ง 3 คนทำให้เกิดคนตายแล้ว 

โดยเสียชีวิตเพราะถูกยิงจากที่สูงของชายชุดดำ และเมื่อเกิดเหตุนี้ ก็จะรอดูว่านายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ จะตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเล็งเห็นผลต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายสุรพงษ์ โตวิจักขณ์ชัย ที่ดูแลศอ.รส. หรือไม่ หากไม่ตั้งข้อหาก็จะเป็นการสองมาตรฐาน และจะดำเนินคดีกับนายธาริตอีก 1 คดี” นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราจะต้องปฏิบัติการหลังปีใหม่ คือต้องรวมประชาชน เพื่อทำให้โลกได้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลนี้ไม่สามารถบริหารประเทศนี้ต่อไป มีทางเดียวเท่านั้น คือ ยึดกทม. กทม.เป็นต้องอัมพาตชั่วคราว ศูนย์กลางอำนาจปกครองประเทศไม่ได้ ยึดถนนทุกสายให้เป็นถนนคนเดิน แล้วเราก็จะตั้งเวทีตามสี่แยกทั่วประเทศ องค์กรของประชาชนใดชอบใจที่จะปฏิบัติที่แยกไหน แจ้งมาที่เรา ต้องการคนปราศรัย การแสดงอะไร 

บอกมาได้ ไม่ว่าจะเป็น โนรา โขนหรือแม้แต่สิงโตก็เชิดกันให้เต็มที่ เรากำลังบริหารจัดการเตรียมการกันอยู่ ให้จราจรมันเป็นอัมพาต เพราะเราไม่ต้องการให้รถยนต์ของตำรวจไปปฏิบัติการได้ 

คนขับรถแท็กซี่ ตนได้ประกาศล่วนหน้าแล้วก็ขอให้ไปขับแถวชานเมือง หรือถ้าใครรู้จักคนขับก็เหมารถแท็กซี่มาขวางถนนได้เลยร่วมด้วยช่วยกัน ระบบเศรษฐกิจไม่เสียหายแน่นอน ขอให้นักธุรกิจร่วมมือกับประชาชนเพื่ออนาคตที่ดีของท่านเองด้วย และข้าราชการก็มาอยู่ข้างพี่น้องประชาชนได้แล้ว เรื่องมันจะได้จบอย่างสงบเรียบร้อย 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

สมเด็จพระบรมฯพระราชทานส.ค.ส.ปีใหม่เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2556



สมเด็จพระบรมฯพระราชทานส.ค.ส.ปีใหม่
 

สมเด็จพระบรมฯพระราชทานส.ค.ส.ปีใหม่

              เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2556 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทาน ส.ค.ส.ปีใหม่ เป็นพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ 

และข้อความภาษาอังกฤษว่า 

SEASON'S GREETINGS AND BEST WISHES FOR A VERY HAPPY NEW YEAR 

พร้อมทรงลงพระนามาภิไธย 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครื่องบินตกไร่ข้าวโพด หลังอุทยานฯ ภูเรือ ผู้โดยสาร-กัปตัน 4 คนรอดปาฏิหาริย์ เมื่อ 31 ธ.ค.56



เครื่องบินตกไร่ข้าวโพด หลังอุทยานฯ ภูเรือ ผู้โดยสาร-กัปตัน 4 คนรอดปาฏิหาริย์
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2556  เวลา 16.00 น.  

เกิดเหตุเครื่องบินเล็ก ขนาด 4 ที่นั่ง ยี่ห้อ Cirus รุ่น sr 20 เลขทะเบียน HS -ksj ตกที่บริเวณริมไร่ข้าวโพด หลังอุทยานแห่งชาติภูเรือ บ.ไฮตาก ต.ลาดค่าง อ.ภูเรือ จ.เลย  

สภาพเครื่องพังยับเยิน ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 14 อุดรธานีได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ให้การช่วยเหลือผู้โดยสารและกัปตัน  ซึ่งมีจำนวนรวม 4 คน ประกอบด้วย กัปตัน 1 คน และผู้โดยสารอีก 3 คน  

ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น และชาวบ้านที่ทำไร่อยู่บริเวณนั้นได้นำตัวส่งโรงพยาบาลภูเรือ อาการปลอดภัยและได้กลับบ้านแล้ว ส่วนกัปตันเครื่องบินลำนี้ คือนายวีรชัย สาระมโน ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ

นายวีรชัย กล่าวว่า ได้นำเครื่องบินขึ้นจากท่าอากาศยาน จ.เลยพร้อมผู้โดยสารอีก 3 คน เพื่อบินสำรวจภูมิประเทศแถบอำเภอภูเรือ จนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุเครื่องเกิดอาการระบบจ่ายน้ำมันขัดข้อง 

ทำให้เครื่องดับ ตนจึงพยายามบังคับเครื่องให้ลงนำไร่ข้าวโพด กระแทกพื้นจนได้รับความเสียหายดังกล่าว ส่วนซากเครื่องบินจะต้องรอบริษัทประกันเข้ามาตรวจสอบเสียก่อน 

จึงจะเก็บกู้ได้ คาดว่าจะดำเนินการได้ในวันที่ 31 ธันวาคมนี้
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

ปธ.กกต.เตือนนายกเลือกตั้งต่ออยู่ไม่สุขแนะยึดชาติ เมื่อ 31 ธ.ค.56



ปธ.กกต.เตือนนายกเลือกตั้งต่ออยู่ไม่สุขแนะยึดชาติ
 

ปธ.กกต. เตือน นายกฯ และรัฐบาล หากเดินหน้าเลือกตั้งอาจอยู่ไม่สุข

 แนะยึดประเทศชาติและประชาชน ขณะไม่มั่นใจจะได้ ส.ส. ครบ 95%  

นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เปิดเผย ขอเตือนไปยังนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ถ้าหากเดินหน้าให้มีการเลือกตั้ง ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ต่อไป จะไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลเอง และอาจจะอยู่รักษาการแบบไม่มีความสุขได้ 

พร้อมกันนี้ ยอมรับว่า ไม่มั่นใจ จะได้ ส.ส.ครบ 95% เพราะว่าปัญหาการรับสมัครจะไม่ราบรื่น และอาจเข้าข่ายก่อเหตุจลาจล อีกทั้ง จะทำให้จำนวนเขตเลือกตั้ง ขาด 26 เขตขึ้นไป และจะทำให้การเลือกตั้งไม่เกิดขึ้น และจะทำให้ไม่สามารถเปิดประชุมสภานัดแรกได้ 

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวได้เสนอแนะให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล รับทราบปัญหาแล้ว พร้อมย้ำ นายกรัฐมตรี สามารถตัดสินใจเลื่อนเลือกตั้งได้

ปธ.กกต. ระบุด้วยว่า ภายหลังพูดคุยกับคนในรัฐบาล น่าจะเป็นไปด้วยดี และยอมรับได้ทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม อยากเรียกร้องไปยังฝ่ายการเมืองและทุกฝ่าย อย่าพูดแต่ปากว่ารักชาติ

เพราะหากรักประเทศรักบ้านเมืองจริง ควรหันหน้ามาช่วยกันแก้ไข และหาทางออกให้กับประชาชนจะดีกว่า
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

ตำรวจตั้งเวทีลานพระรูปฯก่อม็อบ ยืน 2 ข้อ'หาคนยิงตร.-นายดูแล' เมื่อ 31 ธ.ค.56



ตำรวจตั้งเวทีลานพระรูปฯก่อม็อบ ยืน 2 ข้อ'หาคนยิงตร.-นายดูแล'
 

30 ธ.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ แสงสว่าง ผกก.1 บก.จร. 

เป็นแกนนำในการจัดเวทีแสดงพลังปกป้องศักดิ์ศรี เพื่อชุมนุมตำรวจทั้งชั้นผู้น้อยและสัญญาบัตร เพื่อเรียกร้องต่อพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และสังคม เนื่องจากขณะนี้ตำรวจกลายเป็นจำเลยของสังคม 

หลังเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุม คปท. จนเป็นเหตุให้มีประชาชนผู้ชุมนุมเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นายและบาดเจ็บ21 ราย

รายงานระบุว่า การชุมนุมครั้งนี้มีการไลน์บอกต่อๆกันในวงการตำรวจ เพื่อยื่นข้อเสนอ 2 ข้อคือ

 1.ต้องมีการสืบสวนสอแบสวนเพื่อดำเนินการจับกุมผู้ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต

 2.ตำรวจที่ถูกเรียกให้ไปปฏิบัติหน้าที่ต้องได้รับความคุ้มครองจากผู้บังคับบัญชา และตามกฎหมาย

ทั้งนี้การชุมนุมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายแต่งเครื่องแบบ พร้อมอาวุธประจำกาย ขณะที่ฝ่ายสืบสวนแต่งกายชุดพลเรือน อย่างไรก็ตามมีการระบุด้วยว่าจะมี ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) จำนวน 2 กองร้อย (300 คน) ประจำอยู่ในพื้นที่ด้วย

สำหรับ พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ แสงสว่าง ผกก. 1 บก.จร. นั้น จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน รุ่น 49

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  

DSIยันประกัน'ตั้ม-พิชิต'ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจศาล เมื่อ 31 ธ.ค.56



DSIยันประกัน'ตั้ม-พิชิต'ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจศาล
 
อธิบดีดีเอสไอ เผย การให้ประกัน "ตั้ม-พิชิต ชัยมงคล" แกนนำ คปท. ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาล 

คาด ส่งฝากขัง 31 ธ.ค. หากศาลไม่เปิดทำการวันนี้ - ขณะที่เจ้าตัวอยู่ในที่ปลอดภัย  

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยถึงกรณี ทนายความของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. มีความพยายามยื่นขอประกันตัว นายพิชิต ชัยมงคล หรือ ตั้ม โฆษกกลุ่ม คปท. ที่ถูกตำรวจเข้าควบคุมตัว ตามหมายจับกรณีปิดล้อมกระทรวงการต่างประเทศ 

โดย นายพิชิต ถูกจับระหว่างทำธุระที่ห้างซีคอนสแควร์ เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ 3 ฝ่าย ประกอบไปด้วย พนักงานสอบสวนดีเอสไอ อัยการ และตำรวจ ว่าจะค้านประกันตัว นายพิชิต หรือไม่ แต่ทั้งนี้การจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาล 

ซึ่งดีเอสไอไม่สามารถก้าวล่วงได้ ส่วนการควบคุมตัวนายพิชิตไปขออนุมัติศาลฝากขังในวันนี้หรือไม่นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าศาลเปิดทำการหรือไม่ แต่ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะนำตัวฝากขังในพรุ่งนี้ 
 
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ นายพิชิต อยู่ในที่ ที่ปลอดภัย และมีตำรวจคอยดูแล 

ซึ่งทางดีเอสไอ และตำรวจ ได้มีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

7มาตรการคืนเคานท์ดาวน์'การ์ดคปท.'คุมเข้ม เมื่อ 31 ธ.ค.56



7มาตรการคืนเคานท์ดาวน์'การ์ดคปท.'คุมเข้ม
 

นับตั้งแต่คนร้ายใช้อาวุธสงครามบุกกราดยิงกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) 

ซึ่งยึดพื้นที่ใกล้ทำเนียบรัฐบาล บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ชุมนุมขับไล่รัฐบาล เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 28 ธันวาคม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 3 คน ถัดมาอีกวันเกิดเหตุร้ายซ้ำ เมื่อคนร้ายนำประทัดยักษ์ปาใส่เต็นท์การ์ดอาสากองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าสำนักงานสหประชาชาติ (ยูเอ็น)เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 5 คน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นบาดเจ็บสาหัส

 เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมวิตกว่า ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ต่อเนื่องวันที่ 1 มกราคม ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมการชุมนุม และร่วมเคานท์ดาวน์ อาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสก่อเหตุความวุ่นวายขึ้น จนเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสีย ล่าสุดแกนนำสั่งการให้การ์ดและผู้ที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยผู้ชุมนุมเสริมแนวป้องกันการถูกผู้ไม่หวังดีลอบทำร้าย โดยมีการเสริมยางรถยนต์ กระสอบบรรจุทราย รวมถึงกำแพงแบร์ริเออร์ มาทำเป็นแนวกำบังเพื่อความปลอดภัย ขณะที่จุดเสี่ยงต่อการถูกโจมตี 4 จุดสำคัญ คือ1.สะพานลอยหน้าโรงเรียนราชวินิต 2.สะพานอรทัย 3.สะพานมิสกวัน 4.บริเวณหน้าเวที คปท. มีการเพิ่มกำลังการ์ดเข้าไปเฝ้าระวังเหตุร้ายตลอด 24 ชั่วโมง

นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ "ทนายนกเขา" แกนนำกลุ่ม คปท. เปิดเผยว่า เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยไว้ป้องกันเหตุร้ายในช่วงคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ไว้ 7 มาตรการ คือ 1.เพิ่มแสงสว่างบริเวณจุดที่ผู้ชุมนุมเข้าออกทั้งหมด 2.ติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณรอบๆ พื้นที่ชุมนุม เพื่อบันทึกภาพคนเข้าออก 3.วางแนวป้องกัน เช่น ยางรถยนต์ ถุงทราย ไว้ตรงบริเวณถนนรอบเวทีสำคัญ 4.ขยายพื้นที่ปิดถนนรอบนอกเพิ่มมากขึ้น 5.ประสานงานตำรวจให้ดูแลปิดกั้นการจราจรบางส่วน พร้อมตั้งด่านเพื่อประสานงานซึ่งกันและกัน 6.ขอความร่วมมือพี่น้องมวลชนให้เปิดกระเป๋าเพื่อตรวจดูภายในกระเป๋า 7.เพิ่มการ์ดบริเวณเวทีให้มากขึ้น

 "ยอมรับว่า คปท.เป็นเป้าหมายการถูกทำร้ายมากกว่าเวทีอื่น เพราะที่ผ่านมาเราเหมือนด่านหน้าเข้าไปเผชิญกับเรื่องต่างๆ แต่ไม่อยากให้ผู้ร่วมชุมนุมตื่นตระหนก และอยากให้ช่วยกันสังเกตคนรอบข้างว่าใครมีพฤติการณ์แปลกๆ หรือเปล่า ถ้าพบให้แจ้งการ์ดทันที เช่น มีการมาแอบถ่ายรูปในจุดที่ไม่ควรถ่าย หรือ มีการโทรศัพท์ด้วยข้อความมีพิรุธ โดยเฉพาะใครที่นำกระเป๋าหรือสิ่งของมาวางแล้วเดินหนีไป ให้ช่วยกันแจ้งเตือนทันที" นายนิติธร กล่าว

 สอดคล้องกับ "เคน" หนึ่งในการ์ด คปท. ซึ่งรับผิดชอบในการดูแลความปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุม ให้ข้อมูลว่า หลังจากคนร้ายนำอาวุธสงครามเข้ามากราดยิงใส่กลุ่ม คปท.เมื่อคืนวันที่ 28 ธันวาคม เป็นเหตุให้ นายยุทธนา องอาจ วัย 26 ปี การ์ด คปท.เสียชีวิต บรรดาการ์ด คปท.ได้เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น และได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือหากเกิดเหตุร้ายซ้ำอีก 

 "คืนเกิดเหตุผมอยู่ร่วมในเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่เราจนหมดแม็กซ์แล้วหนีไป ที่เขาก่อเหตุได้ เพราะช่วงนั้นเป็นเวลาตีสาม เป็นช่วงที่การ์ดมีอาการสะลึมสะลือ เพราะนอนน้อย ในแต่ละคืนนอนกันเพียง 3 ชั่วโมง อีกทั้งปกติแล้วพี่น้องชาวใต้ ซึ่งขันอาสามาทำหน้าที่การ์ดจะเคยชินกับการตื่นไปกรีดยางในช่วงเวลาตีสาม ไม่ได้ระวังตัว เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้าย หลังเกิดเหตุได้เสริมกำลังการ์ดในช่วงกะดึกมากขึ้น พร้อมทั้งเสริมแนวบังเกอร์ เพื่อป้องกันการถูกโจมตีในจุดเสี่ยง" การ์ด คปท.บอก

ขณะที่การ์ดอาสา ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุม บริเวณหน้าสนามม้านางเลิ้ง บอกว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายบุกโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุมในคืนวันที่ 28 ธันวาคม ได้มีมาตรการคุมเข้มรถยนต์เข้าออกพื้นที่ตั้งแต่หน้าสนามม้านางเลิ้งไปจนถึงหลังเวทีสะพานชมัยมรุเชฐ โดยจะอนุญาตให้รถยนต์ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้ พร้อมกันนี้ได้มีการนำกำแพงแบร์ริเออร์เข้ามาเสริมเพื่อใช้เป็นที่กำบังตัวหากถูกโจมตี

"คืนเกิดเหตุคนร้ายใช้รถสองคันขับตามกันมา คันแรกเป็นกระบะนำทาง คันที่สองเป็นรถเก๋งเก่าๆ คาดว่าคนร้ายที่นั่งอยู่ในรถเก๋งจะเป็นผู้ลงมือลั่นไก ก่อนขับหนีไป" การ์ดอาสา เล่าย้อนเหตุการณ์

 สำหรับการดูแลความปลอดภัยของตัวการ์ดเอง มีการสวมเสื้อกันกระสุนที่ทำขึ้นเอง โดยนำฟิล์มเอกซเรย์มายัดใส่ไว้ในเสื้อ พร้อมทั้งมีการถ่ายทอดประสบการณ์ระหว่างกันในการป้องกันตัวเอง

 โดยมีการกำชับกันว่า หากได้ยินเสียงปืนให้หมอบกับพื้น ห้ามลุกวิ่ง เพราะจะตกเป็นเป้ากระสุนได้ง่าย
                         
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

'นิติธร'เจอดี!มือมืดไล่ล่ากลางดึก 30 ธ.ค.56



'นิติธร'เจอดี!มือมืดไล่ล่ากลางดึก
 

'นิติธร'เจอดี!มือมืดไล่ล่ากลางดึก

'นิติธร'เจอดี!ชายฉกรรจ์ไล่ล่ากลางดึก สะกดรอยตามจากที่ชุมนุมก่อนขับรถปาดหน้า-เล็งปืน 'เจ้าตัว'ไหวตัวทัน เร่งความเร็วหนีกลับเวที เชื่อกลุ่มผู้ไม่หวังดีหวังอุ้มฆ่า

 30 ธ.ค.56 เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุมีชายฉกรรจ์จำนวนหลายคนใช้ยานพาหนะสะกดรอยตาม นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือคปท. หลังออกจากเวทีบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ด้วยยานพาหนะไปตามถนนพิษณุโลก เพื่อไปปฏิบัติภารกิจภายนอกที่ชุมนุม 

นายนิติธร กล่าวว่า เมื่อกลางดึกของคืนที่ผ่านมาระหว่างการเดินทางออกไปนอกพื้นที่การชุมนุมที่สะพานชมัยมรุเชษฐ์ ขณะที่ขับรถไปถึงแยกอุรุพงษ์ มุ่งหน้าราชเทวี ได้สังเกตพบมีรถยนต์ต้องสงสัยหลายคันขับตามประกบรถ ก่อนปาดหน้า และใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดเล็งมาที่รถจึงตัดสินใจเร่งความเร็ว ฝ่าไฟแดง หลบหนีกลับไปยังเวทีสะพานชมัยมรุเชษฐ์ทันที ทำให้รอดไปได้อย่างหวุดหวิด ลักษณะการก่อเหตุเชื่อว่าไม่ใช่ฝีมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นลักษณะของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่พยายามอุ้มฆ่า ขณะนี้อยู่ในที่
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ปฏิวัติประชาชนจบเร็วต้องบี้"ประยุทธ์" เลิกอุ้ม ปู-ช่วย แม้ว !! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 ธันวาคม 2556 06:22 น.

ปฏิวัติประชาชนจบเร็วต้องบี้"ประยุทธ์" เลิกอุ้ม ปู-ช่วย แม้ว !!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์31 ธันวาคม 2556 06:22 น.

ผ่าประเด็นร้อน 
       
       ยังไม่กำหนดวันเวลาแน่ชัดว่าจะเป็นวันไหนในการ "ปฏวัติประชาชน" ปฏิบัติการ "ยึดเมือง" แต่จากปากของ "กำนัน" สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ประกาศเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปีว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่หลังปีใหม่ตอนนี้ก็ให้พี่น้องประชาชนทั้งหลาย เตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะพร้อมรับสถานการณ์ "ชิงอำนาจ"ของประชาชนคืนมาจากรัฐบาล ทรราช ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ
       
       ขณะเดียวกันได้เรียกร้องให้บรรดาข้าราชการทั้งหลายให้มายืนเคียงข้างกับมวลมหาประชาชนที่รวมพลังกันออกมา เพราะทนไม่ไหวกับการใช้อำนาจที่ "ห่วยแตก" สร้างประโยชน์และหาผลประโยชน์ให้กับครอบครัวชินวัตรเท่านั้น
       
       แน่นอนว่ามวลมหาประชาชนออกมาคราวนี้มากมายเป็นประวัติการณ์ ไม่มีเคยมีมาก่อน ไม่ต้องเถียงกันแล้วจำนวนกี่หมื่น กี่แสนหรือกี่ล้านคน เอาเป็นว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีประชาชนพร้อมใจกันออกมามากมายล้นหลามแบบนี้มาก่อนก็แล้วกัน
       
       ที่สำคัญมากกว่า"ม็อบเสื้อแดง"ของ ทักษิณ ชินวัตรที่ระดมมาเผาบ้านเผาเมืองก่อนหน้านี้ก็แล้วกัน เพียงแต่ว่ามวลมหาประชาชนคราวนี้เป็นการแสดงพลัง ไม่ยอมรับระบอบทักษิณ ไม่เอารัฐบาลห่วยแบบนี้อีกแล้ว ไม่ได้กดดันด้วยการ "เผา" สร้างแรงกดดันด้วยการก่อจลาจล ไม่ได้ฆ่าตำรวจ ไม่ได้ฆ่าทหาร ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ มี"ชายชุดดำ"คอยซุ่มยิงสร้างสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
       
       การชุมนุมแบบสันติของประชาชนแบบนี้แน่นอนว่าต้องใช้เวลากว่าจะเผด็จศึกลงได้ หรือการบีบให้รัฐบาลลาออกไป แต่เมื่อต้องมาพบกับ "รัฐบาลทรราช"ที่หน้าด้าน ทำทุกทางเพื่อรักษาอำนาจ เพราะการมีอำนาจคือเครื่องมือในการ"สร้างความร่ำรวย"ให้กับตัวเองและพวกพ้องคนพวกนี้ก็ต้อง "ด้านและยื้อ"จนถึงที่สุด ไม่สนใจ ไม่แคร์ว่าว่าบ้านเมืองจะต้องสูญเสีย มากมายแค่ไหนก็ตาม เพราะหากเหตุการณ์เกิดขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยจริงรับรองว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลจะต้องลาออกไปแล้ว
       
       อย่างไรก็ดีปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นย่อมไม่อาจมาเปรียบเทียบกับรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภายใต้การสั่งการของ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชายเป็นอันขาด เพราะมันเป็น "ของปลอม"เป็นประชาธิปไตยแต่เปลือก แอบอ้างประชาธิปไตยมาหากิน รวมทั้งความหมายของประชาธิปไตยเพียงแค่ "เลือกตั้ง" เพื่อใช้เสียงส่วนใหญ่มาหาประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช่ประโยชน์ของคนส่วนใหญ่
       
       ดังนั้นเมื่อเป็นของปลอม มันก็ใช้มาตรฐานทางจริยธรรมแบบสากลทั่วไปไม่ได้เป็นอันขาด ทุกอย่างที่เห็นล้วน "ด้าน"เหลือกำลัง ทำทุกทางเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ให้นานที่สุด สิ่งที่กำลังทำอยู่ในเวลานี้ก็คือใช้กลไกข้าราชการ เป็นฐานรักษาอำนจอย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้ และสำหรับระบอบทักษิณ รวมไปถึงรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ความหมายก็คือใช้ "รัฐตำรวจ"ข่มขู่ คุกคาม ปราบปรามฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งมวลมหาประชาชนที่กำลังออกมาขับไล่รัฐบาลทรราชกันอยู่ในเวลานี้
       
       ขณะเดียวกันนอกจากมีรัฐตำรวจ มี"ตำรวจขี้ข้า"คอยรับใช้รักษาอำนาจกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ยังถือว่าสร้างความ"เสี่ยงภัย"ให้กับชาวบ้านมากพออยู่แล้ว นาทีนี้ยังต้องเพิ่มความลำบาก "รำคาญใจ"กับ "นายทหารบางคน"ในกองทัพ ซึ่งจากท่าที และคำพูดแทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น "ทหารแตงโม" ที่ถวายตัวรับใช้ ทักษิณ ชินวัตร ไปเรียบร้อยแล้ว นั่นคือการปกป้องรับใช้รัฐบาลทรราช ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปด้วย อย่างที่บอกว่าให้ "ถอยกันคนละก้าว" หรือว่าตัวเองขอ "เป็นกลาง" ซึ่งในความเป็นจริงในความ "ชั่ว"กับความ"ดี"ถูกกับผิด หมือนกับรัฐบาลนี้ ระบอบทักษิณ ที่เห็นกันอยู่แล้วว่าทุจริต เลว ห่วย อย่างไรมันไม่มีทางเป็นกลางหรือถอยให้เป็นอันขาด คนที่พูดแบบนี้ถือว่า "เอาตัวรอด"เท่านั้นเอง
       
       อย่างไรก็ดีนาทีนี้ถือว่ามวลชนเขา"ตื่นรูั"และรับรู้ถึงที่มาที่ไปของ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปถึงนายทหารรุ่นพี่ในกลุ่ม "บูรพาพยัคฆ์"อีกหลายคนได้เป็นอย่างดี ดังนั้นถึงเวลาก็ต้องกวาดพร้อมกันไปทีเดียวพร้อมกันให้หมด ไม่ต้องเกรงใจกันอีกแล้ว ดังนั้นถึงเวลาต้องกดดันให้เลิกนำกองทัพไปอุ้มรัฐบาลชั่วๆแบบนี้ได้แล้ว และต่อไปหากไม่ทำตามก่วยไม่ได้ที่จะต้องไล่ออกไปให้พ้นทาง เพราะการปฏิวัติประชาชนไม่มีทางสำเร็จได้เร็ว หากยังมีพวก "ทหารแตงโม"แบบนี้คอยขวางคลองอยู่ !!

“สุเทพ” ยันเป็นศัตรูเฉพาะกับตำรวจเลว - ปิดกรุงให้ ปชช.ตั้งเวทีทุกแยก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 ธันวาคม 2556 22:00 น.

“สุเทพ” ยันเป็นศัตรูเฉพาะกับตำรวจเลว - ปิดกรุงให้ ปชช.ตั้งเวทีทุกแยก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์30 ธันวาคม 2556 22:00 น.

“สุเทพ” ยันมวลมหาประชาชนไม่พอใจเฉพาะบิ๊กตำรวจ “อดุลย์-วรพงษ์-คำรณวิทย์” หลังปราบปรามทำคนเจ็บ-ตาย ไม่ได้เกลียดชังในภาพรวม ชวนตำรวจที่ดีแยกตัวออกมาร่วมกับประชาชน พร้อมประกาศให้มวลชนตั้งเวทีทุกสามแยก-สี่แยก ปิดกรุงให้เป็นอัมพาตหลังปีใหม่ วอนข้าราชการทิ้งระบอบทักษิณเรื่องจะได้จบเร็ว 
       
       

       
        คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัย  
       
       วันนี้ (30 ธ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ปราศรัยที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตอนหนึ่งว่า วันนี้มีการชุมนุมของตำรวจที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมีการปราศรัยกันว่า กปปส.ไปพูดจาให้คนเกลียดตำรวจ ซึ่งตนขอยืนยันกับตำรวจทั้งประเทศว่ามวลมหาประชาชนไม่มีความเกลียดชังตำรวจในภาพรวม แต่ไม่พอใจเฉพาะตำรวจเลวบางคนเท่านั้น ซึ่งที่ตนพูดไว้มี 3 ชื่อเท่านั้น คือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว (ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา (รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง (ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล) ที่ต้องพูดถึง 3 ท่านนี้เพราะเป็นตำรวจที่รับคำสั่งมาจากรัฐบาลและกระทำการหลายอย่างที่เป็นปฏิปักษ์ต่อมวลมหาประชาชน
       
       หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นผู้อำนวยการ ได้ตั้งตำรวจ 3 คนนี้ให้มารับผิดชอบปฎิบัติหน้าที่จัดการกับประชาชน ปรากฏว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ชุดนี้ทำให้คนตาย คนเจ็บ ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นมือที่ 3 ซึ่งตนจะคอยดูเมื่อมีการตายอย่างนี้เพราะคำสั่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายสุรพงษ์ ว่านายธาริตจะตั้งข้อหาว่าเจตนาฆ่าคนตายโดยเล็งเห็นผลหรือไม่ เหมือนกับที่ตั้งข้อหาตนและนายอภิสิทธิ์จากเหตุการณ์ชุมนุมเสื้อแดงเมื่อปี 53 ถ้านายธาริตไม่ตั้งข้อหา 2 คนนั้น ก็แสดงว่าสองมาตรฐาน ตนก็จะดำเนินการดำเนินคดีว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
       
       อยากจะบอกไปยังพี่น้องที่กำลังถูกคนยุยงปลุกปั่นให้เข้าใจมวลมหาประชาชนผิด ว่าอย่าได้คิดอย่างนั้น เพราะเราลุกขึ้นมาต่อสู้ไม่ได้ตั้งใจมาต่อสู้กับตำรวจหรือข้าราชการ แต่เราสู้กับระบอบทักษิณเท่านั้น ใครไม่ใช่ขี้ข้าทักษิณไม่เกี่ยว ถ้าตำรวจส่วนใหญ่ในแผ่นดินนี้ไม่ใช่ขี้ข้าทักษิณ อย่ามาเดือดร้อนกับเขาเลย ตำรวจทำถูกต้องแล้วที่จะปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรี แต่ไม่มีหน้าที่ไปปกป้องคนเลว ตนขอเชิญชวนข้าราชการตำรวจที่เป็นตำรวจที่ดีให้แยกตัวออกมา อย่าไปเป็นตำรวจชั่ว
       
       ให้ตำรวจมั่นใจว่ามวลมหาประชาชนไม่มีใจมาดร้ายต่อตำรวจทั้งระบบ เราสู้เพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว ตนจึงได้พูดเมื่อคืนนี้ว่าจิตใจของมวลมหาประชาชนสูงส่งกว่าตำรวจอย่าง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไม่ได้คิดจะไปรบราเข่นฆ่าเหมือนอย่างที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ประกาศความยโสโอหัง ประชาชนอย่างเรารู้ดีว่าไม่ควรลงไปกัดกับหมาบ้า เพราะฉะนั้นขอให้ข้าราชการตำรวจแยกแยะความถูกความผิด อย่าหลงมาตั้งตนเป็นศัตรูกับประชาชน
       
       เลขาฯ กปปส.กล่าวด้วยว่า ที่ตนนัดหมายไว้หลังเทศกาลปีใหม่ จะปฏิบัติการใหญ่ ยึดกรุงเทพฯ ปิดกรุงเทพฯ และคำว่าปฏิวัติประชาชน บางคนติดใจคิดว่าเราเป็นคอมมิวนิสต์ มันไม่เกี่ยว เพราะคราวนี้ทำโดยประชาชน โดยสันติ ด้วยมือเปล่า ไม่ฆ่าใคร ไม่ทำร้ายใครทั้งสิ้น
       
       ถ้าเป็นประเทศอื่นคนลุกขึ้นต่อสู้เป็นล้านๆ สู้ยาวนานขนาดนี้ รัฐบาลประเทศอื่นไปนานแล้ว แต่บังเอิญนายกฯ ของตระกูลชินวัตรดื้อด้านมาก ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หนีไปอยู่เชียงใหม่ ท่ามกลางคนของตัวเอง โดยไม่สนใจที่เจ้าหน้าที่ออกมาปราบปรามประชาชน ไม่สนแล้วก็ไม่ออกจากตำแหน่ง เราจึงต้องออกแรง
       
       “สิ่งที่เราต้องปฏิบัติการร่วมกันหลังปีใหม่ คือ รวมพลังประชาชนทั้งประเทศ ปฏิบัติการให้ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร เห็นชัดว่ารัฐบาลนี้ไม่เป็นที่ต้องการของคนทั้งประเทศ และบริหารประเทศไม่ได้อีกต่อไป มีทางเดียวคือปฏิบัติการยึดกรุงเทพฯ กรุงเทพฯ ต้องเป็นอัมพาตชั่วคราว เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลล้มเหลว ศูนย์กลางอำนาจถูกประชาชนยึดเรียบร้อยแล้ว” นายสุเทพกล่าว
       
       นายสุเทพกล่าวต่ออีกว่า ย้ำว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ไม่ต้องตกใจ เราไม่มีอาวุธ ออกมาด้วยความสำนึกในหน้าที่รับผิดชอบว่าเป็นเจ้าของประเทศไทย จำเป็นต้องออกมาทำหน้าที่ก็ออกมา โดยเราจะยึดถนนทุกสายในกรุงเทพให้เป็นถนนคนเดินหมด และจะตั้งเวทีตามสามแยก-สี่แยก ทั่วกรุงเทพฯ และตั้งแต่นี้เป็นต้นไปองค์กรของภาคประชาชนองค์กรไหนต้องการไปปฏิบัติการที่สามแยก-สี่แยกไหน แจ้งมาได้เลย อยากจะจัดเวที จัดการแสดงอะไร เพราะเป็นเวทีของประชาชนทั้งนั้น
       
       และที่ต้องทำให้เป็นถนนคนเดิน เพราะไม่ต้องการให้รถของทหาร ตำรวจ ข้าราชการไปทำงานได้ และต้องขอโทษล่วงหน้าสำหรับคนที่ทนไม่ได้ที่รู้สึกว่าเดือดร้อน บ้านเมืองจะต้องเปลี่ยนแปลงได้ต้องมีเดือดร้อนกันบ้าง
       
       ทั้งนี้ ขอฝากถึงถึงข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร เมื่อประชาชนลงทุนลงแรงขนาดนี้ ถึงเวลานั้นพี่น้องข้าราชการตัดใจทิ้งระบอบทักษิณมาอยู่ข้างประชาชน เรื่องจะได้จบโดยรวดเร็วเรียบร้อย