วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สัญญาณเลือกตั้งเลือด “ยิ่งลักษณ์” จะดื้อไปถึงไหน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 ธันวาคม 2556 07:31 น

สัญญาณเลือกตั้งเลือด “ยิ่งลักษณ์” จะดื้อไปถึงไหน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์27 ธันวาคม 2556 07:31 น

รายงานการเมือง
       
       ภาพการระดมยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง ไปจนถึงกระสุนจริงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม คปท.ที่ไปล้อมสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงซึ่งเป็นสถานที่รับสมัครผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ในช่วงเช้าของวันที่ 26 ธันวาคม 2556 ในขณะที่ภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 กกต.ยังดำเนินการเปิดรับสมัครผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อโดยมี 30 พรรคการเมือง ร่วมเป็นสักขีพยานในการจับสลาก
       
       เสมือนกับว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเป็นปกติทั้งๆ ที่ด้านนอกสถานการณ์เดือดมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
       
       สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นที่สะท้อนชัดว่า การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557นี้ ไม่มีทางเป็นไปอย่างราบรื่น แต่อาจพัฒนาไปสู่ “การเลือกตั้งเลือด” ภายใต้การบริหารประเทศของผู้หญิงที่ชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยจากตระกูลชินวัตร
       
       แม้ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองกำลังบีบคั้นยิ่งลักษณ์อย่างหนักแต่เธอกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินสายอยู่เชียงใหม่หาเสียงกับประชาชนทั้งที่หมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 181 (4) ที่บัญญัติไว้ว่า
       
       “ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งและไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด”
       
       สะท้อนให้เห็นถึงใจทมิฬหินชาติของผู้หญิงที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ซึ่งเคยประกาศก่อนรับตำแหน่งนายกฯ ว่าจะใช้ความเป็นผู้หญิงเข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้งเพื่อสร้างความปรองดองแต่สองมือกับหนึ่งสมองของเธอกลับทำให้ประเทศไทยเข้าสู่วิกฤตการเมืองครั้งรุนแรงที่สุด
       
       รุนแรงมากกว่าในช่วงปี 2549 ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมขับไล่นักโทษหนีคดีทักษิณ จนเกิดการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 เพราะในขณะนั้นเป็นการลุกขึ้นมาต่อต้านพฤติกรรมไร้สำนึกของทักษิณที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตย่ำยีรัฐธรรมนูญปี 40 เป็นเผด็จการรัฐสภาบริหารแบบทุจริตเชิงนโยบาย แต่ยังไม่มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนในชาติ
       
       จนกระทั่งมีการก่อตั้งกลุ่มคนเสื้อแดงขึ้นมาเป็นกองกำลังให้กับตระกูลชินวัตรเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองควบคู่ไปกับการก่อวินาศกรรมในเมืองหลวงซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 31 ธันวาคม 2549 และ 1 มกราคม 2550 ซึ่งเป็นช่วงที่คนไทยควรจะมีความสุขกับการเฉลิมฉลองในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
       
       แต่สิ่งที่คนกรุงเทพฯ ต้องเผชิญกลับกลายเป็นเสียงระเบิดแทนการตะโกนแฮปปี้นิวเยียร์ โดยเกิดเหตุระเบิดที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ในขณะที่คนไทยกำลังนับถอยหลังส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในหลายพื้นที่ ทั้งที่อนุสาวรรีย์ชัยสมรภูมิ เขตคลองเตย สะพานควาย ซีคอนสแควร์ สี่แยกแคราย สุมขุมวิทซอย 62 ภัตตาคารอาหารทะเล เซ็นทรัลเวิลด์บริเวณสะพานลอย และยังมีระเบิดในอีกหลายพื้นที่
       
       มีผู้เสียชีวิต 3 คน และได้รับบาดเจ็บเกือบ 40 คน แม้ว่านักโทษหนีคดีทักษิณ จะออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบโดยอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่การวิเคราะห์จากงานด้านข่าวกรองกลับยืนยันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทักษิณพูด
       
       สถานการณ์เริ่มขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 52-53 เมื่อขี้ข้าของทักษิณปลุกระดมประชาชน สร้างสงครามชนชั้น ประกาศ “แดงทั้งแผ่นดิน” จนแตกแยกไปทั้งประเทศ มีการจาบจ้วงสถาบันอย่างเปิดเผยชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนมีการชุมนุมต่อเนื่องควบคู่ไปกับการก่อวินาศกรรมกระทั่งมีผู้เสียชีวิตทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนกว่า 90 ศพบาดเจ็บจำนวนมาก
       
       นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สร้างความสูญเสียให้แก่ประเทศอย่างรุนแรงเพียงเพื่อสังเวยความแค้นของทักษิณที่ถูกยึดเงินปล้นชาติ 4.6 หมื่นล้าน และถูกทหารถีบออกจากอำนาจ
       
       เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ในปี 2554 คนไทยจำนวนไม่น้อยจำยอมเลือกพรรคเพื่อไทยเพราะกลัวฤทธิ์คนเสื้อแดงที่อาละวาดหวังชาติจะสงบหากพรรคเพื่อไทยได้อำนาจตามที่ทักษิณต้องการแต่สถานการณ์กลับเลวร้ายลงหลังจากที่ไทยได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
       
       กว่าสองปีในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมแล้วว่าหญิงอย่างยิ่งลักษณ์มีคุณสมบัติอย่างไร
       
       เรื่องส่วนตัวมีแต่ข่าวหมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมไร้คำตอบกรณี ว.5 ชั้น 7 โฟร์ซีซั่นส์ ที่ยังเป็นปริศนาอยู่ว่ามี “ความลับ” อะไรเกิดขึ้นที่นั่น ระหว่างยิ่งลักษณ์กับเศรษฐา ทวีสิน
       
       เรื่องของครอบครัวเธอทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อเปิดช่องให้ครอบครัวแสวงหาประโยชน์จากเงินแผ่นดินย่ำยีกฎหมายทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม เพื่อช่วยนักโทษหนีคดีให้พ้นผิดกินรวบประเทศ ทำให้เกิดเผด็จการรัฐสภา ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายใช้เสื้อแดงเป็นกองกำลังส่วนตัว จนเกิดความขัดแย้งหนักหน่วงรุนแรงมากขึ้น
       
       ยิ่งลักษณ์กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีประชาชนออกมาขับไล่มากที่สุดในโลก แต่เธอยังไม่ยี่หระ กอดความชอบธรรมเดียวที่มีคือการมาจากการเลือกตั้ง
       
       แม้ กกต.จะเสนอให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปแต่นอกจากเธอจะไม่ปฏิบัติตามแล้ว ยังเดินทางไปสำนักงาน กกต.กดดันจน กกต.ต้องยอมจัดการเลือกตั้งตามที่รัฐบาลต้องการ เนื่องจากมีหน้าที่ตามกฎหมาย
       
       สุดท้ายเหตุรุนแรงก็เกิดขึ้นจนได้ แต่ยิ่งลักษณ์ก็ยังไม่แสดงให้เห็นว่ามีสำนึกผิดชอบชั่วดี ที่เป็นผู้สร้างปมขัดแย้งให้บ้านเมืองเข้าสู่วิกฤตรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง เพราะแม้ว่าในปี 2549 พรรคฝ่ายค้านจะบอยคอตเลือกตั้งแต่ก็ไม่เคยมีประชาชนออกไปขัดขวางการเลือกตั้ง
       
       แต่ในการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 ภายใต้การบริหารงานของยิ่งลักษณ์ผู้ที่บอยคอตการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่พรรคประชาธิปัตย์ แต่มีประชาชนจำนวนมากที่บอยคอตการเลือกตั้งของรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม
       
       เลือดหยดแรกที่หลั่งรินลงสู่หน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงเป็นสัญญาณเตือนยิ่งลักษณ์ เป็นครั้งสุดท้ายว่าหากยังดึงดันที่จะสืบทอดอำนาจระบอบทักษิณต่อไป เธอจะไม่มีโอกาสเลี้ยงลูกให้เติบโตในเมืองไทยได้อีกต่อไปและนอกจากจะได้เป็นนายกฯ หญิงคนแรกของไทยแล้วเธอจะถูกจดจำในฐานะทรราชหญิงคนแรกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น