วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

7มาตรการคืนเคานท์ดาวน์'การ์ดคปท.'คุมเข้ม เมื่อ 31 ธ.ค.56



7มาตรการคืนเคานท์ดาวน์'การ์ดคปท.'คุมเข้ม
 

นับตั้งแต่คนร้ายใช้อาวุธสงครามบุกกราดยิงกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) 

ซึ่งยึดพื้นที่ใกล้ทำเนียบรัฐบาล บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ชุมนุมขับไล่รัฐบาล เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 28 ธันวาคม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 3 คน ถัดมาอีกวันเกิดเหตุร้ายซ้ำ เมื่อคนร้ายนำประทัดยักษ์ปาใส่เต็นท์การ์ดอาสากองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าสำนักงานสหประชาชาติ (ยูเอ็น)เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 5 คน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นบาดเจ็บสาหัส

 เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมวิตกว่า ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ต่อเนื่องวันที่ 1 มกราคม ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมการชุมนุม และร่วมเคานท์ดาวน์ อาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสก่อเหตุความวุ่นวายขึ้น จนเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสีย ล่าสุดแกนนำสั่งการให้การ์ดและผู้ที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยผู้ชุมนุมเสริมแนวป้องกันการถูกผู้ไม่หวังดีลอบทำร้าย โดยมีการเสริมยางรถยนต์ กระสอบบรรจุทราย รวมถึงกำแพงแบร์ริเออร์ มาทำเป็นแนวกำบังเพื่อความปลอดภัย ขณะที่จุดเสี่ยงต่อการถูกโจมตี 4 จุดสำคัญ คือ1.สะพานลอยหน้าโรงเรียนราชวินิต 2.สะพานอรทัย 3.สะพานมิสกวัน 4.บริเวณหน้าเวที คปท. มีการเพิ่มกำลังการ์ดเข้าไปเฝ้าระวังเหตุร้ายตลอด 24 ชั่วโมง

นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ "ทนายนกเขา" แกนนำกลุ่ม คปท. เปิดเผยว่า เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยไว้ป้องกันเหตุร้ายในช่วงคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ไว้ 7 มาตรการ คือ 1.เพิ่มแสงสว่างบริเวณจุดที่ผู้ชุมนุมเข้าออกทั้งหมด 2.ติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณรอบๆ พื้นที่ชุมนุม เพื่อบันทึกภาพคนเข้าออก 3.วางแนวป้องกัน เช่น ยางรถยนต์ ถุงทราย ไว้ตรงบริเวณถนนรอบเวทีสำคัญ 4.ขยายพื้นที่ปิดถนนรอบนอกเพิ่มมากขึ้น 5.ประสานงานตำรวจให้ดูแลปิดกั้นการจราจรบางส่วน พร้อมตั้งด่านเพื่อประสานงานซึ่งกันและกัน 6.ขอความร่วมมือพี่น้องมวลชนให้เปิดกระเป๋าเพื่อตรวจดูภายในกระเป๋า 7.เพิ่มการ์ดบริเวณเวทีให้มากขึ้น

 "ยอมรับว่า คปท.เป็นเป้าหมายการถูกทำร้ายมากกว่าเวทีอื่น เพราะที่ผ่านมาเราเหมือนด่านหน้าเข้าไปเผชิญกับเรื่องต่างๆ แต่ไม่อยากให้ผู้ร่วมชุมนุมตื่นตระหนก และอยากให้ช่วยกันสังเกตคนรอบข้างว่าใครมีพฤติการณ์แปลกๆ หรือเปล่า ถ้าพบให้แจ้งการ์ดทันที เช่น มีการมาแอบถ่ายรูปในจุดที่ไม่ควรถ่าย หรือ มีการโทรศัพท์ด้วยข้อความมีพิรุธ โดยเฉพาะใครที่นำกระเป๋าหรือสิ่งของมาวางแล้วเดินหนีไป ให้ช่วยกันแจ้งเตือนทันที" นายนิติธร กล่าว

 สอดคล้องกับ "เคน" หนึ่งในการ์ด คปท. ซึ่งรับผิดชอบในการดูแลความปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุม ให้ข้อมูลว่า หลังจากคนร้ายนำอาวุธสงครามเข้ามากราดยิงใส่กลุ่ม คปท.เมื่อคืนวันที่ 28 ธันวาคม เป็นเหตุให้ นายยุทธนา องอาจ วัย 26 ปี การ์ด คปท.เสียชีวิต บรรดาการ์ด คปท.ได้เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น และได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือหากเกิดเหตุร้ายซ้ำอีก 

 "คืนเกิดเหตุผมอยู่ร่วมในเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่เราจนหมดแม็กซ์แล้วหนีไป ที่เขาก่อเหตุได้ เพราะช่วงนั้นเป็นเวลาตีสาม เป็นช่วงที่การ์ดมีอาการสะลึมสะลือ เพราะนอนน้อย ในแต่ละคืนนอนกันเพียง 3 ชั่วโมง อีกทั้งปกติแล้วพี่น้องชาวใต้ ซึ่งขันอาสามาทำหน้าที่การ์ดจะเคยชินกับการตื่นไปกรีดยางในช่วงเวลาตีสาม ไม่ได้ระวังตัว เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้าย หลังเกิดเหตุได้เสริมกำลังการ์ดในช่วงกะดึกมากขึ้น พร้อมทั้งเสริมแนวบังเกอร์ เพื่อป้องกันการถูกโจมตีในจุดเสี่ยง" การ์ด คปท.บอก

ขณะที่การ์ดอาสา ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุม บริเวณหน้าสนามม้านางเลิ้ง บอกว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายบุกโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุมในคืนวันที่ 28 ธันวาคม ได้มีมาตรการคุมเข้มรถยนต์เข้าออกพื้นที่ตั้งแต่หน้าสนามม้านางเลิ้งไปจนถึงหลังเวทีสะพานชมัยมรุเชฐ โดยจะอนุญาตให้รถยนต์ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้ พร้อมกันนี้ได้มีการนำกำแพงแบร์ริเออร์เข้ามาเสริมเพื่อใช้เป็นที่กำบังตัวหากถูกโจมตี

"คืนเกิดเหตุคนร้ายใช้รถสองคันขับตามกันมา คันแรกเป็นกระบะนำทาง คันที่สองเป็นรถเก๋งเก่าๆ คาดว่าคนร้ายที่นั่งอยู่ในรถเก๋งจะเป็นผู้ลงมือลั่นไก ก่อนขับหนีไป" การ์ดอาสา เล่าย้อนเหตุการณ์

 สำหรับการดูแลความปลอดภัยของตัวการ์ดเอง มีการสวมเสื้อกันกระสุนที่ทำขึ้นเอง โดยนำฟิล์มเอกซเรย์มายัดใส่ไว้ในเสื้อ พร้อมทั้งมีการถ่ายทอดประสบการณ์ระหว่างกันในการป้องกันตัวเอง

 โดยมีการกำชับกันว่า หากได้ยินเสียงปืนให้หมอบกับพื้น ห้ามลุกวิ่ง เพราะจะตกเป็นเป้ากระสุนได้ง่าย
                         
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น