วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การยุทธ์ กลาโหม เพลี่ยงพล้ำ ทางยุทธศาสตร์ พ่ายแพ้ ทั้งกระดาน 31 ส.ค.55


วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 11:00:16 น.

(ที่มา:มติชนรายวัน 31 สิงหาคม 2555)

(ที่มา:มติชนรายวัน 31 สิงหาคม 2555)

กรณี ปลัดกระทรวงกลาโหม ทำหนังสือ 2 ฉบับส่งถึง นายกรัฐมนตรี และประธานองคมนตรี กล่าวโทษรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในเรื่องการแต่งตั้งและโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล

เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดในทางยุทธศาสตร์

นั่นเป็นการสรุปตามภาษาทางการทหาร แต่หากสรุปตามสำนวนของนักเล่นหมากรุก ไม่ว่าหมากรุกไทย ไม่ว่าหมากรุกฝรั่ง ก็ต้องว่า

เดินพลาดตาเดียว แพ้ทั้งกระดาน

จึงไม่แปลกที่คล้อยหลังการส่งหนังสือเพียง 2 วัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็พลิกจากตั้งรับมาเป็นฝ่ายรุก

รุกฆาต

นั่นก็คือ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 มาตรา 9 และมาตรา 24 พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ย้ายปลัดกระทรวงกลาโหมไปช่วยราชการ ณ สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม

และพลันที่ พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา ถือธูปเทียนดอกไม้เข้าขอขมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และยอมรับคำสั่งที่ 383/55 ทุกอย่างก็จบ

เอวัง

ปลัดกระทรวงกลาโหม กระทำความผิดอย่างแน่นอน เป็นความผิดที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสามารถใช้พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 จัดการได้

จัดการได้อย่างชอบธรรม

รูปธรรมแห่งความผิดก็ดำเนินไปอย่างที่ พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตราออกมายอมรับ

1 ผิดที่มีส่วนร่วมทำหนังสือกล่าวโทษรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

1 ผิดที่มีส่วนร่วม "รวมถึงหนังสือนำเรียนนายกรัฐมนตรีและนำเรียนประธานองคมนตรีซึ่งไม่ถูกขั้นตอน"

ทุกอย่างเป็นดังที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต แถลง

"การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเป็นเรื่องภายใน ในเมื่อขั้นตอนยังไม่สิ้นสุดไม่ควรนำเรื่องออกไปเผยแพร่ข้างนอก หรือทำเรื่องร้องเรียนไป เพราะสุดท้ายนายกรัฐมนตรีก็ต้องรู้อยู่แล้ว ดังนั้น ควรให้เรื่องจบในกระบวนการของกระทรวงก่อน"

ตรงนี้เองที่นำไปสู่การระบุกล่าวโทษว่าผิดวินัยขั้นร้ายแรง

รู้ทั้งรู้ว่าปฏิบัติการทั้งหมดเป็นเรื่องผิดระบบ ข้ามขั้นตอน เหตุใดปลัดกระทรวงกลาโหมจึงได้ลงมือกระทำอันสะท้อนให้เห็นในกาลต่อมาว่าเป็นความผิดพลาดในขั้นยุทธศาสตร์

พังทั้งกระดาน

ต้องยอมรับว่าดุลกำลังทางการเมือง การทหาร มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในห้วง 1 ปีภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554

ที่เคยเป็นฝ่ายรุกก็อยู่ในลักษณะตั้งรับ และทำท่าว่าบางส่วนต้องถอย

รูปธรรมง่ายๆ และเด่นชัดอย่างยิ่งก็คือ ความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ การแปรเปลี่ยนจากสถานะแห่งรัฐบาลกลายเป็นฝ่ายค้าน

คำถามอยู่ที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์รู้ตัวหรือไม่ และปรับเปลี่ยนได้หรือไม่

รูปธรรมง่ายๆ และเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับก็คือ สถานะที่เคยกล่าวหาคนอื่นและอยู่ในจุดที่สามารถเรียกคนอื่นมาให้ปากคำ กลับกลายเป็นตนเองต่างหากที่ถูกกล่าวหาและตกอยู่ในฐานะถูกหมายเรียกไปให้ปากคำ

น่าเศร้าที่กระทั่ง ณ วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตรยังไม่รู้สึกตัว ยังไม่ตระหนักในสถานะเป็นฝ่ายรับ

รูปธรรมง่ายๆ และเด่นชัดมากยิ่งกว่านั้นสัมผัสได้จากคำวินิจฉัยล่าสุดของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นอันเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และรวมถึงคำวินิจฉัยอันเกี่ยวกับกรณีซีทีเอ็กซ์ของ ป.ป.ช.

นี่คือสภาพแปรเปลี่ยนอันสะท้อนการจัดระเบียบใหม่ของดุลกำลังทางการเมือง การทหาร

ยุทธศาสตร์ใหม่ การเมืองใหม่

เมื่อกำหนดยุทธศาสตร์คลาดเคลื่อน จึงแทนที่จะกำชัยชนะกลับต้องประสบกับความเพลี่ยงพล้ำ

แทนที่จะอยู่ในสถานะรุกกลับกลายเป็นตั้งรับ แทนที่จะตีฝ่าแนวรบไปสู่ชัยชนะอันรุ่งโรจน์งดงาม กลับต้องประสบกับความพ่ายแพ้อย่างน่าอัปยศ

ถูกรุกฆาต ล้มกระดาน

ปภ.ประกาศเตือน 20 จังหวัด รับมือน้ำท่วม 1-6 ก.ย.นี้



ปภ.ประกาศเตือน 20 จังหวัด รับมือน้ำท่วม 1-6 ก.ย.นี้

นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. ได้มีโทรสารด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการ 20 จังหวัดในภาคเหนือและอีสาน ได้แก่ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ว่า หลังกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือน ฉบับที่ 1 ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ในหลายพื้นที่ภาคเหนือ และอีสาน ระหว่างวันที่ 1 - 6 ก.ย.นี้
เพื่อให้เป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ จึงให้ทางจังหวัดเตรียมการดังนี้
1. ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบ
2. ให้ผู้ว่าฯ กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจพื้นที่เก็บน้ำ ให้มั่นคงแข็งแรง หากต้องซ่อมแซมให้เร่งดำเนินการ
3. ให้ช่วยเหลือประชาชนหากเกิดสถานการณ์ในพื้นที่ให้ทันท่วงที และ
4. รายงานผลปฏิบัติการเตรียมความพร้อม ให้ ปภ. ทราบภายใน 24 ชั่วโมง

แจงการบริหารจัดการน้ำ เมื่อ 30 ส.ค.55


เมื่อ 31 ส.ค.55 ใจไม่แข็งห้ามดู! ยกน้ำหนักพลาด เหล็กหล่นทับ อกแตกตาย



ใจไม่แข็งห้ามดู! ยกน้ำหนักพลาด เหล็กหล่นทับ อกแตกตาย



เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2555 เว็บไซต์ไลฟ์ลีกเผยแพร่ภาพที่ควรดูไว้เป็นอุทาหรณ์ ของเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่เมืองชาห์ตี ในประเทศรัสเซีย มีการแข่งขันยกน้ำหนักรายการหนึ่ง ซึ่งระหว่างนั้น นายอิกอร์ โกลุชกิน นักกีฬาวัย 34 ปี เรียกน้ำหนักมากถึง 185 กก. ทั้งที่น้ำหนักมากที่สุดที่ตัวเองเคยยกได้อยู่ที่ 160 กก. เท่านั้น จึงเป็นที่มาของอุบัติเหตุสยองตามที่เห็นในคลิป โดยเหตุการณ์ต่อจากนั้น รายงานข่าวระบุว่า อิกอร์ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลด้วยอาการ กะบังลมฉีกขาด มีเลือดคั่งในหัวใจจำนวนมาก ซี่โครงหัก และกล้ามเนื้อพยุงช่องท้องถูกทำลาย(ที่มา:ข่าวสดออนไลน์)



เมื่อ 31 ส.ค.55 ป่วน 3 จว.ใต้ วางบึ้มไม่ต่ำกว่า 40 จุด -เผาธงชาติ


ป่วน 3 จว.ใต้ วางบึ้มไม่ต่ำกว่า 40 จุด -เผาธงชาติ
 
เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 31 ส.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ร.ต.ต.จักรพงศ์ เพชรกาศ ร้อยเวร สภ.เมืองยะลา

รับแจ้งว่าเกิดเหตุคนร้ายวางวัตถุต้องสงสัย ไว้ที่บริเวณถนน- สะพานลอย ตรงข้ามโรงเรียนธรรมวิทยา ถนนสิโรรส ย่านตลาดเก่าเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา จึงแจ้ง พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ ผกก.สภ.เมืองยะลา พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา ของทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณถนนสายดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้นำกล่องนม กล่องสีสเปรย์ พร้อมพันด้วยผ้าเทปและ สายไฟ มาประกอบเป็นระเบิดปลอมวางตั้งไว้ ตามจุดต่างๆ ที่บริเวณโดยรอบ โดยเจ้าหน้าที่ยิงทำลายและเก็บกู้ไว้ได้กว่า 10 ลูก นอกจากนั้น คนร้ายยังได้แขวนธงชาติไทย และธงชาติมาเลเซีย พร้อมเขียนข้อความในป้ายผ้าสีขาว เย้ยการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยสามารถเก็บได้กว่า 30 ผืน

 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าพบกล่องต้องสงสัยในลักษณะเดียวกัน ที่บริเวณถนนสาย 418 บ้านท่าสาป ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา
โดยยิงทำลายวัตถุต้องสงสัยได้ 3 ลูก รวมทั้งมีป้ายข้อความเดียวกั และธงชาติมาเลย์อีกหลายผืน นอกจากนี้ ยังมีวัตถุต้องสงสัยที่บริเวณ ถนนสาย 15 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งคนร้ายได้ตั้งกล่อง ไว้ 4 กล่อง รวมทั้งมีป้ายผ้าลักษณะเดียวกันข้อความเดียวกัน และมีธงชาติมาเลย์แขวนไว้ด้วยกัน
มีรายงานอีกว่าในพื้นที่ อ.บันนังสตา พบจำนวน 9 จุด คือ ที่หมู่ 3 บ.เงาะกาโปร์ อ.บันนังสตา หมู่ 1 ต.เขื่อนบางลาง หมู่ 6 บ้านตาลาแป ต.เขื่อนบางลาง ได้นำธงชาติมาเลเซียแขวนตามที่ต่างๆ และมีการโปรยตะปูเรือใบบนถนน 410 และที่ รวมทั้งเผายางรถยนต์อีก 6 จุด
ขอบคุณภาพจาก ข่าวสด
ขอบคุณภาพจาก "ข่าวสด"
 อ.ยะหา คนร้ายแบ่งกำลังออกปฎิบัติการก่อกวน ได้แขวนและขึงธงชาติของประเทศมาเลเซียบนต้นไม้ และปักไว้ริมถนนเป็นจำนวนมาก

พร้อมทั้งวางวัตถุต้องสงสัยในบริเวณดังกล่าว พร้อมเขียนข้อความต่างๆ เช่น ยินดีต้อนรับหน่วยเก็บกู้ระเบิด จีที 200 ไม่มีแล้วพึ่งอะไรได้บ้าง EOD งานเข้า และมีหลายข้อความ จำนวน 6 จุด คือ จุดแรก บริเวณริมถนนสายยะหา-บ้านเนียง บ้านพงลูกา ม.3 ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา จุดทีสอง ริมถนนสายยะหา- สามแยกอาสิน จุดที่สาม ริมถนนบ้านอาสิน ม.6 ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา จุดที่สี่ บริเวณัหวสะพานปูแล ต.บาโร๊ะ จุดที่ห้า บริเวณริมถนนบ้านกาโต๊ะ ม.7 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา จุดที่หก ในพื้นที่ ต.กาตอง และมีป้ายเขียนข้อความ ยินดีต้อนรับระเบิดทุกลูก


 พื้นที่ อ.กรงปินัง 2 จุด เผายางรถยนต์ โปรยตะปูเรือใบ และตัดต้นไม้ขวางถนน เขตรอยต่อ หมู่7-หมู่8 บ.ลือมุ ต.กรงปินัง พื้นที่ อ.รามัน
พบป้ายเขียนข้อความ “ยินดีต้อนรับชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด” และมีธงชาติมาเลย์ผูกติดต้นไม้ บ.ปาโล๊ะ หมู่ 3 ต.บาโงย อ.รามัน และในพื้นที่ ต.โกตาบารู อ.รามัน พบวัตถุต้องสงสัยรวม 4 จุด พื้นที่ อ.กาบัง 1 จุด พบกล่องวัตถุต้องสงสัย และธงชาติมาเลย์ ที่หมู่ 1 บ.บันนังดามา อ.กาบัง พื้นที่ ต.ลำใหม่ อ.เมือง พบวัตถุต้องสงสัย และธงชาติมาเลย์รวม 6 จุด


 โดยทุกจุดเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบ ปิดถนนทุกเส้นทาง และยิงทำลายวัถตุต้องสงสัย

จากการตรวจสอบพบว่าทุกจุดคนร้ายได้นำระเบิดปลอมวางไว้ทุกจุด ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า กลุ่มคนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์ ป่วนเมืองเพื่อแสดงศักยภาพ เนื่องจากวันนี้เป็นวันคล้ายวันก่อตั้งขบวนการแนวร่วมเพื่อเอกราชปัตตานี หรือกลุ่มเบอร์ซาตู และในวันนี้ตรงกับเป็นวันชาติของประเทศมาเลเซียด้วย


 เวลา 03.00 น. ถึง 05.00 น. ได้มีสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ RKK ในพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอ จำนวนกว่า 30 คน
ได้วางแผนนัดแนะกระจายกำลังนำวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด และนำธงชาติประเทศมาเลเซียไปปักไว้บริเวณเสาไฟฟ้ารวมทั้งต้นไม้ริมถนนในเส้นทางสายหลักและสายรอง เนื่องในวันคล้ายวันก่อตั้งขบวนการแนวร่วมเพื่อเอกราชปัตตานี หรือ กลุ่มเบอร์ซาตู ซึ่งตรงกับวันที่ 31 ส.ค.ซึ่งกลุ่มเบอร์ซาตูใช้สัญลักษณ์เป็นธงชาติประเทศมาเลเซีย โดยทั้ง 42 จุด ในพื้นที่ 12 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอยี่งอ 3 จุด ตากใบ 2 จุด ศรีสาคร 10 จุด สุไหงโก-ลก 1 จุด รือเสาะ 5 จุด บาเจาะ 2 จุด จะแนะ 1 จุด เมือง 5 จุด สุไหงปาดี 4 จุด เจาะไอร้อง 1 จุด ระแงะ 5 จุด และอำเภอแว้ง 2 จุด


 เวลา 07.00 น. พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันทร์ดี รอง ผบก.จ.นราธิวาส พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส

ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวเดินทางทยอยเก็บกู้และยิงทำลายวัตถุต้องสงสัย พบว่าส่วนใหญ่ทั้ง 42 จุด เป็นระเบิดจริง ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกระป๋องน้ำมันหล่อลื่นของรถ จยย.กล่องเหล็กและกล่องกระดาษ ซึ่งมีน้ำหนักตั้งแต่ 1 ก.ก.- 10 ก.ก. ซึ่งจุดที่ระเบิดทำงานมีด้วยกัน 4 อำเภอ ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าทำเก็บกู้ขึ้น คือ ในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี ซึ่งคนร้ายตั้งวัตถุต้องสงสัยไว้ภายในบริเวณสวนสุขภาพตรงข้าม สภ.สุไหงปาดี แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ


 อ.ระแงะ 2 เจ้าหน้าที่ทหารพรานกรมทหารพรานที่ 45 เข้าไปเพื่อแกะธงชาติประเทศมาเลเซีย ที่ผูกไว้กับกิ่งไม้ริมถนนในหมู่บ้านยะหอ ม.3 ต.บองอ
แต่เท้าได้ไปเหยียบระเบิดที่ตั้งดักไว้ ทำให้ ส.ท.ทรงศักดิ์ แท่งสกุลและ อส.ทพ.ชาญณรงค์ กรจันทร์ ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณเท้าทั้ง 2 ข้างบาดเจ็บ อ.บาเจาะ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.บาเจาะ ได้เดินเข้าไปแกะธงชาติมาเลเซียที่ผูกไว้ริมถนนสายบาเจาะ-บ้านทอน ช่วงบริเวณบ้านบือเร๊ะ ม.1 ต.บาเร๊ะใต้ แต่ระเบิดทำงานไม่ครบวงจรทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด อ. จะแนะ คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดที่บริเวณเสาไฟส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ระบบ AIS ซึ่งตั้งอยู่บ้านกูมุง ม.2 ต.ช้างเผือก ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 4609 ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ อส.ทพ.อนันต์ อุ่นเพ็ญ ขณะเข้าไปแกะเชือกธงชาติมาเลเซียที่ผูกติดไว้บริเวณเสา


 ขณะเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองของจ.ปัตตานี นำกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณที่พบวัตถุต้องสงสัยจำนวนหลายสิบจุดในพื้นที่ จ.ปัตตานี นอกจากนี้กลุ่มคนร้ายยังได้มีการปักธงชาติของประเทศมาเลเซียในพื้นที่อีกด้วย เนื่องจากวันนี้เป็นวันสถาปนากลุ่มเบอร์ซาตูและวันครบรอบ 55 ปีชาติมาเลเซีย

31 ส.ค.55 สุขุมพันธุ์ยันปิดประตูน้ำแน่หากปล่อยน้ำมีปัญหา



สุขุมพันธุ์ยันปิดประตูน้ำแน่หากปล่อยน้ำมีปัญหา
 
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานค เผย ปิดประตูน้ำแน่ หากแผนระบายน้ำรัฐบาลคุมไม่ได้ ชี้ ห่วงคลองลาดพร้าวมากสุด ยัน ปีนี้น้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สะท้อนความห่วงใยในเรื่องการผันน้ำ วันที่ 5-7 กันยายนนี้ของรัฐบาลตามหน้าที่ แต่เข้าใจรัฐบาล ซึ่งสาเหตุที่ห่วง เนื่องจากในเดือนกันยายนเป็นช่วงที่ฝนตกหนักมากที่สุดในรอบปี และกำลังจะมีพายุเข้าไทยในสัปดาห์หน้า อีกทั้งน้ำที่ไหลมาเป็นน้ำตามธรรมชาติ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ และคลองลาดพร้าว ในการดูแลของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยังไม่มีการขุดลอก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว ประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก หากรัฐบาล

ยืนยันจะเดินหน้าต่อก็เคารพในการตัดสินใจและพร้อมร่วมมือ

โดยจะให้เจ้าหน้าที่ เข้าดูแลอยู่ทุกจุดที่มีการปล่อยน้ำ หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ จะใช้อำนาจหน้าที่ตามรัฐในการเข้าหยุดการกระทำ เช่น การปิดประตูน้ำทันที  ทั้งนี้ ยังห่วงช่วงถนนเพชรเกษม บริเวณคลองทวีวัฒนาด้วย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่คอขวด แต่ที่ห่วงที่สุดคือ คลองลาดพร้าว


"ในวันจริง ผมก็จะให้เจ้าหน้าที่ กทม. ระดมกำลังในจุดสำคัญทุกจุด ถ้าเห็นท่าไม่ดี ก็จะใช้อำนาจของผม ดำเนินการตามที่ผมเห็นชอบครับ"  ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว


นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ พร้อมให้ความร่วมมือโครงการดังกล่าว
แต่หวังว่าการเมืองอย่าเข้ามาแทรกแซง ส่วนการทดสอบสัปดาห์หน้าจะเป็นอย่างไรยังต้องติดตาม และห่วงว่าจะเกิดภัยแล้งตามมา พร้อมยืนยัน ปีนี้น้ำไม่ท่วมกรุงเทพมหานคร แน่นอน

ข่าว 29 ส.ค.55


ข่าว 27 ,28 ส.ค.55


วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

31 ต.ค.54 น้ำท่วม


ภาพน้ำท่วมหมู่บ้าน ปี 54


เบื้องหลัง! ทำไม? ต้องทดสอบระบายน้ำในกรุงเทพฯ "รอยล" ยันปีนี้ไม่ท่วม แต่ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น เมื่อ 31 ส.ค.55


เมื่อน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ปัญหาหนึ่งที่ ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) พูดถึง นั่นก็คือ ปัญหาเรื่องคลอง โดยดร.รอยล บอกว่า คลองในกรุงเทพมหานคร (กทม.) หายไป เพราะคลองกลายเป็นถนน เช่น ที่ถนนอังรีดูนังต์ เดิมมีคลองอรชร แต่วันดีคืนดีก็หายไป กลายเป็นท่อน้ำแทน ทั้งนี้ ใต้ถนนอังรีดูนังต์เป็นคลอง 2-3 คลอง มีคลองแสนแสบลอดข้างใต้ไปบรรจบที่ถนนพระราม 4 เป็นอุโมงค์ออกแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีไว้ระบายน้ำฝนเพื่อสูบออกคลองแสนแสบ

แต่ข้างต้นคงไม่ฮือฮาเท่ากับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 และ 7 กันยายน นี้ เพราะมีกระแสหนาหูถึงการทดสอบประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่ปลายน้ำ หรือในพื้นที่ใกล้กทม. มากมายเหลือเกิน

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แถลงถึงการทดสอบการระบายน้ำว่า หลังจากน้ำท่วมที่ผ่านมา ได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติมในจุดที่น้ำท่วมขัง โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ จึงควรมีการทดสอบประสิทธิภาพการระบายที่แท้จริงในเส้นทางระบายน้ำที่เคยมีปัญหา

สอดคล้องกับดร.รอยล ที่บอกว่า การทดสอบจะใช้ปริมาณน้ำแค่ 1 ใน 3 หรือ 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นแบบจำลองว่า หากปริมาณน้ำเท่านี้ จะระบายน้ำได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะไม่กระทบกับชาวบ้านเลย ขณะเดียวกันทางกทม. ก็เข้าใจตรงกัน และเห็นด้วยกับการทดสอบดังกล่าว

ส่วนการทดสอบการระบายน้ำนั้น เริ่มจากที่รัฐบาลได้มีการขุดลอกคูคลอง จึงควรมีการทดสอบการระบายน้ำให้รู้ว่าเมื่อปล่อนน้ำมาประมาณเท่านี้ ระดับน้ำในคลองจะสูงขึ้นเท่าไหร่ โดยในวันที่ 5 กันยายน จะทำการทดสอบในพื้นที่ตะวันตก และใช้คลองทวีวัฒนาเป็นหลัก ไหลไปตามคลองภาษีเจริญ 2 ฝั่ง คือ ฝึ่งหนึ่งน้ำจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และอีกฝั่งหนึ่งไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีน จากนั้นก็ไหลคลองราชมนตรี คลองท่าข้าม และออกที่คลองมหาชัย ด้วยความเร็วในการระบายที่ 20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และระหว่างคลองทวีวัฒนาเชื่อมกับคลองภาษีเจริญ จะมีคลองที่เป็นทางแยก เช่น คลองบางไผ่ คลองบางแวก คลองบางจาก

ในวันที่ 7 กันยายน จะทำการทดสอบการระบายน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันออก โดยใช้คลองลาดพร้าวเป็นหลัก ซึ่งเป็นคลองหนึ่งที่ไม่สามารถระบายน้ำได้เมื่อครั้งเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา หรือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้ำท่วมกทม. ทั้งนี้ คลองลาดพร้าวจะใช้ความเร็วในการระบายน้ำที่ 6 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ผ่านไปยังบึงพระราม 9 และสิ้นสุดที่อุโมงค์ผันน้ำ

จะว่าไปแล้วการระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านกทม. ไหลลงสู่อ่าวไทย มีความจำเป็นในการบริหารพื้นที่ปลายน้ำ เนื่องจากในพื้นที่กทม. แม่น้ำเจ้าพระยามีขนาดแคบที่สุด คือ 70 กิโลเมตร ขณะเดียวกัน การขยายตัวของเมืองทำให้เกิดสิ่งก่อสร้างกีดขวางทางน้ำเพิ่มขึ้น ทำให้การระบายน้ำในพื้นที่ปลายน้ำมีประสิทธิภาพลดลง ประกอบกับคลองต่างทรุดไปจากเดิมมาก นอกจากนี้ ยังพบว่า คลองหลายเส้นมีการทำแนวกันน้ำไว้ ซึ่งอาจจะทำให้การระบายน้ำมีปัญหาหากไม่ทำการทดสอบ

ส่วนการบริหารจัดการน้ำในปีนี้ ดร.รอยล กล่าวว่า น้ำจะไม่ท่วม หรือโอกาสเกิดน้ำท่วมน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ขณะที่สภาพอากาศในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไม่เหมือนสมัยก่อน ทำให้การบริหารจัดการน้ำไม่ง่าย กล่าวคือ ในพื้นที่หนึ่งแล้ง แต่อีกพื้นที่หนึ่งน้ำท่วม หรือที่ภาคอีสานเกิดภัยแล้งนั้น ก็ไม่ได้แล้งทั้งภาค ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูล แม้กระทั่งการจัดการน้ำในเขื่อน เมื่อเทียบกับปี 2553 ถือว่าแล้งกว่าปีนี้ด้วยซ้ำ หรือดูเหมือนน้ำจะน้อยแต่ปริมาณน้ำก็เพิ่มขึ้น คือปีนี้น้ำไหลเข้าเขื่อนภูมิพล 29 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลเข้าเขื่อนสิริกิติ์ที่ 40-50 ลูกบาศก์เมตร ท้ายที่สุดก็คือ ต้องบริหารจัดการน้ำอย่างสมดุลกันระหว่างน้ำแล้งกับน้ำท่วม

นอกจากนี้ ดร.รอยล ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงเดือนต.ค. 2554 ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านอ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจุดเฝ้าระวังน้ำก่อนเข้าสู่เมืองหลวง ตรวจวัดได้สูงสุดประมาณ 5 พันลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเกินกว่าความจุของลำน้ำที่ 3.5 พันลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งน้ำส่วนเกินนี้ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดวิกฤติน้ำท่วมในกทม. และปริมณฑลในปีที่ผ่านมา หากสามารถตัดยอดน้ำส่วนเกินที่ประมาณ 1.5 พันลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ได้มากเท่าไหร่ ก็จะลดความเสียหายที่เคยเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาได้มากเท่านั้น เช่น การผันน้ำลงสู่แม่น้ำบางประกงประมาณ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที การเพิ่มประสิทธิภาพการผันน้ำที่ทุ่งตะวันออก เพื่อป้อนน้ำเข้าสู่ระบบน้ำสุวรรณภูมิ และคลองด่านประมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเพิ่มศักยภาพการผ่านน้ำในพื้นที่กทม. ทั้งฝั่งธนบุรี และฝั่งพระนครประมาณ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นต้น

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์



'ปลอดประสพ'ยันทดสอบระบายน้ำ5,7ก.ย.


'ปลอดประสพ'ยันทดสอบระบายน้ำ5,7ก.ย.
 

'ปลอดประสพ'ลั่นทดสอบระบบระบายน้ำกทม.ฝั่งตะวันตก และตะวันออก 5 , 7 ก.ย.นี้ ไม่ได้ใช้น้ำในเขื่อน ระบุไม่มีเจตนาตรวจสอบใครด้วย ชี้ระบบทั้งหมดได้เตรียมการไว้อย่างดีแล้ว ยันหากเกิดปัญพร้อมสั่งหยุดการทดสอบทันที


30 ส.ค.55 นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทย์ศาสตร์ ได้ให้ผ่านทาง รายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์

ถึงกรณีที่ กบอ.เตรียมปล่อยน้ำเพื่อทดสอบระบบการระบายน้ำในพื้นที่กทม.ทั้งในฝั่งตะวันตก และตะวันออก ในช่วงวันที่ 5 และ 7 ก.ย. ที่จะถึงนี้ ว่ากรณีดังกล่าวถือว่าเป็นการทดสอบระบบการระบายน้ำทั้งระบบที่รัฐบาลได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด เรื่องนี้ตนขอยันว่าไม่ได้ตั้งใจว่าจะตรวจสอบอะไร เพียงแต่มีความต้องการทราบว่าระบบที่เรามีการจัดเตรียมป้องน้ำท่วมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการขุดลอกคูคลอง การซ่อมแซมประตูระบายน้ำ ระบบเครื่องสูบน้ำ และเส้นทางการเดินของน้ำในจุดต่างๆ มีความคล่องตัวมากน้อยแค่ไหน ตรงจุดใดมีปัญหาบ้าง
ส่วนที่มีคำถามเกิดขึ้นมาว่า ทำไมจึงต้องมาการทำทดสอบในช่วงนี้ ก็มาจากพื้นที่ของกทม.คือพื้นที่ปลายน้ำ ที่จะต้องทำหน้าที่ระบายน้ำก่อนลงสู่ทะเล

โดยโครงการเตรียมความพร้อมในการแผนการป้องกันน้ำท่วมที่รัฐบาลได้วางเอาไว้ ได้กำหนดใหเทุกอย่างแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ ดังนั้นการทดสอบจึงจะต้องมาทดสอบในเดือนกันยายน ส่วนวิธีการและแผนการทดสอบในครั้งนี้ ได้มีการหารือพูดกันของทุกงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น กทม. , สำนักงานระบายน้ำ , กรมอุทกศาสตร์ , กรมอุตนิยมฯ , กรมชลประทาน เป็นต้น โดยการทดสอบเราได้แบ่งออกเป็น 2 วัน โดยแยกเป็นกทม.ฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออก คือ วันที่ 5 ก.ย.จะเริ่มที่ฝั่งตะวันตก โดยน้ำต้นมาจากใต้เขื่อนชัยนาท ลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเราจะบังคับน้ำเข้าคลองมหาสวัสดิ์ และเข้ามายังทวีวัฒนา ต่อจากนั้นเราจะแบ่งน้ำออกเป็นสองทาง คือ ทางที่หนึ่งน้ำจะวิ่งเข้างบางเชือกหนัง แล้วไปออกคลองราชมนตรี บางกอกใหญ่ ส่วนอีกทางจะเข้าคลองภาษีเจริญ

อย่างไรก็ตามการปล่อยน้ำครั้งนี้่คำนวณจากขีดความสามารถการระบายน้ำในคลองมหาสวัสดิ์สามารถระบายน้ำได้สูงสุดที่ 60 ลูกบาศก์เมตร/วินาที แต่การทดสอบของเราจะเริ่มต้นที่ 10 ลูกบาศก์เมตร/วินาที แต่จะไม่ให้เกิน 20 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ดังนั้นเรื่องของการที่จะเกิดระดับน้ำล้นออกจากแนวคลองระบายน้ำจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
 "สำหรับคำถามที่เกิดขึ้นว่าน้ำที่จะใช้ในการทำการสอบในครั้งนี้จะเอามาจากที่ไหน เรื่องนี้ตนขอชี้แจงว่าน้ำที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้เอามาเขื่อนชัยนาท ซึ่งน้ำดังกล่าวได้มีการเตรียมเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งน้ำทั้งหมดนี้ทางกรมชลประทานได้มีการจัดเตรียมสำรองเอาทั้งหมดแล้ว โดยน้ำทั้งหมดเป็นใต้เขื่อน ไม่ได้เป็นเหนือเขื่อนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามในการทดสอบครั้งนี้จะทำการทดสอบสองแบบ คือ 1. ทดสอบแบบเปลือยๆ โดยให้น้ำไหลเองตามธรรมชาติ ส่วนแบบที่ 2. คือจะใช้เรือ และเครื่องผลัดดันน้ำมาช่วยผลักดัน ซึ่งจุดที่น้ำไหลผ่านมาจะมีการติดตั้งเครื่องอุปกรณ์ในการวัดการไหลของน้ำ รวมทั้งจะมีการติดตั้งกล้องซีซีทีวีคลองต่างๆ  เพื่อด้วย" นายปลอดประสพ กล่าว
                 
นายปลอดประสพ กล่าวต่อว่า การทดสอบในพื้นที่กทม.ฝั่งตะวันออก

คือ วันที่ 7 ก.ย. นั้น ก็จะใช้วิธีการทดสอบเช่นเดียวกันกับการทดสอบในครั้งแรก ซึ่งการทดสอบจุดนี้จะเริ่มจากคลองระพีพัฒน์แยกตก มาเข้ารังสิตคลองสอง ต่อจากนั้นเข้าคลองลาดพร้าว ต่อจากนั้นจะเข้าสู่บึงมักกะสัน ส่วนอีกเส้นทางหนึ่ง คือ การผันเข้าสู่คลองพระองค์เจ้าฯ และบีบให้เข้าสู่คลองด่าน การดำเนินการทดสอบครั้งนี้เราจะทำการทดสอบอย่างระมัดระวัง ซึ่งหากมีเหตุการณ์อะไรที่อาจจะทำให้เกิดปัญหาเกิดขึ้น เราจะสั่งหยุดการทดสอบในทันที

                
"การทดสอบครั้งนี้เราต้องการทดสอบระบบอย่างแท้จริง ผมไม่ได้ต้องการที่จะมาตรวจสอบใคร ทั้งหมดเป็นเรื่องของการดูเส้นทางการระบายน้ำ " นายปลอดประสพ กล่าว

                
เมื่อถามว่า ที่มีคำถามจากรองผู้ว่าธีรชนม์ ว่า การปล่อยน้ำครั้งนี้ได้มีการดูน้ำในเขื่อนบ้างหรือยังว่าจะมีปริมาณพอใช้ในหน้าแล้งหรือไม่

นายปลอดประสพ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ เรื่องนี้เกี่ยวข้องเฉพาะเขื่อนชัยนาทเท่านั้น โดยน้ำที่ใช้นั้นเป็นน้ำที่อยู่ใต้เขื่อนชัยนาท และล่าสุดในขณะนี้ยังไม่มีรายงานใต้เขื่อนชัยนาทได้เกิดน้ำแล้ง การดำเนินการในเรื่องนี้เราได้ดำเนินการประสานกับทุกฝ่าย โดยกรมชลประทาน เมื่อถามว่า ในการดำเนินการครั้งนี้ได้มีการนำน้ำในเขื่อนป่าสักฯมาใช้หรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวว่า ไม่มีการน้ำในเขื่อนดังกล่าวมาใช้แต่อย่างใด

               
เมื่อถามว่า นอกจากนี้นายธีรชนม์ยังตั้งคำถามว่า ในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาได้มีการนำสิ่งกีดขวางไปขวางคลองระพีระพัฒน์เอาไว้ และถึงตอนนี้ได้มีการนำสิ่งกีกขวางดังกล่าวออกไปแล้วหรือยัง นายปลอดประสพ กล่าวว่า และในการดำเนินการในครั้งนี้ตนก็จะดูอยู่เหมือนกันว่า ที่มีการเบิกงบประมาณเอาไว้แล้ว ได้มีการดำเนินการกันหรือไม่อย่างไร

              
เมื่อถามว่า ประตูน้ำ 14 บาน เขื่อนอีกกว่า 20 จุด สถานีสูบน้ำ 3 แห่ง ได้มีการซ่อมแซมแล้วหรือยัง

นายปลอดประสพ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณลงไปให้หมดแล้วตามที่มีการขอมา ดังนั้นในพื้นที่ปลายน้ำในเขตกทม.นั้นทุกอย่างจะต้องดำเนินการเสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ และนี่ยังต่อไปให้อีก 4 วัน ดังนั้นขออย่ามาถามตน เพราะหลังจากนี้ตนจะเป็นคนดูว่าทุกอย่างมันเสร็จแล้วหรือยัง งานนี้ไม่มีลูบหน้าปัดจมูก ใครไม่เสร็จสิ้นก็ต้องรับผิดชอบ

พิจิตรเตือนปชช.4อำเภอระวังน้ำท่วมฉับพลัน เร่ง 3 ตำบลย้ายด่วน



พิจิตรเตือนปชช.4อำเภอระวังน้ำท่วมฉับพลัน เร่ง 3 ตำบลย้ายด่วน
 
วันที่ 30 ส.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร

เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำขณะนี้ น้ำเหนือจาก จ.สุโขทัยได้ไหลบ่ามาถึง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จึงได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ประกาศแจ้งเตือนไปยังประชาชนที่อยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำยมทั้ง 4 อำเภอ คือ อ.สามง่าม อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพทะเล และที่  อ.บึงนาราง ให้ระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลัน

 นายสุวิทย์ กล่าวว่า โดยเฉพาะตำบลรังนก ต.สามง่าม ต.กำแพงดิน

ซึ่งเป็นพื้นที่ราบต่ำ อีกทั้งเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากทุกปี ดังนั้นหากต้องรับน้ำที่จะมาถึงจะท่วมบ้านเรือนและไร่นา อ.สามง่าม ดังนั้นขอให้ประชาชน 3 ตำบล เตรียมเร่งขนย้ายสัตว์สิ่งของไว้ในที่ปลอดภัย


 นอกจากนี้ยังสั่งให้นายอำเภอ ทั้ง 4 อำเภอ เตรียมอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรือท้องแบน อาสาสมัคร  หากเกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ จะได้ช่วยเหลือชาวบ้านได้ทันท่วงทีซึ่งจังหวัดไม่ประมาท  ดังนั้นเราได้เตรียมพร้อมเข้าไว้ เพื่อจะได้รับสถานการณ์ ได้ทันท่วงที

"ปราโมทย์" โต้หนัก! พูดความจริงเรื่องน้ำท่วมแต่ไม่มีใครฟัง



ปราโมทย์" โต้หนัก! พูดความจริงเรื่องน้ำท่วมแต่ไม่มีใครฟัง
 
วันที่ 29 สิงหาคม ในการสัมมนา หัวข้อ "แฉน้ำท่วมปี 54 ผิดพลาดหรือตั้งใจ" ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

จัดโดยสถาบันนโยบายการศึกษา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) สมาคมพัฒนาประชากร และสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน และหนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) กล่าวว่า ในการประชุมกนย. ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่  11 เมษายน 2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ และมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี ทำหน้าที่เป็นประธานแทน ตนได้ถามในที่ประชุมว่า ณ เวลานี้ รัฐบาลทำอะไรบ้าง ขณะเดียวกันก็มีประชาชนถามมามากมาย แต่รัฐบาลไม่เคยให้คำตอบที่ชัดเจน เมื่อมีสื่อมวลชนหรือใครมาถามผมว่ากยน. ทำอะไรกันบ้าง ตนในฐานะกรรมการคนหนึ่ง ก็ต้องตอบ เพราะตนรู้ว่าขณะนี้กยน. ทำอะไร และมีปัญหาอะไรอยู่ จะบอกว่าตนไม่รู้ก็ไม่ได้ เพราะมีการศึกษาข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนการที่คนในรัฐบาลมาบอกว่า ในที่ประชุมไม่พูด แต่มาพูดนอกห้อง เพราะต้องการเล่นการเมืองนั้น จะพูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะตนไม่ใช่นักการเมือง มากกว่านั้น ในที่ประชุมตนก็พูดมาตลอด พูดความจริง แต่ไม่มีใครฟัง

"เขาเป็นเสนาบดี ผมเป็นแค่ภาคประชาชน แต่ภาคประชาชนจะไม่มีสิทธิจะพูดอะไรเลยหรือ สิ่งที่พูดก็เป็นข้อมูลที่ผมรู้ และเป็นความจริงทั้งสิ้น เท่าที่มีการศึกษาข้อมูลมา" นายปราโมทย์ กล่าว

นอกจากนี้ นายปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีพ.ศ.2554 ถือเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน มีมรสุมพัดผ่านภาคเหนือ เกิดพายุหลายลูกและทำให้ฝนตกหนัก อีกทั้ง ไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ ซึ่งปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่รู้ หรืออย่างที่บอกคือ บางอย่างรัฐบาลไม่เข้าใจ แต่มองว่าเป็นวิกฤตการณ์ธรรมชาติ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นความผิดพลาดหรือตั้งใจ


อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน การสื่อสารกับประชาชน การให้ข้อมูลมีความจำเป็น
เพราะการรับมือน้ำท่วมเสมือนเป็นการทำสงครามกับน้ำ แต่ที่ผ่านมาไม่มีแม่ทัพ หรือคนที่เป็นหัวหน้าในการแก้ปัญหา น้ำที่ไหลไปยังที่ต่างๆ เกิดปัญหา เกิดความวุ่นวาย ส่วนเรื่องการเสนอกรอบแนวคิด (Conceptual Plan) เพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย หรือ ทีโออาร์ นั้น รัฐบาลอย่าสนใจเรื่องเงินอย่างเดียว ควรใจเย็นหรือมีการหารือให้ชัดเจน มีสติ แต่เท่าที่อ่าน ทีโออาร์ มองว่า แผนดังกล่าวไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้

เพลงกังนัมสไตล์


จระเข้ยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก


แถลงข่าวเงินเยียวยาน้ำท่วม



เงินเยียวยาน้ำท่วม 20000 บาท



มาตรฐานเงินเยียวยาน้ำท่วม




เงินเยียวยาน้ำท่วมบางบัวทอง



ปัญหาเงินเยียวยาน้ำท่วมบางบัวทอง



ร้องทุกข์คดียิง นศ.เทคโนเสียชีวิต


จ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม


ความเหลืยมล้ำเงินเยียวยาน้ำท่วม


กรีดเลือด ร้องเงินเยียวยาน้ำท่วม