วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อุทกภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย พ.ศ. 2554


บทความพิเศษ
อุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554
บทนำ
อุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554 เป็นอุทกภัยรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างฤดูมรสุมในประเทศไทย พ.ศ. 2554 เกิดผลกระทบต่อบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำโขง เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมและยังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน มีราษฎรได้รับผลกระทบแล้วมากกว่า 12.8 ล้านคน ธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท[3] เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 และจัดให้เป็นภัยพิบัติครั้งสร้างความเสียหายมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลก[4]
อุทกภัยดังกล่าวทำให้พื้นดินกว่า 150 ล้านไร่ (6 ล้านเฮกตาร์) ซึ่งในจำนวนนี้เป็นทั้งพื้นที่เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมใน 63 จังหวัด 684 อำเภอ ตั้งแต่จังหวัดเชียงใหม่ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก กำแพงเพชร ทางภาคเหนือ ไปจนถึง พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ปทุมธานี นครนายก นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ปราจีนบุรี กรุงเทพมหานคร ในที่ราบลุ่มภาคกลาง ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ นครราชสีมา ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 4,086,138 ครัวเรือน 13,595,192 คน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 2,329 หลัง บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 96,833 หลัง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย 11.20 ล้านไร่ ถนน 13,961 สาย ท่อระบายน้ำ 777 แห่ง ฝาย 982 แห่ง ทำนบ 142 แห่ง สะพาน/คอสะพาน 724 แห่ง บ่อปลา/บ่อกุ้ง/หอย 231,919 ไร่ ปศุสัตว์ 13.41 ล้านตัว มีผู้เสียชีวิต 813 ราย (44 จังหวัด) สูญหาย 3 คน (จ.แม่ฮ่องสอน 2 ราย จ.อุตรดิตถ์ 1 ราย)
อุทกภัยครั้งนี้ถูกกล่าวขานว่าเป็น "อุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดทั้งในแง่ของปริมาณน้ำและจำนวนผู้ได้รับผลกระทบ
จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่ทหารเรือรับผิดชอบ ได้แก่
กรุงเทพมหานคร
ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554 น้ำเริ่มท่วมบริเวณถนนพหลโยธินช่วงอนุสรณ์สถาน และพบเพิ่มเติมในพื้นที่อื่น ๆ อีก ทั้งมีไฟฟ้าดับในบางพื้นที่ การถ่ายรูปสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 24 ต้องเลื่อนออกไป] ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นได้ไหลเข้าท่วมตลาดพระเครื่อง ย่านท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554 กรุงเทพมหานครมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนแล้ว 73 ชุมชน 3,384 ครัวเรือน ทางกรุงเทพมหานครพยายามเร่งระบายน้ำออกทางประตูระบายน้ำ 3 แห่ง นอกจากนี้ ทางสำนักงานเขตได้เตรียมกระสอบทรายห้าแสนใบมอบให้กับประชาชนไปใช้ทำคันกันน้ำชั่วคราว ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ทำให้เกิดน้ำท่วมขังหลายจุด
วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554 กรุงเทพมหานครได้จัดพิธีบวงสรวงพระแม่คงคาเพื่อขอให้น้ำลดอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ค่อยได้รับการตอบสนองอย่างเห็นชอบเท่าใดนัก ด้วยปริมาตรน้ำมากที่สุดเป็นอันดับสองที่มีแนวโน้มจะท่วมกรุงเทพมหานคร ซึ่งนับเป็นปริมาณน้ำมากที่สุดนับแต่ พ.ศ. 2485 หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลมักมีข้อมูลที่ขัดแย้งกันและชวนสับสน นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรียกร้องให้ประชาชนในชาติสามัคคีกันเพื่อรับมือกับน้ำที่ไหลบ่ามาอย่างไม่ขาดสาย อย่างไรก็ดี พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เคยแถลงยืนยันก่อนหน้านี้ว่า กรุงเทพมหานครจะไม่ประสบอุทกภัย
แม่น้ำเจ้าพระยาและสถานีสูบน้ำรอบกรุงเทพมหานครระบายน้ำอย่างน้อย 420,000,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน อย่างไรก็ดี การปล่อยน้ำจากเขื่อนต้นน้ำกรุงเทพมหานคร ประกอบกับฝนที่ตกลงมาเพิ่มเติม ทำให้มีการประเมินว่าน้ำอุทกภัย 16,000,000,000 ลูกบาศก์เมตรจะต้องระบายออก ปริมาณน้ำที่มุ่งสู่กรุงเทพมหานครมีปริมาตร 16 ลูกบาศก์กิโลเมตร กรมชลประทานพยากรณ์ว่า หากไม่มีฝนตกลงมาอีก น้ำปริมาณนี้จะลงสู่ทะเลใช้เวลา 30 ถึง 45 วัน
วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554 น้ำได้เอ่อท่วมที่ตลาดรังสิต และบริเวณถนนพหลโยธิน ซอยพหลโยธิน 87 ซอยพหลโยธิน 85
วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554 สินค้าหลายอย่างเริ่มขาดแคลน รถทหารวิ่งสัญจรบนถนนในกรุงเทพมหานครทั้งกลางคืนและช่วงเช้า ชายชราผู้หนึ่งประสบอุบัติเหตุบนรถทหารขณะที่รถกำลังวิ่ง ประชาชนนำรถยนต์ของตนจอดบนทางด่วนแม้มีคำสั่งห้าม ประชาชนส่วนหนึ่งเดินทางไปต่างจังหวัดหลังรัฐบาลแนะนำเช่นนั้น
วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรมีคำสั่งให้กรุงเทพมหานครเปิดประตูระบายน้ำคลองสามวา 1 เมตร ฝ่ายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องการให้เปิดเพียง 75-80 เซนติเมตร โดยทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอ้างเหตุผลว่า เพื่อป้องกันเขตนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ขณะที่ทางม็อบปิดถนนนิมิตใหม่เรียกร้องให้เปิดประตูระบายน้ำ 1.5 เมตร
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เกิดความขัดแย้งอย่างหนักที่คลองสามวา โดยประชาชนสองกลุ่มในเขตคลองสามวาและเขตมีนบุรี ไม่พอใจในเรื่องขอการระบายน้ำผ่านประตูคลองสามวา มีการบุกรุกทำลายทรัพย์สินของทางราชการ แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งให้เปิดประตูขึ้น 1 เมตรแล้วก็ตาม หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกคำสั่งตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครเต็มความสามารถ ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวว่า ไม่สามารถไว้ใจตำรวจได้อีกต่อไป เพราะเพิกเฉยและไม่ต้องการขัดแย้ง หรือกลัวถูกชาวบ้านทำร้าย จึงจำเป็นต้องใช้อำนาจดังกล่าวลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
วันที่ 7 พฤศจิกายน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครประกาศให้เขตคลองสามวาเป็นเขตอพยพทั้งเขต ส่งผลให้มีพื้นที่อพยพเพิ่มขึ้นเป็น 12 เขต วันที่ 8 พฤศจิกายน กรุงเทพมหานครได้ประกาศพื้นที่อพยพเพิ่มเติมในเขตบึงกุ่ม และยังแจ้งเตือนสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 2 แขวงของเขตบึงกุ่ม[58] วันที่ 9 พฤศจิกายน มีการประกาศเขตอพยพแล้ว 13 เขต ได้แก่ เขตดอนเมือง เขตสายไหม เขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตคลองสามวา เขตบางพลัด เขตตลิ่งชัน เขตทวีวัฒนา เขตบางแค เขตภาษีเจริญ เขตหนองแขม เขตจตุจักร วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 นิคมอุตสาหกรรมบางชันแจ้งเหตุฉุกเฉินระดับที่ 1 ไปยังผู้ประกอบการ 93 ราย
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแจ้งพื้นที่อพยพเพิ่มเติมในเขตบางกอกน้อย เขตจอมทอง และเขตบางบอน ทหารได้ออกแผนปฏิบัติการแผนมะรุมมะตุ้มเพื่อกู้นิคมอุตสาหกรรมบางชันและถนนเสรีไทย
วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 กรุงเทพมหานครได้ออกประกาศอพยพในพื้นที่เขตบางขุนเทียน วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ประกาศอพยพในเขตพญาไท แต่ต่อมาได้มีการแจ้งยกเลิกประกาศอพยพ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครประกาศอพยพในพื้นที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน บริเวณถนนบางขุนเทียน ตั้งแต่แยกพระราม 2 ถึงทางรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย วันที่ 19 พฤศจิกายน ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม สรุปรายงานสถานการณ์สาธารณภัยว่ากรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ประสบภัยจำนวน 36 เขต จาก 50 เขต
นนทบุรี
วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 สถานการณ์น้ำที่อำเภอบางใหญ่ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เซนติเมตร แต่ไหลแรงและเชี่ยวขึ้น ในขณะที่พื้นที่น้ำท่วมครอบคลุมทั้ง 6 ตำบล 69 หมู่บ้านแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่เทศบาลตำบลบางม่วง ขณะที่การสัญจรผ่านถนนกาญจนาภิเษกติดขัดอย่างหนัก ผ่านได้เฉพาะรถใหญ่และรถโฟร์วิลล์เท่านั้น ซึ่งทางอำเภอได้ประสานรถของกองทัพบก กองทัพเรือ และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครในการรับส่งชาวบ้านไป 3 จุดหลัก คือถนนบรมราชชนนี แยกบางพูน และถนนวัดลาดปลาดุก
ลพบุรี
น้ำท่วมพื้นที่การเกษตรในจังหวัดลพบุรี วันที่ 9 ตุลาคม
วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554 ที่จังหวัดลพบุรี ภายหลังฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ทำให้น้ำป่าจากภูเขาในเขตอำเภอพัฒนานิคม ไหลท่วมตำบลนิคมสร้างตนเอง ตั้งแต่เช้าวันที่ 4 กันยายน พื้นที่เกษตรเสียหายเป็นวงกว้าง และน้ำป่ายังทะลักท่วมบ้านเรือนตำบลเขาสามยอด ท่าศาลา และกกโก อำเภอเมือง
สมุทรสงคราม
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ได้เกิดความโกลาหลขึ้นเมื่อชาวบ้านได้รับแจ้งให้ขนของขึ้นที่สูง เพราะเขื่อนแม่กลองปล่อยน้ำ 784 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลงแม่น้ำแม่กลอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามสั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฯ จัดตั้งศูนย์อำนวยการรับแจ้งและให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ภายในวันเดียวกัน
สมุทรสาคร
น้ำได้เข้าท่วมในตลาดสดเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย และเกิดโรคระบาดมากับน้ำเน่า เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม จุลภัทร แสงจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประกาศพื้นที่เสี่ยงประสบภัยพิบัติน้ำท่วมในบางพื้นที่ทั้ง 3 อำเภอ รวม 38 แห่ง
วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 น้ำท่วมบริเวณสามแยกอ้อมน้อยตัดกับถนนเพชรเกษม เจ้าหน้าที่ทหารต้องนำรถยีเอ็มซีมาบริการประชาชนเข้าออกโรงพยาบาลมหาชัย 2 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน ในขณะที่โรงงานที่อยู่บนถนนเศรษฐกิจ 1 ที่อยู่ละแวกนั้น ต้องนำกระสอบบรรจุทรายมากั้นบริเวณหน้าโรงงาน
ปทุมธานี
ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีได้ประกาศภัยพิบัติ 2 อำเภอ น้ำท่วมเข้าบริเวณตลาดบางเตย ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก และเข้าท่วมสถานีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 10-20 เซนติเมตร เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554 พันตำรวจโทประเสริฐ พิมเสน สารวัตรเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุรถชนกันบนสะพานปทุมธานี 2 จำนวน 7 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 1 ราย โดยฝนทำให้ถนนลื่น รถชนตามกันเป็นทอด ๆ วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ธีรวัฒน์ สุดสุข นายอำเภอเมืองปทุมธานี เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลว่าพื้นที่ชั้นนอกทุกทิศทางถูกมวลน้ำก้อนใหญ่ความสูงตั้งแต่ 1-2 เมตร ล้อมรอบ ขณะที่แนวป้องกันในหมู่บ้านเมืองเอกหลายจุดเกิดการรั่วซึม
ทางด้านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งตั้งอยู่ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง ที่เปิดศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัยมาตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม ได้ทำคันดินกั้นน้ำรอบบริเวณมหาวิทยาลัย คงเหลือแต่เพียงด้านที่ติดกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เท่านั้น จนเมื่อเวลาประมาณ 1.30 น. ของวันที่ 22 ตุลาคม หลังคันกั้นน้ำของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียพังลงส่งผลให้ทะลักเข้าท่วม สวทช. และทะลักต่อมายังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อย่างต่อเนื่อง จนท่วมเต็มพื้นที่ในเวลา 19.00 น. ต่อมาวันที่ 23 ตุลาคม ทางมหาวิทยาลัยติดต่อไปยังองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เพื่อขอรถโดยสารมาเคลื่อนย้ายผู้พักพิงจากศูนย์พักพิงของมหาวิทยาลัยไปพักพิงที่ราชมังคลากีฬาสถานแทน และในวันที่ 28 ตุลาคม ทางศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ออกแถลงการณ์ปิดศูนย์พักพิงและชี้แจงแนวทางการดำเนินการกับเงินและสิ่งของที่ได้รับบริจาคมา
นครปฐม
วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 จังหวัดนครปฐม น้ำท่วมทั้งจังหวัด โดยใน 4 อำเภอ ได้แก่อำเภอบางเลน นครชัยศรี สามพราน พุทธมณฑล น้ำขึ้นต่อเนื่องวันละ 3-5 เซนติเมตร หลายชุมชนในตำบลบางภาษี อำเภอบางเลน ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ
สมุทรปราการ
วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าสมุทรปราการ เผยน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมถนนหลายสายในจังหวัด สูงกว่า 50 เซนติเมตร โดยอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง มีน้ำท่วมเป็นทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้
พระนครศรีอยุธยา
ที่อำเภอเสนา อำเภอบางบาลและอำเภอผักไห่ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้เพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ ส่งผลให้พืชผลการเกษตรของชาวบ้านทั้งสองอำเภอเสียหายอย่างหนัก ไม่สามารถขายหรือส่งออกได้ ทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นยามกลางคืน ประชาชนหวั่นเกรงปัญหาโรคระบาดในพื้นที่
วันที่ 4 ตุลาคม น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้าท่วมบ้านเรือนติดกับด้านหลังวัดไชยวัฒนาราม ตำบลบ้านป้อม ระดับน้ำสูง 2 เมตร เมื่อเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน สุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมโบราณสถานในจังหวัด โดยจากการตรวจสอบพบว่า โบราณสถานในเขตเกาะเมืองได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมดแล้ว ด้านโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ทางกรมจะให้วิศวกร สถาปนิกและนักโบราณคดีตรวจสอบโครงสร้างโบราณสถาน คาดใช้งบประมาณการบูรณะกว่า 200 ล้านบาท
มีรายงานเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ว่า สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัด น้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ 16 อำเภอ โดยบางอำเภอน้ำท่วมจนไม่สามารถสัญจรได้ ในคืนวันที่ 5 ตุลาคม คันกั้นน้ำของนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ตำบลบางพระครู อำเภอนครหลวง พังลง ส่งผลให้น้ำเข้าท่วมโรงงานในนิคมกว่า 46 แห่ง ถนนโรจนะซึ่งเป็นถนนสายหลักเข้า-ออกตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมสูงกว่า 80 เซนติเมตร น้ำยังไหลเข้าท่วมชุมชนเจ้าพ่อจุ้ย บ้านเรือนถูกน้ำท่วมกว่า 1,000 หลังคาเรือน ด้านวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเมินความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ด้านพากร วังศิราบัตร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ความสูญเสียภาพรวมภาคอุตสาหกรรมอาจสูงถึงวันละ 1,000 ล้านบาท[
ผลกระทบและความเสียหาย
วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ศูนย์ปฏิบัติการรองรับเหตุฉุกเฉิน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ศปฉ.ปภ.) และศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์ อุทกภัยวาตภัยและดินโคลนถล่ม (ศอส.) รายงานตรงกันเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันว่า ยังมีพื้นที่ประสบอุทกภัยประเทศไทยตอนบน 10 จังหวัด 83 อำเภอ 579 ตำบล 3,851 หมู่บ้าน เฉพาะกรุงเทพมหานคร 36 เขต ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,658,981 ครัวเรือน 4,425,047 ราย ฟื้นฟู 55 จังหวัด ประสบอุทกภัยรวม 65 จังหวัด และอ่างเก็บน้ำไม่สามารถรับน้ำเพิ่มได้อีกจำนวน 8 อ่างจาก 33 อ่างทั่วประเทศ นับตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 รายงานเสียชีวิตรวม 680 ราย สูญหาย 3 ราย มากที่สุดจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจำนวน 139 ราย
การศึกษา
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554 วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า สถานศึกษาทั่วประเทศถูกน้ำท่วมกว่า 2,000 แห่ง มูลค่าความเสียหายประมาณ 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ จนถึงวันที่ 19 กันยายน มีโรงเรียน 1,053 แห่งถูกบังคับให้ต้องปิดภาคเรียนก่อนกำหนด โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 กันยายน สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติได้เลื่อนสอบแบบทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และแบบทดสอบความถนัดทางวิชาชีพ (PAT) จากเดิมที่สอบเดือนตุลาคม ไปสอบเดือนธันวาคม เพราะนักเรียนในพื้นที่น้ำท่วมอาจไม่สามารถมาสอบได้ และโรงเรียนสนามสอบกว่าสองร้อยแห่งถูกน้ำท่วม
วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตนได้เห็นชอบให้เลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร และให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนชดเชยตามที่สำนักการศึกษาเสนอเพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและลดปัญหาการเดินทางของนักเรียนและผู้ปกครอง รวมทั้งเกิดความพร้อมในการเรียนการสอนของโรงเรียน โดยในพื้นที่ที่ยังมีระดับน้ำท่วมสูง ใน 7 เขต
เกษตรกรรม
ประเทศไทยมีสัดส่วนการค้าข้าวในระดับโลกประมาณ 30% และธัญพืชหลัก 25% ซึ่งไม่คาดว่าจะรอดพ้นจากอุทกภัยครั้งนี้ เหตุการณ์นี้จะมีผลกระทบต่อราคาข้าวในระดับโลกโดยรวม ในประเทศ ชาวนาข้าวโดยปกติแล้วไม่มีทุนสำรอง ผลกระทบต่อชาวนานั้นจะเป็นครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะพวกเขาสูญเสียทั้งการลงทุนในพืชผลการเกษตร และต้องรอทำเงินเมื่อน้ำอุทกภัยลดลงก่อนปลูกพืชใหม่
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 อภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า ร่วมกับธนาคารโลกและหน่วยงานในพื้นที่ในการสำรวจผลกระทบจากภัยพิบัติ อุทกภัย ด้านการเกษตร ปี 2554 ในพื้นที่ศึกษา จ.นครสวรรค์และลพบุรี พบว่าสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ และเครื่องมือเครื่องจักร อุปกรณ์การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554 รายงานสรุปของศูนย์ปฏิบัติการรองรับเหตุฉุกเฉิน กรมบรรเทาและป้องกันสาธารภัย (ศปฉ.ปภ.) แจ้งว่า ด้านพืช เกษตรกร 1,284,106 ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 12.60 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว 9.98 ล้านไร่พืชไร่ 1.87 ล้านไร่ พืชสวนและอื่นๆ 0.75 ล้านไร่ ด้านประมง เกษตรกร 130,041 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา 215,531 ไร่ บ่อกุ้ง/ปู/หอย 53,557 ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ 288,387ตารางเมตร ด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 254,670 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 30.32 ล้านตัว แปลงหญ้า 17,776 ไร่
อุตสาหกรรม
นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งได้รับผลกระทบหนักจากอุทกภัย เป็นผลให้เกิดความขัดข้องในการผลิตและความขาดแคลนปัจจัยป้อนโรงงานทั่วโลก
วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554 กำแพงกั้นน้ำสูง 10 เมตรในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานการผลิตหลายแห่ง พังลง กระแสน้ำที่ไหลแรงได้ขัดขวางความพยายามสร้างกำแพงกั้นน้ำใหม่ และส่งผลให้ทั้งพื้นที่ไม่สามารถใช้การได้ หนึ่งในโรงงานผู้ผลิตรายใหญ่ ฮอนด้า ถูกทิ้งไว้โดยเข้าถึงไม่ได้อย่างแท้จริง
ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เป็นอันดับสองของโลก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการผลิตของโลกอย่างน้อย 25% หลายโรงงานที่ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ถูกน้ำท่วม ทำให้นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมบางคนพยากรณ์ว่าฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะขาดแคลนทั่วโลกในอนาคต
เศรษฐกิจของประเทศอื่นนอกเหนือจากประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอย่างสำคัญจากอุทกภัยด้วยเช่นกัน ซึ่งประเทศที่จะได้รับผลหนักที่สุดนั้นคือ ญี่ปุ่น ธุรกิจญี่ปุ่นซึ่งมีฐานการผลิตในประเทศไทย มีทั้งโตโยต้า ฮิตาชิ และแคนอน นักวิเคราะห์รายหนึ่งพยากรณ์ว่ากำไรของบริษัทโตโยตาอาจถูกตัดลง 200,000 ล้านเยน และตัวเลขนี้เป็นเพียงการสูญเสียกำไรเท่านั้น รายได้ลูกจ้างในไทยและญี่ปุ่นยังได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
สำหรับบางบริษัทและประเทศ ผลกระทบนั้นอาจไม่มีแต่ในทางลบ ตัวอย่างเช่น ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ และประเทศอย่างอินเดียจะมีบริษัทที่ได้กำไรเมื่อก้าวเข้ามาเติมเต็มปัจจัยที่ขาดแคลนนั้น
วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554 จิรบูลย์ วิทยสิงห์ เลขาธิการสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย ประธานกิตติมศักดิ์ สมาคมของขวัญ ของชำร่วยไทย และของตกแต่งบ้าน ระบุว่า จากเหตุน้ำท่วมส่งผลต่อการส่งออกด้วย เพราะว่าผู้ประกอบการสินค้าของขวัญ ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ประกอบการรายย่อย 3,000 รายได้รับผลกระทบ โดยร้อยละ 20 ต้องหยุดการผลิต ขณะที่ร้อยละ 80 ขาดวัตถุดิบในการผลิต ทำให้คาดว่ายอดการส่งออกของปีนี้ จะเหลือเพียง 95,000 ล้าน ขยายตัวเพียงร้อยละ 5 จากเดิมที่คาดไว้ว่าอยู่ที่ร้อยละ 8
เศรษฐกิจ
ร้านค้าหลายร้านไม่สามารถผลิตวัตถุดิบหรือส่งผลิตภัณฑ์ทันต่อความต้องการของผู้บริโภค เพราะมีการซื้อสินค้าไปกักตุนและการขนส่งลำบาก ทั้งโรงงานไม่สามารถผลิตวัตถุดิบได้ ทำให้หลายฝ่ายกังวลเรื่องการขึ้นราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับการป้องกันอุทกภัยที่หมดอย่างรวดเร็ว แม้ว่าน้ำท่วมจะลดลงบ้างแล้ว ห้างและร้านค้าบางร้านยังไม่สามารถเปิดให้บริการหรือเปิดให้บริการได้ไม่เต็มรูปแบบเพราะขาดวัสดุหรือวัตถุดิบผลิตสินค้า
ขณะที่หนังสือพิมพ์รายงานว่า วัตถุดิบในการผลิตฮาร์ดดิสก์เสียหายและโรงงานหยุดผลิตอาจทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีสูงขึ้น ซึ่งเมื่อรวมกับการจัดส่งที่ลำบากจะยิ่งทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและอาจส่งผลกระทบทั่วโลก เพราะไทยเป็นแหล่งผลิตใหญ่ของโลกในปัจจุบัน
กระทรวงพาณิชย์แก้ไขปัญหาด้วยการจับกุมผู้ค้าสุกร และผู้ค้าทรายที่ขึ้นราคาเกินกำหนด
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินมูลค่าความเสียหายไว้ที่ 156,700 ล้านบาท ความเสียหายส่วนใหญ่มาจากผลกระทบที่มีต่ออุตสาหกรรมการผลิต โดยมีโรงงาน 930 แห่งใน 28 จังหวัดได้รับผลกระทบ รวมทั้งนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี ยังมีการประเมินว่าอุทกภัยครั้งนี้ส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงร้อยละ 0.6 ถึง 0.9
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 กระทรวงพาณิชย์ประกาศนำเข้าไข่ไก่ 7 ล้านฟอง ปลากระป๋อง 4 แสนกระป๋อง และน้ำดื่ม 1 ล้านขวดจากประเทศมาเลเซียและเขตบริหารพิเศษฮ่องกงอย่างเร่งด่วน ข้อมูลจากกรมการค้าภายใน พบว่า เฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร ราคาไข่ไก่และไข่เป็ดเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 สูงสุดในปีนี้ ทั้งราคาขายปลีกและส่ง
จากการอพยพผู้คนในนิคมอุตสาหกรรม ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตของบริษัทต่างชาติในประเทศไทย หุ้นในตลาดหลักทรัพย์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงราคาหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและกลุ่มยานยนต์ นิคมอุตสาหรรมในประเทศ 7 แห่ง ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งนี้
ในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 แอนเน็ต ดิกซอน ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า พบความเสียหายรวมประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นความเสียหายจากทรัพย์สินคงที่ เช่น บ้าน โรงงาน มูลค่าประมาณ 6.6 แสนล้านบาท และความสูญเสียจากค่าเสียโอกาส เช่น การผลิต อีกประมาณ 7 แสนล้านบาท ธนาคารโลกได้ประเมินเป็นผลกระทบต่อจีดีพีของไทยให้ลดลงประมาณ 1.2% เหลือ 2.4% จากเดิมที่คาดไว้ 3.6%
ทั้งนี้ปัญหาขยะราวสี่หมื่นตันส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ทำให้รัฐต้องลงทุนในการทำลายขยะในปริมาณมากกว่าที่จะรับได้ในยามปกติ
ได้มีการลดราคาสินค้าจำนวนมากโดยอ้างเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย การหยุดขายสินค้ายังคงมีอยู่แม้หลังบางพื้นที่ซึ่งอุทกภัยผ่านพ้นไปแล้ว โดยร้านค้าต่างอ้างเหตุอุทกภัยทำให้โรงงานไม่สามารถส่งวัตถุดิบเพื่อการผลิต
วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554 สำนักงานเศรษฐกิจการคลังปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย พ.ศ. 2554 ขยายตัวร้อยละ 1.1 โดยเฉพาะความเสียหายต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร แต่คาดว่า มาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ออกมา จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ใน พ.ศ. 2555 โดยจะขยายตัวได้ร้อยละ 5
การท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวได้รับความเสียหายในรูปแบบของค่าเสียโอกาสในการนำรายได้เข้าสู่ประเทศรวมถึงชื่อเสียงของประเทศเนื่องจากหลายประเทศได้ออกเตือนภัยให้นักท่องเที่ยวระวัดระวังในการเข้าประเทศไทย รวมถึงไม่ควรเข้าสู่เมืองหลวงของประเทศไทยและเมืองใหญ่สำคัญเช่นจังหวัดเชียงใหม่โดย
ในหลายประเทศ อาทิ ประเทศจีน ฮ่องกง และประเทศสิงคโปร์ ได้ออกคำเตือนในการเข้าประเทศไทย ต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สุรพล เศวตเศรนี เสนอว่าความเสียหายรวมอาจสูงถึง 825 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการท่องเที่ยวระหว่างประเทศและภายในประเทศลดลง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดว่านักท่องเที่ยวระหว่าง 220,000 ถึง 300,000 คนจะยกเลิกการเดินทางมายังประเทศไทย เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวนั้นสูงกว่าใน พ.ศ. 2553 มาโดยตลอด กระทั่งปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 การเดินทางมาท่าอากาศยานกรุงเทพเพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553 การเดินทางมายังภูเก็ตเพิ่มขึ้น 28.5%
วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554 สุรพล เศวตเศรนี เปิดเผยอีกว่า จากการประเมินสถานการณ์น้ำลดภายในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นักท่องเที่ยว ต่างชาติ ลดลงราว 200,000 คน สูญรายได้จากการท่องเที่ยวไป 8,500 ล้านบาท แต่เมื่อสถานการณ์มีแนวโน้ม สิ้นสุดภายในเดือนธันวาคม คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงราว 300,000 คน และสูญเสียรายได้กว่า 25,580 ล้านบาท
วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554 สุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับสุรพล เศวตเศรนี แถลงข่าวสรุปสถานการณ์นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 11 เดือนแรกของ พ.ศ. 2554 พบว่าเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานักท่องเที่ยวลดลง 17.92% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หรือจาก 1,478,856 คนเมื่อปี 2553 เหลือ 1,213,826 คนในปีนี้
การสาธารณสุข
ปัญหายาขาดแคลนและปัญหาโรคที่มากับน้ำ รวมถึงสุขภาพจิตของประชาชนมีเพิ่มขึ้นในช่วงอุทกภัยเช่น ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษประสบปัญหาการขาดยาและเวชภัณฑ์ หลังโรงงานในเขตจังหวัดปริมณฑลถูกน้ำท่วม ส่งผลให้โรงพยาบาลต้องลดปริมาณการจ่ายยาให้ผู้ป่วยเรื้อรัง จากครั้งละ 3 เดือน เป็น 1 เดือน และหมุนเวียนยาร่วมกับโรงพยาบาลใกล้เคียง เพื่อช่วยกระจายยาให้คนไข้ คณะกรรมการอาหารและยาอำนวยความสะดวกเป็นผู้สั่งยาโดยตรงกับบริษัทในต่างประเทศ หากเกิดกรณีที่ผู้ประกอบการหรือเภสัชกรต้องการยานั้น ๆ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขพบผู้ประสบอุทกภัยเจ็บป่วยแล้ว 1.6 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นโรคน้ำกัดเท้า ผื่นคัน ไข้หวัดใหญ่
วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตือนอันตรายจากสัตว์มีพิษในช่วงน้ำท่วม พร้อมกับแนะนำวิธีป้องกันสัตว์มีพิษเข้ามาในบ้าน
วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยสถานการณ์ผู้ถูกไฟฟ้าดูดจากภาวะน้ำท่วมล่าสุดว่า ขณะนี้ตัวเลขที่รายงานอย่างเป็นทางการของผู้ถูกไฟฟ้าดูดอยู่ที่ 45 รายแล้ว ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการ อาจจะเพิ่มขึ้นเกือบถึง 100 รายได้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีประเทศใดมีผู้เสียชีวิตจากไฟฟ้าดูดในช่วงอุทกภัยมากเท่านี้มาก่อน
วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ในงานประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการ "ผนึกกำลัง ร่วมใจ สู้ภัยน้ำท่วม" กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า มีจำนวนผู้ประสบภัยที่เข้ารับการคัดกรองสะสม 119,237 ราย ในจำนวนนี้มีความเครียดสูง 6,704 ราย ซึมเศร้า 8,317 ราย และผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 1,441 รายแล้ว นอกจากนี้ ยังได้รายงานยอดผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์อุทกภัย โดยเป็นข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มียอดผู้เสียชีวิต 728 รายแล้ว เป็นการเสียชีวิตจากไฟฟ้าดูด 102 ราย จมน้ำเสียชีวิตและอื่น ๆ 626 ราย สูญหาย 2 ราย[215]
วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 นายแพทย์ภาสกร อัครเสวี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ยอดรวมของผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อตและดูดเสียชีวิต จากสถานการณ์น้ำท่วมนั้นอยู่ที่ 102 ราย พบว่า 73% ของผู้เสียชีวิตถูกไฟดูดไฟฟ้าช็อตในที่พักอาศัยของตน พื้นที่ที่มีเกิดเหตุมากที่สุด คือ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี กรุงเทพมหานครและจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยุธยาตามลำดับ
วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554 รายงานสรุปของศูนย์ปฏิบัติการรองรับเหตุฉุกเฉิน กรมบรรเทาและป้องกันสาธารภัยแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตจากไฟฟ้าช็อตทั้งหมดทั่วประเทศ 48 ราย น้ำพัด 26 ราย เรือล่ม 22 ราย จมน้ำ 568 ราย
โฆษกยูนิเซฟแนะนำให้ทุกคนอยู่ห่างจากแหล่งน้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
การขนส่งคมนาคม
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ปิดการจราจรเพราะน้ำท่วมจนรถไม่สามารถสัญจรได้
วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554 กรมทางหลวงรายงานว่า น้ำท่วมถนน 117 สายทาง ในพื้นที่ 21 จังหวัด ซึ่งในจำนวนนี้ผ่านได้ 49 สายทาง ผ่านไม่ได้ 88 สายทาง
การบินไทยได้จัดเที่ยวบินพิเศษจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังท่าอากาศยานพิษณุโลกเมื่อกลางเดือนตุลาคม เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และผู้ประสบอุกภัยในพื้นที่ในราคาต้นทุน ได้แก่ เที่ยวบิน TG8706 และ TG8707 เบื้องต้นจะสิ้นสุดทำการบินวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554 นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้ขอให้การบินไทยเพิ่มเที่ยวบินลงภาคใต้และพิจารณาราคาเป็นพิเศษ เพราะเป็นห่วงว่าหากน้ำท่วมเส้นทางพระราม 2 แล้วจะทำให้การเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปภาคใต้ไม่สะดวก วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่การบินไทย ประกาศลดราคาตั๋วโดยสารทางเครื่องบิน 47-58% จากราคาปกติ เปิดจำหน่ายระหว่างวันที่ 11 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ในเส้นทางกรุงเทพมหานครสู่ทุกจุดบินของการบินไทยในภาคใต้
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเปลี่ยนเส้นทางรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่งผลให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีบริการรถสาธารณะบนทางด่วน ขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยขอความร่วมมือไม่ให้ใช้ทางด่วนเป็นที่จอดรถ แต่ประชาชนยังจอดรถบนทางด่วน ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุ และเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม รวมทั้งทำให้ทางด่วนยกระดับหลายเส้นทางมีการจราจรแออัด เพราะรถจอดซ้อนคันหรือจอดบริเวณทางขึ้นและลงทางด่วน
วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ศูนย์ควบคุมและสั่งการการจราจร บชน. (บก.02) สั่งปิดถนน 29 สายรอบกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงแนะนำเส้นทางที่ควรหลีกเลี่ยงยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 มีเส้นทางที่สั่งปิดทั้งหมด 50 เส้นทาง แบ่งเป็นปิดตลอดเส้นทาง 17 เส้นทาง ปิดไม่ตลอดเส้นทาง 21 เส้นทาง ควรหลีกเลี่ยง 21 เส้นทาง วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ถนนเศรษฐกิจในอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งปิดการจราจร
วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงเทพมหานครได้สั่งขยายการปิดจราจรใน 5 เส้นทางเดิมโดยปิดการจราจรในถนนเหล่านี้มากขึ้นและเพิ่มการปิดจราจรไม่ตลอดสาย 1 เส้นทางและแนะนำให้หลีกเลี่ยงอีก 5 เส้นทาง วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดการจราจรถนนเพชรเกษมบริเวณปากซอยวัดเทียนดัดและซอยหมอศรี ฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานครในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ในขณะที่จังหวัดนนทบุรีปิด 7 เส้นทางรวมถึงการทางพิเศษตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554 โดยปิดเป็นบางช่วง
วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปิยะวัฒน์ มหาเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาน้ำท่วมส่งผลให้สำนักงานไปรษณีย์ถูกน้ำท่วม 38 แห่ง จากทั้งหมด 1,200 แห่ง มีไปรษณีย์ภัณฑ์ธรรมดาตกค้างประมาณ 1.5 ล้านชิ้น จากปกติซึ่งจะมีไปรษณียภัณฑ์หมุนเวียนวันละ 5 ล้านชิ้น ทำให้มียอดจดหมายตกค้างเฉลี่ย 1 ใน 3 ของปริมาณงานที่ต้องนำจ่าย แต่บริษัทฯ ยังเปิดทำงานตามปกติ ส่วนพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าไปจ่ายไปรษณีย์ภัณฑ์ได้เจ้าหน้าที่จะเปิดถุงเมล์เพื่อนำจดหมายไปคัดแยกตามเขตพื้นที่แล้วเรียงลำดับตามหน้าซองที่จ่าไว้ และเมื่อระดับน้ำลดจะให้บุรุษไปรษณีย์รีบนำส่งจดหมายให้ถึงมือผู้รับทันที
ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเครื่องบินของกองทัพอากาศและการบินไทยที่อยู่ในช่วงซ่อมบำรุงมีปัญหาในการขนย้ายเนื่องจากไม่สามารถขึ้นบินได้จึงเสียหายจากเหตุกาณ์น้ำท่วมท่าอากาศยาน
ปฏิกิริยา
ภายในประเทศ
การประกาศภาวะฉุกเฉินและภาวะภัยพิบัติ
มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน ดังนี้ จังหวัดนครสวรรค์ทั้งจังหวัด, จังหวัดปทุมธานี 2 อำเภอ, จังหวัดตาก จังหวัดลำปาง และจังหวัดลพบุรีทั้งจังหวัด วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน ในเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร นับเป็นการยกระดับประกาศภายหลังที่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินไว้เรียบร้อยแล้ว ตลอดจนมีการประกาศภาวะภัยพิบัติในกรุงเทพมหานคร 17 เขต ประกาศวันที่ 12 ตุลาคม 2554, จังหวัดชลบุรี 10 อำเภอ ประกาศ 30 กันยายน 2554, จังหวัดบุรีรัมย์ 6 อำเภอ ประกาศ 2 ตุลาคม 2554, จังหวัดสมุทรสาคร 3 อำเภอ ประกาศ 7 ตุลาคม 2554, จังหวัดขอนแก่น 26 อำเภอ และจังหวัดภูเก็ตประกาศภัยพิบัติจากดินถล่มทั้งจังหวัด ประกาศเมื่อ 5 ตุลาคม 2554, จังหวัดน่าน ประกาศ 10 อำเภอ และจังหวัดจันทบุรี 8 อำเภอ
จนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประกาศภาวะภัยพิบัติฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลังในกรุงเทพมหานครรวม 32 เขต ต่อมาวันที่ 26 พฤศจิกายน จังหวัดนราธิวาส ได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติทั้งจังหวัด วันที่ 27 พฤศจิกายน จังหวัดปัตตานี ได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ ทั้งจังหวัด
ความขัดแย้งเรื่องการกั้นน้ำ
การใช้พนังกั้นน้ำท่วมส่งผลให้เกิดความขัดแย้งหลายครั้งระหว่างประชาชนทั้งสองด้าน ฝั่งที่ถูกน้ำท่วมรู้สึกโกรธที่พวกตนได้รับผลกระทบอย่างไม่เป็นธรรม และมักพยายามทำลายพนังกั้นน้ำเหล่านี้ ซึ่งบางครั้งส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ากันด้วยอาวุธ ชาวนาในจังหวัดพิจิตร และอื่น ๆ ต่อสู้เพื่อรักษาพนังกระสอบทรายและบานระบายน้ำ ราษฎรในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพมหานครยังรู้สึกไม่พอใจที่บ้านของตนถูกน้ำท่วม แต่กรุงเทพมหานครได้รับการป้องกัน การโต้เถียงกันว่าการก่อสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์นั้น ก็มีขึ้นด้วยเช่นกัน
วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554 ชาวบ้านตำบลหน้าโคก อมฤตและ ตำบลนาคู ลำตะเคียน ลาดชิด ลาดชะโด ได้ปะทะกันเนื่องจากชาวบ้านตำบลหน้าโคก อมฤตต้องการให้เปิดประตูระบายน้ำซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อขาวบ้านในตำบลอื่น ๆ และได้ประท้วงปิดถนนผักไห่ แยกจักราช
วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554 ชาวบ้านประมาณ 500 คนทำลายแนวกระสอบทรายในจังหวัดชัยนาท
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554 ชาวบ้านตำบลบ้านกุ่ม อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยากว่า 200 คนบุกจะไปพังประตูน้ำบางกุ้ง ที่ตั้งอยู่ หมู่ 9 ตำบลบ้านกุ่ม ซึ่งกั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยากับทุ่งนาฝั่งตะวันออกจำนวน 50,000 กว่าไร่ เขตติดต่อของทุ่งอำเภอบางบาล, อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอำเภอป่าโมง จังหวัดอ่างทอง หลังจากหมดความอดทนกับสภาพน้ำท่วมสูงในชุมชนติดแม่น้ำเกือบ 3 เมตรจนไม่มีที่อยู่อาศัย
วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ที่บริเวณถนนสายปทุมธานี-สามโคก เกิดคันกั้นน้ำแตกหลายจุด ส่งผลให้น้ำเข้าท่วมบ้านชุมชนกฤษณา 2 ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยประมาณ 3,000 คน โดยชาวบ้านบางส่วนได้รวมตัวกันออกมาปิดถนนประท้วงทั้งขาเข้าและขาออก ถนนสายปทุมธานี-สามโคก ทำให้การจราจรเป็นอัมพาต กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงว่า พวกตนไม่พอใจเมื่อทราบข่าวว่าทางจังหวัดสั่งให้ทหารนำกระสอบทรายมากั้นบริเวณเส้นทางถนนปทุมธานี-สามโคก (สี่แยกสันติสุข) เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากตำบลกระแชงไหลผ่านมาเข้าในเขตอำเภอเมืองและลาดหลุมแก้ว และจะปิดถนนจนกว่าจะได้รับคำตอบที่พอใจ
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ชาวบ้านกว่า 200 คน ได้รวมตัวชุมนุมปิดถนนพระราม 2 ฝั่งขาเข้าบริเวณหน้าการไฟฟ้าบางขุนเทียน เนื่องจากตกลงกันไม่ได้เรื่องการปิดกั้นน้ำในพื้นที่ โดยทางเคหะชุมชนธนบุรี 1 ได้นำกระสอบทรายมาปิดกั้นคลองระบายน้ำ ทำให้น้ำเอ่อล้นไปทางเคหะชุมชนธนบุรี 2 จนชาวบ้านไม่พอใจอยากให้เจ้าหน้าที่รื้อกระสอบทรายออก วันเดียวกัน ชาวบ้านชุมชนหมู่บ้านธนินทร 1 ได้ทำลายคันกั้นน้ำในพื้นที่เขตดอนเมืองบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตขาออกโดยมีการอ้างว่า การุณ โหสกุล ได้ติดต่อและได้รับอนุญาตจาก ศปภ. แล้ว และชาวบ้านร่มเกล้า กรุงเทพมหานคร ประมาณ 300-400 คน รวมตัวประท้วงปิดถนนร่มเกล้าบนสะพานจากมีนบุรีไปสุวรรณภูมิ มากกว่า 2 ชั่วโมง เรียกร้องให้เปิดประตูระบายน้ำบึงขวางอีก 1 เมตร จากเดิมที่เปิดอยู่แล้ว 1 เมตร เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังกรมชลประทาน กล่าวว่าได้ โอนอำนาจไปให้สำนักระบายน้ำของกรุงเทพมหานครแล้ว
วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ชาวบ้านหมู่บ้านการ์เด้นโฮม ซอยพหลโยธิน 60 อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ได้รื้อคันกั้นน้ำออกทั้งหมด รวมระยะทาง 16 เมตร บริเวณถนนจันทรุเบกษาแยกกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ ขณะที่จุมพล สำเภาพล รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า พื้นที่เขตสายไหมตอนใต้อาจได้รับผลกระทบจากน้ำ เวลา 13.00 น. ชาวบ้านจากชุมชน ริเวอร์ ปาร์ค วัดประยูร เซียร์รังสิต ชุมชนริมคลองคูคต-ลำลูกกา คลอง 1 ชุมชนปิดถนนทางด่วนโทลล์เวย์ ขาเข้าบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซียร์รังสิต เกิดเหตุการณ์ผู้ชุมนุมปะทะกับประชาชนผู้ใช้เส้นทาง โดยมีรถยนต์คันหนึ่งได้เคลื่อนรถขับไล่ดันชาวบ้านให้ออกจากถนน จนทำให้ชาวบ้านระงับอารมณ์ไม่อยู่ กระโดดขึ้นไปบนหลังคารถ พร้อมทั้งทุบกระจกรถคันดังกล่าว
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ชาวบ้านที่บริเวณริมถนนรังสิต-นครนายก ช่วงหน้าหมู่บ้านฟ้าลากูน ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ได้มีกลุ่มตัวแทนชาวบ้านจากชุมชนต่าง ๆ จำนวน 13 ชุมชน ที่อยู่ริมคลองรังสิตประยูรศักดิ์ โดยชาวบ้านเรีบกร้องให้รัฐบาลรื้อคันกั้นน้ำออกทั้งหมดและชาวบ้านบางส่วนได้ทำลายคันกั้นน้ำ
ขณะที่กลุ่มชาวบ้านกว่า 100 คน ที่พักอาศัยอยู่ในซอยสนามกีฬาจังหวัดปทุมธานี รื้อแนวกระสอบทรายยักษ์ ที่บริเวณเกาะกลางและบริเวณริมถนนติวานนท์ ชาวบ้านได้ใช้มีดกรีดตัดกระสอบทรายบิ๊กแบ็กจนขาดเป็นแนวยาวประมาณ 10 เมตร และชาวบ้านในซอยโรงเรียนจารุศร ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ประมาณ 100 คน ได้ชุมนุมบริเวณด้านข้างสถาบันเอไอที เพื่อมาเจรจากับทางสถาบันเอไอที โดยยื่นข้อเรียกร้อง 2 ข้อคือ 1. ขอให้สถาบันเอไอที ลดจำนวนการสูบน้ำจาก 12 เครื่อง ให้เหลือ 6 เครื่อง เพื่อลดผลกระทบจากน้ำที่ถูกสูบออกมายังพื้นที่ชุมชน และ 2. ขอให้ลอกคลอง และผักตบชวาที่ขวางทางน้ำ ตั้งแต่บริเวณต้นคลองจนถึงบริเวณท้ายคลองริมทางรถไฟ
การประท้วงปิดถนน
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ชาวบ้านในตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานีกว่า 100 คน รวมตัวกันปิดถนนบริเวณสะพานสายไหมหทัยราษฎร์ แขวงและเขตสายไหม เพื่อเรียกร้องให้กรุงเทพมหานครเปิดประตูระบายน้ำขึ้นอีก 20 เซนติเมตร หลังชาวบ้านในพื้นที่ถูกน้ำท่วมขังมานานกว่า 2 เดือนแล้ว
วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในอำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวทอง อำเภอไทรน้อยและอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี กว่า 200 คน ได้รวมตัวประท้วงปิดถนนหน้าศาลากลางจังหวัดนนทบุรี เรียกร้องต้องการพบวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อทวงถามความคืบหน้าในการเปิดประตูน้ำตามคลองต่าง ๆ ในพื้นที่ หลังเคยมีการเจรจาตกลงกันว่าชาวบ้านจะสามารถกลับเข้าบ้านพักในวันที่ 1 ธันวาคม นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนับร้อยต้องมารักษาความสงบ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมกีดขวางเส้นทางการจราจร
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ชาวบ้านซอยรามอินทรา เลขคี่ ซอย 1 - 39 เดินรวมตัวเข้าปิดถนนรามอินทราซอย 5 หลังจากส่งตัวแทนเข้าหารือกับผู้อำนวยการเขตบางเขน และผู้อำนวยการกองพัฒนาการระบบหลัก สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร แล้วยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเรื่องวิธีการระบายน้ำ
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ที่ปากซอยพหลโยธิน 48 มีชาวบ้านจากชุมชนพหลโยธิน 48 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน จำนวนกว่า 200 คน ชุมนุมประท้วงหลังถูกน้ำท่วมขังภายในซอยสูงกว่า 1 เมตร นานกว่า 1 เดือน ผู้ประท้วงเรียกร้องให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณชุมชน เพื่อเร่งระบายน้ำลงคลองสอง และให้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่ประตูระบายน้ำคลองลาดพร้าว เพื่อระบายน้ำที่ท่วมชุมชนโดยเร็ว พร้อมกับขอพบตัวแทนจาก ศปภ. หรือกรุงเทพมหานคร ต่อมาทางกลุ่มผู้ประท้วงได้ปิดถนนพหลโยธินขาเข้า หลังจากไม่มีตัวแทนมาเจรจา จนกระทั่ง ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการและเลขานุการ ในคณะกรรมการ ยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) เป็นตัวแทนจาก ศปภ. เดินทางมาพบกลุ่มผู้ประท้วงและเจรจา กระทั่งผู้ประท้วงพอใจและสลายตัว
วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ชาวบ้านตำบลกระทุ่มล้ม อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม รวมตัวปิดถนนพุทธมณฑล สาย 4 เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากในพื้นที่ ต.กระทุ่มล้ม มีน้ำท่วมขังนานกว่า 1 เดือน และกำหนดระยะเวลาแก้ไขปัญหาภายใน 3 วัน โดยนายกเทศมนตรีเมืองกระทุ่มล้มเข้าเจรจากับกลุ่มชาวบ้าน เบื้องต้นชาวบ้านเสนอข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ด้านนายกเทศมนตรี กล่าวว่า จะพยายามทำตามข้อเรียกร้อง โดยชาวบ้านบางส่วนต้องการให้ตอบสนองข้อเรียกร้องทันที
การเมือง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยขัดแย้งกันเองถึงขั้นต้องให้หัวหน้าพรรคช่วยเจรจาและเป็นสักขีพยาน และมีการตำหนิการทำงานของหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และจิรายุ ห่วงทรัพย์ ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี
หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์แก่นักข่าวตัดพ้อว่า รัฐบาลไม่ค่อยให้การช่วยเหลือ เช่น มอบกระสอบทรายและเครื่องสูบน้ำล่าช้า ต่อมา ปรเมศวร์ มินศิริ เจ้าของเว็บไซด์ thaiflood ได้ประกาศลาออกจากศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพราะไม่พอใจที่หน่วยงานของรัฐไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกและไม่ให้ร่วมเข้าประชุม
พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ถูกย้ายให้ไปเป็นผู้ตรวจราชการโดยระบุในคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 522/2554 ด้วยเหตุผลว่า จำเป็นและเพื่อประโยชน์ของทางราชการในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอันเนื่องมาจากสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม และมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในการประสานราชการระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2554
ในกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครได้ย้ายโฆษกกรุงเทพมหานคร โดยให้วสันต์ มีวงศ์ เป็นโฆษกกรุงเทพมหานคร และให้เจตน์ โศภิษฐ์พงศธร พ้นจากตำแหน่งโฆษกกรุงเทพมหานครปฏิบัติตำแหน่งหน้าที่ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครเพียงตำแหน่งเดียวและในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554นายเจริญรัตน์ ชุติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้ลงนามในคำสั่งย้ายนางวัชราภรณ์ กวยะปาณิก ผู้อำนวยการเขตบางเขนไปช่วยราชการที่สำนักงานปลัดกรุงเทพมหานคร เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามีการแจ้งเท็จเกี่ยวกับการกำจัดขยะในพื้นที่เขตบางเขนแก่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
การให้ความช่วยเหลือ
ภาครัฐ
วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีลงมติเห็นชอบให้รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐนำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการก่อสร้างอันเนื่องจากเหตุอุทกภัย
ปฏิบัติการเฝ้าตรวจและบรรเทาสาธารณภัยอุทกภัยแบบรวมศูนย์เริ่มขึ้นในกลางเดือนสิงหาคม นายกรัฐมนตรีที่เพิ่งดำรงตำแหน่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางเยี่ยมจังหวัดที่ประสบอุทกภัยเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม และมอบหมายให้สมาชิกคณะรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภาเยี่ยมราษฎรที่ได้รับผลกระทบ โดยสัญญาจะสนับสนุนองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการบริหารสถานการณ์ อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ภายใต้กำกับของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เพื่อประสานงานความพยายามเตือนภัยและบรรเทาภัยพิบัติ รัฐบาลยังได้จัดสรรงบประมาณบรรเทาอุทกภัยเพิ่มเติมให้แก่จังหวัดที่ได้รับผลกระทบนายกรัฐมนตรียังให้คำมั่นว่าจะลงทุนในโครงการป้องกันระยะยาว รวมทั้งการก่อสร้างคลองระบายน้ำ
กองทัพได้ระดมกำลังพลเพื่อกระจายความช่วยเหลือแก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบ กลุ่มและองค์การพลเรือนก็ได้มีส่วนเช่นกัน โดยอาสาสมัครช่วยกันจัดถุงยังชีพและส่งความช่วยเหลือไปยังบางพื้นที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้ถูกจัดตั้งขึ้นที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อประสานงานการส่งความช่วยเหลือ สนามกีฬาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตใช้เป็นที่พักพิงแก่ผู้อพยพ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อย่างไรก็ดี หลายคนในพื้นที่ประสบภัยไม่ยอมละทิ้งบ้านเรือนของตนด้วยกลัวว่าจะถูกปล้น ด้านตำรวจได้ตอบสนองประชาชนโดยตั้งศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมขึ้นเพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษในการป้องกันอาชญากรรมในช่วงมีเหตุการณ์อุทกภัย ขณะที่หน่วยงานของรัฐได้จัดองค์กรพิเศษเช่น กรมประมงจัดหน่วยพิเศษเพื่อจับจระเข้ในนาม หน่วยปฏิบัติเฉพาะกิจผู้ประสบเหตุจระเข้หลุดรอดจากอุทกภัย และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตำรวจตระเวณชายแดนตั้ง ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้จัดเรือหลายร้อยลำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อขับดันน้ำด้วยใบจักรเพื่อเพิ่มการไหลน้ำลงสู่ทะเล อันเป็นเทคนิคซึ่งทรงเสนอโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อช่วยเร่งการไหลของน้ำผ่านคลองลาดพร้าวที่แคบกว่ามาก ยิ่งลักษณ์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้โดยโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ผู้เรียกปฏิบัติการนี้ว่าเป็นการ "เสียเวลา" เพราะทะเลมีคลื่นสูงในขณะนั้น ด้านสมิทธ ธรรมสโรช อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาและประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ยังวิพากษ์วิจารณ์ปฏิบัติการดังกล่าวเช่นกัน โดยอ้างว่า "การเร่งเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยาอันกว้างใหญ่นั้นเสียเปล่า เพราะมันจะขับดันเฉพาะน้ำบนพื้นผิวเท่านั้น"[
สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดหน่วยปฏิบัติเฉพาะกิจศูนย์รักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน และการจราจร กับศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้ เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ทั้งสองแห่งรวมทั้งจัดอบรมการขับเรือแก่ข้าราชตำรวจเพื่อจับโจรผู้ร้ายในสถานการณ์ปัจจุบันและให้บริการจับสัตว์ดุร้ายรวมถึงการอพยพคนการแจกสิ่งของต่าง ๆ ในพื้นที่ ๆ ประสบปัญหาอุทกภัย
การประปานครหลวงได้ดำเนินการผ่อนผันการชำระค่าประปาในเดือนธันวาคมพ.ศ. 2554 โดยให้ชำระอย่างช้าภายในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 มิฉะนั้นจะดำเนินการตัดน้ำในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ในขณะที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็ดำเนินการผ่อนผันการชำระค่าไฟฟ้าเช่นเดียวกัน
ภาคเอกชน
อุทกภัยในครั้งนี้มีหน่วยงานของเอกชนอาทิ ปูนซิเมนต์ไทยได้จัดรถเพื่อรับส่งประชาชนที่ประสบอุทกภัย เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้จัดถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือประชาชน ขณะที่เซเว่น อีเลฟเว่นจัดอาหารเพื่อบริการประชาชนเช่นเดียวกัน
วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 บริษัท สิงห์ชัย อุตสาหกรรม จำกัด และเจ้าหน้าที่เทศบาลจังหวัดสมุทรสาครได้ร่วมมือกันเพื่อจัดทำโครงการคลองประดิษฐ์ขึ้น ใช้เงินลงทุนกว่า 3 ล้านบาท
ต่างประเทศ
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ฮิลลารี คลินตันได้แถลงผ่านทางเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ แสดงความเสียใจและห่วงใยต่อเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในนามของประธานาธิบดีและประชาชนชาวสหรัฐ
วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน (CVN-73) เช่นเดียวกับเรือแห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาอีกหลายลำถูกส่งมายังประเทศไทยเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย แต่ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่ารัฐบาลไทยได้ร้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาไปยังรัฐบาลสหรัฐอเมริกาหรือไม่ จากท่าทีอันหลากหลายของรัฐบาลไทย จนถึงปัจจุบัน สหรัฐอเมริกายังไม่ได้รับการร้องขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ
วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 กวาน มู เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย มอบเครื่องสูบน้ำจำนวน 500 เครื่อง เรือติดรถยนต์ 685 ลำ ส่วนการสั่งซื้อเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมของรัฐบาลไทยนั้น เป็นการสั่งซื้อกับเอกชน ไม่ผ่านรัฐบาลจีน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น