วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ศึกแย่งหน่อไม้ มีดดวลเสียม ไส้ทะลักดับอนาถ เมื่อ 30 ส.ค.56



ศึกแย่งหน่อไม้ มีดดวลเสียม ไส้ทะลักดับอนาถ
 
ภาพจาก ข่าวสด
ภาพจาก ข่าวสด

เมื่อ 30 ส.ค. พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชินวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ รอง ผกก.ป.ฯ ด.ต.วิชัย มิตราช หัวหน้าสายตรวจตำบลโคกสะอาด และกำลังตำรวจอาสา ได้ล้อมบริเวณป่าท้ายหมู่บ้านห้วยหินลาด ต.โคกสะอาด เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาฆ่าคนตายคือนายหัสนัย ใจทน อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89/3 ม.1 ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่หลบหนีมาตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ 

เมื่อนายหัสนัย เจอตำรวจไล่ติดตามจับกุมจึงวิ่งหลบหนีไปซ่อนตัวในกระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน แต่ตำรวจก็บุกเข้าจับกุมตัวไว้ได้โดยนายหัสนัย ฯผู้ต้องหามีบาดแผลที่คิ้วขวาแตก และศีรษะอีก 2 แห่ง และอ้างว่าถูกนายอนันต์ ภูด่าน อายุ 46 ปี ใช้เสียมตีจนบาดเจ็บ จากนั้นก็พาไปเอามีดพร้าลักษณะโค้งยาวประมาณ 50 ซม.1เล่มซุกซ่อนไว้ในกอไผ่ข้างกระท่อม และยอมรับว่าใช้มีดพร้าฟันนายอนันต์ ไปหลายที แต่ไม่รู้ว่านายอนันต์เสียชีวิต

พ.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 14.10 น.วันที่ 29 ส.ค.56 มีเหตุทะเลาะวิวาทกันที่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้านปากดง ต.นิคมสงเคราะห์ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบพบกองเลือดอยู่ข้างกอไผ่ และมีเสียมเปื้อนเลือดตกอยู่ 1 อัน ใกล้กระท่อมนาทราบต่อมาว่าผู้บาดเจ็บคือนายอนันต์ ภูด่าน อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.1 บ้านปากดง ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี มีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมเข้าตามร่างกายหลายแห่งโดยเฉพาะที่หน้าท้องจนมองเห็นลำไส้ อาการสาหัส ส่วนผู้ก่อเหตุทราบต่อมาคือนายหัสนัย ใจทน อายุ 26 ปี มีที่นาและไร่สวนอยู่ติดกันหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปพร้อมอาวุธมีดพร้า 1 เล่ม จนกระทั่งช่วงเช้ามืดวันที่ 30 ส.ค.56 ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตลง โดยมี ด.ต.วิชัย มิตราช และตำรวจชุมชนตำบลนิคมสงเคราะห์ ที่ชำนาญเส้นทางป่าท้ายหมู่บ้านออกติดตามจับกุมนายหัสนัย ตลอดทั้งคืนจนสามารถจับกุมตัวไว้ได้ในขณะที่ผู้ต้องหาอิดโรยไม่ได้กินข้าวมาทั้งคืน

พ.ต.อ.โกวิท กล่าวอีกว่า นายหัสนัย ผู้ต้องหา ให้การวกวนเหมือนคนที่ยังขาดสติและควบคุมอารมณ์โมโหยังไม่ได้โดยรับสารภาพว่า ใช้มีดฟันนายอนันต์ จริง แต่เป็นการป้องกันตัวที่ถูกนายอนันต์ ใช้เสียมตีเข้าที่ใบหน้าหลายครั้งระหว่างทะเลาะกันที่ริมรั้วใกล้กอไผ่ โดยก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องทะเลาะกันมาแล้วหลายครั้งเนื่องจากมีที่นาที่ไร่ติดกัน โดยนายหัสนัย จะระแวงว่าผู้ตายเป็นคนเอาเปรียบและจะมาเผากระท่อม จึงเก็บความแค้นเอาไว้

ด้านนายสัมฤทธิ์ ใจทน อายุ 50 ปี พ่อของนายหัสนัย ผู้ต้องหา กล่าวว่า ลูกชายเคยเป็นทหารเกณฑ์ ประจำการอยู่ที่ท่าเรือสัตหีบ และมักจะมีอาการคลุ้มคลั่งเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เมื่อปลดประจำการก็ออกมาช่วยงานทำไร่ทำนา ยังไม่มีครอบครัว นานจะเห็นลูกคลุ้มคลั่ง และล่าสุดทราบว่ามีเรื่องทะเลาะกับนายอนันต์ ผู้ตายเรื่องที่ลูกชายเข้าใจว่านายอนันต์ เป็นคนจะไปเผากระท่อม และมักเอาเปรียบลูกชายเนื่องจากมีที่ไร่ที่นาติดกัน จนล่าสุดรู้ข่าวว่าขณะผู้ตายเอาเสียมไปขุดหาหน่อไม้ เมื่อเจอกันก็เปิดฉากทะเลาะกันรุนแรง ผู้ตายเอาเสียมตีลูกชายก่อน ทำให้ลูกชายโมโหคว้ามีดพร้าไล่ฟัน และลูกชายมีรูปร่างใหญ่โตกว่าผู้ตายมาก ทำให้ผู้ตายสู้ไม่ได้ถูกฟันจนเสียชีวิตดังกล่าว
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

โผทหารจบ!'นิพัทธ์'นั่งปลัดกลาโหม เมื่อ 30 ส.ค.56



โผทหารจบ!'นิพัทธ์'นั่งปลัดกลาโหม
 
ภาพจาก คมชัดลึก
ภาพจาก คมชัดลึก

โผทหารจบ! 'ยิ่งลักษณ์'ฟันธงเลือก 'นิพัทธ์' นั่งปลัดกลาโหม 'ผบ.เหล่าทัพ' เห็นด้วย ส่วน'จิระเดช'อกหักได้นั่งแค่ประธานที่ปรึกษาทบ.



เมื่อเวลา 14.30น. วันที่ 30 ส.ค.2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเเละรมว.กลาโหม ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศและพล.อ.ชาญ โกมลหิรัญ เจ้ากรมเสมียนตรา เข้าร่วมประชุมภายในห้องรับรองสำนักงาน รมว.กลาโหม เพื่อหารือการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี 2557 โดยใช้เวลาในการหารือ 1 ชั่วโมง

ต่อมาในเวลา 15.30 น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินมาเป็นประธานในการประชุมสภากลาโหมประจำเดือนสิงหาคม ร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ โดยเมื่อประชุมสภากลาโหมเสร็จในเวลา 17.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงเดินทางออกจากกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม(ตท.14) ซึ่งเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่จะมาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมลงมาต้อนรับ และเดินลงมาส่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับด้วยตนเอง โดย พล.อ.นิพัทธ์ มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องการบุคคลที่มีคุณสมบัติในการช่วยงานในตำแหน่ง รมว.กลาโหม และ รับนโยบายสำคัญๆ ไปปฏิบัติได้อย่างรวดเร็ว แม้จะมีแรงผลักดัน พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต (ตท.13) ผู้ช่วย ผบ.ทบ จากสายการเมืองในพรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตร แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตัดสินใจเลือก พล.อ.นิพัทธ์ ขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม โดยในการประชุมร่วมกับผบ.เหล่าทัพในวันนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ชี้แจงเหตุผลต่อ ผบ.เหล่าทัพ ถึงสาเหตุที่เลือก พล.อ.นิพัทธ์ ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม เพราะเห็นว่า พล.อ.นิพัทธ์ มีความสามารถทางการทหาร และมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับงานของกองทัพหลายด้าน อีกทั้งต้องการให้พล.อ.นิพัทธ์ มาช่วยเหลืองานภายในกระทรวงกลาโหมด้วย พร้อมระบุว่า ได้มีการพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้ขัดข้อง ทั้งนี้ ในที่ประชุม ผบ.เหล่าทัพ เห็นด้วยกับนายกฯและไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด ทำให้ พล.อ.จิระเดช ที่วืดตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม จะขึ้นไปดำรงตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบกในอัตราจอมพล

ส่วนบัญชีรายชื่อของเหล่าทัพในส่วนอื่นนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนบัญชีรายชื่อของแต่ละเหล่าทัพที่ส่งมาแต่อย่างใด พร้อมกับให้ยึดถือตามบัญชีรายชื่อที่แต่ละเหล่าทัพส่งมา สำหรับขั้นตอนต่อไป ทางเจ้ากรมเสมียนตราจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีรายชื่อปรับย้ายนายทหาร เมื่อตรวจสอบความถูกต้องเสร็จ จะนำรายชื่อส่งมอบให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป คาดว่าจะส่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ลงนาม เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไปภายในสัปดาห์หน้า หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางกลับจากการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 2-3 กันยายนนี้
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

“ปู” เยือนจีน 2-3 ก.ย. เสนอขาย "ข้าว-ยาง-นมสด"เมื่อ 30 ส.ค.56



“ปู” เยือนจีน 2-3 ก.ย. เสนอขาย "ข้าว-ยาง-นมสด"
 
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

“ปู” เตรียมเยือนจีน 2-3 ก.ย. นี้ หวังเสนอขาย "ข้าว-ยาง-นมสด" ขณะที่ "โฆษกรัฐบาล" แจง 2 ปี นายกฯ เดินทาง ตปท. 42 ครั้ง ฟุ้งปี 55 เปิดทางนักธุรกิจไทยแห่ลงทุนกว่าแสนล้าน

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 2-3 ก.ย. นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะเดินทางเยือนนครหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีกำหนดการเข้าพบนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เพื่อความรู้จักในโอกาสรับตำแหน่งใหม่และจะขอความสนับสนุนจากจีนในการซื้อสินค้าเกษตรทั้งข้าว นมสด และยางพารา รวมทั้งหารือถึงการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเสนอว่าควรมีการพูดคุย 3 ฝ่าย ระหว่างไทย ลาว และ จีน เพื่อพัฒนาโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงร่วมกัน นอกจากนี้นายกฯจะเข้าร่วมงาน "ไชน่า อาเซียน เอ็กซ์โป" ครั้งที่ 10 และจะแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคตของความสัมพันธ์อาเซียน-จีน

นายธีรัตถ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เดือน ก.ย. 54 – ส.ค. 56 นายกฯ เดินทางไปเยือนต่างประเทศทั้งหมด 42 ครั้ง เป็นการเดินทางเยือนประเทศในกลุ่มอาเซียน 9 ประเทศ เยือนอย่างเป็นทางการนอกอาเซียน 26 ประเทศ และเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศ 19 รายการ การเดินทางเยือนประเทศต่าง ๆ เป็นการเปิดความสัมพันธ์ เปิดโอกาสความร่วมมือ ทั้งการค้าการลงทุน ในแต่ละครั้งได้นำนักธุรกิจร่วมคณะไปด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างประเทศต่อภาคเอกชนไทย ทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) รายงานว่าในปี 55 จากการที่นายกฯ เดินทางไปเยือนประเทศต่าง ๆ สามารถยังชวนนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้ถึง 31 โครงการ มูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุนกว่า 137,770 ล้านบาท การเปิดโอกาสให้นักธุรกิจไทยได้พบกับคู่ค้าใหม่ ๆ ถือเป็นการเพิ่มผลผลิตให้กับห่วงโซ่การผลิตในประเทศได้เป็นอย่างดี ส่วนการเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศ ถือเป็นการทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับในเวทีระหว่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของประเทศไทย และยืนยันว่าการเดินทางไปประเทศต่าง ๆ ไม่ใช่การเดินทางไปเที่ยวอย่างแน่นอน.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

บิ๊กแสนสิริแจงข่าวฉาว ลูกค้าผงะผนังห้องคอนโดฯ ดังยัดโฟมแทนคอนกรีต - ไล่บี้ผู้รับเหมา เมื่อ 30 ส.ค.56



บิ๊กแสนสิริแจงข่าวฉาว ลูกค้าผงะผนังห้องคอนโดฯ ดังยัดโฟมแทนคอนกรีต - ไล่บี้ผู้รับเหมา
 
ภาพจาก ข่าวสด
ภาพจาก ข่าวสด

จากกรณีนายคริสโตเฟอร์ จอร์จ ฮูสตัน ชาวต่างชาติที่ซื้อห้องพักคอนโดมิเนียม "เดอะเบส" สุขุมวิท 77 ของ บริษัท แสนสิริ แล้วพบว่าห้องมีปัญหาน้ำรั่ว เมื่อเปิดดูผนังพบว่าบางจุดมีโฟมและกระดาษ ยัดเอาไว้แบบชุ่ยๆ แทนที่จะต้องอัดด้วยคอนกรีต

 ต่อมา นายฮูสตันนำภาพและข้อมูลดังกล่าวโพสต์ร้องเรียนผ่านเฟซบุ๊กของแสนสิริ http://www.facebook.com/sansirifamily เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขนานใหญ่ นอกจากนั้น ยังมีนักท่องเน็ต นำข้อมูลและภาพโฟมดังกล่าวไปโพสต์กระทู้ในเว็บพันทิปอีกด้วย
 
 ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ ชี้แจงสื่อมวลชนสำนักต่างๆ ว่า จากการที่ผู้อยู่อาศัยในโครงการคอนโดมิเนียมรายหนึ่งพบปัญหาผนังรั่วซึมจากฝนตก บริเวณหน้าต่างภายในห้องพักจึงทุบดูปรากฏว่า โครงสร้างผนังบางส่วนประกอบด้วย โฟม กระดาษ และเปลือกลูกอม ขณะนี้บริษัทเข้าไปตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือทดสอบแล้วพบว่า มีเพียงห้องเดียวที่เกิดปัญหาดังกล่าว

 "ในเบื้องต้นทราบว่า บริษัท RTH เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ได้ว่าจ้างบริษัทรับเหมารายย่อย ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงเข้ามาดำเนินการก่อสร้างอีกต่อ ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบจะเป็นการสะเพร่าของผู้รับเหมาหรือไม่ เพราะโฟมดังกล่าวไม่ใช่เป็นโฟมสำหรับงานก่อสร้าง และอาจจะมีการขึ้นบัญชีดำหรือแบล็คลิสต์" นายอุทัย ระบุ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

รมว.พม.เสียใจ ด.ญ.4 ขวบถูกรุ่นพี่รุมโทรมคาสถานสงเคราะห์ สั่งสอบ-ลั่นเอาผิดกราวรูด เมื่อ 30 ส.ค.56



รมว.พม.เสียใจ ด.ญ.4 ขวบถูกรุ่นพี่รุมโทรมคาสถานสงเคราะห์ สั่งสอบ-ลั่นเอาผิดกราวรูด
 
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 30 ส.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ผกก. สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ได้รับแจ้งจาก น.ส.วรรณพร ศรีนัคเรศ เจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยา ว่ามี แม่พาลูกสาว ถูกทำร้ายร่างกาย และข่มขืนกระทำชำเรา เข้ารักษาตัวอยู่โรงพยาบาลบางละมุง หลังรับแจ้งจึงนำกำชุดสืบสวน รีบรุดไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 42 ปี แม่ อยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง เสียใจ ควบคุมสติไม่อยู่ เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันเกลี้ยกล่อมจนเรียกสติกลับคืนมาได้ ส่วน ด.ญ.บี (นามสมมติ) ลูกสาว อายุ 4 ปี ถูกทำร้ายร่างกายมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย มีไข้สูง และอวัยวะเพศฉีกขาดปูดบวมแเดง มีเลือดไหลตลอด พบว่าเป็นร่องรอยจากการถูกข่มขืน โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ให้การรักษา พร้อมกับเฝ้าดูอาการตลอดเวลา

สอบสวนแม่เด็ก ได้ความเบื้องต้นว่า ตนได้พักอยู่กับลูกสาวเพียงลำพัง 2 คน 
โดยมีอาชีพทำงานที่บาร์แห่งหนึ่งในเมืองพัทยา และก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือน ตนได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมในข้อหาเสพยาเสพติด ส่วนลูกสาวนั้นได้ติดต่อญาติเอาไปฝากไว้กับสถานสงเคราะห์เด็ก ชื่อบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี ตั้งอยู่ ต.โรงโป๊ะ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังจากพ้นโทษมาประมาณ 1 อาทิตย์ จึงได้ติดต่อขอรับตัวลูกกลับมาเลี้ยงดูเอง

กระทั่งช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ของบ้านพักเด็ก ทราบชื่อเพียงว่า น.ส.พัน นำตัวลูกสาวมาส่งให้ถึงที่ห้องพักย่านพัทยาใต้
พบว่าลูกสาวมีอาการแปลกๆ จนกระทั่งตกดึก มีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอด และรูทวารหนัก และมีอาการปูดบวม จึงตกใจอย่างมาก จึงสอบถามความจริงกับลูกสาว ทราบว่า ขณะที่อยู่ภายในบ้านพักเด็ก ถูกชายรุ่นพี่หลายคน หนึ่งในนั้นมีชื่อเล่นว่า อาร์ต ข่มขืนกระทำชำเรา ทั้งทางอวัยวะเพศ และทวารหนัก ทุกวัน ตั้งแต่เข้าไปอยู่ในบ้านพักเด็ก และครั้งล่าสุดเมื่อเช้าก่อนออกมาจากบ้านพักเด็ก จึงเกิดอาการไม่สบายใจ จึงติดต่อ น.ส.วรรณพร เจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยา ซึ่งเป็นคนรู้จักกัน ได้แนะนำให้พาเด็กไปรักษาที่โรงพยาลบาล ก่อนจะประสานตำรวจมาตรวจสอบ ขอความเป็นธรรมกับเด็ก 

เบื้องต้น พ.ต.อ.ศุภชัย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ติดต่อไปยังบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี
เพื่อสืบหาข้อเท็จจริง ของคดีสุดสลดนี้ หากพบว่าเด็กถูกข่มขืนจริง ตามคำร้องทุกข์ ก็จะดำเนินคดีเอาผิดกับทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พ.ต.อ.ศุภชัย ได้ควักเงินสดส่วนตัว จำนวน 2,000 บาท ให้กับแม่เด็กอีกด้วย พร้อมกับพูดสร้างขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป

เวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นางปวีณา หงสกุล รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
กล่าวถึงกรณีที่เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ถูกรุ่นพี่ชายหลายคนรุมโทรมข่มขืนกระทำชำเราขณะอยู่ในบ้านพักเด็กและครอบครัว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี กระทั่งพบรอยฟกช้ำตามร่างกาย มีอาการเลือดไหลออกมาจากอวัยวะเพศ ว่า ตนจะเร่งเข้าไปติดตามสาเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่จริงว่ามีความเป็นมาอย่างไร โดยส่วนตัวรู้สึกสะเทือนใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากบ้านพักเด็กและครอบครัวของพม. ถือว่าเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลและช่วยเหลือสังคม

“สิ่งที่เกิดขึ้นหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริงจะต้องดำเนินเอาผิดตามกฎหมายกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานภายในบ้านพักเด็กด้วย ว่าได้ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยหรือไม่ ถ้ามีความผิดจริงก็จะมีการพิจารณาโทษด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่ภายในบ้านพักเด็กนอกจากจะเข้าไปทำงานแล้วจะต้องมีจิตใจที่จะช่วยเหลือสังคมอย่างแท้จริงด้วย อย่างไรก็ตามจากนี้ไปจะต้องมีการอบรม และตรวจความพร้อมของเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาทำงานในบ้านพักเด็กและครอบครัว ทั้งเรื่องความพร้อมทางด้านจิตใจทัศนคติในเรื่องการป้องกัน และการดูแลเอาใจใส่เด็กทุกรูปแบบทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นอีก”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

นิสิตม.มหาสารคาม กดดันไล่อธิการบดี เมื่อ 30 ส.ค.56



นิสิตม.มหาสารคาม กดดันไล่อธิการบดี
 
วันนี้(30 ส.ค.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) บางเขน  ได้มีการประชุมสภามหาวิทยาลัยมหาสารคาม(มมส.) ซึ่งมี นายปัญญา ถนอมรอด นายกสภา มมส.เป็นประธาน  ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมได้มีกลุ่มประชาคม มมส. เสรีเพื่อความเป็นธรรม ประกอบด้วยนิสิต คณาจารย์ บุคลากร และผู้ปกครอง รวมประมาณ 100 คน ได้เดินทางมาจากมหาสารคามเพื่อจะยื่นหนังสือเรียกร้องต่อสภามหาวิทยาลัยให้มีการพิจารณากรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)

เคยชี้มูลผศ.ดร.ศุภชัย สมัปปิโต รักษาการอธิการบดีมมส. และผู้เกี่ยวข้อง กรณีเบิกจ่ายเงินในโครงการก่อสร้างอาคารวิทยพัฒนา คณะศึกษาศาสตร์ วงเงิน 88 ล้านบาทโดยมิชอบ รวมถึงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ามีการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษ อธิการบดีจากเงินรายได้โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุม ทางกลุ่มประชาคมมมส.ได้ชูป้ายข้อความต่างๆ ขับไล่อธิการบดี พร้อมส่งเสียงโห่ และตะโกนด่าผู้บริหาร และยังมีการเคาะประตูห้องประชุมเป็นระยะ เพื่อให้ออกมารับหนังสือ แต่ก็ไม่มีกรรมการคนใดออกมารับเรื่อง  และหลังประชุมเสร็จสิ้นบรรดากรรมการได้ออกทางประตูหลังของห้องประชุม  โดยไม่มีผู้ใดมาชี้แจงกับนิสิตหรือให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด ดังนั้นกลุ่มนิสิตจึงทำได้แค่อ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องต่างๆ พร้อมยืนไว้อาลัยแก่ผู้บริหาร
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เตรียมฟ้อง“ลูกชายกระทิงแดง” 2ก.ย.นี้ เมื่อ 30 ส.ค.56



เตรียมฟ้อง“ลูกชายกระทิงแดง” 2ก.ย.นี้
 
ก่อนข้อหาขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด จะหมดอายุความ 3 ก.ย.56 หลังจากเลื่อนสั่งคดีมา 5 ครั้ง 
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายฤชา ไกรฤกษ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เจ้าของสำนวนคดีนายวรยุทธ  หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 28 ปี บุตรชายนักธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหาขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่พุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ จร.สน.ทองหล่อ ถึงแก่ความตาย เปิดเผยว่าตนได้รับหนังสือซึ่งเป็นคำสั่งจากนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ดำเนินการยื่นฟ้องนายวรยุทธ ไปตามความคำสั่งเดิมก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายทางคดี ที่ข้อหาขับรถเร็วเกินอัตรากฎหมายกกำหนด ที่จะหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย.นี้
นายฤชา กล่าวอีกว่า ตามหนังสือที่ได้รับเป็นคำสั่งให้อัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 นำตัวนายวรยุทธ ส่งฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ตามความเห็นเดิม 3 ข้อหา
โดยไม่ต้องรอผลการสอบสวนเพิ่มเติมที่นายวรยุทธ ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ หลังจากตนได้รับหนังสือคำสั่งแล้ว ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังผกก.สน.ทองหล่อ  ให้นำตัวนายวรยุทธมาส่งให้อัยการเพื่อยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญากรุงเทพใต้  ก่อนที่ข้อหาขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจะหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย.56  อย่างไรก็ตามตนได้รับแจ้งจากทนายความของนายวรยุทธว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค.56 นายวรยุทธได้เดินทางไปประเทศอังกฤษ  และทนายความจะนำตัวนายวรยุทธไปพบอัยการ เพื่อส่งฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ วันที่  2 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น .
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากนายวรยุทธผู้ต้องหา คดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 
กรณีที่ขับรถพุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 47 ปี ผบ.หมู่ฯ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต โดยลากศพไปไกลกว่า 200 เมตร บริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 49  เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย.55 โดยนัดสั่งคดีล่าสุดของอัยการเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ทนายความได้แจ้งขอเลื่อนการสั่งคดีออกไปก่อน เนื่องจากผู้ต้องหาไม่สบาย จึงมีการเลื่อนสั่งคดีเป็นครั้งที่ 5
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เหล้าสูตรแคนาดาแช่นิ้วเท้ามนุษย์ เมื่อ 30 ส.ค.56



เหล้าสูตรแคนาดาแช่นิ้วเท้ามนุษย์
 
เมื่อ 29 ส.ค. ซีบีซีนิวส์รายงานวิถีชาวบ้านแสนพิสดารในมืองดอว์สันซิตี รัฐยูคุน
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคนาดา ปรุงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แช่ หัวแม่เท้ามนุษย์ ในชื่อ ซาวเออร์โท ซึ่งมีมานานกว่า 40 ปีจนไม่ใช่เรื่องแปลกในท้องถิ่น

 นายเทอร์รี ลี หรือ กัปตันหัวแม่เท้า บาร์เทนเดอร์อาวุโสในโรงแรมดาวน์ทาวน์ เปิดเผยว่าเครื่องดื่มนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2516 
โดยกัปตันดิ๊ก สตีเวนสัน นำหัวแม่เท้าดองเกลือที่เก็บไว้ในขวดโหลหย่อนลงไปในเหล้า ผู้ดื่มจะต้องกระดกแก้วให้ปลายหัวแม่เท้าแตะริมฝีปากเป็นอันเสร็จสิ้นการดื่มตามประเพณี จากนั้นจะได้รับประกาศนียบัตรเป็นสมาชิกซาวเออร์โท ค็อกเทล คลับ มีสมาชิกมากกว่า 100,000 คน 
 นายลียังกล่าวว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีทหารชาวอเมริกัน
 ทราบชื่อเพียงจอช จากนิวออร์ลีนส์ เดินทางมาที่โรงแรมและสั่งเมนูดังกล่าว แต่แทนที่จะดื่มเหมือนคนทั่วไป นายจอชกลับกลืนหัวแม่เท้าลงคอ ก่อนจะจากไปโดยจ่ายค่าเหล้าสูงถึง 14,500 บาทตามค่าปรับของการฝ่าฝืนกลืนนิ้วเท้า ดังนั้น ชมรมจึงต้องเพิ่มค่าปรับเป็น 72,000 บาทเพื่อป้องกันลูกค้าลองของแบบนี้อีก 

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

‘ปู’วอนนักศึกษาคืนเงินกยศ. ให้โอกาสรุ่นน้องยืมเรียนต่อ สั่งคลังพี่เลี้ยงแนะสร้างอาชีพ เมื่อ 30 ส.ค.56



‘ปู’วอนนักศึกษาคืนเงินกยศ. ให้โอกาสรุ่นน้องยืมเรียนต่อ สั่งคลังพี่เลี้ยงแนะสร้างอาชีพ
 
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ส.ค. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
กล่าวปาฐกถาเปิดงาน “กยศ. พี่ช่วยน้อง”  ซึ่งเป็นการปรับแผนการดำเนินงานของ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กระตุ้นจิตสำนึก และสร้างวินัยการชำระหนี้คืน เพื่อส่งต่อโอกาสให้เยาวชนรุ่นน้อง  ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2539-2555 มีผู้กู้ยืมแล้วกว่า 4 ล้านราย เป็นเงินกว่า 4 แสนล้านบาท

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้สำคัญกับการพัฒนาบุคลากร และเยาวชน
ซึ่งนักศึกษาทุกคนถือเป็นกำลังและทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของประเทศ ภาครัฐมีหน้าที่ต้องทำให้นักศึกษาเข้าถึงแหล่งเงินทุน และโอกาสทางการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ ตนเชื่อว่าสติปัญญาของทุกคนไม่แพ้ใคร ถ้าเราให้โอกาสกับนักศึกษาก็จะทำให้เป็นบุคลากรที่ดีและเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนอยากเห็นความร่วมมือของนักศึกษาทุกคนที่จบแล้ว นำเม็ดเงินที่ได้กู้ยืมไปส่งกลับคืนไปสู่นักศึกษารุ่นน้อง 
เพื่อที่จะสร้างบุคลากรให้กับประเทศต่อไป และขอฝากไปยังภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงการคลังขอให้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง พูดคุยกับนักศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจบภาคการศึกษา ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่ เพราะไม่ใช่แค่จะช่วยให้ได้โอกาสในการเรียนต่อเท่านั้น แต่จะต้องช่วยทำให้นักศึกษามีงานทำเมื่อจบออกมา จะทำให้มีเม็ดเงินกลับเข้าสู่กองทุนเพื่อสร้างนักศึกษารุ่นต่อๆไป

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยาน ในการลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือระหว่าง นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ กยศ. และ ผู้บริหารจากองค์กรภาคีเครือข่ายเอกชน 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

แม่ช็อก!! ลูกชายถูกเมียทิ้งเครียด-เหงา ผูกคอดับสยองห้อยโตงเตงขื่อบ้าน เมื่อ 30 ส.ค.56



แม่ช็อก!! ลูกชายถูกเมียทิ้งเครียด-เหงา ผูกคอดับสยองห้อยโตงเตงขื่อบ้าน
 
เมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 30 ส.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า พ.ต.ท.ฉายยนต์ ชาวดอน พนักงานสอบสวน (พงส.สบ.2 ) สภ.เมืองบึงกาฬ
รับแจ้งเหตุมีผู้ผูกคอตายในบ้านพัก เลขที่ 42 หมู่ที่ 7 บ้านหนองฆ้องคำ ต.โนนสมบูรณ์ อ.เมือง จ.บึงกาฬ จึงรุดไปชันสูตรพร้อมด้วย พ.ญ.ณิชมน ยงวัฒนา แพทย์เวร ร.พ.บึงกาฬ หน่วยกู้ภัยนทีธรรมและหน่วยกู้ภัยวีอาร์บึงกาฬ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีชาวบ้านมามุงดูเหตุการณ์ต่างจับกลุ่มคุยกันไปต่างๆ นาๆ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลางห้องโถงบ้านบนขื่อ พบศพนายสมถิ่น ปัททุม อายุ 29 ปีสภาพศพใช้เชือกไนล่อนสีเขียวผูกคอตัวเองติดกับขื่อบ้าน ศพห้อยโตงเตงจนลิ้นจุกปากใบหน้าเขียวคล้ำ ใต้ศพมีกล่องพลาสติกสำหรับใส่เสื้อผ้าวางอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบ คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง 

จากการสอบถาม นางคุณมี ปัททุม มารดาเล่าว่า ผู้ตายเคยแต่งงานมีภรรยา
แต่อยู่ไม่นานเมียก็หนีไป จึงออกจากบ้านไปทำงานอยู่ในจังหวัดชลบุรี แต่กลับเป็นโรคเครียดจึงต้องลาออกมาอยู่บ้านได้ 2 เดือน พร้อมกับกินยารักษาโรคซึมเศร้า เคยบ่นไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวเพราะเหงา จึงขอไปทำงานช่วยพ่อแม่ในปั๊มน้ำมันใกล้บ้าน แต่ทำไปก็เหนื่อยล้า เพราะฤทธิ์ของยาที่ต้องการให้พักผ่อนมากๆ
เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าตกดึกผู้ตายคงเกิดความเครียดมาก ย่องออกมาจากที่นอน นำกล่องพลาสติกมาใช้ปีนขึ้นไปมัดเชือกบนขื่อทำเป็นบ่วงคล้องคอ จากนั้นจึงถีบกล่องพลาสติกออกเพื่อให้ตัวเองห้อยลงมาจากขื่อก่อนจะขาดใจตายดับอนาถดังกล่าว จึงมอบศพให้ญาติไปตั้งศพบำเพ็ญกุศลต่อไป 

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เขื่อนลำพระเพลิงกัดฟันปล่อยน้ำให้นาปรัง เมื่อ 30 ส.ค.56



เขื่อนลำพระเพลิงกัดฟันปล่อยน้ำให้นาปรัง
 
วันนี้ (30 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำภายในอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยรายงานล่าสุดของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง ปริมาณน้ำดิบอยู่ที่ 20 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 18 ของความจุทั้งหมดที่ 109.63 ล้าน ลบ.ม. ทั้งที่เดือนก่อนหน้านี้ปริมาณน้ำยังอยู่ที่ร้อยละ 30 ของความจุทั้งหมด

นายประเทือง วันดี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและบำรุงรักษาระบบชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำภายในอ่างที่ลดลงอย่างรวดเร็ว  เนื่องจากเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ทำให้ไม่มีน้ำไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำ ขณะที่ทางโครงการส่งน้ำฯ ต้องแบกภาระการส่งน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในเขตชลประทานที่มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังเกินการแผนที่ว่าไว้จากเดิมที่วางไว้ประมาณ 60,000 ไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 70,000 ไร่ จึงต้องส่งน้ำเพิ่มขึ้นจากแผนเล็กน้อย

แต่อย่างไรก็ตาม ทางอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง เตรียมแผนที่จะปล่อยน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรอีกไม่ถึง 1 สัปดาห์ หรือประมาณ 4 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งตอนนั้นจะเหลือน้ำอยู่ภายในอ่างประมาณร้อยละ 14 ของความจุทั้งหมด เพื่อเตรียมตัวกักตุนน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งปีหน้า คาดว่าก่อนถึงช่วงฤดูแล้งปีหน้า จะมีน้ำอยู่ภายในอ่างประมาณ 100 ล้าน ลบ.ม. และเพียงพอที่จะได้ใช้เพื่อการอุปโภค–บริโภค และการเพาะปลูกพืชของเกษตรกรอย่างแน่นอน
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

'ประชา'เผย'สุเทพ'เห็นตรงกัน เร่งเจรจายุติม็อบสวนยาง เมื่อ 30 ส.ค.56



'ประชา'เผย'สุเทพ'เห็นตรงกัน เร่งเจรจายุติม็อบสวนยาง
 
30 ส.ค. 56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.45 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี 
กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของเกษตรกรชาวสวนยางในวันที่ 3 ก.ย.ว่า เบื้องต้นต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่มีการหารือร่วมกันระหว่างนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ กับตัวแทนเครือข่ายสวนยางภาคต่างๆ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ไปก่อน ซึ่งตนได้รับการประสานจากนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชว่าจะเริ่มลงมือดำเนินการตามข้อตกลงที่พูดคุยกันไว้ โดยจะเริ่มรับลงทะเบียนเกษตรกรในวัน 1-2 วันนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีที่เกษตรกรจะได้รีบมาลงทะเบียน เงินจะได้ถึงมือเกษตรโดยตรงและเร็วมากกว่าวิธีอื่นๆ และจะมีการดึงกลุ่มผู้ชุมนุมมาลงทะเบียนด้วยเพื่อโอนเงินตรงให้เลย ส่วนที่ยังชุมนุมกันอยู่จะต้องพยายามอธิบายให้เกษตรกรเข้าใจว่ามีข้อยุติแล้วจึงน่าจะให้เขาทบทวนเรื่องการชุมนุม เนื่องจากผู้ที่เดือดร้อนจริงๆคือ พี่น้องทางภาคใต้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากกว่าคนอื่นๆ ตนฝากขอห่วงใยไปยังพี่น้องที่ชุมนุมอยู่ขอให้ได้พิจารณาเห็นแก่ประโยชน์พี่น้องส่วนรวม
พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า สำหรับมาตรการกับผู้ชุมนุมจะยังคงไม่ไปถึงขั้นใช้กฎหมายดำเนินการ เพราะขณะนี้เรายังอยู่ระหว่างการเจรจา
พี่น้องคนไทยด้วยกันต้องคุยกันได้ ส่วนจะได้ผลก่อน 3 ก.ย.หรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้ประเมินไปถึงตรงนั้นขึ้นอยู่กับพี่น้องที่ชุมนุมว่าจะมีความคิดความอ่านอย่างไร หากสามารถทำให้หยุดได้โดยเร็วที่สุดจะเป็นเรื่องที่ดี ขณะที่การชุมนุมของชาวสวนยางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่าที่ทราบมีความเข้าใจกันแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าเราจะยังไม่ใช้กฎหมายพิเศษ ส่วนที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เสนอให้ใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ตรงนั้นสุดแท้แต่การประเมินของฝ่ายความมั่นคง เพราะตนตัดสินใจตรงนี้ไม่ได้ แล้วแต่เขาจะเสนอ แต่ส่วนตัวตนยังไม่ได้คิด
 รองนายกฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ตนได้ปรึกษาหารือกับฝ่ายการเมือง
โดยพูดคุยนอกรอบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง และนายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพเห็นด้วยว่าจะชุมนุมทำไม เพราะชุมนุมแล้วพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนส่งผลกระทบมากต่อเศรษฐกิจและการขนส่ง และไม่เห็นด้วยที่จะชุมนุมยืดเยื้อ ซึ่งตนบอกนายสุเทพให้ช่วยทำให้ยุติหน่อย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพยายามจะแก้ไขความเดือดร้อนให้ได้ เราเข้าใจว่าคนที่มาชุมนุมมีทั้งเกษตรกรและพวกที่ไม่ใช่เกษตรกร เราไม่ได้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ชอบโดยกฎหมาย แต่ขณะนี้เลยเถิดเลยขั้นตอนกฎหมายไปแล้ว ส่วนเรื่องการออกหมายจับขณะนี้มีการออกหมายจับแล้ว 15 คน แต่ยังไม่ถึงขั้นจะจับส.ส.ที่ขึ้นเวทีปราศรัย เพราะนักการเมืองแค่ปรากฎตัวเฉยๆ คงไปจับไม่ได้ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและการกระทำ หากไปจับจะเป็นการลุแก่อำนาจเกินไป
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า 

ญี่ปุ่นทดสอบประสิทธิภาพ รถไฟความเร็วสูง เมื่อ 30 ส.ค.56



ญี่ปุ่นทดสอบประสิทธิภาพ รถไฟความเร็วสูง
 
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ว่าบริษัทให้บริการรถไฟในญี่ปุ่นประสบความสำเร็จ การทดสอบประสิทธิภาพของสุดยอดรถไฟความเร็วสูงพลังแม่เหล็ก หรือรถไฟ "แม็กเลฟ" ที่จังหวัดใหญ่ทางภาคตะวันออกของประเทศ

แถลงการณ์ของบริษัท เซ็นทรัล เจแปน เรลเวย์ ( เจอาร์ โทไก ) ระบุการทดสอบรถไฟแม็กเลฟ ที่จังหวัดยามานาชิ ทางตะวันออกของเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศ เมื่อวันพฤหัสบดี ถือเป็นการทดสอบครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.ย. 2554 ซึ่งนับจากนั้นเป็นต้นมา บริษัทสามารถขยายเส้นทางรถไฟแม็กเลฟจาก 18.4 กิโลเมตร เป็น 42.8 กิโลเมตรแล้ว

ทั้งนี้ รถไฟแม็กเลฟของเจอร์ โทไก มีความยาวของตู้โดยสาร 5 ตู้ กว้าง 2.9 เมตร และสูง 3.1 เมตร เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วกว่ารถไฟ "ฮายาบูสะ ชินคันเซ็น" ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เบื้องต้นเจอาร์ โทไก คาดว่าจะเปิดให้บริการรถไฟแม็กเลฟในเส้นทางระหว่างกรุงโตเกียวกับเมืองนาโกยาเป็นเส้นทางแรก ภายในปี 2570 ซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางในเส้นทางนี้ให้เหลือเพียง 40 นาที เร็วกว่าเดิม 1 ชั่วโมง
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

"นายกฯ"วอนนักศึกษารุ่นพี่คืนเงินกยศ.เมื่อ 30 ส.ค.56



"นายกฯ"วอนนักศึกษารุ่นพี่คืนเงินกยศ.
 
ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. เวลา 09.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาเปิดงาน "กยศ. พี่ช่วยน้อง" ซึ่งเป็นการปรับแผนการดำเนินงานของ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กระตุ้นจิตสำนึก และ สร้างวินัยการชำระหนี้คืน เพื่อส่งต่อโอกาสให้เยาวชนรุ่นน้อง

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 39-55 มีผู้กู้ยืมแล้วกว่า 4 ล้านราย เป็นเงินกว่า 4 แสนล้านบาท โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้สำคัญกับการพัฒนาบุคลากร และเยาวชน นักศึกษาทุกคนถือเป็นกำลังและทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของประเทศ ภาครัฐมีหน้าที่ต้องทำให้นักศึกษาเข้าถึงแหล่งเงินทุน และโอกาสทางการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ ตนเชื่อว่าสติปัญญาของทุกคนไม่แพ้ใคร ถ้าเราให้โอกาสกับนักศึกษา จะทำให้เป็นบุุคลากรที่ดีและเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนอยากเห็นความร่วมมือของนักศึกษาทุกคนที่จบแล้ว นำเม็ดเงินที่ได้กู้ยืมไปส่งกลับคืนไปสู่นักศึกษารุ่นน้อง เพื่อที่จะสร้างบุคลากรให้กับประเทศในรุ่นต่อๆไป และขอฝากไปยังภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงการคลังขอให้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง พูดคุยกับนักศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจบภาคการศึกษา ถือเป็นโจทย์ใหญ่ เราไม่ต้องการช่วยให้ได้โอกาสในการเรียนต่อเท่านั้น แต่จะต้องช่วยทำให้นักศึกษามีงานทำเมื่อจบออกมา เพราะจะทำให้มีเม็ดเงินกลับเข้าสู่กองทุนเพื่อสร้างนักศึกษารุ่นต่อๆไป
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

'คิมจองอึน'สั่งยิงเป้าคนรักเก่า!! ข้อหาแพร่สื่ออนาจาร เมื่อ 30 ส.ค.56



'คิมจองอึน'สั่งยิงเป้าคนรักเก่า!! ข้อหาแพร่สื่ออนาจาร
 
30 ส.ค.56 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ฮยอน ซองวอล นักร้องชื่อดังของเกาหลีเหนือ ที่เคยคบหากับ นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เมื่อ 10 ปีที่ก่อน 
ถูกจับกุมพร้อมหัวหน้าวงดนตรีและลูกวงอีก 11 คน ในข้อหาละเมิดกฎหมายห้ามเผยแพร่สื่ออนาจาร
ทั้งนี้ มีการกล่าวหาว่า พวกเขาถ่ายคลิปวีดีโอขณะกำลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อนำไปขายจีน นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่า สมาชิกวงบางคนมีคัมภีร์ไบเบิลไว้ในครอบครอง ซึ่งถือว่ามีความผิดข้อหาฝักใฝ่ต่างชาติ

การประหารชีวิตใช้วิธีการยิงเป้ากลางที่ชุมชน เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา และบังคับให้ญาติของผู้ถูกประหารดูการยิงเป้า ก่อนส่งตัวเข้าค่ายแรงงานในชนบท เพื่อเป็นการลงโทษอีกด้วย
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  

ผอ.รร.ดัง! โต้ลั่น"สาวสปา"แจ้งจับ เมื่อ 30 ส.ค.56



ผอ.รร.ดัง! โต้ลั่น"สาวสปา"แจ้งจับ
 
เจ้าของร้านนวดฟ้องร้องลวนลาม ผู้บริหาร"ฤทธิยะวรรณาลัย"ชี้แจง ถูกแบล็กเมล์ -พร้อมเจอกันที่ศาล
สาว เจ้าของร้านสปาบุกศธ. ร้องผอ.กับรองผอ. โรงเรียนชื่อดังเมืองกรุง กล่าวหาว่าใช้กำลังลวนลามระหว่างนวด แจ้งความสน.สายไหมคดีสู่ชั้นศาลแล้ว แต่เรื่องที่เคยร้องปลัดศธ.ไว้กลับเงียบ ผอ.มัธยมชื่อดัง "ฤทธิยะวรรณาลัย"โต้ลั่น แบล็กเมล์ 100% ยอมรับไปนวดจริง แต่ไม่ได้กระทำการตามที่ถูกกล่าวหา ก.ย.นี้จะเกษียณราชการแล้วจะทำลายตัวเองทำไม พร้อมสู้คดีในชั้นศาล

เมื่อ วันที่ 29 ส.ค. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) น.ส.นภัทร เล็กสุวรรณ อายุ 31 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 167/8 ถ.ทุ่งโฮเต็ล ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เจ้าของร้านธัญสินีสปา ย่านสายไหม กทม. พร้อมด้วยญาติ เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน กรณีผอ.และรองผอ.โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านสายไหม กระทำมิชอบด้วยกฎหมายและมีความประพฤติไม่เหมาะสมกับการเป็นข้าราชการชั้น ผู้ใหญ่
น.ส.นภัทรกล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา
ตนให้บริการต้อนรับลูกค้าที่มาใช้บริการนวดแผนไทยที่ร้าน ผอ.พร้อมด้วยรองผอ.โรงเรียนชื่อดังเข้ามาใช้บริการ แต่เนื่องจากขณะนั้นพนักงานนวดติดบริการลูกค้าคนอื่น ผอ.โรงเรียนจึงให้ตนนวดแทน ทั้งที่ปกติตนจะทำหน้าที่แคชเชียร์และต้อนรับลูกค้าเท่านั้น แต่ด้วยความเกรงใจเนื่องจากเห็นว่าน่าจะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ประกอบกับตนสามารถนวดแบบสปาได้ จึงยินดีไปนวดสปาให้
น.ส.นภัทร กล่าวอีกว่า แต่ระหว่างยืนนวดอยู่นั้น ผอ.คนดังกล่าวลุกขึ้นนั่งแล้วใช้ขาสองข้างขวางกั้นไม่ให้ตนขยับหนี 
ก่อนเข้าประชิดตัวและกระทำการที่ไม่เหมาะสม ตนไม่ยินยอมพยายามดิ้นรนต่อสู้ และส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจนสามารถดิ้นหลุดออกมาได้ 
จากนั้นเพื่อนๆ ในร้านเข้าไปต่อว่าผอ.คนดังกล่าว แต่กลับถูกผอ.โต้กลับว่าไม่ได้ทำอะไร จากนั้นผอ.รีบแต่งตัวออกจากร้านไปพร้อมกับรองผอ.
น.ส.นภัทร กล่าวต่อว่า เช้าวันรุ่งขึ้นมีโทรศัพท์เข้ามาที่ร้านพูดจาข่มขู่ จากการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์เป็นเบอร์ของโรงเรียนชื่อดังย่านสายไหม
เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องในลักษณะไม่สู้ดี ตนและครอบครัวเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สน.สายไหม เพื่อให้ดำเนินคดีกับผอ.โรงเรียนรายนี้ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาลโดยวันที่ 31 ส.ค.นี้ศาลจังหวัดมีนบุรีนัดไปเบิกความนัดแรก

"ดิฉันร้อง เรียนเรื่องนี้เนื่องจากได้รับความเสียหาย และผู้กระทำความผิดเป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ก.ค. มอบหมายทนายความมายื่นหนังสือร้องเรียนกับปลัดกระทรวงศึกษาฯ โดยมีเลขานุการหน้าห้องรับเรื่องไว้ แต่จนถึงขณะนี้เรื่องดังกล่าวไม่มีความคืบหน้า จึงจำเป็นต้องมาขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนช่วยติดตามเรื่องนี้" น.ส.นภัทรกล่าว
ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว
และส่งเรื่องให้สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้นต้องนำคำร้องเรียนของผู้ร้องมาประกอบ เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสืบหาข้อเท็จจริง ตามวันเวลาสถานที่ที่ระบุไว้ โดยต้องมีพยานที่รับรู้ข้อเท็จจริง ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การสอบ การจะสรุปข้อกล่าวหาที่มีผู้ร้อง ต้องมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นจริงหรือไม่
วัน เดียวกัน นายเฉลิมชัย จันทรมิตรี ผอ.โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ชี้แจงว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้ว วันนั้นวันที่ 17 พ.ค. 
หลังเลิกงานตนไปใช้บริการสปาที่ร้านดังกล่าวกับรองผอ.จริง โดยนวดสปาเป็นเวลา 40 นาที เมื่อนวดเสร็จแล้วมีผู้หญิงลักษณะคล้ายทอมเข้ามาถามว่า คุณเป็นใคร คุณทำอะไร แต่ตนไม่ได้ตอบกลับไป แต่รู้สึกแปลกใจว่าทำไมมาพูดกับตนเช่นนี้ รองผอ.จึงบอกกลับไปว่า ทำไมจึงพูดแบบนี้ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รองผอ.ไม่พอใจ เพราะมีคนมาต่อว่าผู้บังคับบัญชา จึงใช้เบอร์โทรศัพท์ห้องทำงานของโรงเรียน และเบอร์โทรศัพท์มือถือโทร.กลับไปที่ร้านเพื่อต่อว่า ทำไมต้องพูดจากับผอ.แบบนี้ เจ้าของร้านจึงคิดว่าผอ.คงสั่งให้โทร.ไปต่อว่า แต่ตนไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น
ผอ.โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าไปใช้บริการสปาตามปกติ ไม่ได้บังคับขืนใจตามที่เจ้าของร้านร้องเรียน 
ตนบริสุทธิ์ใจ 100% และไม่รู้จักเจ้าของร้านมาก่อน เป็นการใช้บริการครั้งแรก ทุกอย่างมีการวางแผนเป็นขั้นตอน ตามสืบถึงขนาดรู้ว่าตนมีบ้าน 3 หลัง พยายามทำทุกอย่างให้ตนเสียชื่อเสียง มีการเรียกเงินถึง 2 ล้านบาท ผกก.สน.สายไหมก็ทราบดีว่าเป็นเรื่องต้องการเงิน ตนจะเกษียณอายุราชการเดือนก.ย.นี้แล้ว คงไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน

"ทาง เจ้าของร้านแจ้งความไว้ที่สน. สายไหมจนอัยการส่งฟ้องศาล วันที่ 31 ส.ค.นี้ผมจะให้ทนายไปขึ้นศาลแทน เรื่องนี้ถึงขนาดไปยื่นเรื่องถึงกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เราเสียชื่อ ยืนยันไม่ได้บังคับขืนใจ เป็นการแบล็กเมล์ล้วนๆ ผมเอาศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน ถ้าทำจริงผมก็เสียชื่อเสียง ที่สำคัญจะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ที่ผ่านมาผมทำประโยชน์ให้โรงเรียนหลายอย่าง ทั้งสร้างอาคารเรียน คงไม่มาทำเรื่องอะไรแบบนี้หรอก" ผอ.โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัยกล่าว 

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ผบ.ทบ.เผยยังไม่ได้ข้อสรุปถอดใบกระท่อมออก เมื่อ 30 ส.ค.56



ผบ.ทบ.เผยยังไม่ได้ข้อสรุปถอดใบกระท่อมออก
 
ผบ.ทบ. เผย ยังไม่ได้ข้อสรุปถอดใบกระท่อมออกจากสารตั้งต้น ขอฟังเสียงประชาชนก่อน ยัน กองทัพไร้ปัญหา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงยุติธรรม จะถอดรายชื่อใบกระท่อมออกจากการเป็นสารตั้งต้นยาเสพติด โดยเบื้องต้นทราบว่า เรื่องดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนหารือ และยังไม่ได้ข้อสรุป

แต่ส่วนตัวมองว่า สิ่งสำคัญ คือ การปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชน ในการไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกชนิด 
ซึ่งหากมีการปลูกแต่ไม่มีคนเสพก็จะไม่เกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม การดำเนินการต่าง ๆ ก็จะต้องฟังเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศว่ารับเรื่องนี้ได้หรือไม่ ขณะในส่วนของกองทัพคงไม่มีความขัดแย้งหรือมีปัญหากับฝ่ายใด เพียงแต่ต้องการให้การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและถูกต้อง

ทั้งนี้ หากจะมีการถอดชื่อใบกระท่อมจริง ก็จะต้องมีการควบคุมการใช้งานที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เพราะที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมใบกระท่อมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระหน้าที่ให้กับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ มากขึ้น
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

ปชป.รอดูร่างนิรโทษ ก่อนย้ำนำ12ม็อบล้มรัฐฯ เมื่อ 30 ส.ค.56



ปชป.รอดูร่างนิรโทษ ก่อนย้ำนำ12ม็อบล้มรัฐฯ
 
"นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" ขอรอดูผลพิจารณาร่างนิรโทษกรรมก่อน ยืนยัน ชุมนุมแน่ ลั่น เตรียมถก 12 กลุ่ม ล้มรัฐ บาลสัปดาห์หน้า

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า จังหวะก้าวหลังจากนี้ ต้องดูผลการพิจารณาก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่า ทางพรรคนั้นจะชุมนุมเรียกร้องว่าไม่ควรปล่อยกฎหมายดังกล่าวออกไปสู่สังคม

ทั้งนี้ ในส่วนของการเชิญกลุ่มที่เห็นต่างจากรัฐบาลมาร่วมล้มรัฐบาลนั้น คาดว่าในวันพฤหัสบดีที่ 5 ก.ย. หรือ วันศุกร์ที่ 6 ก.ย. 2556 จะสามารถเชิญทุกกลุ่มมาร่วมพูดคุยถึงการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไปอย่างไรได้ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 12 กลุ่มแล้ว พร้อมยืนยัน การเดินหน้าคัดค้านรัฐบาลนั้นเป็นมติพรรค ไม่ใช่ตนเองเพียงบุคคลเดียว


นอกจากนี้ นายนิพิฏฐ์ ยังกล่าวถึงการประชุมกรรมาธิการ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เมื่อวานนี้ว่า เป็นเรื่องที่ไร้สาระมากซึ่งตนเองได้เข้าประชุมเพียงชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ก็ต้องออกจากห้องประชุม แต่ยืนยันว่าวันพฤหัสฯ หน้า ก็จะเข้าประชุมด้วยล้านเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

สหรัฐส่ง "สัญญาณ" พร้อมลุยเดี่ยวในซีเรีย เมื่อ 30 ส.ค.56



สหรัฐส่ง "สัญญาณ" พร้อมลุยเดี่ยวในซีเรีย
 
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ว่า รัฐบาลสหรัฐส่ง "สัญญาณ" พร้อมเปิดฉากการโจมตีทางทหารต่อซีเรียเพียงลำพัง แม้อังกฤษจะพ่ายการลงมติขอความเห็นชอบจากสภาก็ตาม
นางเคธลีน เฮย์เดน โฆษกหญิงของสภาความมั่นคงแห่งชาติ แถลงว่า ทำเนียบขาวได้รับแจ้งเรื่องที่รัฐบาลอังกฤษเป็นฝ่ายพ่ายแพ้การหยั่งเสียงในสภาล่าง ในญัตติเรื่องการส่งกำลังทหารสนับสนุนสหรัฐในการเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีซีเรีย อย่างไรก็ตาม วอชิงตันจะยังคงหารือกับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ผู้นำอังกฤษ เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในซีเรียต่อไป

แต่กระนั้น หากมีความจำเป็นสหรัฐอาจเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีทางทหารต่อซีเรียภายใน "วงจำกัด" เนื่องจากวอชิงตันยังเชื่อมั่นว่า รัฐบาลดามัสกัสภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชน ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อสหรัฐด้วย ซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะพิจารณาแนวทางที่ "ดีที่สุด" สำหรับสหรัฐโดยเร็วที่สุด

ถ้อยแถลงของเฮย์เดนมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังสภาสามัญชนหรือสภาล่างอังกฤษมีมติเสียงข้างมาก 282 ต่อ 272 เสียง คัดค้านญัตติของคาเมรอน ที่เสนอเรื่องการร่วมใช้กำลังทหารกับสหรัฐในซีเรีย โดยที่ประชุมให้เหตุผลว่า ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะ "เอาผิด" อัสซาด

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

หวิดดับยกครัว!เก๋งติดแก๊สไฟไหม้วอดทั้งคัน เมื่อ 30 ส.ค.56



หวิดดับยกครัว!เก๋งติดแก๊สไฟไหม้วอดทั้งคัน
 
ไฟไหม้รถเก๋งติดแก๊ส LPG ของหนุ่มพิษณุโลก ขณะขับกลับบ้าน พ่อและน้องชายต่างวิ่งหนีตาย
เจ้าหน้าที่กู้ภัยข่าวภาพ จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุรถยนต์เกิดไฟลุกไหม้บริเวณบ้านดงเจริญ หมู่ที่ 12 ต.ดอนทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมรถน้ำจาก อบต.ดอนทอง และ อบต.บ้านป่า ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ แชมป์ สีบอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน กง 97 พะเยา จอดอยู่ในสภาพกำลังถูกเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งคัน โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกือบ 20 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

เบื้องต้น นายจรัญ เกิดคง อายุ 35 ปี เจ้าของรถยนต์ดังกล่าว เปิดเผยว่า รถยนต์คันนี้เพิ่งซื้อมาได้ 2 เดือน และติดตั้งแก๊ส LPG
ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ขับขี่รถคันดังกล่าวมาพร้อมพ่อและน้องชายเพื่อมาซื้ออะไหล่รถยนต์ในเมือง เมื่อซื้อของเสร็จระหว่างที่เดินทางกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ รถดับ และเริ่มมีควันขึ้นที่ห้องเครื่อง ตนพร้อมพ่อและน้องชาย จึงรีบลงจากรถ ต่อมาเพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วจนลุกไหม้รถทั้งคัน ซึ่งจะได้หาสาเหตุต่อไป
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

.ป.ส.กทม. ลุยตรวจปัสสาวะพระลูกวัดย่านสวนหลวง พบฉี่ม่วง 2 ราย เมื่อ 30 ส.ค.56



ป.ป.ส.กทม. ลุยตรวจปัสสาวะพระลูกวัดย่านสวนหลวง พบฉี่ม่วง 2 ราย
 
ป.ป.ส.กทม. ลุยตรวจปัสสาวะพระลูกวัดต้นไทรย์ ย่านสวนหลวง พบฉี่ม่วง 2 ราย
เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด กรุงเทพมหานคร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดเเห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ พระครูวรกิจ จาทร เจ้าคณะเขตสวนหลวง นำกำลังเข้าตรวจค้นวัดต้นไทรย์ ภายในซอยอ่อนนุช 29 พร้อมตรวจปัสสาวะพระสงฆ์ และลูกศิษฐ์วัด ภายหลังรับแจ้งเบาะแสว่า มีพระหลายรูปมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องยาเสพติด

โดย พ.ต.ท.สิริพงษ์ วรผลึก สารวัตรกองกับการสืบสวนสอบสวน 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสว่า มีพระสงฆ์มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงเข้าตรวจค้นและทำการตรวจหาสารเสพติด เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบ พระพีรวัตร์ วรบุญโญ อายุ 25 ปี และ นายวิวัตร์ คงซุย อายุ 30 ปี ลูกศิษฐ์วัด มีสารเสพติดในร่างกาย โดยทั้งสองยอมรับว่า ได้เสพยาจริง

นอกจากนี้ยังพบว่า พระกัณตธรรมโม อายุ 22 ปี พบสารเสพติดกัญชาแต่ยังให้การปฏิเสธ
โดยเจ้าหน้าที่จะนำตัวไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งที่ โรงพยาบาลคลองตัน สำหรับ พระพีรวัตร์ ที่พบว่า มีสารเสพติดในร่างกาย เจ้าคณะเขตสวนหลวง ระบุว่า หากปรากฏว่ามีความผิดทางอาญา ถือว่าผิดวินัยสงฆ์ ซึ่งถือว่าขาดจากความเป็นพระสงฆ์โดยไม่ต้องทำพิธีลาสิกขา 

ทั้งนี้ จากการข้อมูล ป.ป.ส. กทม. พบว่า มีพระสงฆ์ 4 รูป ที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยเสพยาเสพติดเป็นเวลานาน โดย 1 ใน 4 รูปนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจพบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

รวบแม่ยายจ้างมือปืนเด็ดหัวลูกเขย เมื่อ 30 ส.ค.56



รวบแม่ยายจ้างมือปืนเด็ดหัวลูกเขย
 
รวบแม่ยาย จ้างมือปืนเด็ดหัวลูกเขย แค้น ตบตีลูกสาวต่อหน้า - ตร. ยังไม่ปักใจเชื่อ มุ่งปมหวังเงินประกัน
นางคำตัน กาศจันทร์ อายุ 63 ปี แม่ยายของ พ.ต.ท.คณิศร บุญเหลือง พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สน.บางยี่เรือ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี หลังได้ว่าจ้างมือปืนยิง พ.ต.ท.คณิศร ลูกเขย ขณะออกกำลังกาย ที่บริเวณกลางสะพานข้ามคลองบางแวก ฝั่งขาเข้า มุ่งหน้าถนนเพชรเกษม ย่านคลองขวาง เขตภาษีเจริญ โดยผู้ต้องหาอ้างว่าโกรธแค้นแทนลูกสาวที่ พ.ต.ท.คณิศร เคยทำร้ายร่างกายโดยเอาปืนตีศรีษะจนสลบ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว จากนั้นก็มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง และทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด ซึ่งเคยให้เลิกกันหลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมเลิก

จนล่าสุดลูกเขยได้ทำร้ายลูกสาวต่อหน้า โดยใช้เท้าถีบลูกสาวจนรู้สึกทนไม่ไหว
จึงตัดสินใจปรึกษา นายชวน ซึ่งเป็นเพื่อนสามีชาวเพชรบูรณ์ ให้หามือปืนมายิงลูกเขย ในราคา 50,000 บาท โดยในวันเกิดเหตุ ทำหน้าที่เป็นคนชี้เป้า โดยยืนอยู่กันคนละฟากถนน ซึ่งลูกเขยก็เห็นตนด้วย แต่ขาไปไม่มีจังหวะลงมือ จึงอาศัยช่วงเวลากลับ ซึ่งเป็นช่วงเวลาปลอดคนและมืดสนิท มือปืนจึงได้โอกาส จึงใช้อาวุธปืนชนิดลูกซองก่อเหตุ จากนั้นจึงหลบหนีไป เพราะคิดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. กล่าวว่า ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด และตั้งประเด็นประสงค์ต่อเงินประกันชีวิต พร้อมระบุ ขณะนี้รู้ตัวมือปืนและผู้ร่วมก่อเหตุแล้ว คาดว่าจะสามาถติดตามจับกุมตัวได้เร็วๆ นี้
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

แม่แทบคลั่ง ติดคุก2เดือนเอาลูกสาว4 ขวบฝากสถานสงเคราะห์ ถูกข่มขืนทุกวัน เมื่อ 30 ส.ค.56



แม่แทบคลั่ง ติดคุก2เดือนเอาลูกสาว4 ขวบฝากสถานสงเคราะห์ ถูกข่มขืนทุกวัน
 
เมื่อวันที่ 29  สิงหาคม  ตำรวจ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก น.ส.วรรณพร ศรีนัคเรศ เจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยา ว่า  มีผู้หญิงพาบุตรสาววัย 4 ปี  ถูกทำร้ายร่างกาย และข่มขืนกระทำชำเรา เข้ารักษาตัวอยู่โรงพยาบาลบางละมุง จึงนำกำชุดสืบสวน รีบรุดไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงพบ น.ส.แก้ว (นามสมมติ) อายุ 42 ปี อยู่ในอาการคุ้มคลั่งควบคุมสติไม่อยู่
เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันเกลี้ยกล่อมจนสงบสติอารมณ์ได้ นอกจากนี้ ยังพบ ด.ญ.กิ๊ก (นามสมมุติ) อายุ 4 ปี ถูกทำร้ายมีรอยฟอกช้ำตามร่างกาย ไข้สูง และถูกข่มขืนจนอวัยวะเพศฉีกขาดปูดบวมแเดง มีเลือดไหลตลอด


น.ส.แก้ว ให้การว่า พักอาศัยอยู่กับลูกสาวเพียง 2 คน โดยตนทำงานที่บาร์แห่งหนึ่งในเมืองพัทยา ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือน
 
ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติด จึงได้ติดต่อญาติ เอา ด.ญ.กิ๊กไปฝากไว้กับสถานสงเคราะห์เด็กบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี ที่ ต.โรงโป๊ะ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังจากพ้นโทษมาประมาณ 1 สัปดาห์ จึงได้ติดต่อขอรับตัวลูกกลับมาเลี้ยงดูเอง กระทั่งช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ของบ้านพักเด็ก ทราบชื่อเพียงว่า น.ส.พัน ได้นำลูกสาวมาส่งให้ถึงที่ห้องพักย่านพัทยาใต้

แต่พบว่าลูกสาวมีอาการแปลกๆ จนกระทั่งตกดึกมีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอด รูทวารหนัก และมีอาการปูดบวม จึงตกใจอย่างมาก  

เมื่อสอบถามความจริงก็ทราบว่า ขณะที่อยู่ภายในบ้านพักเด็กได้ถูกรุ่นพี่ผู้ชายหลายคน หนึ่งในนั้นมีชื่อเล่นว่า อาร์ต ข่มขืนกระทำชำเราทั้งทางอวัยวะเพศ และรูทวารหนักทุกวัน ตั้งแต่เข้าไปอยู่ในบ้านพักเด็ก และครั้งล่าสุดก็ตอนเช้าก่อนออกมาจากบ้านพักเด็ก จนเป็นไข้ จึงติดต่อไปหา น.ส.วรรณพร ซึ่งเป็นคนรู้จักกัน ก็ได้รับคำแนะนำให้พาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาล ก่อนจะแจ้งตำรวจ เพื่อให้ทำการดำเนินคดีกับกลุ่มที่ทำร้ายลูกสาวต่อไป

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

ลูกเรือเฟอร์รี่ดวงกุด ตกสะพานเทียบเรือเสียชีวิต เมื่อ 30 ส.ค.56



ลูกเรือเฟอร์รี่ดวงกุด ตกสะพานเทียบเรือเสียชีวิต
 
มื่อเวลา 22.20 น. วันที่ 29 ส.ค.56 ร.ต.ท.ศิรชัช กามูณี ร้อยเวร สภ.เกาะสมุย ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้รับแจ้งจากนายธัมรงค์ รถทิพย์ หัวหน้าแผนกห้องเครื่องประเรือเฟอร์รี่ ชื่อวังแก้ว ว่า พบศพนายภาณุศักดิ์ ศรีจงกล อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าดี อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ลอยอยู่ในทะเลบริเวณปลายสะพานท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ช่องที่ 3 ขอให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อได้รับแจ้งจึงได้ประสานไปยังแพทย์เวรโรงพยาบาลเกาะสมุย หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสงเกราะเกาะสมุย รีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ที่เกิดเหตุบริเวณสะพานท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ เจ้าหน้าที่พบศพของนายภาณุศักดิ์ ศรีจงกล นอนอยู่บริเวณสะพาน สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำเช่นกัน จากการตรวจสอบพบบาดแผลบริเวณเหนือคิ้วด้านซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ยาวประมาณห้าถึงเจ็ดเซนติเมตร
และจากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการต่อสู่ จากการสอบถามนายธัมรงค์ รถทิพย์ หัวหน้าแผนกห้องเครื่องประเรือเฟอร์รี่ ได้กล่าวว่า นายภาณุศักดิ์ ศรีจงกล เป็นเจ้าหน้าประจำแผนกห้องเครื่องเรือเฟอร์รี่ ชื่อวังแก้ว โดยผู้ตายพักอยู่บนเรือ และเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 28 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมาผู้ตายได้ออกไปพบเพื่อน โดยได้ขอยืมรถจักรยานยนต์ของเพื่อนไปด้วย และได้หายไปตลอดทั้งคืนจนรุ่งเช้า พอรุ่งเช้าได้เวลาทำงานตนไม่พบผู้ตายจึงถามลูกน้องในเรือแต่ก็ไม่มีใครพบ

จนเมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 สิงหาคม ตนเองได้เดินบริเวณสะพานท่าเทียบเรือท่าที่ 3 เมื่อมองลงไปในทะเลจึงพบร่างของนายภาณุศักดิ์ ศรีจงกล ลอยคว่ำหน้าจึงได้ตามลูกน้องมานำร่างของนายภาณุศักดิ์ ขึ้นจากทะเล และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบดังกล่าว จากนั้นร.ต.ท.ศิรชัช กามูณี ร้อยเวร สภ.เกาะสมุย จึงได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพของนายภาณุศักดิ์ ศรีจงกล ส่งไปชันสูตรอีกครั้งยังโรงพยาบาลเกาะสมุยเพื่อหาสาเหตุการตายในครั้งนี้อีกครั้งหนึ่ง ก่อนให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

บก.น.3รวบ3นศ.ช่างกลทำร้ายนศ.เทคนิคฯดับ เมื่อ 30 ส.ค.56



บก.น.3รวบ3นศ.ช่างกลทำร้ายนศ.เทคนิคฯดับ
 
บก.น.3 รวบ 3 ช่างกล ร่วมทำร้าย น.ศ.เทคนิคกาญจนา จนเสียชีวิตย่านลาดกระบัง อ้างป้องกันตัว
พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ รอง ผบก.น.3 แถลงผลการจับกุม นายชนานันท์ หรือ เมล ชื่นสุวรรณ อายุ 18 ปี นายสมศักดิ์ หรือ ต๊ะ เซ็นติมา อายุ 18 ปี และ นายวรวุฒิ หรือ พีท บำรุงกุล อายุ 18 ปี ทั้ง 3 เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 แผนกช่างยนต์ ของสถาบันแห่งหนึ่งย่านบางจาก พร้อมของกลางมีดดาบปลายแหลม 1 เล่ม และมีดหัวตัด 1 เล่ม ชุดช่างยนต์ที่ใส่ในวันก่อเหตุ 2 ชุด

พ.ต.อ.เอก เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน
ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นายเอกภพ อ่ำบุตร อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้น ปวช.ปีที่ 3 วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานคร สาขาอิเล็กทรอนิกส์ จนเสียชีวิตบนสะพานข้ามคลองหนองปรือ ถนนลาดกระบัง แขวง/เขตลาดกระบัง และเพื่อนของผู้ตายได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนจนทราบว่าทั้ง 3 คน พักอาศัยอยู่ที่อาคารอัศวสามมือทอง ในซอยลาดกระบัง 13/8 แขวงและเขตลาดกระบัง จึงนำกำลังเข้าติดตามจับกุม

สอบสวนทั้ง 3 คน สารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าสวนพระนคร เพื่อกลับห้องพัก 
ขณะนั้นผู้ตายกับเพื่อนก็ขับขี่รถ จยย.มาจอด พร้อมถามว่าเรียนอยู่ที่ไหน แต่ตนปฏิเสธไปว่าไม่ได้เรียน ทำงานแล้ว แต่ว่าผู้ตายกับเพื่อนก็ไม่เชื่อ พร้อมทั้งชักขวานและชักมีดดาบในกระเป๋าขึ้นมาพยายามจะฟัน แต่ตนหลบทัน และพวกตนรุมใช้มีดฟันจนเสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายแก่กายสาหัส
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

แก๊งเงินกู้โหดขาดส่ง 2 งวดถล่มบ้านพังยับ เมื่อ 30 ส.ค.56



แก๊งเงินกู้โหดขาดส่ง 2 งวดถล่มบ้านพังยับ
 
แก๊งเงินกู้กว่า15คน ก่อเหตุไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง บุกถล่มบ้านแม่ค้าขายขนมพังเละ ทุบตีคนในบ้านจนได้รับบาดเจ็บ2คน สาเหตุขาดส่งเงินที่กู้มา2วัน ตร.เร่งติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายเป็นการด่วนแล้ว 
เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 29 ส.ค. พ.ต.ท.วินิจ ศรีสูงเนิน พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.บางเขน 
ได้รับแจ้งเหตุกลุ่มวัยรุ่นบุกทำลายข้าวของและทำร้ายร่างกาย ภายในบ้านเลขที่ 5/9 ม.4 ซอนเพิ่มสิน 20 แยก 13 ถนนเพิ่มสิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ ผกก.สน.บางเขน พ.ต.ท.เสน่ห์ มณีฉาย สว.สส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.บางเขน
 

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้สองชั้นอยู่ในรั้วรอบขอบชิด บนเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา
ตรวจสอบภายในบ้านพบข้าวของแตกกระจัดกระจายพังเสียหายจำนวนมาก อาทิ หลอดไฟ โทรทัศน์ขนาด 21 นิ้ว ประตูห้องนอน ประตูบ้าน จานชามแก้วน้ำ และที่บริเวณลานจอดรถหน้าบ้านพบรถจยย.ที่จอดอยู่ ถูกพังเสียหายไปอีกจำนวน 3 คัน นอกจากนี้ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธมีดและของแข็ง ฟันและทุบตีตามลำตัวได้บาดรับบาดเจ็บถูกนำส่งรพ.ภูมิพล ไปก่อนหน้านี้จำนวน 2 ราย ทราบชื่อต่อมาคือนายฉัตรชัย คารีวงศ์ อายุ 34 ปี ได้รับบาดเจ็บถูกของแข็งฟาดที่แขนขวาจนหัก และถูกมีดฟันที่บริเวณลำตัวหลายแห่งอาการสาหัส และนายสมชาย เกิดสาย อายุ 52 ปี ได้รับบาดเจ็บจากการถูกของแข็งทุบตีตามลำตัว 

สอบสวนนางปาริฉัตร เกิดสาย อายุ 50 ปี แม่ค้าขายขนมในตลาดเทพทิพย์ย่านสายไหม ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน
เล่าด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ได้มีข้อส่งเข้ามือถือของตนเองเข้ามาว่า “มึงกล้า มึงเก่งกับกูหรอ” จากนั้นไม่นานก็มีรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนขับมาจอดที่หน้าบ้านโดยมีชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธครบมือประมาณ 15 คน ได้พากันกรูลงมา ก่อนใช้วัตถุคล้ายระเบิดปิงปอง ปาเข้ามาในบ้านจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ต่อมาก็ได้ใช้อาวุธทั้งมีดและเหล็กแป็บ กรูกันเข้ามาทำลายข้าวของและคนที่อยู่ในบ้าน เมื่อตนเห็นจึงพาลูกสะไภ้และหลานชายเข้าไปหลบภายในห้องนอน เมื่อเหตุการณ์สงบตนจึงพากันเดินออกมาก็พบนายสมชาย สามีของตนและนายฉัตรชัย หลายชาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายนอนร้องครวญครางอยู่กับพื้น ตนจึงรีบเรียกเพื่อนบ้านให้มาช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล
 

“ ส่วนสาเหตุนั้นน่าจะเกิดจากที่ตนไปกูเงินของแก๊งเงินกู้กลุ่มหนึ่งที่อยู่ย่านสายไหมในจำนวนเงิน 20,000 บาท คิดดอกเบี้ย 4,000 บาท รวมเงินที่ต้องส่งคือ 24,000 บาท  ซึ่งจะแบ่งจ่ายเป็นรายวันละ 1,000 บาท ทั้งหมด 24 วันและตนก็ส่งไปได้ 11 วัน ต่อมามารดาของตนไม่สบายจึงขอลดจำนวนเงิน มาเป็นวันละ 500 บาท และผ่อนไปได้อีก 7 งวด และเมื่อสองวันที่แล้วตนได้ขาดส่งไป 2 งวด เพราะต้องเอาเงินไปรักษามารดา ซึ่งวันนี้ตนก็ได้เตรียมเงินไว้ให้แล้ว แต่ก็มาถูกก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 2 แล้ว เพราะก่อนหน้านี้แก๊งเงินกู้ดังกล่าวได้มาทวงแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่เจอตน จึงได้ใช้ขวดแก้วเขวี้ยงเข้าไปในบ้านทำให้เศษแก้วไปถูกหลานจนได้รับบาดเจ็บมาแล้ว” นางปาริฉัตร เล่าทิ้งท้าย
 

ด้านพ.ต.อ.ชยุต เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ก็พอจะทราบถึงกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้แล้ว โดยเป็นแก๊งเงินกู้ที่อยู่นอกพื้นที่ ซึ่งได้เข้ามาอาศัยปล่อยเงินกู้ตามพื้นที่ต่างๆ อย่างไรก็ตามตนก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ ที่ก่อเหตุอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์