ผอ.รร.ดัง! โต้ลั่น"สาวสปา"แจ้งจับ |
|
เจ้าของร้านนวดฟ้องร้องลวนลาม ผู้บริหาร"ฤทธิยะวรรณาลัย"ชี้แจง ถูกแบล็กเมล์ -พร้อมเจอกันที่ศาล สาว เจ้าของร้านสปาบุกศธ. ร้องผอ.กับรองผอ. โรงเรียนชื่อดังเมืองกรุง กล่าวหาว่าใช้กำลังลวนลามระหว่างนวด แจ้งความสน.สายไหมคดีสู่ชั้นศาลแล้ว แต่เรื่องที่เคยร้องปลัดศธ.ไว้กลับเงียบ ผอ.มัธยมชื่อดัง "ฤทธิยะวรรณาลัย"โต้ลั่น แบล็กเมล์ 100% ยอมรับไปนวดจริง แต่ไม่ได้กระทำการตามที่ถูกกล่าวหา ก.ย.นี้จะเกษียณราชการแล้วจะทำลายตัวเองทำไม พร้อมสู้คดีในชั้นศาล
เมื่อ วันที่ 29 ส.ค. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) น.ส.นภัทร เล็กสุวรรณ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167/8 ถ.ทุ่งโฮเต็ล ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เจ้าของร้านธัญสินีสปา ย่านสายไหม กทม. พร้อมด้วยญาติ เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน กรณีผอ.และรองผอ.โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านสายไหม กระทำมิชอบด้วยกฎหมายและมีความประพฤติไม่เหมาะสมกับการเป็นข้าราชการชั้น ผู้ใหญ่ |
|
น.ส.นภัทรกล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนให้บริการต้อนรับลูกค้าที่มาใช้บริการนวดแผนไทยที่ร้าน ผอ.พร้อมด้วยรองผอ.โรงเรียนชื่อดังเข้ามาใช้บริการ แต่เนื่องจากขณะนั้นพนักงานนวดติดบริการลูกค้าคนอื่น ผอ.โรงเรียนจึงให้ตนนวดแทน ทั้งที่ปกติตนจะทำหน้าที่แคชเชียร์และต้อนรับลูกค้าเท่านั้น แต่ด้วยความเกรงใจเนื่องจากเห็นว่าน่าจะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ประกอบกับตนสามารถนวดแบบสปาได้ จึงยินดีไปนวดสปาให้ น.ส.นภัทร กล่าวอีกว่า แต่ระหว่างยืนนวดอยู่นั้น ผอ.คนดังกล่าวลุกขึ้นนั่งแล้วใช้ขาสองข้างขวางกั้นไม่ให้ตนขยับหนี ก่อนเข้าประชิดตัวและกระทำการที่ไม่เหมาะสม ตนไม่ยินยอมพยายามดิ้นรนต่อสู้ และส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจนสามารถดิ้นหลุดออกมาได้ จากนั้นเพื่อนๆ ในร้านเข้าไปต่อว่าผอ.คนดังกล่าว แต่กลับถูกผอ.โต้กลับว่าไม่ได้ทำอะไร จากนั้นผอ.รีบแต่งตัวออกจากร้านไปพร้อมกับรองผอ. น.ส.นภัทร กล่าวต่อว่า เช้าวันรุ่งขึ้นมีโทรศัพท์เข้ามาที่ร้านพูดจาข่มขู่ จากการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์เป็นเบอร์ของโรงเรียนชื่อดังย่านสายไหม เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องในลักษณะไม่สู้ดี ตนและครอบครัวเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สน.สายไหม เพื่อให้ดำเนินคดีกับผอ.โรงเรียนรายนี้ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาลโดยวันที่ 31 ส.ค.นี้ศาลจังหวัดมีนบุรีนัดไปเบิกความนัดแรก
"ดิฉันร้อง เรียนเรื่องนี้เนื่องจากได้รับความเสียหาย และผู้กระทำความผิดเป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ก.ค. มอบหมายทนายความมายื่นหนังสือร้องเรียนกับปลัดกระทรวงศึกษาฯ โดยมีเลขานุการหน้าห้องรับเรื่องไว้ แต่จนถึงขณะนี้เรื่องดังกล่าวไม่มีความคืบหน้า จึงจำเป็นต้องมาขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนช่วยติดตามเรื่องนี้" น.ส.นภัทรกล่าว ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว และส่งเรื่องให้สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้นต้องนำคำร้องเรียนของผู้ร้องมาประกอบ เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสืบหาข้อเท็จจริง ตามวันเวลาสถานที่ที่ระบุไว้ โดยต้องมีพยานที่รับรู้ข้อเท็จจริง ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การสอบ การจะสรุปข้อกล่าวหาที่มีผู้ร้อง ต้องมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นจริงหรือไม่ วัน เดียวกัน นายเฉลิมชัย จันทรมิตรี ผอ.โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ชี้แจงว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้ว วันนั้นวันที่ 17 พ.ค. หลังเลิกงานตนไปใช้บริการสปาที่ร้านดังกล่าวกับรองผอ.จริง โดยนวดสปาเป็นเวลา 40 นาที เมื่อนวดเสร็จแล้วมีผู้หญิงลักษณะคล้ายทอมเข้ามาถามว่า คุณเป็นใคร คุณทำอะไร แต่ตนไม่ได้ตอบกลับไป แต่รู้สึกแปลกใจว่าทำไมมาพูดกับตนเช่นนี้ รองผอ.จึงบอกกลับไปว่า ทำไมจึงพูดแบบนี้ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รองผอ.ไม่พอใจ เพราะมีคนมาต่อว่าผู้บังคับบัญชา จึงใช้เบอร์โทรศัพท์ห้องทำงานของโรงเรียน และเบอร์โทรศัพท์มือถือโทร.กลับไปที่ร้านเพื่อต่อว่า ทำไมต้องพูดจากับผอ.แบบนี้ เจ้าของร้านจึงคิดว่าผอ.คงสั่งให้โทร.ไปต่อว่า แต่ตนไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น ผอ.โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าไปใช้บริการสปาตามปกติ ไม่ได้บังคับขืนใจตามที่เจ้าของร้านร้องเรียน ตนบริสุทธิ์ใจ 100% และไม่รู้จักเจ้าของร้านมาก่อน เป็นการใช้บริการครั้งแรก ทุกอย่างมีการวางแผนเป็นขั้นตอน ตามสืบถึงขนาดรู้ว่าตนมีบ้าน 3 หลัง พยายามทำทุกอย่างให้ตนเสียชื่อเสียง มีการเรียกเงินถึง 2 ล้านบาท ผกก.สน.สายไหมก็ทราบดีว่าเป็นเรื่องต้องการเงิน ตนจะเกษียณอายุราชการเดือนก.ย.นี้แล้ว คงไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
"ทาง เจ้าของร้านแจ้งความไว้ที่สน. สายไหมจนอัยการส่งฟ้องศาล วันที่ 31 ส.ค.นี้ผมจะให้ทนายไปขึ้นศาลแทน เรื่องนี้ถึงขนาดไปยื่นเรื่องถึงกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เราเสียชื่อ ยืนยันไม่ได้บังคับขืนใจ เป็นการแบล็กเมล์ล้วนๆ ผมเอาศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน ถ้าทำจริงผมก็เสียชื่อเสียง ที่สำคัญจะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ที่ผ่านมาผมทำประโยชน์ให้โรงเรียนหลายอย่าง ทั้งสร้างอาคารเรียน คงไม่มาทำเรื่องอะไรแบบนี้หรอก" ผอ.โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัยกล่าว
|
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น