วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สลด แพทย์ไลบีเรียเสียชีวิตแม้ได้รับการฉีดเซรุ่มซีแมพ ญี่ปุ่นพร้อมส่ง"ยาทดลอง"ช่วย วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10:49:14 น.

สลด แพทย์ไลบีเรียเสียชีวิตแม้ได้รับการฉีดเซรุ่มซีแมพ ญี่ปุ่นพร้อมส่ง"ยาทดลอง"ช่วย

วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10:49:14 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ว่า แพทย์ไลบีเรียที่ได้รับการรักษาด้วยเซรุ่ม"ซีแมพ"เพื่อต่อสู้กับอาการป่วยจากโรคอีโบล่า ได้เสียชีวิตแล้ว ภายหลังมีอาการดีขึ้น ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอีก 2 รายยังได้รับการฉีดเซรุ่มดังกล่าวด้วย ท่ามกลางความหวังวา ทั้งสองจะรอดชีวิต การเสียชีวิตนี้เกิดขึ้นทั้งที่ก่อนหน้านี้ แพทย์อเมริกัน 2 รายที่ติดเชื้ออีโบล่า และองค์การอนามัยโลกชี้ว่า แพทย์และพยาบาลไลบีเรีย 2 รายที่ได้รับเซรุ่มซีแมพมีอาการดีขึ้นแล้ว 

ขณะเดียวกัน ทางการญี่ปุ่นเผยว่า พร้อมที่จะจัดส่งยา"อะไวเก้น"ยาทดลองรักษาอีโบล่า ผลิตโดยบริษัทยาของญี่ปุ่น ไปยังแอฟริกาตะวันตก โดยยาดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานอาหารและยาของญี่ปุ่นเมื่อเดือนมี.ค.ในฐานะยาต่อต้านโรคหวัด

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานด้านความช่วยเหลือของสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอด ชี้ว่า หนึ่งในอุปสรรคใหญ่ที่สหประชาชาติเผชิญขณะนี้คือการได้รับข้อมูลข่าวสารที่ผิด ๆ โดยอีโบล่าไม่ใช่โรคที่ยากจะหลีกเลี่ยง หากทุกคนรู้วิธีหลีกเลี่ยงมัน และการช่วยผู้คนให้ตระหนักและเข้าใจถึงการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้ออีโบล่าเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคนี้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากสังคมท้องถิ่นในการส่งสารข้อมูลที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน

ว่อนเน็ต!!คนขับแท็กซี่สู้โรคมะเร็ง ไร้เสียงเขียนหนังสือสื่อผู้โดยสาร เมื่อ 25 ส.ค.57



ว่อนเน็ต!!คนขับแท็กซี่สู้โรคมะเร็ง ไร้เสียงเขียนหนังสือสื่อผู้โดยสาร
 
25 ส.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโซเชียล เน็ตเวิร์ก ได้มีการแชร์ภาพและเรื่องราวของนายเสน่ห์ สวนต่าย โชเฟอร์แท็กซี่
หมายเลขทะเบียน ทย 3639 กรุงเทพมหานคร ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งกล่องเสียง ไม่สามารถพูดคุยหรือสอบถามผู้โดยสารที่ขึ้นมาใช้บริการได้ตามปกติเหมือนโชเฟอร์แท็กซี่ทั่วๆ ไป โดยผู้ที่นำภาพและเรื่องราวมาทวีตผ่านทวีตเตอร์ใช้ชื่อว่า ‏@Meawzilaz โดยระบุว่า

“…ทย3639 นายเสน่ห์ สวนต่าย คนขับเป็นมะเร็งกล่องเสียงไม่มีเสียงพูดแต่สุภาพขับรถดี ไปทุกที่ไม่มีเกี่ยง ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร …” พร้อมกับภาพลุงเสน่ห์ ขับรถแท็กซี่ ด้านหลังเบาะมีป้ายพร้อมข้อความแจ้งกับผู้โดยสารว่า

"ผมเป็นมะเร็งกล่องเสียง จึงไม่มีเสียงพูดกับท่าน จะไปไหน…ครับ  อยู่ช่วงไหน…ครับ ซอยเท่าไหร่…ครับ ขึ้นทางด่วนไหม…ครับ


โปรดพูดกับผมเหมือนคนปกตินะครับ หูผมได้ยินครับ ขอบคุณครับ…”

ทั้งนี้มีชาวโลกออนไลน์หลายคนที่เคยใช้บริการของนายเสน่ห์ นั้นระบุว่า นายเสน่ห์ บริการดีมากและสุภาพเรียบร้อย ไม่มีปัญหากับผู้โดยสาร หลายคนชื่นชมที่เป็นคนสู้ชีวิต ไม่ย่อท้อต่อปัญหาสุขภาพ พร้อมทั้งโพสต์ให้กำลังใจนายเสน่ห์ให้มีพลังต่อสู้กับโรคร้ายนี้อย่างถึง
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  

โรงพักกะทู้อ่วมรอบ3น้ำท่วมรถของกลางกว่า100คัน เมื่อ 25 ส.ค.57



โรงพักกะทู้อ่วมรอบ3น้ำท่วมรถของกลางกว่า100คัน
 
เกิดฝนตกหนักในพื้นที่เทศบาลเมืองป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ทำให้โรงพักกะทู้ถูกน้ำไหลเข้าท่วมเป็นครั้งที่ 3 ในรอบเดือน ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ส่งผลให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลางนับร้อยคันได้รับความเสียหาย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่25 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่เทศบาลเมืองป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต 


เป็นเวลาประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังสูงหลายแห่ง โดยเฉพาะที่บริเวณถนนผังเมืองสายก. ถนนราษฎร์อุทิศ200ปี ชุมชนนาใน รวมทั้งถนนพระภูเก็ตแก้ว ระดับน้ำสูง 30-50 ซม. การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ขณะที่ในส่วนของสถานีตำรวจภูธรกะทู้ ได้ถูกน้ำจากคลองวังขี้อ้อนไหลทะลักเข้าท่วมขังสูงกว่า1เมตร นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบเดือน ส.ค. ที่สถานีตำรวจภูธรกะทู้ ถูกน้ำท่วม

 ซึ่งระดับน้ำในครั้งนี้ สูงกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา ทำให้มีรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของกลางกว่า 100 คัน 

ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย ส่วนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงเอกสารทางราชการต่างๆ ไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายออกไปได้ทัน อย่างไรก็ตามตอนนี้ระดับได้ได้เริ่มลดระดับลงแล้ว หากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำ คาดว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในค่ำวันนี้.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

"สนธิ" ออกคุกแล้ว เผยงานราชทัณฑ์เหมือนตกนรก เมื่อ 25 ส.ค.57



"สนธิ" ออกคุกแล้ว เผยงานราชทัณฑ์เหมือนตกนรก
 
เรือนจำปล่อยตัว “สนธิ ลิ้มทองกุล” สู่อิสรภาพแล้ว แนวร่วมพันธมิตรและครอบครัว แห่ต้อนรับอย่างอบอุ่นเจ้าตัวบอกมีความสุขเหมือนเปลี่ยนที่นอน ระบุได้เรียนรู้เยอะ จวกปัญหาไม่ได้แก้ที่คุก ต้องแก้ที่ รัฐ-ตำรวจ ชี้อาชีพเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เหมือนตกนรกทั้งเป็น

จากกรณีพนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากรเป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ 
และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมพวกรวม 4 ราย  ที่เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นั้น โดยถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินให้มีความผิดรวม 17 กระทงลงโทษ กระทงละ 5 ปี รวม 85 ปี แต่ให้รับโทษสูงสุด 20 ปี นายสนธิและพวกถูกจำคุกตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งวันนี้ (25 ส.ค.) ศาลฎีกาอนุญาตให้ประกันตัวพร้อมปล่อยตัวชั่วคราว นายสนธิ และพวกอีก 2คน โดยให้ใช้หลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจากเดิม 10 ล้าน เป็นคนละ12 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำหมายปล่อยตัวจากศาลฎีกามามอบให้กรมราชทัณฑ์ 
โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้นายสนธิทราบ พร้อมกับอนุญาตให้เก็บของใช้ส่วนตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเตรียมตัวออกจากเรือนจำ กระทั่งเวลา 22.15 น. นายสนธิ ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำครองเปรม โดยสวมเสื้อโปโลสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ เดินออกมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นของญาติและบรรดาคนสนิท
โดย นายสนธิ เปิดเผยความรู้สึกว่า ที่สื่อมาถามว่าตนรู้สึกยังไงหลังปล่อยตัวนั้น อยากบอกว่าคุณตลกหรือเปล่า 
มันต้องดีใจซิที่ได้กลับบ้าน ส่วนเรื่องทิศทางของเอเอสทีวีจะเป็นไงต่อหลัง คสช.อนุญาตให้ออกอากาศได้แล้วนั้น ตนไม่ทราบ ต้องไปถามคนที่ทำเอเอสทีวี ตนมีความสุขดีอยู่ในเรือนจำ เหมือนเปลี่ยนที่นอน เจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลดี ห่วงกันแค่ว่าจะมีการว่าจ้างใครมาทำร้ายตนหรือเปล่า จากที่อยู่ 19 วัน ได้เรียนรู้ชีวิตคนเยอะมาก เรียนรู้ว่าปัญหาไม่ใช่แก้ที่คุก ต้องแก้ที่ต้นน้ำอย่างรัฐบาลอย่างตำรวจ
ทนายความบางคนได้รับค่าจ้างแค่พันบาท ให้มาว่าความก็สั่งให้ลูกความรับสารภาพไป เพื่อที่คดีจะได้จบแล้วก็ได้เงินไปโดยที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย
เพราะความยุติธรรมชั้นต้นยังไม่มี สิ่งที่ได้รู้ต่อมาคือเมื่อคนสร้างปัญหาขึ้นมา ตำรวจสร้างปัญหาขึ้นมา รัฐบาลสร้างปัญหาขึ้นมา ก็จะจับคนมาไว้ในคุก แล้วบอกให้สร้างคุกเพิ่ม ผู้ต้องหา 2.9 แสนคน แต่เจ้าหน้าที่ 1,000 กว่าคน แถมเงินเดือนต่ำ ชีวิตส่วนตัวไม่มีเลยต้องเข้าเวรตลอด เพิ่งรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในกรมราชทัณฑ์คือการตกนรก  อยากให้รู้ว่ากรมราชทัณฑ์เป็นหน่วยงานที่ถูกละเลยมากเมื่อเทียบกับที่อื่น. 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

แชร์ว่อน ทหารบุกโรงพักทวงเงินจาก ตร.ให้นักท่องเที่ยว เมื่อ 25 ส.ค.57



แชร์ว่อน ทหารบุกโรงพักทวงเงินจาก ตร.ให้นักท่องเที่ยว
 

วานนี้ (24 ส.ค.) ในสังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ ราตรี แมงกาเบี้ย ซึ่งโพสต์ภาพทหารและบรรยายเหตุการณ์ว่า ทหารบุกโรงพัก เพื่อเข้าไปไกล่เกลี่ยกับตำรวจหลังตั้งด่านตรวจและเรียกปรับนักท่องเที่ยวเป็นเงินถึง 2,000 บาท ซึ่งภาพดังกล่าวสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างมาก
ผู้โพสต์ภาพได้ระบุข้อความบรรยายภาพอย่างละเอียดว่า ชุดเคลื่อนที่เร็วร้อย.รส. 3 พลพัฒนา 1 (พันพัฒนา 1) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากสมุทรสาครว่า ขณะเดินทางผ่าน อ.บางแพ จ.ราชบุรี ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแพ ตั้งด่านตรวจรีดไถเงินจำนวน 2,000 บาท ข้อหาไม่พกบัตรประชาชน จึงมาแจ้งที่จุดตรวจ ปตท.เขต 5 ชุดเคลื่อนที่เร็ว จึงได้พานักท่องเที่ยวไปไกล่เกลี่ยที่ สภ.บางแพ และเรียกเจ้าหน้าที่ คนที่ได้กระทำเกินหน้าที่มาว่ากล่าวตักเตือน และคืนเงินให้นักท่องเที่ยว 2,000 บาท และค่าทำขวัญอีก 2,000 บาท รวม 4,000 บาท และขอโทษนักท่องเที่ยว
ล่าสุด พ.ต.อ.ชวลิต สุขสุวรรณ ผกก.สภ.บ้านแพ กล่าวว่า เรื่องที่ถูกแชร์ภาพออกไปเป็นเรื่องจริง หลังเกิดเรื่องได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว พร้อมกับสั่งตำรวจที่เกี่ยวข้องย้ายไปช่วยราชการที่อื่นก่อน เพื่อความโปร่งใสในการสอบสวน โดยการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวถือว่า เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะข้อหาไม่พกบัตรประชาชน มีฐานปรับเพียง 200 บาทเท่านั้น

ลืออาถรรพ์เลข 13 กระบะชนประสานงาดับ 5 ศพ เมื่อ 25 ส.ค.57



ลืออาถรรพ์เลข 13 กระบะชนประสานงาดับ 5 ศพ
 
ชาวบ้านวิจารณ์ อาถรรพ์เลข 13 กระบะ 2 คัน เลขทะเบียนรวมกันได้ 13 ปะทะดับ 5 ศพ สาหัส 4 ราย
จากกรณีเกิดเหตุสยอง รถกระบะซิ่งแหกโค้ง ชนรถกระบะบรรทุกน้ำมันปาล์ม ที่ อ.ศรีวิลัย จ.บึงกาฬ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ 5 ศพ และสาหัสอีก 4 ราย โดยรถที่เกิดเหตุเป็นรถกระบะ TOYOTA วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน กฉ 1642 สกลนคร ชนประสานงากับกระบะอีกคัน หมายเลขทะเบียน บค 2461 บึงกาฬ ที่ถนนนาแสง - ดงเกษตร อ.ศรีวิลัย จ.บึงกาฬ จากอุบัติเหตุดังกล่าว เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากผู้พบเห็น เนื่องจากรถกระบะ ทั้ง 2 คัน ที่ประสบอุบัติเหตุชนกัน มีเลขทะเบียนที่รวมกันแล้วได้เลข 13 ชึ่งเป็นเลขอาถรรพ์ จนบางประเทศ ไม่มีการนำเลขดังกล่าวนำมาใช้ ส่วนสาเหตุที่แท้จริง เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

รุดช่วย ด.ญ.3ขวบ พ่อแม่ทะเลาะกันแล้วมาลงที่ลูก เมื่อ 25 ส.ค.57



รุดช่วย ด.ญ.3ขวบ พ่อแม่ทะเลาะกันแล้วมาลงที่ลูก
 

รุดช่วยด.ญ.3ขวบ ถูกพ่อแม่วัยรุ่นทะเลาะกันแล้วมาลงที่ลูก ทั้งเข็มขัดฟาด จับทุ่ม ใช้บุหรี่จี้ 


พยานเผยพ่อเป็นสัปเหร่อที่วัดดังย่านพระโขนง มีเรื่องทะเลาะตบตีกับเมียทุกคืนจนเป็นระอาของเพื่อนร่วมตึก ตำรวจเร่งนำตัวเด็กหญิงรักษาที่โรงพยาบาล พร้อมแจ้งศูนย์ประชาบดีรับตัวไปดูแล และเร่งตามตัวพ่อแม่วัยโจ๋รายนี้มาสอบปากคำ

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 25 ส.ค. ร.ต.ท.ศิวนัส สุวรพันธ์ พงส.สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุมีเด็กถูกทำร้ายร่างกาย ภายในยุพินอพาร์ตเม้นต์ ซ.ปรีดีพนมยงค์ 15 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุอาคารสูง 5 ชั้น บริเวณหน้าห้องเช่าหมายเลขที่ 2 ซึ่งอยู่ชั้นล่าง เจ้าหน้าที่พบเด็กหญิงอายุ 3 ขวบ ยืนร้องขอความช่วยเหลืออยู่ โดยตามร่างกายพบบาดแผลเป็นรอยฟกช้ำทั่วร่าง บริเวณริมฝีปากด้านซ้าย แขนซ้าย และขาทั้ง 2 ข้าง มีรอยไหม้คล้ายถูกบุหรี่จี้รวม 4 แห่ง โดยเด็กคนดังกล่าวร้องให้เจ้าหน้าที่พาไปหาพ่ออยู่ตลอดเวลา

สอบสวนนายนิรุทธ์ ทิปมะณี ผู้ดูแลอาคารดังกล่าวทราบว่า ที่ห้องพักดังกล่าวมีสามีภรรยาอายุเพียง 18 ปี ทั้งคู่มาอาศัยอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน โดยฝ่ายชายมีอาชีพอาชีพเป็นสัปเหร่ออยู่ที่วัดธาตุทอง โดยทั้งคู่จะออกจากห้องพักไปในช่วงเช้า ก่อนกลับเข้ามาในช่วงค่ำ และมักจะมีเรื่องทะเลาะตบตีกันในช่วงเวลากลางดึกแทบทุกคืน จนเป็นที่รำคาญของเพื่อนข้างห้อง
นายนิรุทธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยรู้ว่าทั้งคู่มีลูกสาววัย 3 ขวบอาศัยอยู่ด้วย กระทั่งช่วงเย็นที่ผ่านมา เด็กหญิงคนดังกล่าวเปิดประตูห้องออกมาก็ต้องตกใจ เพราะเห็นร่างกายเด็กโดนทำร้ายทั้งตัว โดยเด็กร้องขอให้พาไปหาพ่อ แต่ไม่กล้าพาไปเพราะกลัวว่าอาจเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงตัดสินใจแจ้งให้เจ้าหหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว

เบื้องต้นเด็กหญิงคนดังกล่าวเล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า ถูกพ่อตีด้วยเข็มขัด และถูกจับตัวทุ่มกับพื้นด้วย จึงพาเด็กหญิงไปตรวจร่างกายและรักษาบาดแผลที่ ร.พ.ตำรวจ ก่อนประสานศูนย์ประชาบดีมารับตัวไปดูแล และส่งกำลังอีกส่วนหนึ่งออกติดตามพ่อและแม่ของหนูน้อยมาสอบปากคำถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ค้นวัดดัง อ.ศรีราชาพบยาบ้าอาวุธปืนจำนวนมาก เมื่อ 25 ส.ค.57



ค้นวัดดัง อ.ศรีราชาพบยาบ้าอาวุธปืนจำนวนมาก
 
สนธิกำลังตรวจค้นวัดดังอำเภอศรีราชา พบยาบ้าและอาวุธปืนจำนวนมาก หลังชาวบ้านร้องเรียน
นายภัควัต ขันธหิรัญ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จ.ส.อ.วิมล แรกเลี่ยง ทหารจากกองพันทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ และ พ.ต.ท.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ่อวิน สนธิกำลังบุกตรวจค้น วัดห้วยปราบ หมู่ 3 ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี หลังจากมีชาวบ้านทำหนังสือร้องเรียนไปยัง นายวิชัย สัมพันธรัตน์ นายอำเภอศรีราชา ว่า วัดดังกล่าวมีการมั่วสุ่มเสพยาบ้า ทางนายอำเภอจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่มาทำการตรวจค้นขณะเจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าตรวจค้นนั้นพระครูไพศาล สันติธรรม เจ้าอาวาส ได้ติดกิจนิมนต์อยู่จังหวัดราชบุรี โดยวัดดังกล่าวมีพระและเณรรวมกัน 21 รูป จึงได้ทำการตรวจปัสสาวะเพื่อหารสารเสพติดพบ 2 รายคือ นายสิทธศักดิ์ ศรีบุญ คนขับรถวัด และ พระยุทธนา พร้อมของกลาง ยาบ้า 5 เม็ด ค้นตามห้องต่างเจออาวุธมีด 14 เล่ม ปืนบีบีกันหลายกระบอกและอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาด .38 และปืนยาวขนาด .22 พร้อมเครื่องกระสุน .45 รวม 14 นัด กระสุน .38 รวม 4 นัด นอกจากนี้ ยังพบอุปกรณ์ในการเสพยาซุกซ่อนในห้องใต้ดินของวัด และพบดีวีดีลามกจำนวนหนึ่ง ซึ่งแขวนไว้ในย่ามซึ่งอยู่ในใต้ดินเช่นกัน ทั้งนี้ เนื่องจากกลางคืนมีกลุ่มวัยรุ่นเข้ามามั่วสุมภายในวัดและบางครั้งมีการลักลอบเล่นการพนันด้วย จนชาวบ้านในละแวกนั้น ทนไม่ได้แจ้งทาง อำเภอศรีราชาเข้าตรวจสอบจนมาพบของกลางดังกล่าว
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

มาอีกแล้ว !! ปภ. ระวังน้ำท่วมฉับพลัน เมื่อ 25 ส.ค.57



มาอีกแล้ว !! ปภ. ระวังน้ำท่วมฉับพลัน
 
ปภ. เตือนร่องมรสุมกำลังแรงขึ้น อาจทำให้ฝนตกหนักขึ้นระหว่าง 26-30 ส.ค. ขอ ปชช.ระวังน้ำท่วมฉับพลันในหลาย พื้นที่
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับ
กรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าร่องมรสุมพาดผ่านประเทศพม่าตอนบน ประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 26 - 30 สิงหาคม 2557
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสาน 29 จังหวัด แยกเป็นภาคเหนือ 13 จังหวัด ได้แก่ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน เชียงราย พะเยา แพร่ และ น่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 16 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด นครพนม มุกดาหาร สกลนคร หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร และ ศรีสะเกษ
อย่างไรก็ตาม ปภ. ในเขตพื้นที่เสี่ยงภัย ได้จัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยง ให้พร้อม
ปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเฉพาะที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ที่ลาดเชิงเขา จุดอ่อนน้ำท่วมขัง พร้อม
ตรวจสอบเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ คันกั้นน้ำ ให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง รวมถึงปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด
และหมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ จะได้อพยพหนีภัยทันท่วงที
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

สลด ด.ช. 5 ขวบชาวฝรั่งเศส เล่นน้ำเกาะพงันโดนพิษแมงกระพรุนดับ เมื่อ 25 ส.ค.57



สลด ด.ช. 5 ขวบชาวฝรั่งเศส เล่นน้ำเกาะพงันโดนพิษแมงกระพรุนดับ
 

สลดเด็กชาย 5 ขวบชาวฝรั่งเศส ลงเล่นน้ำทะเลเกาะพงันเจอพิษแมงกระพรุนดับ
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม น.พ.ยงยศ ธรรมวุฒิ นายแพทย์สาธารณสุข จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.เกาะพะงัน ว่า เมื่อวันที่ 23 ส.ค.57 ได้เกิดเหตุนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสชื่อ ด.ช. แมกซ์ มาร์ค ซาอิด มูเดีย (MAX  MARA SAID MOUDIR) อายุ 5 ขวบ ถูกพิษกะพรุนเสียชีวิต ขณะลงเล่นน้ำกับครอบครัวที่บริเวณหาดขวด บ้านโฉลกหลำ หมู่ที่ 7 ต.เกาะพะงัน
น.พ.ยงยศ กล่าวว่า  ระหว่างลงเล่นน้ำความสูงประมาณ 20 เซนติเมตร ด.ช.แมกซ์ ถูกฝูงแมงกะพรุนเข้ามาห้อมล้อม และหมดสติทันที ซึ่งผู้ปกครองพร้อมด้วยไกด์นำเที่ยวได้พยายามนำตัวส่งโรงพยาบาลเกาะพะงัน เพื่อช่วยชีวิตแต่ไม่สำเร็จคาดว่าจะเสียชีวิตทันทีที่ถูกพิษแมงกะพรุนโดยที่ขามีรอยถูกแมงกะพรุน

“เบื้องต้น ทราบว่า แมงกะพรุนที่พบที่หาดขวดเป็นแมงกะพรุนกล่อง(box jelly fish) ซึ่งเป็นแมงกะพรุนชนิดที่มีพิษรุนแรง เมื่อถูกพิษที่บริเวณผิวหนังในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงถ้าปฐมพยาบาลไม่ทันจะทำให้เกิดอาการช๊อคและเสียชีวิตได้ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ส่งเจ้าหน้าที่งานควบคุมโรค สนง.สาธารณสุข จ.สุราษฎร์ธานี ลงไปตรวจสอบจะได้หาทางป้องกันและประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการบริเวณหน้าหาดเตือนนักท่องเที่ยวที่จะลงเล่นน้ำ” นพ.ยงยศกล่าว

นพ.ยงยศ  กล่าวและว่า สำหรับการแก้พิษแมงกะพรุนเบื้องต้นให้ใช้น้ำส้มสายชูราดลงไปในบริเวณที่ถูกพิษ ซึ่งน้ำส้มสายชูจะมีสรรพคุณในการช่วยล้างพิษและบรรเทาอาการแพ้ จึงขอความร่วมมือไปยังสถานประกอบการที่อยู่หน้าหาดได้เตรียมน้ำส้มสายชูในการช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นกรณีนักท่องเที่ยวถูกพิษแมงกะพรุนกล่องไว้ด้วย

นางธันยพร  อจลวิชกุล นักวิชาการประมงชำนาญการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง เปิดเผยว่า แมงกะพรุนกล่อง ถูกเรียกว่า ตัวต่อทะเลหรือ นักพ่นพิษแห่งท้องทะเล อาศัยอยู่ในน้ำตามแนวชายฝั่งออสเตรเลียตอนเหนือและทั่วอินโดแปซิฟิก ปัจจุบันแพร่กระจายมาทางฝั่งเอเชียจนถึงประเทศไทย ปัจจุบันพบได้ในพื้นที่ทั้งที่ เกาะลันตา  , อ่าวโล๊ะซามะ อ่าวพีพี อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ และอ่าวน้ำบ่อ จ.ภูเก็ต , หาดชะอำ จ.เพชรบุรี  รวมถึงพื้นที่เกาะเต่า เกาะสมุย และเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี โดยเข้าสู่พื้นที่ชายฝั่งด้วยกระแสน้ำ

“สำหรับแมงกะพรุนกล่องจะมีสีฟ้าอ่อนโปร่งใส และได้ชื่อนี้มาจากรูปร่างที่เหมือนลูกบาศก์บางชนิดมีหนวดมากถึง 15 เส้นจากมุมช่วงตัวและสามารถยืดยาวได้ถึง 10 ฟุต หรือ 3 เมตร  หนวดแต่ละเส้นมีเซลล์พิษอยู่ประมาณ 5,000 เซลล์ ซึ่งไม่ได้ถูกกระตุ้นโดยการสัมผัส แต่จะถูกกระตุ้นโดยการพบสารเคมีจากชั้นผิวภาพนอกของเหยื่อโดยจะสร้างพิษเพื่อให้เหยื่อ เช่น ปลา หรือ กุ้ง หมดสติหรือเสียชีวิตทันที ” นางธันยพร  กล่าว

นางธันยพร  กล่าวด้วยว่า พิษของแมงกะพรุนกล่อง ถือว่าเป็น 1 ในพิษที่เป็นอันตรายที่สุดในโลกซึ่งมีพิษในการโจมตีหัวใจ ระบบประสาท และเซลล์ผิวหนังจะสร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ซึ่งเมื่อถูกพิษจะเกิดอาการช็อกและจมน้ำหรือเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว ผู้รอดชีวิตจะมีอาการเจ็บปวดอยู่หลายสัปดาห์และมักจะมีความหวาดผวาอย่างมากในบริเวณที่สัมผัสกับหนวดแมงกะพรุนชนิดนี้  แต่ถ้าโดนพิษยังมีโอกาสจะรอด โดยรีบนำน้ำส้มสายชูมาล้างอย่างน้อย 30 วินาที เพราะจะทำลายพิษก่อนจะเข้าไปสู่กระแสเลือด

ด้านนายกษิดิ์เดช  ทองชู ปลัดอาวุโส รักษาราชการแทน นอภ.เกาะพะงัน กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าช่วงนี้บริเวณพื้นที่ทะเลและชายหาดเกาะพะงันเริ่มพบแมงกะพรุนลอยเข้ามาใกล้กับจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมลงเล่นน้ำซึ่งอาจจะก่อเกิดอันตรายได้ ทางอำเภอได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและโรงแรมที่พักอยู่บริเวณหน้าชายหาด ได้ปิดป้ายประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำให้ระมัดระวังแมงกะพรุน

“โดยเฉพาะบริเวณหาดขวด ซึ่งเป็นจุดที่เด็กชาวฝรั่งเศสเสียชีวิตนั้น เป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเล่นน้ำและดำน้ำดูปะการัง จึงขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการได้มีการเตือน พร้อมกับจัดเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้ให้พร้อมด้วย ” นายกษิดิ์เดช กล่าว

ข่าวแจ้งว่า นายการิม มูเดีย และนางเฌอซอง แพททีค์เซีย มิชเชล โอเด็ต (Jauzion Patrica Michele Odette) บิดาและมารดา ด.ช. แมกซ์ ไม่ติดใจเหตุและประสงค์นำศพกลับยังประเทศฝรั่งเศส เบื้องต้นได้ฝากศพเก็บไว้ที่มูลนิธิศรัทธาธรรม อ.เกาะพะงัน เพื่อรอประสานการนำศพกลับ โดย ร.ต.ท. แสงโรจน์ สมโรจน์รัตน์ ร้อยเวร สภ.เกาะพะงัน จึงได้ดำเนินการรายงานสถานเอกอัตรฑูตฝรั่งเศส ตามขั้นตอนต่อไป 
ขอบคุณภาพข่าวจาก : มติชน

สุดรันทด! ยายหอบหลานลูกครึ่งร้องปวีณาช่วยตามหาพ่อแม่ เมื่อ 25 ส.ค.57



สุดรันทด! ยายหอบหลานลูกครึ่งร้องปวีณาช่วยตามหาพ่อแม่
 

น.ส.ธันยาภัทร์ ฐานุวีระกาญจน์ เจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน เขต 11 ลาดกระบัง ได้พานางสนั่น ชะทุมรัมย์ และหลานอีก 3 คน เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน อายุ 5 ขวบ, อายุ 4 ขวบ และอายุ 2 ขวบ เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ติดตามหาบิดาสัญชาติอเมริกัน และมารดาสัญชาติไทย

น.ส.ธันยาภัทร์ กล่าวว่า เด็ก 3 คน อาศัยอยู่กับยายและตาแท้ๆ ในชุมชนเคหะร่มเกล้า ส่วนพ่อชาวอเมริกันและแม่แท้ๆ ของเด็กได้ทอดทิ้งไป ส่วนตามีรายได้เพียงคนเดียวจากรับจ้างรายวันไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนยายไม่ได้ประกอบอาชีพ เพราะต้องดูแลหลานทั้ง 3 คน เมื่อหลานอายุถึงเกณฑ์เข้าเรียนก็พยายามติดต่อพ่อของเด็ก เพื่อขอให้ช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียน แต่พ่อเด็กไม่สนใจ ไม่รับผิดชอบ แต่เด็กคนโตปัจจุบัน อายุ 5 ขวบ มีพาสปอร์ต และได้รับการช่วยเงินจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ปีละ 100,000 บาท เมื่อถึงเวลาพ่อเด็กก็จะมาติดต่อ และรับบุตรชายคนโตไปที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทย เพื่อรับเงินแต่ไม่เคยแบ่งให้เลยแม้แต่บาทเดียว และทั้ง 3 คน ยังป่วยเป็นโรค มือเท้าปาก อีกด้วย

ด้าน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า จะเร่งนำตัวเด็กทั้ง 3 คน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเด็กอย่างเร่งด่วน และจะทำประสานกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อประสานด้านนมให้กับเด็กทั้ง 3 คน จากนั้นก็จะประสานกับ สถานทูตสหรัฐอเมริกา เพื่อขอให้ช่วยเหลือติดตามบิดาของเด็กทั้ง 3 คนต่อไป

“หม่อมโจ้” โพสต์เฟซบุ๊ก อัดยับ "คสช." จับคนเรียกร้องเรื่องพลังงาน! เมื่อ 25 ส.ค.57



“หม่อมโจ้” โพสต์เฟซบุ๊ก อัดยับ "คสช." จับคนเรียกร้องเรื่องพลังงาน!
 

“หม่อมโจ้” โพสต์เฟซบุ๊ก อัดยับ "คสช." จับคนเรียกร้องเรื่องพลังงาน!

“ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร” โฟสต์เฟซบุ๊กฉะ คสช.จับกลุ่มเรียกร้องเรื่องพลังงาน ชี้การยึดอำนาจเพื่อปัองกันความรุนแรง ไม่ใช่ใบอนุญาตให้ยักยอกสาธารณสมบัติชาติ ขอให้หยุดแถ ระบุใครยักยอกท่อก๊าซ คือการปล้นอธิปไตยทางเศรษฐศาสตร์ 

 ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร หรือ “หม่อมโจ้” บุตรชาย ม.ร.ว.เกียรติคุณ กิติยากร กับอาภัสรา หงสกุล อดีตนางงามจักรวาล ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเพจชื่อ “ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร” เกี่ยวกับ คสช.ที่ดำเนินการจับกุมกลุ่มผู้เรียกร้องเรื่องพลังงาน ดยระบุว่าไม่ควรปิดหูปิดตาประชาชน อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน จึงควรพูดและรับฟังได้อย่างเสมอภาค ยกเว้นอธิปไตยจะเป็นของ คสช. กับกลุ่มทุนเท่านั้น
       
 ม.ล.รุ่งคุณระบุว่า การยึดอำนาจการบริหารประเทศนั้นเพื่อป้องกันความรุนแรงจลาจล ไม่ใช่ใบอนุญาตให้ คสช.ยักยอกสาธารณสมบัติของชาติ ของประชาชน โดยไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลที่สั่งให้คืนประชาชน แต่ยังไม่มีการดำเนินการ ถือเป็นการปล้นอธิปไตยทางเศรษฐศาสตร์
       
 “มาร่วมกับโจร ยักยอกท่อให้เอกชน ยังจะมาด้าน แถว่าคนอื่นบิดเบือน ผู้ใดร่วมปล้นกับโจร ผู้นั้นก็คือโจรการยักยอกท่อก๊าซ คือการปล้นอธิปไตยทางเศรษฐศาสตร์ ผู้ใดขายให้ประชาชนเป็นทาส ขายชาติให้เป็นอาณานิคมของนายทุน ผู้นั้นคือศัตรูของชาติ ศัตรูของประชาชน ท่อก๊าซธรรมชาติยังเป็นของรัฐทั้ง 100% จะต้องมาโอนให้เอกชนทำไม แล้วบอกว่าจะโอนกลับ อ่านให้ดี เลิกแถข้างๆ คูๆ และเลือกเอาว่าตัวเองจะเป็นอะไร”
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

จับ อ.มหาวิทยาลัย ลวงเหยื่อถ่ายหวิว ก่อนแชร์รูปว่อนเน็ตแลกหลับนอน เมื่อ 25 ส.ค.57



จับ อ.มหาวิทยาลัย ลวงเหยื่อถ่ายหวิว ก่อนแชร์รูปว่อนเน็ตแลกหลับนอน
 
จับ อ.มหาวิทยาลัย ใช้แอพฯ Beetalk ลวงเหยื่อถ่ายหวิว ก่อนหักหลังแชร์รูปว่อนเน็ตแลกหลับนอน
วันที่ 25 สิงหาคม 2557 เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า พ.ต.อ.พศวีร์ โชติเทียนชัยวัต รอง ผบก.ภ.จว.พะเยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สว่างวิทย์ สุทธหลวง ผกก.สภ.เมืองพะเยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและทหาร ร่วมกันแถลงการจับกุม นายสินชัย กิมเซียะ หรือ เก่ง อายุ 37 ปี ชาว ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยของกลางเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ณ ห้องประชุม สภ.เมืองพะเยา

สืบเนื่องจาก ระหว่างเดือนกรกฎาคม-เดือนสิงหาคม 2557 พ.ต.ท.กฤตภาส ตาลาน พงส.ผนพ.สภ.เมืองพะเยา ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่ามีมิจฉาชีพหลอกลวงนักเรียน/นักศึกษาผู้หญิงในพื้นที่ทางโซเชียลมิเดีย ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกติดตามและสืบทราบว่ามีมิจฉาชีพหลอกลวงนักเรียน นักศึกษาสาวอยู่จริง โดยให้ถ่ายรูปส่งทางโซเชียลมิเดีย โดยจะมีค่าตอบแทนอย่างงาม 

จากนั้นมิจฉาชีพจะใช้รูปที่เหยื่อส่งไปให้นำมาหักหลัง ซึ่งมีผู้เสียหายในพื้นที่จังหวัดพะเยาไม่น้อยกว่า 10 ราย โดยนายสินชัย หรือ เก่ง จะใช้โปรแกรมบีทอล์ค (BEE TALK) ค้นหาเหยื่อเมื่อพบเหยื่อที่สนใจจะเข้าไปแนะนำตัวทำความรู้จักและสนทนาด้วยจนเหยื่อเกิดความเชื่อใจในระดับหนึ่ง จากนั้นจะขอไอดีไลน์และเบอร์โทรศัพท์จากเหยื่อ ซึ่งให้เหตุผลเป็นข้ออ้างว่าติดต่อได้สะดวกกว่า เมื่อเหยื่อเชื่อใจและวางใจนายเก่งก็จะขอให้ถ่ายรูปส่งให้ ช่วงแรกจะเป็นรูปปกติทั่วไป เมื่อคุ้นเคยมากขึ้นก็จะขอให้ส่งรูปถ่ายวาบหวิว โดยใช้เงินเป็นสิ่งจูงใจจำนวน 150,000 บาท ครั้งแรกก็ให้เปิดเพียงเล็กน้อย ครั้งถัดไปก็ขอให้เปิดมากขึ้นเรื่อยๆ อ้างว่ายังเปิดไม่มากพอ และหากไม่ทำตามจะไม่ยอมโอนเงินให้

ต่อมาเมื่อนายเก่งได้ภาพจากเหยื่อมาแล้วจะนำรูปที่ได้ไปทำการหักหลังเหยื่อโดยการนำรูปของเหยื่อแชร์ไปตามโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ หรือในเวปไซต์ของสถาบันการศึกษาที่เหยื่อเรียนหรือศึกษาอยู่ เมื่อเหยื่อกลัวก็ต้องยอมไปหลับนอนกับมิจฉาชีพรายนี้ เหยื่อบางรายเครียดจนไม่มีสมาธิเรียนหนังสือ 

ขณะนี้ มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดแล้ว 5 ราย และจะมีแจ้งความเพิ่มอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนและวางแผนจับกุม เมื่อได้หลักฐานเพียงพอก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ติดตามจับกุมพร้อมของกลางนำส่ง พงส. เบื้องต้นนายสินชัย ได้รับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นจะเต็มใจไปด้วยก็ตาม
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

คุกบราซิลจลาจล ฆ่าตัดคอเพื่อนนักโทษ จับผู้คุมตัวประกัน !เมื่อ 25 ส.ค.57



คุกบราซิลจลาจล ฆ่าตัดคอเพื่อนนักโทษ จับผู้คุมตัวประกัน !
 

คุกบราซิลจลาจล ฆ่าตัดคอเพื่อนนักโทษ จับผู้คุมตัวประกัน !

 เอเอฟพีรายงานวันที่ 25 ส.ค. ว่า เกิดเหตุจลาจลในเรือนจำประเทศบราซิล นักโทษถูกสังหาร 4 ราย ในจำนวนนี้ 2 รายถูกตัดศีรษะ ส่วนผู้คุม 2 รายถูกจับเป็นตัวประกัน ที่เมืองคาสคาเวล รัฐปารานา ทางตอนใต้ของประเทศ

 นายเอลซอน ฟาซินา โฆษกเจ้าหน้าที่ตุลาการของรัฐ กล่าวว่า การเจรจาเกลี้ยกล่อมดำเนินข้ามวันข้ามคืน นับจากวันอาทิตย์ถึงวันจันทร์ ในขณะที่นักโทษควบคุมพื้นที่ในเรือนจำกว่าร้อยละ 60 ส่วนทางเจ้าหน้าที่รับมือด้วยการตัดน้ำและไฟฟ้า พร้อมนำกำลังมาคุ้มกันไม่ให้จลาจลลุกลามออกไป มีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่อพยพนักโทษ 77 คนที่เป็นเป้าหมายของกลุ่มก่อจลาจลออกไปแล้ว

 "กลุ่มผู้ก่อจลาจลจับนักโทษด้วยกันเป็นตัวประกัน6 ราย สังหารไปแล้ว 4 ราย อีก 2 รายบาดเจ็บ นอกจากนั้นยังควบคุมเจ้าหน้าที่ผู้คุมไว้ 2 ราย เรียกร้องเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ เพราะเรือนจำเป็นอาคารเก่า และพวกเขาต้องการให้นำอาหารเข้าไปได้" นายฟาซินา กล่าว และว่าต้นตอครั้งนี้อาจมีประเด็นการต่อสู้ระหว่างเครือข่ายยาเสพติดในเรือนจำรวมอยู่ด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ชาวเน็ตจวกยับ! คลิป "เที่ยว7-11ไหม" เหตุสร้างมลภาวะ-เกรียนแตก! เมื่อ 25 ส.ค.57



ชาวเน็ตจวกยับ! คลิป "เที่ยว7-11ไหม" เหตุสร้างมลภาวะ-เกรียนแตก!
 
คลิป "เที่ยว 7-11 ไหม" วัยรุ่นอัดคลิปขำ ๆ ขับรถจักรยานยนต์เข้า 7-11 วนรอบทั่วร้าน แต่โดนจวกยับ เกรียนแตก สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น
วันนี้(25 ส.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคลิป "เที่ยว 7-11 ไหม" กำลังเป็นที่วิพากวิจารณ์ในโลกโซเชียลกันอย่างเเพร่หลาย ซึ่งเป็นคลิปวิดิโอวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ซึ่งรวมตัวกันอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ โดยมีเด็กวัยรุ่นชายขับรถจักรยานยนต์จ่ออยู่ประตูทางเข้า ต่อมาเพื่อน ๆ ก็บอกว่ามันไม่กล้า ๆ แค่ทำท่าไปอย่างนั้นแหละ
แต่สุดท้ายวัยรุ่นชายคนนั้น ก็ขับรถจักรยานยนต์เข้าไปในร้านสะดวกซื้อซะอย่างนั้น ท่ามกลางสายตาของลูกค้าคนอื่น ๆ ที่มองอย่างงง ๆ แถมวัยรุ่นคนดังกล่าว ก็ยังขับวนรอบร้านเลยด้วย
งานนี้ ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย ว่าเป็นการกระทำที่เกรียนแตก สร้างมลภาวะและความเดือดร้อนให้คนอื่น เพียงแค่อยากได้คลิปตลก ๆ ไว้ให้เพื่อนดูเท่านั้นเอง

สลด! เด็กหญิงกำพร้า ถูก 5 หื่น ′พ่อเลี้ยง-ข้างบ้าน-พระ′ ข่มขืนกว่า 4 ปี ตั้งท้อง 2 เดือน เมื่อ 25 ส.ค.57



สลด! เด็กหญิงกำพร้า ถูก 5 หื่น ′พ่อเลี้ยง-ข้างบ้าน-พระ′ ข่มขืนกว่า 4 ปี ตั้งท้อง 2 เดือน
 

สลด! เด็กหญิงกำพร้า ถูก 5 หื่น ′พ่อเลี้ยง-ข้างบ้าน-พระ′ ข่มขืนกว่า 4 ปี ตั้งท้อง 2 เดือน


เมื่อเวลา 13.03 น. วันที่ 25 ส.ค. มีรายงานว่า นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 69 ปี อยู่ ต.ร่วมจิต อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ได้พา น.ส.ไก่ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอท่าปลา เข้าพบนายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ห้องทำงาน ชั้น 5 อาคารศูนย์ราชการ จ.อุตรดิตถ์ 

เพื่อ ขอความเป็นธรรมกรณีหลานสาวถูก นายสมศักดิ์ เกตุมีชัย พ่อเลี้ยง, นายซอน เพรชสุวรรณศรี ตาข้างบ้าน, นายจุ๋ม ลุงข้างบ้าน, นายหั้ม น้องชายแม่เลี้ยง, และพระตู่ พระสงฆ์วัดหาดล้าเหนือ ต.ร่วมจิต รุมข่มขืนตั้งแต่อายุ 12 ขวบ จนขณะนี้ตั้งท้องได้ 2 เดือน

ล่า สุด น.ส.ไก่ ได้ออกจากโรงเรียนแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด อุตรดิตถ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ จังหวัดอุตรดิตถ์ เข้าร่วมรับฟังปัญหา

น.ส.ไก่ เล่าว่า พ่อแม่ที่ให้กำเนิดเสียชีวิตไปหมดแล้ว ตอนนี้อาศัยอยู่กับยายเพียง 2 คน

ตอนอายุ 12 ปี ถูกนายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นพ่อลี้ยงบังคับและข่มขู่พยายามข่มขืนหลายครั้ง จากนั้นไม่นาน นายหั้มก็มาข่มขืนและบังคับห้ามบอกใคร ไม่นานนายจุ๋ม และนายซอนก็ร่วมข่มขืน พร้อมขู่ห้ามบอกใคร หากไม่เชื่อฟัง จะทำร้ายร่างกายหรือฆ่าให้ตาย ตลอดเวลากว่า 4 ปี ทั้ง 4 คนก็ร่วมกันข่มขืนเรื่อยมาตลอด บางครั้งก็ใช้วิธีการรุมโทรมพร้อมกัน บางครั้งก็มาคนเดียวทุกคนที่ข่มขืนจะให้เงิน 200 บาท ยายที่อาศัยอยู่ด้วยก็ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่กล้าบอกยาย เพราะเกรงว่าทั้ง 4 คนจะทำร้ายและฆ่า

น.ส.ไก่ เล่าให้ฟังอีกว่า เมื่อไม่นานมานี้ นายตู่ ก่อนบวชเป็นพระสงฆ์และเป็นช่วงก่อนเข้าพรรษา ได้เข้ามาข่มขืนอีกเป็นคนที่ 5
 และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รู้สึกปวดท้องอย่างมาก คนในหมู่บ้านพาไปตรวจที่โรงพยาบาลท่าปลา หมอบอกว่ากำลังตั้งท้องได้ 2 เดือนแล้ว มั่นใจว่าพระตู่เป็นพ่อของลูกในท้อง ล่าสุดทราบว่า พระตู่ถูกตำรวจจับในข้อหาคดีค้ายาบ้าและถูกจับสึกแล้ว และสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองคนหนึ่งใน ต.ร่วมจิต ซึ่งรู้เรื่องที่ตนตั้งท้อง ได้บีบบังคับให้ไปเอาเด็กออก พร้อมให้จบเรื่องกันไป ส่วนลูกในท้องนายตู่จะรับผิดชอบ

ด้าน นางน้อย ซึ่งเป็นยาย กล่าวว่า ไม่เคยทราบเรื่องว่าหลานสาวถูกข่มขืน จนตั้งท้องได้ 2 เดือน ช่วง ค่ำคืนวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองคนหนึ่ง มาหาที่บ้านพร้อมกับเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด และเกลี้ยกล่อมว่า ให้ไปเอาเด็กในท้องหลานออก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ ต.ร่วมจิต เสียหาย เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง และเป็นเรื่องร้ายแรงมากจึงนำตัวหลานสาวมาร้องเรียนกับทางจังหวัดและหน่วย งานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางช่วยเหลือ

นาย สมชัย กล่าวว่า รู้สึกสงสาร น.ส.ไก่ เพราะเด็กน่าจะได้เรียนหนังสือในระดับการศึกษาที่สูง
 กลับถูกผู้ใหญ่ร่วมกันรุมข่มขืนพร้อมข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องนี้ และจะให้การช่วยเหลือดูแลอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ได้กำชับให้ พมจ.และบ้านพักเด็กฯ ดำเนินการอย่างจริงจัง ขอให้สบายใจได้ คนผิดจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ได้กระทำไปอย่างแน่นอน 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เฒ่า75พาสาวเข้าม่านรูดช็อกดับคาเตียง เมื่อ 25 ส.ค.57



เฒ่า75พาสาวเข้าม่านรูดช็อกดับคาเตียง
 

เฒ่าวัย 75 ปี นัดสาวมาเสพสุขในม่านรูดย่านบางปู จ.สมุทรปราการ ก่อนกลายเป็นศพตายเปลือยคาเตียง ด้าน ตร.คาดช็อกหัวใจวายดับ เร่งตามตัวคู่คาที่หลังเกิดเหตุรีบขี่ จยย.เผ่นหนีออกไป

วันที่ 25 ส.ค. พ.ต.ท.สันติ เครือสิงห์ พนักงานสอบสวน สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในโรงแรมบางปูอินน์ เลขที่ 259/1 หมู่ 2 ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน และมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุเป็นโรงแรมม่านรูด ตั้งอยู่ปากทางเข้านิคมอุตสาหกรรมบางปู ภายในห้อง 1 ดี พบศพ นายบุญเชิด (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 75 ปี นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอนในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีแดงปิดท่อนล่างเอาไว้ ตามตัวไม่พบร่องรอยของการถูกทำร้ายคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชม. 

ตรวจสอบในเสื้อผ้าผู้ตายที่แขวนไว้ภายในห้องมีเงินสดจำนวนหนึ่ง และแผงยาไม่ทราบชนิด ลักษณะเป็นแคปซูลสีแดงเหลืองบรรจุอยู่ในแผง 3 เม็ด ถูกกินไปแล้ว 1 เม็ด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการสอบสวนพนักงานโรงแรมทราบว่า ผู้ตายได้นั่งรถแท็กซี่เข้ามาขอเปิดห้องตั้งแต่เช้าหัวค่ำวานนี้ ต่อมาได้มีหญิงสาวขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ทราบทะเบียน ตามเข้าไปในห้องเกิดเหตุ 

จากนั้นประมาณ 3 ชม. หญิงสาวคนดังกล่าวจึงเดินออกมาจากห้องด้วยอาการเร่งรีบ และขี่รถ จยย.ออกไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งหมดเวลาทางพนักงานได้ไปเคะาประตูเรียกผู้ตาย แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงนำกุญแจมาไขเข้าไปตรวจสอบถึงพบว่าเสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า ผู้ตายน่าจะเสียชีวิตเนื่องจากหัวใจวาย อย่างไรก็ตามจะต้องติดตามตัวหญิงสาวที่อยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้ายมาสอบสวนรวมถึงจะนำแผงยาที่พบไปตรวจสอบว่าเป็นยาอะไร เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

'ป๋าเปรม'งดเปิดบ้านวันเกิดครบ94 กลัวเสียเวลา'บิ๊กตู่'ทำงานเพื่อชาติ เมื่อ 25 ส.ค.57



'ป๋าเปรม'งดเปิดบ้านวันเกิดครบ94 กลัวเสียเวลา'บิ๊กตู่'ทำงานเพื่อชาติ
 
25 ส.ค.57 พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ นายทหารคนสนิท เปิดเผยว่า
วันที่ 26 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันเกิดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ จะไม่มีการเปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพื่อให้ ผบ.เหล่าทัพ และคณะบุคคลต่างๆ มาอวยพรวันเกิดที่จะอายุครบ 94 ปี เนื่องจากต้องการความเป็นส่วนตัว
นอกจากนี้ยังเห็นว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีภารกิจที่ต้องทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองมากมาย จึงไม่ต้องการรบกวนเวลาในการปฏิบัติภารกิจที่สำคัญเพื่อชาติ รวมถึง ผบ.เหล่าทัพ คนอื่นๆ ด้วย

ข้อมูล : เฟซบุ๊ค "วาสนา นาน่วม" ผู้สื่อข่าวสายทหาร
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า 

เด็กชายจ.พิษณุโลกโพสต์โซเชียล 'ประกาศรับจ้างตัดหญ้า'แลกเงินค่าขนม เมื่อ 25 ส.ค.57



เด็กชายจ.พิษณุโลกโพสต์โซเชียล 'ประกาศรับจ้างตัดหญ้า'แลกเงินค่าขนม
 
25 ส.ค.57 เยาวชนชาย วัย 17 ปี โพสต์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค ในกลุ่มเพจ “พิษณุโลกบ้านเรา” ว่า

 “รับจ้างตัดหญ้าช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ พื้นที่มากน้อยไม่เกี่ยง รับเหมาในราคา 300 บาท” 
ซึ่งมีผู้ที่สนใจจำนวนมาก จึงได้เดินทางไปพบเยาวชนชาย “น้องมอส” หรือ นายนพรัตน์ รองทอง อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 โรงเรียนจ่านกร้อง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์)  พักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 337/8 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก
 
“น้องมอส” ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวถึงที่มาทีไปของการรับจ้างตัดหญ้าว่า เริ่มจากช่วงปิดเทอมเมื่อปลายปี 2556 ตนได้เข้าไปทำงานร้านเครื่องเสียง

 และได้ค่าแรงวันละ 300 บาท ซึ่งรู้สึกดีกับเงินก้อนแรกที่ได้รับมาจากการทำงานของตัวเอง และรู้สึกเห็นถึงคุณค่าของเงิน และที่สำคัญยังสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้ จากนั้นมาตนจึงเริ่มคิดว่า ช่วงเวลาว่างจากการเรียน ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ น่าจะทำอะไรที่สามารถหาเงินได้ จึงคิดว่าการรับจ้างตัดหญ้าช่วงวันหยุดน่าจะเหมาะที่สุด จึงได้โพสต์ Facebook ในกลุ่ม “พิษณุโลกบ้านเรา” ซึ่งผลตอบรับก็ดีเกินคาด มีผู้อาศัยอยู่ในจังหวัดพิษณุโลกที่พบเห็น เข้ามาสอบถามรายละเอียด และว่าจ้างให้ไปตัดหญ้าจำนวนหลายราย และในวันนี้ก็ได้รับการติดต่อแจ้งมาว่า พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ ต้องการว่าจ้างให้มาตัดหญ้าบริเวณหน้าวิหารหลวงพ่อทองดำ ซึ่งเป็นลูกค้ารายแรกและรู้สึกดีใจมาก และได้รับคำอวยพรจากเจ้าอาวาสยิ่งปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง
 
โดยพระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ บอกว่าได้เห็นความเป็นเด็กดี มุมานะอยากหารายได้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์

 เพื่อแบ่งเบาภาระพ่อ-แม่ จึงอยากช่วยสนับสนุนเยาวชนที่คิดดี ทำดี จึงได้ให้โยมช่วยติดต่อให้มาช่วยตัดหญ้าในบริเวณวิหาร และบริเวณวัด ก่อนจะมอบเงินให้เป็นขวัญถุง พร้อมชื่นชม ที่ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และขอให้เป็นคนดี ตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีของพ่อ-แม่
ด้าน นายมาโนชญ์ ติณสิริสุข รองผู้อำนวยการกลุ่มงานบริหารวิชาการ รองผู้อำนวยการโรงเรียนจ่านกร้อง

 กล่าวเพิ่มเติมว่า “นับเป็นเรื่องที่ดี ที่มีนักเรียนของโรงเรียนเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ก็อยากฝากถึงนักเรียนทุกคนว่า เราต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก”
 
“น้องมอส” ยังบอกว่า เงินที่ได้รับจากการรับจ้างตัดหญ้าจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นทุนการศึกษา อีกส่วนหนึ่งก็จะฝากธนาคารไว้ เผื่ออนาคตมีอะไรฉุกเฉิน จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง และไม่เคยคิดอายใคร เพราะมั่นใจว่าการทำดี ไม่เดือดร้อนคนอื่น ก็เพียงพอแล้ว
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  

แม่ใจร้าย!! ทิ้ง "ลูกสาว" แรกเกิด ไว้ในพงหญ้าที่สิงห์บุรี เมื่อ 25 ส.ค.57



แม่ใจร้าย!! ทิ้ง "ลูกสาว" แรกเกิด ไว้ในพงหญ้าที่สิงห์บุรี
 
 
เมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. วานนี้ (24 ส.ค. 57)  ร.ต.ท.ธีรเดช ดวงรัศมี เจ้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสิงห์บุรี รับแจ้งว่าพบเด็กทารกน้อยแรกเกิด เพศหญิง ถูกนำมาทิ้งไว้ในพงหญ้าข้างรั้วบ้าน หมู่ 4 ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ สภาพเด็กสายสะดือยังไม่ได้ตัด มีบาดแผลเล็กน้อยที่ใต้คิ้วและมดกัดตามตัว  จึงได้เรียกรถฉุกเฉินโรงพยาบาลสิงห์บุรี มารับตัวเด็กทารกไปปฐมพยาบาล เจ้าหน้าที่พยาบาลได้ช่วยกันทำความสะอาดตัดสายสะดือ และฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ร่างกายเด็กแข็งแรงดีหน้าตาน่ารัก  ผิวขาว น้ำหนัก 2,780 กรัม ซึ่งในขั้นตอนต่อไปจะได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับเด็กไปดูแล

นางยุพา กระจ่างจิต อายุ  56 ปี  ผู้ที่เก็บเด็กทารกได้ บอกว่า ลูกสาวได้บอกว่ามีเด็กร้องอยู่ข้างรั้วบ้านจึงลงมาดู สภาพเด็กทารกไม่มีอะไรห่อหุ้มร่างกายจึงได้นำผ้ามาห่มเด็กแล้วรีบโทรแจ้ง ตำรวจ และพร้อมที่จะขอรับอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม 


ร.ต.ท.ธีรเดช สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นวัยรุ่นหญิงตั้งใจนำมาทิ้งในช่วงเช้ามืด และจะทำการติดตามแม่ใจร้ายรายนี้มาดำเนินการต่อไป
 
ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์

ชื่นชม! ความรับผิดชอบ หลังถอยรถชนฝากเบอร์ไว้ให้ผู้เสียโทรกลับ เมื่อ 25 ส.ค.57



ชื่นชม! ความรับผิดชอบ หลังถอยรถชนฝากเบอร์ไว้ให้ผู้เสียโทรกลับ
 
ชาวเน็ตชื่นชมชายหญิงวัยทำงานคู่หนึ่งที่มีความรับผิดชอบ หลังถอยรถชน โดยได้เขียนเบอร์โทรให้ผู้เสียหายติดต่อกลับ
ขณะนี้ในพันทิปได้มีการชื่นชมชายหญิงวัยทำงานคู่หนึ่งที่มีความรับผิดชอบ หลังถอยรถชน โดยได้เขียนเบอร์โทรให้ผู้เสียหายติดต่อกลับ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้บอกเล่าโดยคุณ Leicester สมาชิกพันทิป ระบุว่า วันนี้เจอเหตุการณ์ดีๆด้วยล่ะครับ กลับมาที่ลานจอดรถหลังจากวิ่งออกกำลังกายที่เกาะลำพู(สุราษฎร์ธานี) มาเจอโน๊ตแปะอยู่หน้ารถ บอกให้ติดต่อกลับเนื่องจากเค้าถอยรถไปชนรถเรา สุดท้ายได้เจอเป็นชายหญิงวัยทำงานคู่หนึ่ง เขาเข้ามาขอโทษที่ถอยชนและเรียกประกันมาเคลมให้เรียบร้อย ซึ่งจริงๆถอยชนรถที่อยู่ในลานจอดแบบนี้ขับพ้นไปส่ะก็ไม่รู้ว่าใครชนแล้ว แต่นี่อุสาห์รอรับผิดชอบ เขาบอกมาคำนึงว่า "ใจเขาใจเรา เขาถอยชนแล้ว เขาก็รับผิดชอบ"

อย่างไรก็ตามหลังจากเรื่องดังกล่าวถูกแชร์ออกไปมีคนเข้ามาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ชื่นชมความรับผิดชอบของ 2 คนนี้
ขอบคุณ voicetv

"แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเเซ่บ" แจง!!อย่าตัดสินคนที่ภายนอกและอย่ามองเเค่นม! เมื่อ 25 ส.ค.57



"แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเเซ่บ" แจง!!อย่าตัดสินคนที่ภายนอกและอย่ามองเเค่นม!
 
แม่ค้าแซ่บร้านก๋วยเตี๋ยว ย่านเพชรบุรี เมินคำวิจารณ์บอกแค่คนทำมาหากิน อย่ามองแค่นม
ร้านก๋วยเตี๋ยวแม่ค้าแซ่บ ย่านเพชรบุรี ที่โด่งดังในโลกออนไลน์จนชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างนานาหลังมีภาพของสาวเจ้าของร้านแต่งตัวแซ่บเดินเสิร์ฟพบปะลูกค้าในร้าน
ล่าสุดในเพจ ร้านพี่อ้อ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง  แม่ค้าตัวจริงและร้านก๋วยเตี๋ยวดังกล่าวมีอยู่จริงเช่นกัน และได้ออกมาโพสต์ชี้แจงเรื่องราวดังกล่าวโดยข้อความระบุว่า
"อย่ามองแต่หน้าและนม พี่อ้อยังมีการดำเนินชีวิตในการทำงานหนักและการเลี้ยงดูครอบครับแบบไม่น่าเบื่อ คำสอน แง่คิดดีๆในการทำธุรกิจ กำลังใจ เพจนี้เรียกเสียงหัวเราะเรียกรอยยิ้ม ให้หลายพันคนมาแล้ว สร้างคนที่กำลังท้อแท้หมดหวัง ให้ลุกขึ้นมาสู้ ได้มากมาย ให้ประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ในหนังสือ ทำคนที่ไม่มีฝันหรือจุดยืน ให้กลับมามีความหวังมีพลัง บอกเล่าถึงความขยันอดทน การต่อสู้ดิ้นรน รวมถึงสอนการให้การแบ่งปัน กตัญญูต่อพ่อแม่ สอนให้ดูแลตัวเอง สร้างความมั่นใจให้คนที่ขาดความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาจนกลายเป็นคนใหม่มากมายนับไม่ถ้วน โดยใช้รูปภาพและตัวพี่อ้อเอง ในการสอน ถ้าคุณมองให้ต่ำตัวคุณก็จะต่ำ ถ้าคุณมอง แบบมีความคิด คุณจะได้รอยยิ้มและอะไรมากมายจากเพจพี่อ้อ นะคะแค่นี้แหละที่จะบอกค่ะ"
"ที่รูปสร้างสรรค์ สร้างรอยยิ้มให้เด็ก และลูกค้าทำไม่ไม่ก๊อบไปลงบ้าง เยอะแยะ นมอ่ะนะไม่ต้องลงทุน แต่แบบนี้ มีแม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวคนไหนบ้างกล้าลงทุกจัดเต็มแบบฉันบ้างขนาดนี้ เริ่ดดดดจะตาย!!!"
อย่างไรก็ตาม นานาทัศนะสำหรับชาวเน็ต บางคนอาจจะมองว่าไม่เหมาะสม แต่อีกส่วนมากมองเป็นการทำมากินไม่ได้เดือดร้อนใคร เพียงแค่กลยุทธ์สร้างความจนจำให้กับลูกค้า

จ่อเอาผิดโจ๋เกรียนควบ จยย.ขี่เล่นในเซเว่นฯ เมื่อ 25 ส.ค.57



จ่อเอาผิดโจ๋เกรียนควบ จยย.ขี่เล่นในเซเว่นฯ
 
เตรียมงานเข้าซะแล้ว สำหรับหนุ่มวัยรุ่นโชว์ความคึกคะนองไม่รู้สถานที่ หลังควบ จยย.เข้าไปขี่วนเล่นในร้านสะดวกซื้อ พนักงานไม่กล้าห้าม ออนไลน์จวกยับลูกค้าต้องปิดจมูกแถมอาหารเปอะเปื้อน บริษัทจ่อแจ้งข้อหาตัดไฟต้นลมหวั่นพฤติกรรมเลียนแบบเมื่อวันที่ 25 ส.ค. กลายเป็นความคึกคะนองไม่รู้สถานที่ หลังจากเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้แชร์คลิปวีดิโอวัยรุ่นอายุราว 25 -30 ปี ขี่รถ จยย.
เข้าไปในร้านสะดวกซื้อ (เซเว่นอิเลฟเว่น) แห่งหนึ่งใน กทม. ก่อนที่ขี่รถวนรอบภายในร้านอย่างสนุกสนาน โดยมีเสียงหัวเราะเฮฮาของกลุ่มเพื่อนเป็นระยะ ส่งผลทำให้ประชาชนผู้มาใช้บริการต้องคอยหลบไม่ให้รถพุ่งมาชนขณะที่บางรายก็ใช้มือปิดจมูกป้องกันควันท่อไอเสีย โดยที่พนักงานของร้านไม่กล้าเข้าไปตักเตือน เพราะเกรงในความปลอดภัย ซึ่งผู้ที่ได้ดูบางรายวิจารณ์ระบุว่า
"สนุกแต่คนอื่นเค้าเดือดร้อน พื้นเปื้อนพนักงานต้องมาเช็ด ไหนจะท่อไอเสียอีก จมูกต้องปิด อาหารโดนควันพิษ คึกคะนองเกินไปหรือเปล่า "
โดย ในเรื่องนี้ นายบัญญัติ คำนูนวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) 
เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีหน่วยงานที่ดูแลในส่วนนี้ ซึ่งจะหาว่าเกิดที่สาขาใด จากนั้นจะแจ้งความกับตำรวจเจ้าของท้องที่ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนพนักงานนั้นถ้ารู้เห็นเป็นใจต้องโดนโทษทางวินัย แต่จากคลิปนี้เหมือนพนักงานไม่กล้าเพราะกลัวมากกว่า หากเข้าห้ามกลุ่มวัยรุ่นอาจไม่พอใจได้ ตนมองว่าปัจจุบันวัยรุ่นบางรายทำอะไรแบบขาดการไตร่ตรองถึงผลตามมา พยามยามเรียกร้องความสนใจให้เพื่อนยอมรับว่าเจ๋ง สังคมฮือฮาจนโด่งดังในโลกออนไลน์ ซึ่งจะแจ้งความเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบซ้ำรอยอีก.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

สามเณรแหกผ้าเหลือง ตามแทงพรุนแฟนสาววัย17ดับ เมื่อ 25 ส.ค.57



สามเณรแหกผ้าเหลือง ตามแทงพรุนแฟนสาววัย17ดับ
 
สามเณรแหกผ้าเหลือง ตามแทงพรุนแฟนสาววัย17ดับ เหตุมาเที่ยวงานเกษตรแฟร์-กลัวหนุ่มอื่นจีบ

 เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 ส.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด ได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.พยุงศักดิ์ สุรินทร์ ผกก.สภ.เกาะสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 

ว่าเมื่อช่วงค่ำ วันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ศูนย์วิทยุสื่อสาร สภ.เกาะสมุย ได้รับแจ้งเหตุแทงกันตายภายในงานเกษตรแฟร์ ที่ท่าเทียบเรือ บ้านหน้าทอน ม.3 ต.อ่างทอง จึงได้แจ้งให้ ร.ต.ท.นาวี จิตรบาล ร้อยเวรสอบสวน พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยกุศลสงเคราะห์เกาะสมุย รีบรุดเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ

 ที่เกิดเหตุอยู่ในอาคารหอประชุมกาญจนาภิเษก พบแต่เพียงกองเลือดกระจัดกระจายเต็มพื้น ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นหญิงไทย 

ทราบชื่อต่อมาว่า น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ถูกแทงด้วยอาวุธมีดปลายแหลม 5 แผล เข้าที่ลำคอด้านซ้าย 1 แผล แขนซ้าย 1 แผล ท้อง 2 แผล และหน้าอกซ้าย 1 แผล อาสาสมัครกู้ภัยกุศลสงเคราะห์เกาะสมุยนำตัวส่งโรงพยาบาลเกาะสมุย แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้ ผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งว่า เป็นชายไทยวัยรุ่น 1 คน

 หลังก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีไปทางด้านหลังอาคารหอประชุมกาญจนาภิเษก ทิ้งมีดไว้ที่ใต้ต้นมะพร้าวและขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ลักษณะของคนร้ายอายุราว 20 ปี สูงประมาณ 165 เซนติเมตร สวมชุดกีฬาสีดำ กางเกงขาสั้น หัวโล้น

 เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังติดตาม จนรู้ตัวคนร้ายรายนี้ ทราบชื่อว่า นายศรัญญู คงเพชร อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นแฟนกับผู้ตาย และอยู่ระหว่างบวชสามเณรอยู่สำนักสงฆ์ภูแพง ต.อ่างทอง หลังก่อเหตุได้ไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านพัก ในต.แม่น้ำ เพื่อที่จะเตรียมหลบหนี

 นายศรัญญู บอกว่า ตนกับ น.ส.บี คบหากันมากว่า 6 ปีแล้ว เพิ่งหมั้นกับผู้ตายด้วยสินสอด 200,000 บาท
และสัญญากันว่าจะใช้ชีวิตร่วมกัน ตอนนี้ตนได้บวชเป็นสามเณรอยู่ที่สำนักสงฆ์ภูแพง ก่อนก่อเหตุพอรู้ว่าแฟนสาวจะมาเที่ยวงานเกษตรแฟร์ ตนไม่อยากให้แฟนสาวมาเที่ยว เพราะกลัวว่าแฟนสาวจะมีหนุ่มอื่นมาตามจีบ จึงได้บอกห้ามไม่ให้มาเที่ยว แต่แฟนสาวไม่ยอมฟัง ด้วยความหึงหวง พอช่วงหัวค่ำตนได้หนีออกมาจากสำนักสงฆ์ โดยถอดจีวรใส่ชุดกีฬาแทน เพื่อตามมาดูแฟนสาว เมื่อพบแฟนสาว ก็ได้ตรงเข้าไปกระชากมือให้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ แต่ถูกน้องชายแฟนสาวที่มาด้วยขวางไว้ จึงมีปากเสียงกันกับแฟนสาว ด้วยอารมณ์โกรธชั่ววูบ จึงได้ใช้มีดปลายแหลมแทงแฟนสาวไปแบบไม่ยั้งรวม 5 แผล

 แหล่งข่าวเผยว่า ทั้งคู่รักกันมาก ก่อนหน้านี้เคยหนีไปอยู่ด้วยกันที่ จ.พัทลุง เมื่อกลับมาเกาะสมุย พ่อแม่ฝ่ายหญิง ยอมให้ทั้งคู่หมั้นหมายกัน โดยพ่อของฝ่ายชายบอกให้บวชก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องจัดงานแต่งงาน จนมาเกิดเหตุสลดขึ้น

 เบื้องต้นนายศรัญญู ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ที่ใช้อาวุธมีดแทง น.ส.บี เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ตั้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก่อนนำตัวคนร้ายส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

อบจ.สกลนคร ฮือ!แต่งดำ โต้ "ปนัดดา" กล่าวหา อปท.ใช้งบฟุ่มเฟือย เมื่อ 25 ส.ค.57



อบจ.สกลนคร ฮือ!แต่งดำ โต้ "ปนัดดา" กล่าวหา อปท.ใช้งบฟุ่มเฟือย
 
สมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย  ออกแถลงการณ์โต้ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล ที่ระบุออกสื่อ กล่าวหาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้งบประมาณฟุ่มเฟือย ผู้บริหาร อบจ.นั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาส  ซดไวน์แพงขวดละเป็นแสน พร้อมนัด อบจ.ทั่วประเทศ แต่งดำไว้ทุกข์และปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน
เวลา 10.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม 2557  ที่ห้องประชุม องค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร  อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร 

นายชัยมงคล ไชยรบ นายก อบจ.สกลนคร  และ นายกสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย  พร้อมด้วย ฝ่ายบริหาร  ฝ่ายนิติบัญญัติ  ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ประมาณ 200 คน แต่งกายด้วยชุดสีดำเพื่อร่วมชุมนุมแสดงเจตนารมณ์เพื่อโต้คำกล่าวหาของ ม.ล.ปนัดดา  ดิสกุล  ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยแจกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวใน นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 24 สิงหาคม 2557  มีข้อความของ ม.ล.ปนัดดา  ดิสกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้งบประมาณฟุ่มเฟือย และพาดพิงถึง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด  ใช้เงินหลวงนั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาส  ซดไวน์แพงขวดละเป็นแสน ซื้อบ้านในยุโรปไว้ตากอากาศเป็นต้น นั้น  สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย  เห็นว่า การกระทำดังกล่าวของ ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด  ในชั้นนี้ จึงขอความร่วมมือ ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด ทั้ง 76 แห่ง โดยให้ผู้บริหาร  ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ แต่งกายชุดสีดำมาปฏิบัติหน้าที่ ในวันที่ 25 สิงหาคม เป็นต้นไป  ซึ่งในวันนี้ อบจ.ทั่วประเทศ จะแต่งกายด้วยชุดดำ เพื่อไว้ทุกข์ให้กับปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
โดย นายชัยมงคล ไชยรบ นายก อบจ.สกลนคร  กล่าวว่า  ทำไมจะต้องมากล่าวหา  ว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นคนไม่ดี  
ทำไมไม่ระบุชี้ชัดลงไปเลยว่า นายก อบจ.คนไหน ที่กินไวน์ขวดละแสน  ทำไมไม่ระบุว่านายก อบต.คนใด ที่ทำตัวรวย คนไหนใช้งบประมาณฟุ่มเฟือย อย่าเหมารวมไปหมด เพราะคนดีๆมีอีกมาก คนไม่ดีอาจจะมีเพียงไม่กี่คน ส่วนตนมองว่า เป็นการดิสเครดิต อบจ.มากกว่า หากมองว่าเป็นการทำงานซ้ำซ้อน กับเทศบาล หรือ อบต.นั้น ตนเห็นว่า ไม่ใช่เป็นการซ้ำซ้อน เพราะทำงานคนละส่วนกัน อย่างเช่น ตำรวจทางหลวง และตำรวจภูธร ก็ทำงานคนละหน้าที่  เช่นเดียวกับมหาดไทย ก็มี ผวจ.อยู่แล้ว  ทำไมจะต้องมีนายอำเภอ ทำไมไม่ยุบ ผวจ. หรือ ยุบนายอำเภอตนมองว่า อบจ.เป็นเสาหลักของท้องถิ่น ประชาชนคาดหวังกับ อบจ.มาก  ดังนั้น การที่ท่านพูดเช่นนี้  เป็นการไม่ถูกต้องและเป็นการดูถูกองค์กรปกครองท้องถิ่นเป็นอย่างมาก  ท่านจะต้องออกมาขอโทษ อปท. และจะมีการประชาหารือกันระหว่าง นายก อบจ. 4 ภาค ในวันที่  27 สิงหาคม นี้ ที่ จ.อุบลราชธานี และจะแถลงความคืบหน้าอีกครั้ง
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน