วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผลกระทบจากน้ำมันรั่วที่เกาะเสม็ด เมื่อ 31 ก.ค.56

"จตุพร" นัดชุมนุม 3 ส.ค.เทคนิคดอนฯ เตรียมรับมืออพส.31-07-13 15:16



"จตุพร" นัดชุมนุม 3 ส.ค.เทคนิคดอนฯ เตรียมรับมืออพส.31-07-13 15:16

 “จตุพร”  นัดหมายแกนนำนปช.ทั่วประเทศ 3 ส.ค.นี้ เตรียมรับมือสถานการณ์ อพส.  -แขวะ ปชป. ชักชวนปชช.ออกมาชุมนุม  โดยไม่มีแกนนำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นพ่วงได้ประโยชน์ด้วย
          วันนี้ ( 31 ก.ค.)  ที่พรรคเพื่อไทย  นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. กล่าวถึงการเตรียมรับมือการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่คัดค้านการพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาฯว่า ได้นัดหมายแกนนำ นปช. ทั่วประเทศมาชุมนุมที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ในวันที่ 3 ส.ค. เพื่อรับรู้สถานการณ์อย่างเท่าเทียมกัน และจะขอคนเสื้อแดงอย่าออกไปชุมนุมในที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลอยู่ เพราะสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการ คือ การปะทะ เพื่อนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายหนัก จะเข้าทางสถานการณ์ที่อีกฝ่ายหนึ่งรออยู่แล้ว เราต้องสู้กันเป็นทีม ถ้าสู้ด้วยน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราจะสู้ได้ คนเสื้อแดงต้องยึดมั่นแนวทางสันติวิธี ขอให้ปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน เรามีความห่วงใยในสถานการณ์ไม่แตกต่างกัน แต่ต้องแก้ไขปัญหาให้ถูกต้อง
          นายจตุพร กล่าวต่อว่า ส่วนที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เชิญชวนให้ประชาชนออกมาชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น การบอกให้ประชาชนออกมาชุมนุมพร้อมกัน โดยไม่ต้องมีแกนนำเป็นการสะท้อนความคิดของนายสุเทพเอง เพราะถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้น นายสุเทพ ก็จะพ่วงได้ประโยชน์จากการนิรโทษกรรมไปกับประชาชนด้วย ทั้งที่ นายสุเทพ ควรแสดงภาวะผู้นำด้วยการประกาศตัวเป็นแกนนำพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น เมื่อประกาศแบบนี้แล้ว นายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องมายืนแถวหน้า ยืนหน้าประชาชน ไม่ต้องยืนข้างประชาชน หรือคิดจะเอาคำขวัญพรรค มาเป็นสโลแกนในการชุมนุมให้ประชาชนมาก่อน

ครม.ไฟเขียว!! งัดกม.มั่นคงคุมม็อบ 1-10 ส.ค.ในเขตดุสิต-ป้อมปราบ-พระนคร เมื่อ 31 ก.ค.56


ครม.ไฟเขียว!! งัดกม.มั่นคงคุมม็อบ 1-10 ส.ค.ในเขตดุสิต-ป้อมปราบ-พระนคร

ครม.ไฟเขียว งัดกฎหมายมั่นคงคุมม็อบ 1-10 ส.ค.ในเขตดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่าย และพระนคร พร้อมมอบผบ.ตร.ดูแจ้งนายกแล้ว
วันนี้ (31 ก.ค.) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่าจะมีผู้ชุมนุมจำนวนมากออกมาคัดค้านพรบ.นิรโทษกรรม และอาจมีการชุมนุมยืดเยื้อ ยึดพื้นที่ รวมถึงอาจมีมือที่3สร้างสถานการณ์ได้ ทั้งนี้ครม.มีมติเห็นชอบประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคงฯเป็นเวลา 10 วัน คือตั้งแต่วันที่ 1-10 สค.56 เขตพื้นที่ป้อมปราบศัตรูพ่าย ดุสิต และพระนคร    
โดยมีพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้อำนวยการเหตุการณ์ และใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก เพื่อให้สามารถป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้กระทบกับความมั่นคงหรืออันตรายต่อประชาชน ตลอดจนสมาชิกรัฐสภาให้สามารถปฎิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยยันยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม และไม่ได้ปิดกั้นการชุมนุม    
อย่างไรก็ตามที่ประชุมได้รายงานให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับทราบแล้ว ซึ่งหากสถานการณ์อยู่ในสภาวะปกติ ก็จะประกาศยกเลิกทันที ขณะที่ นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่า ไม่ได้มีการกำชับให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดห้ามประชาชนเดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพมหานคร เพราะถือว่าเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ 

"ในหลวง-ราชินี" เสด็จฯ แปรพระราชฐานประทับวังไกลกังวลพรุ่งนี้ เมื่อ 31 ก.ค.56



"ในหลวง-ราชินี" เสด็จฯ แปรพระราชฐานประทับวังไกลกังวลพรุ่งนี้
ผู้ว่าประจวบฯเผย "ในหลวง-ราชินี" เสด็จฯ แปรพระราชฐานประทับวังไกลกังวลพรุ่งนี้ ขณะตร.ประชุมถวายความปลอดภัย
วันนี้ (31 ก.ค.) นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยกับสำนักข่าวทีนิวส์ว่า ทางจังหวัดได้รับแจ้งจากสำนักพระราชวังเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จะเสด็จฯออกจากโรงพยาบาลศิริราช ในเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 1 สิงหาคมนี้ เพื่อเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์     
สำหรับการเตรียมความพร้อมขณะนี้ทางจังหวัดได้สั่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ ประดับธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ทั้ง 2 พระองค์ บริเวณเกาะกลางถนนเพชรเกษม ตั้งแต่ท่าอากาศยานหัวหิน ถึงบริเวณหน้าพระราชวังไกลกังวล โดยคาดการณ์ว่าทั้งสองพระองค์จะเสด็จถึงวังไกลกังวลภายในเวลา 18.00 น.   
ด้าน พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้เรียกประชุมตำรวจภูธรจังหวัดเพื่อเตรียมการด้านการถวายความปลอดภัย และการจัดการจราจรในเส้นทางขบวนเสด็จฯ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 500 นาย พร้อมให้ทุกหน่วยเตรียมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่คาดว่าเดินทางมาเฝ้ารับเสด็จฯอย่างเนืองแน่น 

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ดูโฉมหน้าชัดๆ!! มือขู่ฆ่าแม้ว ประวัติสุดโหด ไม่เคยพลาด ไร้ความปราณี 28-07-13 15:55



ดูโฉมหน้าชัดๆ!! มือขู่ฆ่าแม้ว ประวัติสุดโหด ไม่เคยพลาด ไร้ความปราณี
มาดูโฉมหน้าชัดๆ!!  มือขู่ฆ่าแม้ว ใช่อาบู บากา อัล-แบกห์  อดีตผู้ยำอัลกออิดะห์ในอิรักหรือไม่ คนผู้นี้ได้ชื่อว่าทำงานไม่เคยพลาด ไร้ความปราณี ??
วันนี้ ( 28 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ในเพจ "รวมมิตรการเมือง"  ได้โพสต์ภาพ "อาบู บากา อัล-แบกห์"  อดีตผู้ยำอัลกออิดะห์ในอิรัก มือสังหารโหดระดับแนวหน้าของโลก  เผยทำงานใหญ่ไม่เคยพลาด  พร้อมได้แสดงความเห็นว่า   ยุ่งแล้วล่ะสิพี่น้อง  ยืนยัน คลิปสั่งล่าทักษิณ ของแท้ !!! จากการที่ ผู้ใช้ เฟสบุ๊ค ชื่อว่า รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้โพสต์ขอความในกลุ่มว่า ถ้าเป็นคนเดียวกัน เสื้อแดงจะเชื่อไหมว่าเป็นคลิปจริง ? ขนาดเปิดหน้าโชว์กันขนาดนี้  Abu Bakr al-Baghdadi (อาบู บากา อัล-แบกห์) - ผู้นำของอัลกออิดะห์ในอิรัก ผู้เหี้ยมโหด ผู้ไม่เคยทำงานผิดพลาด!!"

ท่าทีประชาธิปัตย์-พันธมิตร พร้อมลุยหรือยัง?29-07-13 21:06



ท่าทีประชาธิปัตย์-พันธมิตร พร้อมลุยหรือยัง?29-07-13 21:06

อีกหนึ่งองค์ประกอบของสถานการณ์ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดก็คือทิศทางการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ โดยในการจัดเวทีผ่าความจริงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แกนนำก็ได้ย้ำชัดถึงการเตรียมเป่านกหวีดระดมคนออกมาชุมนุมแล้ว
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยว่า ขอให้ประชาชนเก็บกระเป๋าแล้วเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ ร่วมเวทีผ่าความจริงพรรคประชาธิปัตย์ ที่บริเวณสกายวอร์คสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ในวันที่ 31 ก.ค.นี้  เพราะสำคัญมาโดยในวันที่ 1 ส.ค.จะเปิดการประชุมสภาฯ แต่อาจจะถูกหลอกโดยอ้างว่าจะพิจารณากระทู้ถาม ตามวาระ แต่อาจจะมีการยกเว้นข้อบังคับการประชุมสภาฯ เพื่อนำร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายวรชัย เข้ามาพิจารณาซึ่งหากวันที่ 1 ส.ค.มีการพิจารณาทันทีก็ขอให้ประชาชนมาพบกันได้ทันที 
แต่หากวันที่ 1 ส.ค.ไม่พิจารณาและนำเข้าที่ประชุมวันที่ 7 ส.ค.นั้น ก็ขอให้ประชาชนไปร่วมเวทีผ่าความจริงในวันที่ 3 ส.ค.ที่ตลาดปัฐวิกรณ์ วันที่ 4 ส.ค.ที่โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ เขตจตุจักร  และวันที่ 6 ส.ค.จัดที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จากนั้นให้รอดูวันที่ 7 ส.ค.ที่มีการประชุมสภาฯ ก็เห็นแนวทางจะต่อสู้ กับกฎหมายล้างผิด 2 แนวทางคือ จะประท้วงด้วยการเขียนลงในโพสต์ลงเฟซบุ๊คว่าไม่เอากฎหมายล้างผิดคนโกง  และใส่ชุดดำประท้วง เพราะสถานการณ์วันนี้คล้ายกับอียิปต์  ที่พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกขี้ข้าใช้อำนาจข่มขู่คุกคาม ถ้ายอมจำนน ไม่รวมพลังต่อต้านรัฐรัฐบาล ขอให้จำไว้เลย ว่านั่นคือหายนะของประเทศ
แสดงว่าในช่วงสิ้นเดือนกรกฎหาคมเป็นต้นไปพรรคประชาธิปัตย์จะโหมโรงสถานการณ์ด้วยการจัดเวทีผ่าความจริงแบบทุกวันเลยทีเดียว
กำหนดการจัดเวทีผ่าความจริงพรรคประชาธิปัตย์ 
31 ก.ค.สกายวอร์คสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี 3 ส.ค.ตลาดปัฐวิกรณ์ 4 ส.ค.โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์  5ส.ค.รอยืนยัน 6 ส.ค.มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 7ส.ค.รอประเมินสถานการณ์
ในขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกมองว่าเป็นหัวหอกหลักในการต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ประกาศเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันให้ประชาชนเตรียมสู้ศึกในครั้งนี้
ขณะที่ท่าทีล่าสุดของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผ่านการจัดรายการของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็แสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะออกมาชุมนุม หากสถานการณ์เงื่อนไข และพรรคประชาธิปัตย์มีความจริงใจในการต่อสู้ร่วมกับภาคประชาชน
ส่วนที่ยังไม่ออกมาชุมนุม ณ ขณะนี้ เนื่องจากแกนนำติดเงื่อนไขการให้ประกันตัว
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ทางเอเอสทีวี ถึงกรณีที่พันธมิตรฯเคยประกาศว่าถ้าเอาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสภาเมื่อไหร่ พันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหว ว่า เป็นเรื่องตลกร้าย ตรงที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เอาเชือกมาแขวนคอเราไว้ เรื่องคดีสนามบิน ทำเนียบฯ และรัฐสภา เพื่อที่จะไม่ให้พันธมิตรฯเคลื่อนไหวทางมวลชน เพราะหวังว่ามันจะเป็นรัฐบาลต่อไป แต่พอประชาธิปัตย์พ้นจากการเป็นรัฐบาลปรากฏว่ากลายเป็นพรรคเพื่อไทยต้องการจะเอาเชือกออกจากคอเรา ให้เราหลุดเพื่อที่มันจะได้หลุดด้วย ประชาธิปัตย์มันก็มามองว่าต้องเอาพันธมิตรฯออก จะได้มาสู้แล้วมันจะได้แอบอยู่ข้างหลัง เพื่อร่วมสู้ด้วย
ในความรู้สึกส่วนตัว พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเข้าสภาฯ จะวันไหนก็ตาม ประเด็นสำคัญที่ยืนอยู่ 2 ประเด็น ที่ไม่เห็นด้วย คือ ให้คนทำผิดมาตรา 112 พ้นโทษ และการแปรญัตติเพื่อให้ทักษิณไม่ผิด แต่ถ้าเราไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร ก็ประชาธิปัตย์ไม่ใช่หรือที่เป็นคนเอาเชือกมาแขวนคอเราไว้ อธิบดีศาลอาญาได้พูดชัดเจน ตอนนี้เรียกไต่สวน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กรณีที่ไปชุมนุมหน้ากระทรวงกลาโหม เป็นการไต่สวนโดยไม่มีคนร้อง
ในกรณีนี้เช่นกัน ถ้าตน หรือแกนนำพันธมิตรฯคนอื่นๆ ออกชุมนุม ศาลอาญาในยุคอธิบดีคนนี้ก็มีสิทธิที่จะเรียกพวกตนไปไต่สวนทันที แล้วถ้าเขาเห็นว่าผิดเงื่อนไขการประกัน ก็จะถอนประกัน แล้วคดีนี้ต้องสู้กัน 10 ปี แสดงว่าพวกตนต้องสู้คดีในคุก 10 ปีใช่ไหม
ถ้าจะยกให้คนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลุดโทษไป เป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่ต้องพิสูจน์ให้สังคมไทยเห็นว่าระหว่างสถาบันกษัตริย์ กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนไหนสำคัญกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจน ซึ่งถ้าตนไม่ติดเงื่อนไขการประกันตัวตนก็ออก แต่เนื่องจากถูกเชือกแขวนคอไว้อย่างนี้
ส่วนกรณีที่จะช่วยทักษิณให้พ้นผิด ก็เป็นประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์พูดตลอดเวลาไม่ใช่หรือว่าทุกอย่างต้องจบที่สภาฯ ถ้าอย่างนั้นประชาธิปัตย์ต้องออกมานำ นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องถอดเสื้อนอก ลาออกจาก ส.ส. มาเดินขบวน พูดกันแต่ว่าจะร่วมออกมาต่อสู้กับพี่น้อง ไม่ต้องร่วม แต่ต้องนำเลย อย่าเก่งแต่ปาก แล้วคุณก็มีมวลชนของคุณอยู่แล้วด้วย จะมาโวยวายทำไม ตนไม่เอาด้วยหรอก
เป็นเรื่องตลกร้าย ตรงที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เอาเชือกมาแขวนคอเราไว้ เรื่องคดีสนามบิน ทำเนียบฯ และรัฐสภา เพื่อที่จะไม่ให้พันธมิตรฯเคลื่อนไหวทางมวลชน เพราะหวังว่ามันจะเป็นรัฐบาลต่อไป แต่พอประชาธิปัตย์พ้นจากการเป็นรัฐบาลปรากฏว่ากลายเป็นพรรคเพื่อไทยต้องการจะเอาเชือกออกจากคอเรา ให้เราหลุดเพื่อที่มันจะได้หลุดด้วย ประชาธิปัตย์มันก็มามองว่าต้องเอาพันธมิตรฯออก จะได้มาสู้แล้วมันจะได้แอบอยู่ข้างหลัง เพื่อร่วมสู้ด้วย
ในกรณีนี้เช่นกัน ถ้าตน หรือแกนนำพันธมิตรฯคนอื่นๆ ออกชุมนุม ศาลอาญาในยุคอธิบดีคนนี้ก็มีสิทธิที่จะเรียกพวกตนไปไต่สวนทันที แล้วถ้าเขาเห็นว่าผิดเงื่อนไขการประกัน ก็จะถอนประกัน แล้วคดีนี้ต้องสู้กัน 10 ปี แสดงว่าพวกตนต้องสู้คดีในคุก 10 ปีใช่ไหม
ประชาธิปัตย์ต้องออกมานำ นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องถอดเสื้อนอก ลาออกจาก ส.ส. มาเดินขบวน พูดกันแต่ว่าจะร่วมออกมาต่อสู้กับพี่น้อง ไม่ต้องร่วม แต่ต้องนำเลย อย่าเก่งแต่ปาก แล้วคุณก็มีมวลชนของคุณอยู่แล้วด้วย จะมาโวยวายทำไม ตนไม่เอาด้วยหรอก
นอกจากนี้นายสนธิยังพูดถึงกลุ่มต่างๆที่ดาหน้าออกมาต่อสู้เพื่อโค่นระบอบทักษิณ อยู่ ณ ขณะนี้ โดยเชื่อว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ
นายสนธิ กล่าวต่อว่า การออกไปโค่นระบอบทักษิณ โค่นเสร็จแล้วอย่างไร ก็มีอยู่ 2 ทาง ก็คือสลับขั้ว ให้ทหารไปจัดรัฐบาลใหม่ในค่ายทหาร ซึ่งอันนี้พรรคประชาธิปัตย์อาจจะผิดหวัง เพราะตนไม่เชื่อว่าจะโค่นระบอบทักษิณได้ อีกทิศทางคือ เสนาธิการร่วมที่กำลังตั้งอยู่ ก็ยังคงเชื่อแบบโง่ๆเหมือนเดิมว่าถ้าประชาชนออกมาเยอะๆแล้วมีทหารอยู่ในมือพร้อมจะออกมาช่วย ตนยืนยันเดี๋ยวนี้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วมันเรื่องอะไรที่เราจะวิ่งเอาหัวชนกำแพง
แล้วมองในมุมกลับถ้าสลับขั้ว พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นเป็นรัฐบาล อีก 2 ปี เราก็คงต้องมาประท้วงพรรคประชาธิปัตย์เช่นกัน เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย มันเป็นสัตว์ในคอกเดียวกัน เป็นสัตว์การเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ถ้าต้องสู้เพื่อการเมืองตนไม่ได้สู้เพื่อให้พรรคไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาล แต่ต้องทำเพื่อไม่เอาระบบการเมืองแบบนี้
ที่จะไปประท้วงเรื่องนิรโทษฯ เข้าสภาฯ ติดคุกฟรี เพราะมันจะจบลงด้วยการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งไม่เพื่อไทยกลับมา หรือไม่ก็ประชาธิปัตย์ก็กลับมา แล้วมันต่างอะไรกัน ในเมื่อมันเป็นทายาทอสูรด้วยกันทั้งคู่
การออกไปโค่นระบอบทักษิณ โค่นเสร็จแล้วอย่างไร ก็มีอยู่ 2 ทาง ก็คือสลับขั้ว ให้ทหารไปจัดรัฐบาลใหม่ในค่ายทหาร ซึ่งอันนี้พรรคประชาธิปัตย์อาจจะผิดหวัง เพราะตนไม่เชื่อว่าจะโค่นระบอบทักษิณได้ อีกทิศทางคือ เสนาธิการร่วมที่กำลังตั้งอยู่ ก็ยังคงเชื่อแบบโง่ๆเหมือนเดิมว่าถ้าประชาชนออกมาเยอะๆแล้วมีทหารอยู่ในมือพร้อมจะออกมาช่วย ตนยืนยันเดี๋ยวนี้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วมันเรื่องอะไรที่เราจะวิ่งเอาหัวชนกำแพง
การสื่อสารล่าสุดของนายสนธิได้แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์อย่างชัดเจน เนื่องจากได้ย้ำถึงพรรคประชาธิปัตย์อยู่หลายครั้งเลยทีเดียว
นายสนธิ กล่าวว่า พวกพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่มีความจริงใจต่อประชาชน ถ้ามันจะชนะทางการเมืองเด็ดขาดมันต้องจริงใจกับประชาชน ประการแรกสุดต้องลุกขึ้นมาแล้วประกาศเลยว่าการเมืองแบบนี้มันก็ไม่เล่น ยอมรับว่าตัวเองคือส่วนหนึ่งของปัญหาในระบบการเมืองปัจจุบัน เพราะฉะนั้นแล้วขอไถ่โทษด้วยการลาออกจาก ส.ส.หมดทุกคน มาเล่นการเมืองภาคประชาชนไปเลย ถ้าอย่างนั้นแล้วตนไม่ตะขิดตะขวงใจ เชื่อในความบริสุทธิ์ใจว่าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงจริงๆ แต่ทุกวันนี้แอบแฝงหมด ที่บอกว่าจะลงมาสู้กับประชาชนเพราะรู้ว่าคุณแพ้ในสภาแล้วใช่ไหม ขนาดแพ้ในสภายังบอกว่าจะขอร่วมกับประชาชน ทำไมไม่บอกว่าจะนำประชาชน แน่จริงนำเลยสิ แล้ววันนี้หน้ากากขาวเริ่มกระแสตกแล้ว ก็เพราะว่าจุดเริ่มต้นมันบริสุทธิ์ แต่ถูกการเมืองพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาแทรก เลยพังหมดเลย
สำหรับเงื่อนไขที่กลุ่มพันธมิตรจะออกมาชุมนุมอีกครั้ง ถือว่าผูกพันตามเงื่อนไขที่ปรากฏในแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2556 ดังนี้
1. มีการดำเนินการใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือออกกฎหมายอื่นใด ที่มีความชัดเจนว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือลดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์
        
2. มีการดำเนินการใด ๆ ก็ตามไม่ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือออกกฎหมายอื่นใด ที่มีความชัดเจนว่าจะนำไปสู่การนิรโทษกรรมให้กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และพวก
       
3. เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองเข้าสู่สถานการณ์ความเหมาะสมที่ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยครั้งใหญ่
ขณะที่ในวันนี้  ศาลอาญา เลื่อนนัดประชุมคดีตรวจพยานหลักฐาน ในคดีที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมพวก ซึ่งเป็นกลุ่มแนวร่วมพันธมิตรฯ รวม 8 สำนวน จำเลยรวม 96 คน ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย จากกรณีจำเลยได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองเมื่อปี 2551 โดยวันนี้ (29 ก.ค.56) จำเลยเดินทางมายังศาลอาญา แต่เมื่อถึงเวลานัดจำเลยบางส่วนแถลงต่อศาลว่ายังไม่สามารถจัดหาทนายเพื่อต่อสู้คดีได้ จึงขอเลื่อนนัดคดีออกไปก่อน และจำเลยบางคนไม่เดินทางมาศาล เนื่องจากติดภารกิจ
         
ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เพื่อให้โอกาสจำเลยในการจัดหาทนายความเพื่อต่อสู้คดี จึงเลื่อนนัดสอบคำให้การจำเลยออกไปเป็นวันที่ 2 ธ.ค. นี้ เวลา 09.00 น. พร้อมกำชับว่าในวันดังกล่าวจำเลยทุกคนต้องเดินทางมาศาล เพื่อสอบคำให้การเป็นรายบุคคล และภายหลังสอบคำให้การของจำเลยแล้วเสร็จ ศาลจะกำหนดนัดเพื่อตรวจพยานหลักฐานต่อไป
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ศาลยังได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาแผ่นดิน และ น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี จำเลยในคดีก่อการร้าย กรณีที่ทั้งคู่นำกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมบริเวณด้านหน้ากระทรวงกลาโหม ไม่ให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าไปรับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า เข้าข่ายผิดเงื่อนไขปล่อยชั่วคราวหรือไม่ เนื่องจาก นายไชยวัฒน์ เป็นจำเลยในคดีปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง เมื่อปี 2551 ซึ่งศาลได้กำหนดเงื่อนไขของจำเลยในคดีทั้ง 96 คน ว่า ห้ามไม่ให้ปลุกระดมและก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยศาลได้สอบถาม นายไชยวัฒน์ และ น.พ.ตุลย์ ว่าได้เข้าร่วมชุมนุมจริงหรือไม่ ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพว่าเข้าร่วมชุมนุมจริง
ศาลจึงได้ตักเตือนว่า หากจะกระทำการใดๆ ให้คำนึงถึงเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว และสั่งห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเช่นนี้อีก และไม่มีการเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวทั้งสองคน แต่อย่างใด

"ถวิล" ชี้คลิปขู่ฆ่า "แม้ว" คาดไม่พอใจโกรธแค้น-ส่วนตัว เชื่อไม่เกี่ยวกลุ่มอัลกออิดะห์ 29-07-13 16:38



"ถวิล" ชี้คลิปขู่ฆ่า "แม้ว" คาดไม่พอใจโกรธแค้น-ส่วนตัว เชื่อไม่เกี่ยวกลุ่มอัลกออิดะห์ 29-07-13 16:38  
"ถวิล  เปลี่ยนศรี" เชื่อว่าคลิปขู่ฆ่า "ทักษิณ" ไม่เกี่ยวข้องกับอัลกออิดะห์ คาดไม่พอใจส่วนตัวหรือต้องการดิสเครดิต

          วันนี้ ( 29 กรกฎาคม )  นายถวิล  เปลี่ยนศรี  เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวกับสำนักข่าวทีนิวส์  จากกรณีคลิปวิดีโอผู้อ้างตัวเป็นกลุ่มอัลกออิดะห์  ออกมาประกาศขู่ฆ่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อล้างแค้นให้ชาวมุสลิม จากเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ เมื่อปีพ.ศ. 2547 โดยส่วนตัวมีความเห็นว่า  น่าจะเกิดจากความไม่พอใจ  ไม่ว่าจะมาจากการที่ทักษิณอยู่เบื้องหลังที่ผ่านมาในอดีต  หรืออาจจะเป็นความไม่พอใจทางการเมืองสามารถเป็นไปได้หลายอย่าง 
ทีนิวส์  :  ท่านครับ  เรียนด้วยความเคารพ  ไม่ทราบว่าได้ดูคลิปนี้แล้วหรือยัง  เป็นคลิปวิดีโอผู้อ้างตัวเป็นกลุ่มอัลกออิดะห์  ออกมาประกาศขู่ฆ่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อล้างแค้นให้ชาวมุสลิม จากเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ เมื่อปีพ.ศ. 2547  เอาโดยส่วนตัวของท่านเลย  เชื่อหรือไม่ว่าเป็นของกลุ่มอัลกออิดะห์จริง  
ถวิล  :  ประเด็นที่ 1. คลิปนี้เป็นของกลุ่มอัลกออิดะห์จริงหรือไม่  ประเด็นนี้ผมคิดว่าผู้เชี่ยวชาญของเรามี  แล้วก็สามารถที่จะตรวจสอบได้  ดูจากที่หลายๆ ท่านได้พูดไว้  จากลักษณะการแต่งกาย  การประกอบฉาก  คำพูดอะไรต่างๆ เหล่านี้  สามารถที่จะบอกได้ว่ามันจริงหรือไม่จริง  เหมือนที่เราเคยได้ยินในคลิปเสียงเมื่อหลายวันก่อน  เราก็รู้ว่าจริงหรือไม่จริง  อันนี้ก็เหมือนกัน  ผู้เชี่ยวชาญของเราก็มี สามารถที่จะตรวจสอบได้ 
ประเด็นที่ 2. ถ้าไม่ต้องอาศัยเทคนิคประเมินจากเหตุผล  ประเมินจากสภาพแวดล้อมอะไรต่างๆ  หรือว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร  ผมเรียนอย่างนี้นะครับว่า  เรื่องของปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้  เราเคยได้พูดกันมาหลายครั้งแล้ว  และก็เคยมีข้อสงสัยจริง  มีขบวนการก่อการร้ายระดับโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง  หรือแม้แต่องค์กรระดับภูมิภาคเช่น เอไอ  พวกนี้ต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง  ก็เห็นตรงกันมาหลายปีแล้ว  แต่จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลใหม่ว่าขบวนการเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง  ไม่ได้เข้ามาเคลื่อนไหว  ไม่ได้เข้ามาเชื่อมโยงกับขบวนการภายในของเรา ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี  เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในของเรา  เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ในระดับตัวบุคคลก็อาจจะมีอยู่บ้าง  แต่ไม่ใช่เรื่องของกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการก่อการร้ายระดับโลก  หรือระดับภูมิภาค  ก็เลยมาเป็นคำตอบต่อว่า  เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับอัลกออิดะห์หรือไม่  มันคงไม่ใช่  ในความหมายของผมก็คือว่า  ในเมื่อสถานการณ์ภาคใต้มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการเหล่านี้  ขบวนการเหล่านี้ก็คงไม่ทำคลิปเหล่านี้ออกมา  อันนี้ก็เป็นประเด็นที่สอง 
ประเด็นที่ 3.ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือว่า  ถ้าไม่ใช่แล้วคลิปพวกนี้มันออกมาอย่างไร  ก็เข้าใจว่ามันมีคนที่ไม่พอใจคุณทักษิณ  จะเป็นในเรื่องของความไม่พอใจในพื้นที่ภาคใต้  หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายในภาคใต้  ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเขายังไม่พอใจ  หรือว่าอาจจะเป็นทางกลุ่มการเมืองภายในที่ทำเรื่องเข้ามา  เพื่อที่จะดิสเครดิตอะไรต่างๆ เหล่านี้  เป็นเรื่องของความไม่พอใจคุณทักษิณ  ไม่ว่าจะมาจากการที่ท่านอยู่เบื้องหลังที่ผ่านมาในอดีต หรือแม้ในปัจจุบันท่านก็เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเจรจาทางบีอาร์เอ็นก็ดี  ก็แสดงว่ายังมีคนที่ติดใจเรื่องเหล่านั้นอยู่  ยังมีความโกรธแค้นอะไรต่างๆ เหล่านี้อยู่  
ส่วนอีกอันหนึ่งถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองปัจจุบัน  ก็สะท้อนให้เห็นว่าคนยังไม่พอใจคุณทักษิณ  ที่ท่านอยู่เบื้องหลังรัฐบาลนี้ในเรื่องต่างๆ ถึงแม้ว่าท่านไม่มีตำแหน่งอยู่ก็สามารถที่จะกำหนดทิศทางอะไรต่างๆ เหล่านี้ได้  ประเด็นก็คือว่ามันมีคนไม่พอใจท่านอยู่  อันนี้ก็เป็นประเด็นที่ผมอยากจะเพิ่มเติม 
ส่วนประเด็นสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดก่อนที่คุณอุดรจะถามอะไรต่อก็คือ  เรื่องราวต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นได้ทิ้งบาดแผลไว้ในสังคมเรา  จนกระทั่งวันนี้ก็ยังมีคนพูดถึงอยู่  แต่มันไม่สามารถจะคลี่คลายได้  สิ่งที่เป็นบทเรียนเราก็คือว่า  เราต้องไม่ให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอีก เราต้องไม่ทำเรื่องให้มันเป็นบาดแผลในวันข้างหน้า  ก็เป็นที่น่ายินดีนะครับว่า  เจ้าหน้าที่เราได้ลงไปทำงานในพื้นที่ชายแดนจังหวัดภาคใต้  ปัจจุบันเขาเข้าใจประเด็นปัญหาเหล่านี้ดี  มันต้องไม่มีกรือเซะ 2 เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด  ถ้าเรายังคิดที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้จบลงด้วยดีด้วยกันทุกฝ่าย  อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี 

                                       
ทีนิวส์  :  อันนี้เป็นปรากฏการณ์ที่ท่านมองดูจากคลิปที่เผยแพร่ออกมา  ผมถามต่อว่า  จากเดิมปัญหาชายแดนภาคใต้  อาจจะเกิดขึ้นในภูมิภาครับรู้กันโดยเฉพาะในภูมิภาค  วันดีคืนดีมันมีคลิปปรากฏ  มีการพูดถึงกลุ่มอัลกออิดะห์  และมีการพูดถึงจังหวัดชายแดนภาคใต้  จะเป็นชนวนเหตุให้อัลกออิดะห์ซึ่งอาจจะมามอนิเตอร์จริงๆ แล้วมาดูตรงนี้ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ  และมาจับตามองแบบนี้  ถามว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้หรือเปล่า  ท่านครับ
ถวิล  :  ผมว่าประเด็นแรกก็คือว่า  มันกลายเป็นประเด็นสากลที่เข้าใจกันทั่วไป  ประเด็นที่คุณอุดรถามผมมันเป็นแล้ว  เป็นมาตั้งแต่ 28 ก.พ. ตั้งแต่มาลงนามอะไรต่างๆ  แต่หลายคนก็บอกว่าไม่ได้ยกระดับ  ไม่ได้เป็นประเด็นสากล  แต่มันอยู่ที่ว่าเราอยากให้เป็นหรือไม่อยากให้เป็น  แต่มันเป็นโดยภาวะวิสัย  โดยข้อเท็จจริงของมันว่าเรื่องนี้ได้ถูกยกระดับไปแล้ว  เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่ทั้งโลกต่างก็ให้ความสนใจ  ส่วนประเด็นที่คุณอุดรถามผมว่ามันจะมีการยั่วยุ  ให้เป็นที่สนใจขององค์การก่อการร้ายระดับโลก  ระดับภูมิภาคหรือไม่  อันนั้นผมคิดว่าน่าจะไม่อยู่ในความสนใจเขาถึงขนาดนั้น  แต่ที่น่าอันตรายกว่าอย่างที่ผมเรียนไป  มันไม่ใช่แค่เฉพาะองค์การก่อร้ายอย่างเดียว
             
ทีนิวส์  :  มันมีในท่อนสุดท้ายในคลิปที่เขาพูดถึง  เขาบอกว่า  เมื่อก่อนก็เคยใช้นโยบายที่รุนแรงกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้ว  ปัจจุบันพอน้องสาวเป็นนายกฯ  ก็ยังคงดำเนินนโยบายที่เป็นเหมือนกับทำร้ายพี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  นี่แสดงว่าการพูดคุยกับบีอาร์เอ็น  หรือว่าการดำเนินการเรื่องของภาคใต้  รัฐบาลชุดนี้ที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ เหมือนกับพี่น้องมุสลิม พี่น้องภาคใต้  ไม่ Happy กับนโยบายนี้ ฟังดูเหมือนบีอาร์เอ็นน่าจะยินดีที่ได้ยกระดับตัวเอง
ถวิล  :  ผมคิดว่ามันคงไม่ใช่มีแต่เฉพาะบีอาร์เอ็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้  ส่วนหนึ่งของบีอาร์เอ็นก็อย่างที่ทราบกันดีว่า  เขาไม่สบายใจ  ไม่เห็นด้วย  เพราะฉะนั้นเขาก็อาจจะเห็นว่ากระบวนการพูดคุยที่ทำกันอยู่ทุกวัน  เป็นไปอย่างจริงใจหรือไม่  เป็นไปตามการแก้ไขปัญหาที่สาเหตุหรือไม่  ไม่ใช่เป็นแต่เฉพาะแกนนำหรือระดับนำเท่านั้น ไม่ได้มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา  นี่ก็เป็นข้อสงสัยที่เขาสามารถสงสัยได้
      
ทีนิวส์  :  เท่าที่ประเมินเพราะเรามีโอกาสได้คุยกัน 2-3 ครั้ง  กับเรื่องนโยบายที่ทางการไทยได้ไปคุยกับทางบีอาร์เอ็น  ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ผิดมาตลอด  แต่ทางสมช.เองก็ยังบอกว่ามันดำเนินการเพื่อให้ความสงบสุข  ยกตัวอย่างเช่น  ช่วงเดือนรอมฎอนที่ผ่านมา  เหตุการณ์มันก็รุนแรงลดน้อยลงไป  ในฐานะที่ท่านเคยดูเรื่องของความมั่นคงมาก่อน  เป็นอดีตเลขามาก่อน  รอมฎอน ณ ปัจจุบันนี้กับช่วงที่ท่านดูอยู่มันมีความแตกต่างกันอย่างไร  หรือว่ามันเป็นปกติอยู่แล้วที่เขาจะไม่ก่อเหตุ
ถวิล  :  ผมว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินในช่วงนี้  แต่ว่าสิ่งที่ผมยืนยันมาตลอดก็คือว่า  ผมเกรงว่าการดำเนินการนโยบายในเรื่องของการพูดคุย  ที่ผ่านมาอย่างที่เราทราบกันดี  แม้ว่าหลักการมันจะถูกต้อง  แม้ว่าประชาชนจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องการไปสู่ความสงบสุข  พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน  แต่ผมเกรงว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม  มันจะทิ้งบาดแผลอะไรเอาไว้มากพอสมควร  เพราะอย่างที่เรียนแล้วว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาก็อึดอัด  รู้สึกไม่สบายใจ  กับขบวนการพูดคุยนี้อยู่พอสมควร  และผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเมื่อเดินไปถึงสุดท้าย  ขบวนการถ้านำไปสู่ความเร็จได้เราก็ถือว่ายังพอมีอะไรติดไม้ติดมือไปบ้าง 
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เดินทางไปสู่จุดที่ไม่เป็นผลดี  คือไม่สามารถตกลงอะไรกันได้เป็นวรรค  เป็นผล  สิ่งที่ทิ้งไว้ตลอดทางเป็นความอึดอัดเป็นความสงสัย  เป็นความไม่เข้าใจของคนหลายๆ คนในสังคมของเรา  อันนี้จะเป็นตัวที่สะท้อนกลับมาสู่เรา  และเราก็ไม่ปรารถนาที่จะให้เกิดขึ้น  และสิ่งที่คุณอุดรได้พูดไว้ตั้งแต่ต้น  ก็เป็นสิ่งหนึ่งในความห่วงใยเรื่องพวกนี้ก็คือว่า  ยกระดับปัญหาเรื่องพวกนี้ไปเป็นระดับสากล  องค์กรต่าง ๆ   เพราะฉะนั้นจึงเป็นประเด็นที่น่าห่วงใยอยู่    ผมยังยืนยันว่า การพูดคุยอย่างนี้น่าจะมีผลกระทบ  มีผลข้างเคียงที่มากกว่า  และถ้าประสบความสำเร็จได้ก็ถือว่ายังพอรับได้  แต่ถ้าวันใดที่มันล้มเหลวขึ้นมาหรือไม่สามารถดำเนินการต่อได้  หรือเพิกเฉยกันไป  สิ่งที่เป็นผลข้างเคียงตลอดทาง  ที่มันเกิดขึ้นในระยะเวลาที่ผ่านมา  ซึ่งมีหลายเรื่อง  มันจะกลับมาเป็นผลร้ายต่อเรา  มันอาจจะสร้างปัญหาขึ้นมาใหม่ซ้อนขึ้นมาอีกก็ได้  ทำให้เรื่องนี้มันซับซ้อนมากยิ่งขึ้นไปอีก    
                
ทีนิวส์  :  มันมีประเด็นก่อนหน้านี้  เราได้เห็นในช่วงรอมฎอนที่ผ่านมา  มีการประกาศ  มีการแถลงการณ์ออกมาทางกลุ่มบีอาร์เอ็นก็ดี  มีการแอบพ่วงที่อ.สะเดาเข้าไป  ไปเพิ่มใน 4 อำเภอที่สงขลา  นัยตรงนี้ต้องการที่จะสื่อไปบอกว่า  มีเพาเวอร์เหนือกว่าทางการไทยในการที่สื่อสารกับรัฐบาลไทย  ในการออกข้อเรียกร้องอะไรต่างๆ นัยสำคัญในอนาคต  เขาอาจจะเรียกร้อง  หรืออาจจะขอแบ่งอะไรต่างๆ
     
ถวิล :  คือมันสามารถเป็นไปได้อย่างที่คุณอุดรว่า  อ.สะเดาเป็นส่วนหนึ่งของความอึดอัด  ความขับค้องใจขบวนการพูดคุยที่เกิดขึ้น  ว่ามีเหตุผลอย่างนั้นอย่างนี้  หน้าที่ที่เราทำได้ก็คือไปเอาชื่อสะเดาออกให้เร็วที่สุด  เท่าที่จะทำได้  เพราะว่ามันเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุมาก่อน  ส่วนในผลระยะยาว  เมื่อเราได้ดำเนินการไปในระยะหนึ่งแล้ว  ผลข้างเคียงที่มันเกิดขึ้นตลอดระยะทางมันก็จะมีเรื่องพวกนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  มันอาจจะเป็นเหมือนอย่างที่คุณอุดรว่า  ทำไมต้องเอาสะเดาเข้าไป  เพราะสะเดาเป็นเหมือนประตูเศรษฐกิจใหญ่ของเรา  ปีหนึ่งก็ค้าขายกัน 5,000,000 - 6,000,000 บาท  การเอาเข้ามาหมายถึงอะไร  ทางที่ดีอย่าทำให้เกิดช่องโหว่ที่ล่อแหลมเข้ามา  อย่างที่หลายๆ ท่านได้ให้ความเห็นว่าเรายังมีความระมัดระวังในเรื่องพวกนี้น้อยมาก  และอย่างที่ผมเรียนแล้วว่ามันเป็นไปด้วยความอึดอัดและความสงสัยตลอดเวลา

ด่วน!! ประกาศอ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเลแล้ว 29-07-13 16:33



ด่วน!! ประกาศอ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเลแล้ว29-07-13 16:33
ผู้ว่าระยองประกาศให้พื้นที่อ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล เพื่อเร่งรวบรวมกำลังเคลีย์พื้นที่และ ป้องกันกระทบระบบนิเวศหลังคราบน้ำมัน 5 พันลิตรกระจายเกลื่อนหาด
นายสุเมธ สายทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เผยความคืบหน้าเหตุน้ำมันรั่วลงทะเล ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ว่า คราบน้ำมันได้ลอยถึงอ่าวพร้าว ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเสม็ดแล้ว ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ส่งผลให้หาดทรายมีสีดำและส่งกลิ่นเหม็นตลอดแนวร่วม 400 เมตร ขณะนี้ทางจังหวัดระยองและเจ้าหน้าที่จากบริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) อยู่ระหว่างแก้ไขสถานการณ์และฟื้นฟูสภาพพื้นที่ ซึ่งขณะนี้มีความจำเป็นต้องปิดอ่าวพร้าวเป็นการชั่วคราว ส่วนสาเหตุที่น้ำรั่วเข้ามาเร็วนั้น เนื่องจากน้ำมันเล็ดลอดใต้สิ่งกีดขวางที่ล้อมไว้ถึง 2 ชั้น คาดว่าประมาณ 5 พันลิตร ที่เหลือจากการเร่งฉีดสารสกัดตั้งแต่วานนี้ ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพื่อไม่ให้กระทบกับสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้
ล่าสุดนายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้ประกาศให้พื้นที่อ่าวพร้าว เป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเลแล้ว พร้อมสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งการเก็บกู้คราบน้ำมัน และฟื้นฟูชายหาด คาดน่าจะใช้เวลามากว่า 15 วัน ชายหาดน่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม









ภาพ : เนชั่นสุดสัปดาห์ NationWeekend และ โพสต์ทูเดย์

รบ.ผวา!!! แฉม็อบต้าน มีการประดิษฐ์ "พัดลมยักษ์สู้แก๊สน้ำตา- กองทัพปชช.ฯบ่ยั่นตร.-นัดซ้อมการ์ดพรุ่งนี้ เมื่อ 29 ก.ค.56



รบ.ผวา!!! แฉม็อบต้าน มีการประดิษฐ์ "พัดลมยักษ์สู้แก๊สน้ำตา- กองทัพปชช.ฯบ่ยั่นตร.-นัดซ้อมการ์ดพรุ่งนี้
กองทัพปชช.ฯ นัดประชุมหารือ -ซ้อมการ์ดในวันพรุ่งนี้ ขณะ"รบ." แฉม็อบระดมคน-มีการประดิษฐ์พัดลมยักษ์สู้แก๊สน้ำตา  
วันนี้ (29 ก.ค.) นายพิเชฐ พัฒนโชติ แกนนำคณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ เปิดเผยกับสำนักข่าวทีนิวส์ ว่า ในวันพรุ่งนี้คณะนัดประชุมหารือกัน ส่วนจะมีการเปิดตัวคณะนายทหารตำรวจกว่า 100 คนวันไหนนั้น ยังไม่ได้กำหนด รวมทั้งการซ้อมการ์ดของกลุ่มที่มีข่าวว่าจะมีการซักซ้อมกันในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ทำเนียบรัฐบาลได้มีเจ้าหน้าที่นำแท่นแบริเออร์ปูนขนาดใหญ่สูงประมาณ 160 เซนติเมตร     
ด้าน พ.ต.ท.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าวันที่ 4 ส.ค.นี้ กลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม (อพส.)ได้มีการระดมคนและมีการประดิษฐ์ เครื่องสู้แก๊สน้ำตา จำนวน 50 เครื่อง ไว้เป็นทัพหน้าปะทะตำรวจ จากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (อคฝ.)ที่จะแผนกรกฎ 52 ปิดล้อมและป้องทำเนียบรัฐบาล กับรัฐสภาประมาณ จำนวน 3 กองร้อย    
อย่างไรก็ตาม เครื่องดังกล่าวประดิษฐ์ด้วยราคาเครื่องละ 8,000 บาท ผลิตที่อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ด้วยการนำเครื่องยนต์ขนาดเล็กติดตั้งใบพัดขนาดใหญ่ มีฐานเป็นรถเข็นเพื่อเคลื่อนที่ได้เร็วลากเข็นจูงเก็บพับได้ง่าย ซึ่งคล้ายกับเครื่องยนต์ของพารามอเตอร์ โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้น้ำมันดีเซลในการขับเคลื่อนโดยมีกำลังแรงม้าสูงเท่าๆกับเครื่องยนต์รถอีแต๋นสามารถเป่าไล่ควันแก๊สน้ำตาได้ 

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เบื้องลึกศึก'วันล้างตา' 'ม็อบเสธ.อ้าย'ภาค2วันศุกร์ ที่ 26 กรกฎาคม 2556


วันศุกร์ ที่ 26 กรกฎาคม 2556


             ใครจะเชื่อว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ศึกวันล้างตาของมวยคู่อาฆาต จะระเบิดขึ้น ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเซียนการเมืองทั่วประเทศ

             "ช่วงเวลาหนึ่ง ผมหวนคำนึงถึงค่ำคืนที่แสนเจ็บปวดในใจ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ณ ถนนราชดำเนิน (ตรงข้ามกับ UN) ผมและคุณสุทิน ธราทิน ยืนอยู่บนหลังคารถเครื่องขยายเสียง พูดคุยปลอบประโลมใจพี่น้อง หลัง "เสธ.อ้าย" ประกาศสลายการชุมนุม เสียงบ่น ด่า และให้กำลังใจเราสู้ต่อไป เราส่งพี่น้องภาคใต้กลับเป็นกลุ่มสุดท้าย เราสองคนจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน..."

             นี่คือบันทึกในเฟซบุ๊กของ ทศพล แก้วทิมา อดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ ชื่อ "วันล้างตา" ตอนที่ 1 ซึ่งเขียนระหว่างนั่งฟังการแถลงข่าวเปิดตัว "คณะเสนาธิการร่วม กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" เมื่อวันก่อน

             "ทศพล" ยังจดจำภาพในค่ำคืนวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 หลังจาก "สมณะโพธิรักษ์" ได้ขึ้นเวทีเล่าเหตุการณ์โดนแก๊สน้ำตา และสถานการณ์อันสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียถึงชีวิต หากยังคงชุมนุมต่อไปจนถึงกลางคืน ตามมาด้วย "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ประกาศเลิกชุมนุม

             จากวันนั้นจนถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2556 ที่โรงแรมตรัง ถ.วิสุทธิกษัตริย์ สองคูหู ทศพล แก้วทิมา กับ สุทิน ธราทิน เอ็นจีโอชุมชนเมือง และอดีตผู้ก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ได้เปิดการแถลงข่าวเรื่องการจัดตั้ง "กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" ซึ่งไม่ค่อยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมากนัก

             แต่การข่าวในเชิงลึกทราบดีว่า มันเป็นการกลับมาของ "เสธ.อ้าย" และเพื่อนพ้องน้องพี่ โดยอาศัยกระแสหน้ากากขาว ในเบื้องต้น "ทศพล-สุทิน" ได้รวบรวมอดีตการ์ดพันธมิตรจำนวนหนึ่ง ซึ่งมาเป็น "พ่อครัวอาสา" อยู่ที่ท้องสนามหลวง เป็นกลุ่มหน้ากากหนุมาน เข้าร่วมเดินขบวนกับกลุ่มหน้ากาก V For Thailand ทุกวันอาทิตย์

             กำเนิดหน้ากากหนุมานได้นำมาซึ่งความแปลกแตกต่าง ระหว่างกองทัพประชาชนฯ กับกลุ่มหน้ากาก V For Thailand และในห้วงเวลาเดียวกัน ความขัดแย้งของกลุ่มม็อบสนามหลวงก็ถึงจุดแตกหัก เมื่อ ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประกาศถอนตัว จึงทำให้ "กลุ่มธรรมาธิปไตย" (กองทัพปลดแอกประชาชนฯ) ชุมนุมอยู่เพียงลำพัง

             19 กรกฎาคม 2556 มีรายงานข่าวว่า "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ จะปลุกชีพองค์การพิทักษ์สยาม ในชื่อ คณะเสนาธิการร่วม เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ และตามข่าวมีชื่อ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และ พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ นายทหารที่ใกล้ชิด พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร รวมอยู่ด้วย

             แต่เมื่อถึงเวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ "คณะเสนาธิการร่วม กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2556 ที่สนามม้านางเลิ้ง กลับไม่มีชื่อ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และตัว "เสธ.อ้าย" ให้สัมภาษณ์ว่า ครั้งนี้ขอเป็นผู้ให้การสนับสนุนแทน

             โดยแกนหลัก 6 คนในคณะเสนาธิการร่วมฯ ประกอบด้วย พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก, พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ อดีตหัวหน้ากองทัพนิรนาม, พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี อดีตอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหาร, พิเชฐ พัฒนโชติ อดีตแนวร่วมพันธมิตร, ไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ

             การเปิดตัวแกนนำครั้งนี้ มีความคึกคักยิ่ง และ "กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" ได้เข้ามาแทนที่ "องค์การพิทักษ์สยาม" ไปโดยปริยาย

             คณะเสนาธิการร่วม ได้ดำเนินการนัดชุมนุมโดยสันติแสดงสิทธิตามรัฐธรรมนูญและแสดงพลังในวันที่ 4 สิงหาคม 2556

             ก่อนถึงวันดีเดย์ คณะเสนาธิการร่วมได้เปิดตัวไปแล้วเท่านั้น 30 นายทหารและนักวิชาการ ที่พร้อมเข้าร่วมกับกองทัพประชาชนฯ และจากบทเรียนครั้งที่แล้ว คณะเสนาธิการร่วมจึงเชิญทหารทั้งนอกและในประจำการที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมเป็น "กองทัพปกป้องประชาชน" ให้มารายงานตัวที่สนามม้านางเลิ้ง

             ถามว่าจะมีมวลชนส่วนไหนบ้าง ที่เข้าร่วมชุมนุมกับกองทัพประชาชนฯ? ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลก็มีอยู่สองสามกลุ่ม

             กลุ่มมวลชนหน้ากากขาว ที่เคลื่อนไหวร่วมกับ "กลุ่มหนุมาน อาสาปฏิรูปประเทศไทย" และ "สมาพันธ์หน้ากากขาว V for vendetta แห่งประเทศไทย"

             เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา แกนนำสมาพันธ์หน้ากากขาวฯ ได้แจ้งผ่านเฟซบุ๊กว่า อาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคมนี้ จะเป็นภารกิจสุดท้ายของสมาพันธ์หน้ากากขาว V for vendetta แห่งประเทศไทย ก่อนจะส่งไม้ให้คณะเสนาธิการร่วม

             แกนนำกองทัพประชาชนฯ เชื่อว่า การที่พรรคเพื่อไทยนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ วรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ เลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระแรกของการเปิดสมัยประชุมสภาสามัญทั่วไปในวันที่ 7-8 สิงหาคม จะจุดกระแสให้ผู้คนเดินออกมาสู่ท้องถนนเป็นจำนวนมาก

             นับว่าเป็นจังหวะและโอกาสของคณะเสนาธิการร่วม เพราะเนื้อหาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้ มีจุดอ่อนในหลายประเด็น

             สำหรับ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 4 แกนนำคงจะมีการพิจารณาเนื้อหาสาระของร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับวรชัย และหากเข้าข่ายตามเงื่อนไขของกลุ่มพันธมิตร เช่น ออกกฎหมายล้างผิดให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะมีการระดมมวลชนออกมาชุมนุมคัดค้านต่อไป

             ขณะที่กลุ่มการนำ "หน้ากากขาว V For Thailand" ยังไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมาว่า จะส่งไม้ต่อให้คณะเสนาธิการร่วมหรือไม่? ตรงกันข้าม แอดมินเพจ V ได้โพสต์ข้อความที่ยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี

             "ถ้าหากคนไทยอยากได้ผลลัพธ์ คือชัยชนะที่ก่อสันติสุขของคนในชาติ ก็ควรสนใจเลือกใช้วิธีการที่สนับสนุนสันติวิธีของประชาชนทุกคน ต่อสู้กับเผด็จการนักการเมือง"

             จากประสบการณ์ของม็อบ เสธ.อ้าย เมื่อปลายปีที่แล้ว คณะเสนาธิการร่วมได้ให้ความสำคัญกับการจัดรูปขบวนภาคประชาชน และต้องสร้าง "กองกำลัง" ที่พร้อมปกป้องมวลชน หากทำจุดนี้ไม่ได้ก็จะหาคนออกจากบ้านมาร่วมชุมนุมเป็นเรือนหมื่นได้ยาก

             "การศึกการสงคราม หากคิดรุกรบต้องแม่นยำ มั่นคง แน่วแน่ ใช้ปัญญาควบคู่กำลัง การรบจึงจะสำเร็จ" ปรัชญาการทหารของจีนโบราณข้อนี้ คณะเสนาธิการร่วมคงต้องประเมินให้กันดี มิเช่นนั้นก็จะพบความปราชัยซ้ำสอง

ทำไมต้อง"มนูญกฤต"?

             มีรายงานข่าวจากสนามหลวง ยืนยันข้อมูลว่า สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตร กับ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภา เป็น "เสนาธิการหลังม่าน" ของกองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ

             "สมเกียรติ" เชื่อมั่นในทฤษฎีการปฏิวัติประชาชน และมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ "แกนนำสูงสุด" ของกลุ่มธรรมาธิปไตย หรือกองทัพปลดแอกประชาชนฯ

             ส่วน พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ปรากฏชื่อในแวดวงการข่าว เพราะเล่าลือกันว่า มีตัวแทนคือ พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ เป็นหนึ่งในคณะเสนาธิการร่วม

             ปัจจุบัน พล.อ.ชูเกียรติ เป็นรองประธานคณะกรรมการอำนวยการแข่งม้า ราชตฤณมัยสมาคม (สนามม้านางเลิ้ง) โดยมี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นประธาน

             แม้ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในสภาสนามนางเลิ้ง แต่ก็เป็นที่รับรู้กันว่า "พล.ต.สนั่น-พล.อ.บุญเลิศ-พล.ต.มนูญกฤต" ล้วนเป็นบิ๊กบราเธอร์แห่งสนามม้านางเลิ้ง

             นอกจากนี้ พิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา ก็ซี้ย่ำปึ้กกับ พล.ต.มนูญกฤต ซึ่งวันนี้ "พิเชฐ" มารับบทเสนาธิการแบบเต็มตัว

             จึงมีความเชื่อกันว่า พล.ต.มนูญกฤต จะเข้าร่วมเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพประชาชนฯ ในอนาคตอันใกล้นี้

             28 ปีที่แล้ว "พล.ต.มนูญกฤต" ไม่มียศไม่มีตำแหน่ง แต่งชุดลายพราง ใส่รองเท้าผ้าใบ สั่งลูกน้องเอารถถัง ม.พัน.4 ออกมายิงตูมๆ แต่บังเอิญว่า โมเดลทหารร่วมมวลชนก่อการปฏิวัติไม่สำเร็จ เลยกลายเป็น "กบฏ 9 กันยา"

             นักเคลื่อนไหวมวลชนแถวสนามม้า เชื่อว่า หากกองทัพประชาชนฯ มีจำนวนมากพอ ก็จะนำไปสู่การดึงกำลังประจำการให้ออกมาร่วมขบวนปฏิวัติประชาชน

             จะว่าไปแล้ว มันเป็นฝันสลายของ เสธ.อ้าย เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ฝันเก่าๆ ของนายทหารนักรัฐประหาร กำลังถูกปัดฝุ่นอีกครั้งหนึ่ง

.................................

(หมายเหตุ : เบื้องลึกศึก'วันล้างตา' 'ม็อบเสธ.อ้าย'ภาค2: รายงาน http://www.komchadluek.net/detail/20130726/164305/เบื้องลึกศึกวันล้างตาม็อบเสธ.อ้ายภาค2.html)

"ผู้กองปูเค็ม" ประกาศ!! ขอพี่น้องทหารกล้า-นักรบนิรนามนัดรวมตัว 28 ก.ค. ณ. ลานพระบรมรูปฯ เมื่อ 26 ก.ค.56


"ผู้กองปูเค็ม" ประกาศ!! ขอพี่น้องทหารกล้า-นักรบนิรนามนัดรวมตัว 28 ก.ค. ณ. ลานพระบรมรูปฯ

       
"ผู้กองปูเค็ม" ประกาศอีก!! ให้พี่น้องทหารกล้า-พร้อมนักรบนิรนามรวมตัว 28 ก.ค. ณ. ลานพระบรมรูปทรงม้า เวลา 16.00น.

       
         วันนี้ ( 26 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   กองทัพประชาชนโค่นระบอบ ทักษิณจัดประชุมแกนนำภูมิภาคเพื่อไปประสานงานกับแกนนำระดับจังหวัดระดมคนเข้ากรุงเทพฯให้มากที่สุด เพื่อต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรม กำชับให้เตรียมความพร้อมขั้นสูงสุดเพื่อระดมคนเข้ามาเสริมได้ตลอดเวลา ยังยึดกำหนดเดิมวันที่ 4 ส.ค.
โดยล่าสุด "เสธ.อู๊ด-ผู้กองปูเค็ม" ผู้นำกลุ่มกองทัพนิรนาม ได้ประกาศจัดชุมนุมก่อนในวันที่ 28 ก.ค. นี้ เวลา 16.00 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า

ส่อเดือด!! กองทัพปชช.นัดลุย!! 4 ส.ค.นี้ โค่นแม้ว ระดมพลพรึ่บทั่วปท.เข้ากรุง เมื่อ 26 ก.ค.56

ส่อเดือด!! กองทัพปชช.นัดลุย!! 4 ส.ค.นี้ โค่นแม้ว ระดมพลพรึ่บทั่วปท.เข้ากรุง

 กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณทั่วประเทศ  จ่อนัดลุยโค่นล้มระบอบแม้ว  4 ส.ค. นี้  โดยมีกลุ่มเสนาธิการร่วมเป็นหัวหอก
วันนี้ ( 26 ก.ค.)  “แนวร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ” ในแต่ละจังหวัด ร่วมประชุมหารือแนวทางการขับเคลื่อนมวลชนในการชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยมีกลุ่มเสนาธิการร่วม อาทิ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตแกนนำเครือข่ายคนไทยรักชาติ รักษาแผ่นดิน นายไทกร พลสุวรรณ เข้าร่วมเป็นแกนนำประชุม โดยใช้เวลาหารือประมาณ 5 ชั่วโมง

          จากนั้นเวลา 14.00 น. นายไทกรได้อ่านแถลงการณ์กองทัพประชาชนฯ ระบุว่า ที่ประชุมวิเคราะห์สถานการณ์ที่รัฐบาลเคยใช้กลไกของหน่วยราชการ ทั้งตำรวจ กระทรวงมหาดไทย ในการสกัดกั้นการชุมนุมของประชาชนที่ผ่านมา ซึ่งนำประสบการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และกลุ่ม อพส.ที่ผ่านมา มาเป็นบทเรียน เพื่อสรุปและวางมาตรการตอบโต้อย่างสันติและเป็นไปตามสิทธิแห่งรัฐธรรมนูญ โดย ที่ประชุมมีมติร่วมกัน คือ 1. ให้กองทัพประชาชนฯ ในแต่ละจังหวัด จัดตั้งมวลชนเพื่อมาเข้าร่วมชุมนุมที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 4 ส.ค. และ 2. การชุมนุมครั้งนี้เป็นการโค่นล้มระบอบทักษิณ จึงให้ในแต่ละจังหวัดเตรียมความพร้อมสูงสุดในการระดมมวลชนเข้าร่วมเป็นระยะ

          ส่วนที่กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้มีการจับตาการเคลื่อนไหวในพื้นที่นั้น นายไทกรกล่าวว่า กองทัพประชาชนฯเตรียมใช้มาตรการด้านกฎหมายกับข้าราชการคนใดที่ทำลายสิทธิของประชาชนในการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ เพราะทางกลุ่มกำหนดยุทธวิธีที่จะชุมนุมอย่างสงบและสันติ ส่วนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 3 ส.ค.ที่หน้ารัฐสภานั้น ถือว่าเป็นสิทธิ จะไม่เผชิญหน้ากับใคร ส่วนการชุมนุมในวันที่ 4 ส.ค. ไม่สามารถเปิดเผยได้ เสนอได้เพียงยุทธศาสตร์ คือ โค่นล้มระบอบทักษิณเท่านั้น แต่ยืนยันว่าสถานที่ชุมนุมคือ กรุงเทพมหานคร สามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
          เมื่อผู้สื่อข่าวถาม ถึงการเปิดตัวอดีตนายทหารที่จะสนับสนุนการชุมนุมตามที่ได้ระบุมาก่อนหน้านี้นั้น นายไทกรกล่าวว่า จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะมีอดีตนายทหารเข้าร่วมกว่า 30 นายนั้น ขณะนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ยังติดขัดเรื่องการประสานงานนัดหมาย จึงต้องเลื่อนออกไปและจะเปิดตัวให้ทราบเมื่อมีความพร้อม

          ทั้งนี้ มีรายงานว่า ระหว่างการประชุมได้มีการหารือถึงการระดมมวลชนในแต่ละจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ของกลุ่มคนเสื้อแดง เช่น จ.นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี และกทม.ในเขตหนองจอก มีนบุรี ซึ่งมีแนวทางที่จะเข้าไปทำความเข้าใจ โดยใช้เรื่องปัญหาน้ำมันแพง และค่าครองชีพที่สูงขึ้น เป็นเหตุผลในการชักจูงเข้าร่วมชุมนุม อีกทั้งจะมีการเปลี่ยนยุทธวิธี จากเดิมที่ใช้ขบวนแรลลี่ แจกใบปลิวทำความเข้าใจถึงการบริหารงานที่มีการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาล เป็นการเดินเท้าเคาะประตูตามบ้าน รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดีย และโลกออนไลน์ ซึ่งจะไม่มีการแบ่งแยกสีเสื้อ หรือกลุ่มใด หากมีเป้าหมายเดียวกันก็จะชวนเข้าร่วมชุมนุม โดยตั้งเป้าว่าเมื่อเรียกระดมพลครั้งแรกในวันที่ 4 ส.ค.จะต้องมีมวลชนเข้าร่วมอย่างน้อย 3 หมื่นคน

          ขณะที่นายสุทิน ธราทิน คณะทำงานกองทัพประชาชนฯ เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะมีการประชุมแกนนำในแต่ละอำเภอทั่วประเทศ ถึงความคืบหน้าในระดมมวลชนเข้าร่วมชุมนุม โดยในวันที่ 28 ก.ค.จะประชุมกลุ่มภาคเหนือตอนบนที่ จ.เชียงใหม่ ภาคอีสานตอนบนที่ จ.ขอนแก่น กทม. ภาคตะวันตกและภาคกลางที่ กทม. และภาคใต้ตอนบนที่ จ.สุราษฎร์ธานี และวันที่ 29 ก.ค.จะประชุมกลุ่มภาคเหนือตอนล่างที่ จ.พิษณุโลก ภาคใต้ตอนล่างที่ จ.สงขลา อีสานตอนล่างที่ จ.นครราชสีมา และภาคตะวันออกที่ จ.ระยอง

ตำรวจภูธรภาค4 จำนวน3 กองร้อย พร้อมลงไป รับม็อบการเมือง ที่กทม.เมื่อ 26 ก.ค.56



ตำรวจภูธรภาค4 จำนวน3 กองร้อย พร้อมลงไป รับม็อบการเมือง ที่กทม.
อุดรธานี-ตำรวจชุดปราบจลาจล 3 กองร้อย จำนวน 450 นาย  โดยมีตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด  เพื่อรับมือการชุมนุมม็อบทางการเมือง ที่กทม.
วันนี้(26 ก.ค. ) ที่ลานปูน สนามทุ่งศรีเมืองอุดรธานี  พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค4 ได้เดินทางมาตรวจความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจล 3 กองร้อย จำนวน 450 นาย  โดยมีตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด  เพื่อรับมือการชุมนุมม็อบทางการเมือง ที่กทม. ถ้ามีคำสั่งให้สามารถเดินลงไปปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที
 พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ เปิดเผยว่า พล.ต.ท.กวี  สุภานันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค4 ได้สั่งการในเรื่องความพร้อมกำลังพล 3 กองร้อยมาตรฐาน ต้องเตรียมตัว สามารถเดินทางไปได้ภายในอาทิตย์เป็นต้นไป ส่วนกองร้อยที่เหลือ อีก29 กองร้อย ของตำรวจภูธรภาค4 ให้ทำการฝึกทบทวนเอาไว้ ในรูปแบบการฝึกรับมือม็อบและสภาพความพร้อมทางร่างกาย  ซึ่งกำลังพลของตำรวจภูธรภาค4 ในตอนนี้มีทั้งหมดอยู่ 32กองร้อย ควบคุมฝูงชน แต่ขั้นต้นถ้าได้รับคำสั่ง มา ตำรวจ3 กองร้อย สามารถออกปฏิบัติการได้ทันที โดยมีของจังหวัดอุดรธานี จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดร้อยเอ็ด
สำหรับการชุมนุมในแต่ละจังหวัดทางการเมืองนั้น ได้สั่งการให้ตำรวจในแต่ละพื้นที่ ดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งการชุมนุมเป็นสิทธิของประชาชน อยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ควบคุม ดูแลรักษาความปลอดภัย ให้เขาปลอดภัย และไม่ให้ผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันมาปะทะกัน ซึ่งเราจะให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกฝ่าย
นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี / รายงาน


คอลัมน์ : เจาะข่าวร้อนล้วงข่าวลึก


ว่าด้วยเรื่องของกองกำลังติดอาวุธที่นำมาซึ่งความสูญเสียผ่านการเข่นฆ่าทั้งทหารคนเสื้อแดง และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ในทรรศนะของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้เคยระบุว่าเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ ที่อยู่เบื้องหลัง??? ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าภาพของความสูญเสียที่เกิดขึ้นแทบทั้งหมด ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับความกระเหี้ยนกระหือรือของพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น????
ล่าสุดจะเรียกว่าฟ้ามีตาได้หรือไม่ เมื่อมีข่าวการทวงถามความคืบหน้าคดีคนตายของพ่อแม่คู่หนึ่ง ที่กลายเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้รู้ความจริง ในเรื่องของกองกำลังติดอาวุธคนเสื้อแดง
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสงวน แปน้อย อายุ 63 ปี ชาว อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เข้าพบพนักงานสอบสวนที่ กองปราบปราม เพื่อร้องเรียนกรณี
นายยืนยง แปน้อย อายุ 36 ปี บุตรชาย อดีตการ์ดเสื้อแดง ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 ต.ค.2553 โดยแจ้งความไว้ที่ สภ.ประจันตาคาม จ.ปราจีนบุรี ท้องที่เกิดเหตุแต่ผ่านมา เกือบ 3 ปี แล้วคดีกลับไม่คืบ
         
นางสงวน กล่าวว่า ลูกชายเคยไปอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาทำงานที่กรุงเทพ ฯ โดยที่ตนไม่รู้ว่าทำงานอะไร ก่อนจะถูกอุ้มไปยิงเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้เข้าไปร้องเรียนที่ สภ.ประจันตาคามแล้ว ครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินทางมาร้องที่กองปราบเพื่อให้เร่งรัดคดี        
รายงานแจ้งว่า นายยืนยง เคยเป็นการ์ดให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงช่วงปี 2553 ต่อมาได้เข้าไปรับรู้ข้อมูลอะไรบางอย่างจนเกิดการขัดแย้งหักหลังภายในกลุ่มคนเสื้อแดงเอง จนทำให้ถูกอุ้มไปฆาตกรรม ซึ่งเชื่อว่ามีดีเจเสื้อแดง จ.เชียงใหม่ เป็นผู้บงการ?
นอกจากนี้ ยังมีนายกิติศักดิ์ ศรีสุนทร อดีตหนึ่งในกลุ่มการ์ดของ นปช. ที่ได้เดินทางมาด้วยและเป็นเพื่อนของผู้ตาย ได้เป็นพยานบุคคล ยืนยันนายยืนยงเป็นการ์ดของกลุ่ม นปช .ที่ถูกส่งตัวข้ามาช่วย กลุ่มคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์ กรุงเทพฯเมื่อปี 2553 ก่อนที่จะถูกอุ้มหายตัวไป เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2553 ในตอนเช้าและมาพบกลายเป็นศพอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรีต่อมานั้น ส่วนสาเหตุในการอุ้มครั้งนี้เป็นเพราะเรื่องขัดแย้งผลประโยชน์ ในกลุ่มนปช.ที่ผู้ตาย รู้ความลับขององค์กรมากเกินไป คนร้ายที่ร่วมอุ้มในครั้งนี้มีทั้งหมด 6 คน ซึ่งล้วนเป็นการ์ดคนเสื้อแดง(นปช.)ทั้งนั้น
นายกิติศักดิ์ ศรีสุนทร อดีตหนึ่งในกลุ่มการ์ดของ นปช.ที่ออกมาให้ข้อมูลเรื่องของการอุ้มฆ่าดังกล่าว ปรากฏว่าจากการตรวจสอบของสำนักข่าวทีนิวส์เขาเป็นคนคนเดียวกับคนที่อ้างว่าเป็นอดีตการ์ดนปช. ที่ทำการบันทึกภาพของตนเองเผยแพร่ในยูทูปก่อนหน้านี้ เพื่อทำการแฉการหักหลังกันเองของกลุ่มแกนนำและกองกำลังการ์ด
ทั้งการตายของนายยืนยังที่เพื่อนของเขาฟันธงว่าเป็นการฆ่าปิดปากเพราะไปล่วงรู้ความลับขององค์กรนปช.
หรือกรณีคำยืนยันของนายกิตติศักดิ์ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของนายยืนยงก็คือแกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ ซึ่งสอดคล้องกันอย่างชนิดที่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญว่าข้อมูลที่ว่ามาทั้งหมดนั้น ตรงกับรายการการทำสำนวนคดีของดีเอสไอ ที่ได้จากการรับสารภาพของกองกำลังชุดดำที่ถูกจับได้เมื่อปี 2553
ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2553 หลังจากการถูกยิงเสียชีวิตของนายยืนยงแค่เพียง 7 วันเท่านั้น พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน พนักงานสอบ สวนคดีก่อการร้าย แถลงความคืบหน้าในการสอบปากคำกลุ่มนักรบแดง 11 คน ที่ตำรวจจับกุมได้ที่ดอยคู่ฟ้ารีสอร์ท อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ว่าทั้ง 11 คนได้ให้การที่เป็นประโยชน์ ดังนั้นดีเอสไอจะกันคนเหล่านี้ไว้เป็นพยาน
กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ให้การว่า ได้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตั้งแต่เริ่มการชุมนุมช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.53 และได้เห็นกลุ่ม นปช.ฮาร์ดคอร์ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ทหาร ยิงรถดับเพลิง ในวันที่ 14-19 พ.ค. โดยในจำนวนนี้หลายรายถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ บางคนมีหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ได้รับการประกันออกไป เนื่องจากมีทนายของพรรคฝ่ายค้านในขณะนั้นไปขอยื่นประกันตัวออกมาแล้วหลบหนีไป
พ.ต.ท.พเยาว์บอกว่า ระหว่างที่กลุ่มคนดังกล่าวหลบหนี ได้มีกลุ่มแกนนำระดับรองโดยเฉพาะกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ซึ่งนำโดย นางกัญญาภัค มณีจักร หรือดีเจอ้อม และนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ได้ติดต่อประสานเพื่อหาคนไปฝึกอาวุธที่ประเทศกัมพูชาจำนวน 39 คน โดยมีผู้ประสานงานแบ่งออกมาเป็น 2-3 สาย ในการชักชวนและจัดหาเส้นทางส่งคนออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน?
โดยเส้นทางที่ 1 เป็นการเดินทางออกจาก กทม.-อ.ช่องจอม จ.สุรินทร์ เส้นทางที่ 2 จาก กทม.-โคราช-สุรินทร์ ออกกัมพูชา และเส้นทางที่ 3 กทม.-พัทยา-สระแก้ว-กัมพูชา ซึ่งทุกเส้นทางจะไม่ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นทุกคนจะถูกนำตัวไปพักอยู่ในบ้านแห่งหนึ่งเพื่อรอรับการฝึก บางส่วนถูกส่งไปพักที่โรงแรมอังกอร์ จ.เสียมเรียบ จากนั้นจึงนำไปเข้ารับการฝึกที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งที่ จ.เสียมเรียบ เป็นเวลา 3 สัปดาห์
พ.ต.ท.พเยาว์กล่าวอีกว่า กลุ่มนักรบแดงทั้ง 11 คนนี้ได้ให้การว่า การฝึกสัปดาห์แรกจะมีการให้ความรู้ ปลุกระดมสมอง ฝังความเชื่อที่ผิดๆ นำวิดีโอและวีซีดีที่เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันมาให้ดู เพื่อทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดชัง สัปดาห์ที่ 2 เป็นการฝึกด้านอาวุธศึกษา ด้านวิธีการใช้เอ็ม 16, อาก้า, เอ็ม 79, ระเบิดซีโฟร์ และอื่นๆ ส่วนสัปดาห์สุดท้ายเป็นการฝึกอาวุธจริง กระสุนจริง ระเบิดจริง
ระหว่างฝึกจะได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงเป็นค่าตอบแทนไม่มากนัก แต่หลังการฝึกทุกคนจะได้รับเงินเป็นจำนวน 20,000 บาท และพากลับเข้ามาในประเทศ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ผ่านเข้ามาทางชายแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ สำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกมีจำนวน 39 คน และเดินทางกลับเข้ามาเพียง 35 คน ที่เหลืออีก 4 คนนั้น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ไม่ให้กลับ แต่ได้นำตัวไว้เป็นการ์ดของตัวเอง โดยหนึ่งในจำนวนนั้นมีนายมงคล สารพัน ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายรวมอยู่ด้วย
การที่เจ้าหน้าที่รับรู้ข้อมูลเชิงลึกถึงขนาดนั้นก็เป็นเพราะมีอดีตนักรบชุดดำคนหนึ่งที่หนีออกมาแล้วไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ถึงตรงนี้ก็อาจจะตั้งข้อสังเกตว่านายยืนยงที่ถูกยิงตายก็เพราะพยายามที่จะหลบหนีออกมาเช่นเดียวกัน แต่หนีไม่พ้นจึงถูกฆ่าปิดปากใช่หรือไม่
พ.ต.ท.พะเยาว์กล่าวว่า 11 นักรบแดงยังระบุด้วยว่า ระหว่างที่อยู่ในกัมพูชาได้พบแกนนำที่หลบหนีหลายคนอยู่ที่นั่น รวมทั้งพบกลุ่มดีเจภาคเหนือทั้งหมด รวมทั้งผู้ประสานงานของกลุ่ม นปช.อีก 2 คน ซึ่งเป็นผู้ติดต่อให้ทั้ง 11 คนมารวมตัวกันที่ดอยคู่ฟ้ารีสอร์ท จ.เชียงใหม่ ก่อนเริ่มปฏิบัติการประทุษร้ายบุคคลและสถานที่
โดยเก็บตัวคนเหล่านี้ไว้นานกว่า 1 เดือน แต่ปรากฏว่านายกิตติชัย จันทร์สวัสดิ์ ทนไม่ไหวและได้หลบหนีออกมาก่อน โดยขอให้ชาวบ้านพาไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่เหลืออีก 24 คนที่ได้รับการฝึกมาแล้ว ได้กระจายกันอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากคนเหล่านี้มีหลายกลุ่ม บางคนอยู่ ลพบุรี, กทม., ชลบุรี, สระบุรี
พยานหลักฐานนอกจากคำรับสารภาพ พนักงานสอบสวนได้พบแผนที่บ้านของผู้นำที่เป็นเป้าหมายถูกปองร้าย รวมทั้งชิพขนาดเท่าซิมการ์ดโทรศัพท์ ที่ระบุรหัสลับประจำตัวเป็นโค้ดซึ่งใช้เรียกแทนชื่อจริง มีข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งทหารกัมพูชาเป็นผู้จัดทำให้ อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนที่บ้านบุคคลสำคัญที่ปรากฏเป็นหลักฐานที่ได้จาก 11 คน เป็นรูปแผนที่บ้านของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น รวมทั้งเส้นทางการเดินทาง ขบวนนำ ขบวนติดตาม เส้นทางกลับรถ
พ.ต.ท.พะเยาว์เผยว่า ในส่วนนี้ถือเป็นข้อมูลที่ฝ่ายความมั่นคงและดีเอสไอจะต้องให้ความสำคัญ เพราะขณะนี้กลุ่มบุคคลที่ได้รับการฝึกยังอยู่กระจัดกระจายและไม่ทราบว่ามีใครบ้าง ทราบเพียงแต่ชื่อเล่น และได้ข้อมูลว่ามีการฝึกการใช้อาวุธให้กับกลุ่มบุคคลมาแล้ว 2 ชุด ทางดีเอสไอจะรายงานถึงกระทรวงยุติธรรมเพื่อรายงานต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับการเข้ามาแทรกแซงความมั่นคงของประเทศไทย จากกรณีที่ให้พื้นที่ฝึกอาวุธเพื่อต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาลต่อไป
เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ยังคงอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและนายธาริต เพ็งดิฐ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษก็น่าที่จะรู้ดีที่สุดว่านายยืนยงถูกฆ่าปิดปาก และเกี่ยวข้องกับการถูกส่งตัวไปฝึกอาวุธที่กัมพูชา โดยมีการสนับสนุนจากแกนนำคนเสื้อแดงจริงหรือไม่

ฟ้ามีตาก่อนถก “นิรโทษกรรม” แกนนำแดงฆ่าปิดปากกองกำลังชุดดำ???เมื่อ 26 ก.ค.56



ฟ้ามีตาก่อนถก “นิรโทษกรรม” แกนนำแดงฆ่าปิดปากกองกำลังชุดดำ???

ว่าด้วยเรื่องของกองกำลังติดอาวุธที่นำมาซึ่งความสูญเสียผ่านการเข่นฆ่าทั้งทหารคนเสื้อแดง และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ในทรรศนะของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้เคยระบุว่าเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ ที่อยู่เบื้องหลัง??? ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าภาพของความสูญเสียที่เกิดขึ้นแทบทั้งหมด ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับความกระเหี้ยนกระหือรือของพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น????
ล่าสุดจะเรียกว่าฟ้ามีตาได้หรือไม่ เมื่อมีข่าวการทวงถามความคืบหน้าคดีคนตายของพ่อแม่คู่หนึ่ง ที่กลายเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้รู้ความจริง ในเรื่องของกองกำลังติดอาวุธคนเสื้อแดง
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสงวน แปน้อย อายุ 63 ปี ชาว อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เข้าพบพนักงานสอบสวนที่ กองปราบปราม เพื่อร้องเรียนกรณี
นายยืนยง แปน้อย อายุ 36 ปี บุตรชาย อดีตการ์ดเสื้อแดง ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 ต.ค.2553 โดยแจ้งความไว้ที่ สภ.ประจันตาคาม จ.ปราจีนบุรี ท้องที่เกิดเหตุแต่ผ่านมา เกือบ 3 ปี แล้วคดีกลับไม่คืบ
นางสงวน กล่าวว่า ลูกชายเคยไปอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาทำงานที่กรุงเทพ ฯ โดยที่ตนไม่รู้ว่าทำงานอะไร ก่อนจะถูกอุ้มไปยิงเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้เข้าไปร้องเรียนที่ สภ.ประจันตาคามแล้ว ครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินทางมาร้องที่กองปราบเพื่อให้เร่งรัดคดี      
รายงานแจ้งว่า นายยืนยง เคยเป็นการ์ดให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงช่วงปี 2553 ต่อมาได้เข้าไปรับรู้ข้อมูลอะไรบางอย่างจนเกิดการขัดแย้งหักหลังภายในกลุ่มคนเสื้อแดงเอง จนทำให้ถูกอุ้มไปฆาตกรรม ซึ่งเชื่อว่ามีดีเจเสื้อแดง จ.เชียงใหม่ เป็นผู้บงการ?
นอกจากนี้ ยังมีนายกิติศักดิ์ ศรีสุนทร อดีตหนึ่งในกลุ่มการ์ดของ นปช. ที่ได้เดินทางมาด้วยและเป็นเพื่อนของผู้ตาย ได้เป็นพยานบุคคล ยืนยันนายยืนยงเป็นการ์ดของกลุ่ม นปช .ที่ถูกส่งตัวข้ามาช่วย กลุ่มคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์ กรุงเทพฯเมื่อปี 2553 ก่อนที่จะถูกอุ้มหายตัวไป เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2553 ในตอนเช้าและมาพบกลายเป็นศพอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรีต่อมานั้น ส่วนสาเหตุในการอุ้มครั้งนี้เป็นเพราะเรื่องขัดแย้งผลประโยชน์ ในกลุ่มนปช.ที่ผู้ตาย รู้ความลับขององค์กรมากเกินไป คนร้ายที่ร่วมอุ้มในครั้งนี้มีทั้งหมด 6 คน ซึ่งล้วนเป็นการ์ดคนเสื้อแดง(นปช.)ทั้งนั้น
นายกิติศักดิ์ ศรีสุนทร อดีตหนึ่งในกลุ่มการ์ดของ นปช.ที่ออกมาให้ข้อมูลเรื่องของการอุ้มฆ่าดังกล่าว ปรากฏว่าจากการตรวจสอบของสำนักข่าวทีนิวส์เขาเป็นคนคนเดียวกับคนที่อ้างว่าเป็นอดีตการ์ดนปช. ที่ทำการบันทึกภาพของตนเองเผยแพร่ในยูทูปก่อนหน้านี้ เพื่อทำการแฉการหักหลังกันเองของกลุ่มแกนนำและกองกำลังการ์ด
ทั้งการตายของนายยืนยังที่เพื่อนของเขาฟันธงว่าเป็นการฆ่าปิดปากเพราะไปล่วงรู้ความลับขององค์กรนปช.
หรือกรณีคำยืนยันของนายกิตติศักดิ์ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของนายยืนยงก็คือแกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ ซึ่งสอดคล้องกันอย่างชนิดที่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญว่าข้อมูลที่ว่ามาทั้งหมดนั้น ตรงกับรายการการทำสำนวนคดีของดีเอสไอ ที่ได้จากการรับสารภาพของกองกำลังชุดดำที่ถูกจับได้เมื่อปี 2553
ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2553 หลังจากการถูกยิงเสียชีวิตของนายยืนยงแค่เพียง 7 วันเท่านั้น พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน พนักงานสอบ สวนคดีก่อการร้าย แถลงความคืบหน้าในการสอบปากคำกลุ่มนักรบแดง 11 คน ที่ตำรวจจับกุมได้ที่ดอยคู่ฟ้ารีสอร์ท อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ว่าทั้ง 11 คนได้ให้การที่เป็นประโยชน์ ดังนั้นดีเอสไอจะกันคนเหล่านี้ไว้เป็นพยานกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ให้การว่า ได้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตั้งแต่เริ่มการชุมนุมช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.53 และได้เห็นกลุ่ม นปช.ฮาร์ดคอร์ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ทหาร ยิงรถดับเพลิง ในวันที่ 14-19 พ.ค. โดยในจำนวนนี้หลายรายถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ บางคนมีหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ได้รับการประกันออกไป เนื่องจากมีทนายของพรรคฝ่ายค้านในขณะนั้นไปขอยื่นประกันตัวออกมาแล้วหลบหนีไป
พ.ต.ท.พเยาว์บอกว่า ระหว่างที่กลุ่มคนดังกล่าวหลบหนี ได้มีกลุ่มแกนนำระดับรองโดยเฉพาะกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ซึ่งนำโดย นางกัญญาภัค มณีจักร หรือดีเจอ้อม และนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ได้ติดต่อประสานเพื่อหาคนไปฝึกอาวุธที่ประเทศกัมพูชาจำนวน 39 คน โดยมีผู้ประสานงานแบ่งออกมาเป็น 2-3 สาย ในการชักชวนและจัดหาเส้นทางส่งคนออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน?
โดยเส้นทางที่ 1 เป็นการเดินทางออกจาก กทม.-อ.ช่องจอม จ.สุรินทร์ เส้นทางที่ 2 จาก กทม.-โคราช-สุรินทร์ ออกกัมพูชา และเส้นทางที่ 3 กทม.-พัทยา-สระแก้ว-กัมพูชา ซึ่งทุกเส้นทางจะไม่ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นทุกคนจะถูกนำตัวไปพักอยู่ในบ้านแห่งหนึ่งเพื่อรอรับการฝึก บางส่วนถูกส่งไปพักที่โรงแรมอังกอร์ จ.เสียมเรียบ จากนั้นจึงนำไปเข้ารับการฝึกที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งที่ จ.เสียมเรียบ เป็นเวลา 3 สัปดาห์
พ.ต.ท.พเยาว์กล่าวอีกว่า กลุ่มนักรบแดงทั้ง 11 คนนี้ได้ให้การว่า การฝึกสัปดาห์แรกจะมีการให้ความรู้ ปลุกระดมสมอง ฝังความเชื่อที่ผิดๆ นำวิดีโอและวีซีดีที่เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันมาให้ดู เพื่อทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดชัง สัปดาห์ที่ 2 เป็นการฝึกด้านอาวุธศึกษา ด้านวิธีการใช้เอ็ม 16, อาก้า, เอ็ม 79, ระเบิดซีโฟร์ และอื่นๆ ส่วนสัปดาห์สุดท้ายเป็นการฝึกอาวุธจริง กระสุนจริง ระเบิดจริง
ระหว่างฝึกจะได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงเป็นค่าตอบแทนไม่มากนัก แต่หลังการฝึกทุกคนจะได้รับเงินเป็นจำนวน 20,000 บาท และพากลับเข้ามาในประเทศ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ผ่านเข้ามาทางชายแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ สำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกมีจำนวน 39 คน และเดินทางกลับเข้ามาเพียง 35 คน ที่เหลืออีก 4 คนนั้น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ไม่ให้กลับ แต่ได้นำตัวไว้เป็นการ์ดของตัวเอง โดยหนึ่งในจำนวนนั้นมีนายมงคล สารพัน ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายรวมอยู่ด้วย
การที่เจ้าหน้าที่รับรู้ข้อมูลเชิงลึกถึงขนาดนั้นก็เป็นเพราะมีอดีตนักรบชุดดำคนหนึ่งที่หนีออกมาแล้วไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ถึงตรงนี้ก็อาจจะตั้งข้อสังเกตว่านายยืนยงที่ถูกยิงตายก็เพราะพยายามที่จะหลบหนีออกมาเช่นเดียวกัน แต่หนีไม่พ้นจึงถูกฆ่าปิดปากใช่หรือไม่
พ.ต.ท.พะเยาว์กล่าวว่า 11 นักรบแดงยังระบุด้วยว่า ระหว่างที่อยู่ในกัมพูชาได้พบแกนนำที่หลบหนีหลายคนอยู่ที่นั่น รวมทั้งพบกลุ่มดีเจภาคเหนือทั้งหมด รวมทั้งผู้ประสานงานของกลุ่ม นปช.อีก 2 คน ซึ่งเป็นผู้ติดต่อให้ทั้ง 11 คนมารวมตัวกันที่ดอยคู่ฟ้ารีสอร์ท จ.เชียงใหม่ ก่อนเริ่มปฏิบัติการประทุษร้ายบุคคลและสถานที่
โดยเก็บตัวคนเหล่านี้ไว้นานกว่า 1 เดือน แต่ปรากฏว่านายกิตติชัย จันทร์สวัสดิ์ ทนไม่ไหวและได้หลบหนีออกมาก่อน โดยขอให้ชาวบ้านพาไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่เหลืออีก 24 คนที่ได้รับการฝึกมาแล้ว ได้กระจายกันอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากคนเหล่านี้มีหลายกลุ่ม บางคนอยู่ ลพบุรี, กทม., ชลบุรี, สระบุรี
พยานหลักฐานนอกจากคำรับสารภาพ พนักงานสอบสวนได้พบแผนที่บ้านของผู้นำที่เป็นเป้าหมายถูกปองร้าย รวมทั้งชิพขนาดเท่าซิมการ์ดโทรศัพท์ ที่ระบุรหัสลับประจำตัวเป็นโค้ดซึ่งใช้เรียกแทนชื่อจริง มีข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งทหารกัมพูชาเป็นผู้จัดทำให้ อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนที่บ้านบุคคลสำคัญที่ปรากฏเป็นหลักฐานที่ได้จาก 11 คน เป็นรูปแผนที่บ้านของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น รวมทั้งเส้นทางการเดินทาง ขบวนนำ ขบวนติดตาม เส้นทางกลับรถ
พ.ต.ท.พะเยาว์เผยว่า ในส่วนนี้ถือเป็นข้อมูลที่ฝ่ายความมั่นคงและดีเอสไอจะต้องให้ความสำคัญ เพราะขณะนี้กลุ่มบุคคลที่ได้รับการฝึกยังอยู่กระจัดกระจายและไม่ทราบว่ามีใครบ้าง ทราบเพียงแต่ชื่อเล่น และได้ข้อมูลว่ามีการฝึกการใช้อาวุธให้กับกลุ่มบุคคลมาแล้ว 2 ชุด ทางดีเอสไอจะรายงานถึงกระทรวงยุติธรรมเพื่อรายงานต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับการเข้ามาแทรกแซงความมั่นคงของประเทศไทย จากกรณีที่ให้พื้นที่ฝึกอาวุธเพื่อต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาลต่อไป
เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ยังคงอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและนายธาริต เพ็งดิฐ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษก็น่าที่จะรู้ดีที่สุดว่านายยืนยงถูกฆ่าปิดปาก และเกี่ยวข้องกับการถูกส่งตัวไปฝึกอาวุธที่กัมพูชา โดยมีการสนับสนุนจากแกนนำคนเสื้อแดงจริงหรือไม่

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คลิปข่าวต้นชั่วโมง เมื่อ 25 ก.ค.56



นพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2556 13:15น.
468002
วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2556 12:15น.
467975
วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2556 11:10น.
467962
วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2556 10:16น.
467946
วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2556 9:13น.
467938
วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2556 8:14น.