วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เบื้องลึกศึก'วันล้างตา' 'ม็อบเสธ.อ้าย'ภาค2วันศุกร์ ที่ 26 กรกฎาคม 2556


วันศุกร์ ที่ 26 กรกฎาคม 2556


             ใครจะเชื่อว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ศึกวันล้างตาของมวยคู่อาฆาต จะระเบิดขึ้น ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเซียนการเมืองทั่วประเทศ

             "ช่วงเวลาหนึ่ง ผมหวนคำนึงถึงค่ำคืนที่แสนเจ็บปวดในใจ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ณ ถนนราชดำเนิน (ตรงข้ามกับ UN) ผมและคุณสุทิน ธราทิน ยืนอยู่บนหลังคารถเครื่องขยายเสียง พูดคุยปลอบประโลมใจพี่น้อง หลัง "เสธ.อ้าย" ประกาศสลายการชุมนุม เสียงบ่น ด่า และให้กำลังใจเราสู้ต่อไป เราส่งพี่น้องภาคใต้กลับเป็นกลุ่มสุดท้าย เราสองคนจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน..."

             นี่คือบันทึกในเฟซบุ๊กของ ทศพล แก้วทิมา อดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ ชื่อ "วันล้างตา" ตอนที่ 1 ซึ่งเขียนระหว่างนั่งฟังการแถลงข่าวเปิดตัว "คณะเสนาธิการร่วม กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" เมื่อวันก่อน

             "ทศพล" ยังจดจำภาพในค่ำคืนวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 หลังจาก "สมณะโพธิรักษ์" ได้ขึ้นเวทีเล่าเหตุการณ์โดนแก๊สน้ำตา และสถานการณ์อันสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียถึงชีวิต หากยังคงชุมนุมต่อไปจนถึงกลางคืน ตามมาด้วย "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ประกาศเลิกชุมนุม

             จากวันนั้นจนถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2556 ที่โรงแรมตรัง ถ.วิสุทธิกษัตริย์ สองคูหู ทศพล แก้วทิมา กับ สุทิน ธราทิน เอ็นจีโอชุมชนเมือง และอดีตผู้ก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ได้เปิดการแถลงข่าวเรื่องการจัดตั้ง "กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" ซึ่งไม่ค่อยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมากนัก

             แต่การข่าวในเชิงลึกทราบดีว่า มันเป็นการกลับมาของ "เสธ.อ้าย" และเพื่อนพ้องน้องพี่ โดยอาศัยกระแสหน้ากากขาว ในเบื้องต้น "ทศพล-สุทิน" ได้รวบรวมอดีตการ์ดพันธมิตรจำนวนหนึ่ง ซึ่งมาเป็น "พ่อครัวอาสา" อยู่ที่ท้องสนามหลวง เป็นกลุ่มหน้ากากหนุมาน เข้าร่วมเดินขบวนกับกลุ่มหน้ากาก V For Thailand ทุกวันอาทิตย์

             กำเนิดหน้ากากหนุมานได้นำมาซึ่งความแปลกแตกต่าง ระหว่างกองทัพประชาชนฯ กับกลุ่มหน้ากาก V For Thailand และในห้วงเวลาเดียวกัน ความขัดแย้งของกลุ่มม็อบสนามหลวงก็ถึงจุดแตกหัก เมื่อ ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประกาศถอนตัว จึงทำให้ "กลุ่มธรรมาธิปไตย" (กองทัพปลดแอกประชาชนฯ) ชุมนุมอยู่เพียงลำพัง

             19 กรกฎาคม 2556 มีรายงานข่าวว่า "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ จะปลุกชีพองค์การพิทักษ์สยาม ในชื่อ คณะเสนาธิการร่วม เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ และตามข่าวมีชื่อ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และ พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ นายทหารที่ใกล้ชิด พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร รวมอยู่ด้วย

             แต่เมื่อถึงเวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ "คณะเสนาธิการร่วม กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2556 ที่สนามม้านางเลิ้ง กลับไม่มีชื่อ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และตัว "เสธ.อ้าย" ให้สัมภาษณ์ว่า ครั้งนี้ขอเป็นผู้ให้การสนับสนุนแทน

             โดยแกนหลัก 6 คนในคณะเสนาธิการร่วมฯ ประกอบด้วย พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก, พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ อดีตหัวหน้ากองทัพนิรนาม, พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี อดีตอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหาร, พิเชฐ พัฒนโชติ อดีตแนวร่วมพันธมิตร, ไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ

             การเปิดตัวแกนนำครั้งนี้ มีความคึกคักยิ่ง และ "กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" ได้เข้ามาแทนที่ "องค์การพิทักษ์สยาม" ไปโดยปริยาย

             คณะเสนาธิการร่วม ได้ดำเนินการนัดชุมนุมโดยสันติแสดงสิทธิตามรัฐธรรมนูญและแสดงพลังในวันที่ 4 สิงหาคม 2556

             ก่อนถึงวันดีเดย์ คณะเสนาธิการร่วมได้เปิดตัวไปแล้วเท่านั้น 30 นายทหารและนักวิชาการ ที่พร้อมเข้าร่วมกับกองทัพประชาชนฯ และจากบทเรียนครั้งที่แล้ว คณะเสนาธิการร่วมจึงเชิญทหารทั้งนอกและในประจำการที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมเป็น "กองทัพปกป้องประชาชน" ให้มารายงานตัวที่สนามม้านางเลิ้ง

             ถามว่าจะมีมวลชนส่วนไหนบ้าง ที่เข้าร่วมชุมนุมกับกองทัพประชาชนฯ? ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลก็มีอยู่สองสามกลุ่ม

             กลุ่มมวลชนหน้ากากขาว ที่เคลื่อนไหวร่วมกับ "กลุ่มหนุมาน อาสาปฏิรูปประเทศไทย" และ "สมาพันธ์หน้ากากขาว V for vendetta แห่งประเทศไทย"

             เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา แกนนำสมาพันธ์หน้ากากขาวฯ ได้แจ้งผ่านเฟซบุ๊กว่า อาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคมนี้ จะเป็นภารกิจสุดท้ายของสมาพันธ์หน้ากากขาว V for vendetta แห่งประเทศไทย ก่อนจะส่งไม้ให้คณะเสนาธิการร่วม

             แกนนำกองทัพประชาชนฯ เชื่อว่า การที่พรรคเพื่อไทยนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ วรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ เลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระแรกของการเปิดสมัยประชุมสภาสามัญทั่วไปในวันที่ 7-8 สิงหาคม จะจุดกระแสให้ผู้คนเดินออกมาสู่ท้องถนนเป็นจำนวนมาก

             นับว่าเป็นจังหวะและโอกาสของคณะเสนาธิการร่วม เพราะเนื้อหาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้ มีจุดอ่อนในหลายประเด็น

             สำหรับ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 4 แกนนำคงจะมีการพิจารณาเนื้อหาสาระของร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับวรชัย และหากเข้าข่ายตามเงื่อนไขของกลุ่มพันธมิตร เช่น ออกกฎหมายล้างผิดให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะมีการระดมมวลชนออกมาชุมนุมคัดค้านต่อไป

             ขณะที่กลุ่มการนำ "หน้ากากขาว V For Thailand" ยังไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมาว่า จะส่งไม้ต่อให้คณะเสนาธิการร่วมหรือไม่? ตรงกันข้าม แอดมินเพจ V ได้โพสต์ข้อความที่ยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี

             "ถ้าหากคนไทยอยากได้ผลลัพธ์ คือชัยชนะที่ก่อสันติสุขของคนในชาติ ก็ควรสนใจเลือกใช้วิธีการที่สนับสนุนสันติวิธีของประชาชนทุกคน ต่อสู้กับเผด็จการนักการเมือง"

             จากประสบการณ์ของม็อบ เสธ.อ้าย เมื่อปลายปีที่แล้ว คณะเสนาธิการร่วมได้ให้ความสำคัญกับการจัดรูปขบวนภาคประชาชน และต้องสร้าง "กองกำลัง" ที่พร้อมปกป้องมวลชน หากทำจุดนี้ไม่ได้ก็จะหาคนออกจากบ้านมาร่วมชุมนุมเป็นเรือนหมื่นได้ยาก

             "การศึกการสงคราม หากคิดรุกรบต้องแม่นยำ มั่นคง แน่วแน่ ใช้ปัญญาควบคู่กำลัง การรบจึงจะสำเร็จ" ปรัชญาการทหารของจีนโบราณข้อนี้ คณะเสนาธิการร่วมคงต้องประเมินให้กันดี มิเช่นนั้นก็จะพบความปราชัยซ้ำสอง

ทำไมต้อง"มนูญกฤต"?

             มีรายงานข่าวจากสนามหลวง ยืนยันข้อมูลว่า สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตร กับ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภา เป็น "เสนาธิการหลังม่าน" ของกองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ

             "สมเกียรติ" เชื่อมั่นในทฤษฎีการปฏิวัติประชาชน และมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ "แกนนำสูงสุด" ของกลุ่มธรรมาธิปไตย หรือกองทัพปลดแอกประชาชนฯ

             ส่วน พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ปรากฏชื่อในแวดวงการข่าว เพราะเล่าลือกันว่า มีตัวแทนคือ พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ เป็นหนึ่งในคณะเสนาธิการร่วม

             ปัจจุบัน พล.อ.ชูเกียรติ เป็นรองประธานคณะกรรมการอำนวยการแข่งม้า ราชตฤณมัยสมาคม (สนามม้านางเลิ้ง) โดยมี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นประธาน

             แม้ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในสภาสนามนางเลิ้ง แต่ก็เป็นที่รับรู้กันว่า "พล.ต.สนั่น-พล.อ.บุญเลิศ-พล.ต.มนูญกฤต" ล้วนเป็นบิ๊กบราเธอร์แห่งสนามม้านางเลิ้ง

             นอกจากนี้ พิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา ก็ซี้ย่ำปึ้กกับ พล.ต.มนูญกฤต ซึ่งวันนี้ "พิเชฐ" มารับบทเสนาธิการแบบเต็มตัว

             จึงมีความเชื่อกันว่า พล.ต.มนูญกฤต จะเข้าร่วมเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพประชาชนฯ ในอนาคตอันใกล้นี้

             28 ปีที่แล้ว "พล.ต.มนูญกฤต" ไม่มียศไม่มีตำแหน่ง แต่งชุดลายพราง ใส่รองเท้าผ้าใบ สั่งลูกน้องเอารถถัง ม.พัน.4 ออกมายิงตูมๆ แต่บังเอิญว่า โมเดลทหารร่วมมวลชนก่อการปฏิวัติไม่สำเร็จ เลยกลายเป็น "กบฏ 9 กันยา"

             นักเคลื่อนไหวมวลชนแถวสนามม้า เชื่อว่า หากกองทัพประชาชนฯ มีจำนวนมากพอ ก็จะนำไปสู่การดึงกำลังประจำการให้ออกมาร่วมขบวนปฏิวัติประชาชน

             จะว่าไปแล้ว มันเป็นฝันสลายของ เสธ.อ้าย เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ฝันเก่าๆ ของนายทหารนักรัฐประหาร กำลังถูกปัดฝุ่นอีกครั้งหนึ่ง

.................................

(หมายเหตุ : เบื้องลึกศึก'วันล้างตา' 'ม็อบเสธ.อ้าย'ภาค2: รายงาน http://www.komchadluek.net/detail/20130726/164305/เบื้องลึกศึกวันล้างตาม็อบเสธ.อ้ายภาค2.html)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น