วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ท่าทีประชาธิปัตย์-พันธมิตร พร้อมลุยหรือยัง?29-07-13 21:06



ท่าทีประชาธิปัตย์-พันธมิตร พร้อมลุยหรือยัง?29-07-13 21:06

อีกหนึ่งองค์ประกอบของสถานการณ์ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดก็คือทิศทางการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ โดยในการจัดเวทีผ่าความจริงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แกนนำก็ได้ย้ำชัดถึงการเตรียมเป่านกหวีดระดมคนออกมาชุมนุมแล้ว
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยว่า ขอให้ประชาชนเก็บกระเป๋าแล้วเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ ร่วมเวทีผ่าความจริงพรรคประชาธิปัตย์ ที่บริเวณสกายวอร์คสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ในวันที่ 31 ก.ค.นี้  เพราะสำคัญมาโดยในวันที่ 1 ส.ค.จะเปิดการประชุมสภาฯ แต่อาจจะถูกหลอกโดยอ้างว่าจะพิจารณากระทู้ถาม ตามวาระ แต่อาจจะมีการยกเว้นข้อบังคับการประชุมสภาฯ เพื่อนำร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายวรชัย เข้ามาพิจารณาซึ่งหากวันที่ 1 ส.ค.มีการพิจารณาทันทีก็ขอให้ประชาชนมาพบกันได้ทันที 
แต่หากวันที่ 1 ส.ค.ไม่พิจารณาและนำเข้าที่ประชุมวันที่ 7 ส.ค.นั้น ก็ขอให้ประชาชนไปร่วมเวทีผ่าความจริงในวันที่ 3 ส.ค.ที่ตลาดปัฐวิกรณ์ วันที่ 4 ส.ค.ที่โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ เขตจตุจักร  และวันที่ 6 ส.ค.จัดที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จากนั้นให้รอดูวันที่ 7 ส.ค.ที่มีการประชุมสภาฯ ก็เห็นแนวทางจะต่อสู้ กับกฎหมายล้างผิด 2 แนวทางคือ จะประท้วงด้วยการเขียนลงในโพสต์ลงเฟซบุ๊คว่าไม่เอากฎหมายล้างผิดคนโกง  และใส่ชุดดำประท้วง เพราะสถานการณ์วันนี้คล้ายกับอียิปต์  ที่พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกขี้ข้าใช้อำนาจข่มขู่คุกคาม ถ้ายอมจำนน ไม่รวมพลังต่อต้านรัฐรัฐบาล ขอให้จำไว้เลย ว่านั่นคือหายนะของประเทศ
แสดงว่าในช่วงสิ้นเดือนกรกฎหาคมเป็นต้นไปพรรคประชาธิปัตย์จะโหมโรงสถานการณ์ด้วยการจัดเวทีผ่าความจริงแบบทุกวันเลยทีเดียว
กำหนดการจัดเวทีผ่าความจริงพรรคประชาธิปัตย์ 
31 ก.ค.สกายวอร์คสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี 3 ส.ค.ตลาดปัฐวิกรณ์ 4 ส.ค.โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์  5ส.ค.รอยืนยัน 6 ส.ค.มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 7ส.ค.รอประเมินสถานการณ์
ในขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกมองว่าเป็นหัวหอกหลักในการต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ประกาศเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันให้ประชาชนเตรียมสู้ศึกในครั้งนี้
ขณะที่ท่าทีล่าสุดของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผ่านการจัดรายการของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็แสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะออกมาชุมนุม หากสถานการณ์เงื่อนไข และพรรคประชาธิปัตย์มีความจริงใจในการต่อสู้ร่วมกับภาคประชาชน
ส่วนที่ยังไม่ออกมาชุมนุม ณ ขณะนี้ เนื่องจากแกนนำติดเงื่อนไขการให้ประกันตัว
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ทางเอเอสทีวี ถึงกรณีที่พันธมิตรฯเคยประกาศว่าถ้าเอาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสภาเมื่อไหร่ พันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหว ว่า เป็นเรื่องตลกร้าย ตรงที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เอาเชือกมาแขวนคอเราไว้ เรื่องคดีสนามบิน ทำเนียบฯ และรัฐสภา เพื่อที่จะไม่ให้พันธมิตรฯเคลื่อนไหวทางมวลชน เพราะหวังว่ามันจะเป็นรัฐบาลต่อไป แต่พอประชาธิปัตย์พ้นจากการเป็นรัฐบาลปรากฏว่ากลายเป็นพรรคเพื่อไทยต้องการจะเอาเชือกออกจากคอเรา ให้เราหลุดเพื่อที่มันจะได้หลุดด้วย ประชาธิปัตย์มันก็มามองว่าต้องเอาพันธมิตรฯออก จะได้มาสู้แล้วมันจะได้แอบอยู่ข้างหลัง เพื่อร่วมสู้ด้วย
ในความรู้สึกส่วนตัว พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเข้าสภาฯ จะวันไหนก็ตาม ประเด็นสำคัญที่ยืนอยู่ 2 ประเด็น ที่ไม่เห็นด้วย คือ ให้คนทำผิดมาตรา 112 พ้นโทษ และการแปรญัตติเพื่อให้ทักษิณไม่ผิด แต่ถ้าเราไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร ก็ประชาธิปัตย์ไม่ใช่หรือที่เป็นคนเอาเชือกมาแขวนคอเราไว้ อธิบดีศาลอาญาได้พูดชัดเจน ตอนนี้เรียกไต่สวน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กรณีที่ไปชุมนุมหน้ากระทรวงกลาโหม เป็นการไต่สวนโดยไม่มีคนร้อง
ในกรณีนี้เช่นกัน ถ้าตน หรือแกนนำพันธมิตรฯคนอื่นๆ ออกชุมนุม ศาลอาญาในยุคอธิบดีคนนี้ก็มีสิทธิที่จะเรียกพวกตนไปไต่สวนทันที แล้วถ้าเขาเห็นว่าผิดเงื่อนไขการประกัน ก็จะถอนประกัน แล้วคดีนี้ต้องสู้กัน 10 ปี แสดงว่าพวกตนต้องสู้คดีในคุก 10 ปีใช่ไหม
ถ้าจะยกให้คนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลุดโทษไป เป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่ต้องพิสูจน์ให้สังคมไทยเห็นว่าระหว่างสถาบันกษัตริย์ กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนไหนสำคัญกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจน ซึ่งถ้าตนไม่ติดเงื่อนไขการประกันตัวตนก็ออก แต่เนื่องจากถูกเชือกแขวนคอไว้อย่างนี้
ส่วนกรณีที่จะช่วยทักษิณให้พ้นผิด ก็เป็นประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์พูดตลอดเวลาไม่ใช่หรือว่าทุกอย่างต้องจบที่สภาฯ ถ้าอย่างนั้นประชาธิปัตย์ต้องออกมานำ นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องถอดเสื้อนอก ลาออกจาก ส.ส. มาเดินขบวน พูดกันแต่ว่าจะร่วมออกมาต่อสู้กับพี่น้อง ไม่ต้องร่วม แต่ต้องนำเลย อย่าเก่งแต่ปาก แล้วคุณก็มีมวลชนของคุณอยู่แล้วด้วย จะมาโวยวายทำไม ตนไม่เอาด้วยหรอก
เป็นเรื่องตลกร้าย ตรงที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เอาเชือกมาแขวนคอเราไว้ เรื่องคดีสนามบิน ทำเนียบฯ และรัฐสภา เพื่อที่จะไม่ให้พันธมิตรฯเคลื่อนไหวทางมวลชน เพราะหวังว่ามันจะเป็นรัฐบาลต่อไป แต่พอประชาธิปัตย์พ้นจากการเป็นรัฐบาลปรากฏว่ากลายเป็นพรรคเพื่อไทยต้องการจะเอาเชือกออกจากคอเรา ให้เราหลุดเพื่อที่มันจะได้หลุดด้วย ประชาธิปัตย์มันก็มามองว่าต้องเอาพันธมิตรฯออก จะได้มาสู้แล้วมันจะได้แอบอยู่ข้างหลัง เพื่อร่วมสู้ด้วย
ในกรณีนี้เช่นกัน ถ้าตน หรือแกนนำพันธมิตรฯคนอื่นๆ ออกชุมนุม ศาลอาญาในยุคอธิบดีคนนี้ก็มีสิทธิที่จะเรียกพวกตนไปไต่สวนทันที แล้วถ้าเขาเห็นว่าผิดเงื่อนไขการประกัน ก็จะถอนประกัน แล้วคดีนี้ต้องสู้กัน 10 ปี แสดงว่าพวกตนต้องสู้คดีในคุก 10 ปีใช่ไหม
ประชาธิปัตย์ต้องออกมานำ นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องถอดเสื้อนอก ลาออกจาก ส.ส. มาเดินขบวน พูดกันแต่ว่าจะร่วมออกมาต่อสู้กับพี่น้อง ไม่ต้องร่วม แต่ต้องนำเลย อย่าเก่งแต่ปาก แล้วคุณก็มีมวลชนของคุณอยู่แล้วด้วย จะมาโวยวายทำไม ตนไม่เอาด้วยหรอก
นอกจากนี้นายสนธิยังพูดถึงกลุ่มต่างๆที่ดาหน้าออกมาต่อสู้เพื่อโค่นระบอบทักษิณ อยู่ ณ ขณะนี้ โดยเชื่อว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ
นายสนธิ กล่าวต่อว่า การออกไปโค่นระบอบทักษิณ โค่นเสร็จแล้วอย่างไร ก็มีอยู่ 2 ทาง ก็คือสลับขั้ว ให้ทหารไปจัดรัฐบาลใหม่ในค่ายทหาร ซึ่งอันนี้พรรคประชาธิปัตย์อาจจะผิดหวัง เพราะตนไม่เชื่อว่าจะโค่นระบอบทักษิณได้ อีกทิศทางคือ เสนาธิการร่วมที่กำลังตั้งอยู่ ก็ยังคงเชื่อแบบโง่ๆเหมือนเดิมว่าถ้าประชาชนออกมาเยอะๆแล้วมีทหารอยู่ในมือพร้อมจะออกมาช่วย ตนยืนยันเดี๋ยวนี้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วมันเรื่องอะไรที่เราจะวิ่งเอาหัวชนกำแพง
แล้วมองในมุมกลับถ้าสลับขั้ว พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นเป็นรัฐบาล อีก 2 ปี เราก็คงต้องมาประท้วงพรรคประชาธิปัตย์เช่นกัน เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย มันเป็นสัตว์ในคอกเดียวกัน เป็นสัตว์การเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ถ้าต้องสู้เพื่อการเมืองตนไม่ได้สู้เพื่อให้พรรคไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาล แต่ต้องทำเพื่อไม่เอาระบบการเมืองแบบนี้
ที่จะไปประท้วงเรื่องนิรโทษฯ เข้าสภาฯ ติดคุกฟรี เพราะมันจะจบลงด้วยการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งไม่เพื่อไทยกลับมา หรือไม่ก็ประชาธิปัตย์ก็กลับมา แล้วมันต่างอะไรกัน ในเมื่อมันเป็นทายาทอสูรด้วยกันทั้งคู่
การออกไปโค่นระบอบทักษิณ โค่นเสร็จแล้วอย่างไร ก็มีอยู่ 2 ทาง ก็คือสลับขั้ว ให้ทหารไปจัดรัฐบาลใหม่ในค่ายทหาร ซึ่งอันนี้พรรคประชาธิปัตย์อาจจะผิดหวัง เพราะตนไม่เชื่อว่าจะโค่นระบอบทักษิณได้ อีกทิศทางคือ เสนาธิการร่วมที่กำลังตั้งอยู่ ก็ยังคงเชื่อแบบโง่ๆเหมือนเดิมว่าถ้าประชาชนออกมาเยอะๆแล้วมีทหารอยู่ในมือพร้อมจะออกมาช่วย ตนยืนยันเดี๋ยวนี้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วมันเรื่องอะไรที่เราจะวิ่งเอาหัวชนกำแพง
การสื่อสารล่าสุดของนายสนธิได้แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์อย่างชัดเจน เนื่องจากได้ย้ำถึงพรรคประชาธิปัตย์อยู่หลายครั้งเลยทีเดียว
นายสนธิ กล่าวว่า พวกพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่มีความจริงใจต่อประชาชน ถ้ามันจะชนะทางการเมืองเด็ดขาดมันต้องจริงใจกับประชาชน ประการแรกสุดต้องลุกขึ้นมาแล้วประกาศเลยว่าการเมืองแบบนี้มันก็ไม่เล่น ยอมรับว่าตัวเองคือส่วนหนึ่งของปัญหาในระบบการเมืองปัจจุบัน เพราะฉะนั้นแล้วขอไถ่โทษด้วยการลาออกจาก ส.ส.หมดทุกคน มาเล่นการเมืองภาคประชาชนไปเลย ถ้าอย่างนั้นแล้วตนไม่ตะขิดตะขวงใจ เชื่อในความบริสุทธิ์ใจว่าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงจริงๆ แต่ทุกวันนี้แอบแฝงหมด ที่บอกว่าจะลงมาสู้กับประชาชนเพราะรู้ว่าคุณแพ้ในสภาแล้วใช่ไหม ขนาดแพ้ในสภายังบอกว่าจะขอร่วมกับประชาชน ทำไมไม่บอกว่าจะนำประชาชน แน่จริงนำเลยสิ แล้ววันนี้หน้ากากขาวเริ่มกระแสตกแล้ว ก็เพราะว่าจุดเริ่มต้นมันบริสุทธิ์ แต่ถูกการเมืองพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาแทรก เลยพังหมดเลย
สำหรับเงื่อนไขที่กลุ่มพันธมิตรจะออกมาชุมนุมอีกครั้ง ถือว่าผูกพันตามเงื่อนไขที่ปรากฏในแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2556 ดังนี้
1. มีการดำเนินการใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือออกกฎหมายอื่นใด ที่มีความชัดเจนว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือลดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์
        
2. มีการดำเนินการใด ๆ ก็ตามไม่ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือออกกฎหมายอื่นใด ที่มีความชัดเจนว่าจะนำไปสู่การนิรโทษกรรมให้กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และพวก
       
3. เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองเข้าสู่สถานการณ์ความเหมาะสมที่ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยครั้งใหญ่
ขณะที่ในวันนี้  ศาลอาญา เลื่อนนัดประชุมคดีตรวจพยานหลักฐาน ในคดีที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมพวก ซึ่งเป็นกลุ่มแนวร่วมพันธมิตรฯ รวม 8 สำนวน จำเลยรวม 96 คน ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย จากกรณีจำเลยได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองเมื่อปี 2551 โดยวันนี้ (29 ก.ค.56) จำเลยเดินทางมายังศาลอาญา แต่เมื่อถึงเวลานัดจำเลยบางส่วนแถลงต่อศาลว่ายังไม่สามารถจัดหาทนายเพื่อต่อสู้คดีได้ จึงขอเลื่อนนัดคดีออกไปก่อน และจำเลยบางคนไม่เดินทางมาศาล เนื่องจากติดภารกิจ
         
ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เพื่อให้โอกาสจำเลยในการจัดหาทนายความเพื่อต่อสู้คดี จึงเลื่อนนัดสอบคำให้การจำเลยออกไปเป็นวันที่ 2 ธ.ค. นี้ เวลา 09.00 น. พร้อมกำชับว่าในวันดังกล่าวจำเลยทุกคนต้องเดินทางมาศาล เพื่อสอบคำให้การเป็นรายบุคคล และภายหลังสอบคำให้การของจำเลยแล้วเสร็จ ศาลจะกำหนดนัดเพื่อตรวจพยานหลักฐานต่อไป
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ศาลยังได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาแผ่นดิน และ น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี จำเลยในคดีก่อการร้าย กรณีที่ทั้งคู่นำกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมบริเวณด้านหน้ากระทรวงกลาโหม ไม่ให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าไปรับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า เข้าข่ายผิดเงื่อนไขปล่อยชั่วคราวหรือไม่ เนื่องจาก นายไชยวัฒน์ เป็นจำเลยในคดีปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง เมื่อปี 2551 ซึ่งศาลได้กำหนดเงื่อนไขของจำเลยในคดีทั้ง 96 คน ว่า ห้ามไม่ให้ปลุกระดมและก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยศาลได้สอบถาม นายไชยวัฒน์ และ น.พ.ตุลย์ ว่าได้เข้าร่วมชุมนุมจริงหรือไม่ ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพว่าเข้าร่วมชุมนุมจริง
ศาลจึงได้ตักเตือนว่า หากจะกระทำการใดๆ ให้คำนึงถึงเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว และสั่งห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเช่นนี้อีก และไม่มีการเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวทั้งสองคน แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น