วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปชป.ปรับโหมดลุย ล้มรัฐบาลเพื่อไทย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กรกฎาคม 2556 05:50 น.

ปชป.ปรับโหมดลุย ล้มรัฐบาลเพื่อไทย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์17 กรกฎาคม 2556 05:50 น.

รายงานการเมือง
       
       เหลืออีกสองสัปดาห์กว่า ก็จะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 สิงหาคม 2556 การเมืองในสภาฯจะกลับมาเข้มข้นอีกครั้ง รอบนี้ทุกฝ่ายประเมินกันแล้ว อาจจะร้อนแรงเป็นพิเศษ เพราะวาระร้อนการเมืองจ่อในสภาฯเพียบ
       
       แม้ว่ากว่าจะถึงตอนช่วงสิงหาคม เรื่องคลิปแตก เรื่องคงเงียบไป แต่ก็ยังมีประเด็นร้อนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอยู่อีกเพียบ ก็อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์บอกไว้ตอนนี้รัฐบาลกอดระเบิดไว้ 5 ลูกที่อาจระเบิดตัวเองก็ได้ในอนาคต
       
       คือ 1.จำนำข้าว 2.พ.ร.ก.กู้เงินแก้น้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท 3.พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านสร้างรถไฟความเร็วสูงขนผัก 4.ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมและร่างพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติของเฉลิม อยู่บำรุงกับพวก 5.การเตรียมโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ
       
       ที่ต้องจับตามองก็คือ การรุกฆาตรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงก่อนเปิดสภาฯที่ใช้วิธี ตั้งเวทีผ่าความจริงทุกวันเสาร์กระจายไปทุกจุดทั่วกรุงเทพมหานครที่เริ่มมาได้สองสัปดาห์แล้ว คือเสาร์ที่ 30 มิ.ย.ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และเสาร์ที่ผ่านมา 13 ก.ค.ที่วงเวียนใหญ่
       
       สัปดาห์หน้าเสาร์ที่ 20 ก.ค. ก็น่าสนใจเพราะเล่นไปตั้งเวทีกันในสนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร บางเขน
       
       ในช่วง 4 วันสุดท้ายก่อนเปิดสภาฯ ปชป.ก็จะลุยเต็มที่ เปิดเวทีติดกัน 4 วันรวด คือ 27 กรกฎาคม ที่สวนเบญจสิริ ตามด้วย 28 กรกฎาคมที่สวนจตุจักร 29 กรกฎาคม แฟลตย่านมีนบุรี และปิดท้ายก่อนเปิดสภาฯ 30 กรกฎาคม ที่สวนลุมพินี
       
       ถือเป็นการเปิดเวทีนอกสภาฯ ที่น่าสนใจไม่น้อย ยิ่งหากไปดูตามคิวเดิมที่ประกาศตั้งเวทีผ่าความจริงในกทม.ไว้ก่อนหน้านี้จะเห็นได้ว่า ไม่มีคิวตั้งเวที 4 วันติดในกทม.ช่วง4 วันสุดท้ายก่อนเปิดสภาฯ แต่อย่างใด เพียงแต่บอกว่าจะกระชับพื้นที่เข้ามาในกทม.ทั้งหมดไม่มีการไปตั้งเวทีผ่าความจริงในต่างจังหวัดในช่วงเดือนกรกฎาคม
       
       ตอนนั้นประชาธิปัตย์ให้เหตุผลว่าที่ต้องโหมตั้งเวทีในกทม.ก็เพราะจำเป็นต้องระดมกำลังประชาชนจากจังหวัดต่างๆ ปริมณฑล และกรุงเทพฯ ให้มารวมตัวกันที่กรุงเทพ เพื่อต่อสู้ความไม่ถูกต้องในบ้านเมืองเพื่อหยุดกฎหมายล้างผิดคิดล้มรัฐธรรมนูญ หยุดเงินกู้ผลาญชาติ และหยุดอำนาจฉ้อฉล
       
       ดูตามคิวที่ประชาธิปัตย์ประกาศออกมาเรียกได้ว่า ขนาดช่วงหาเสียงเลือกตั้งแม้แต่เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ยังไม่ตั้งเวทีกระหน่ำรอบกรุงเทพฯแบบนี้
       
       มันบ่งบอกได้ชัดว่า ประชาธิปัตย์กะใช้เวทีปราศรัย โหมสร้างกระแสซักฟอกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นอกสภาฯเอาไว้ก่อนที่สภาฯจะเปิด เสมือนกับการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ประชาธิปัตย์พร้อมเปิดแนวรบการเมืองกับรัฐบาลเต็มที่แล้ว
       
       จับจังหวะได้ว่าเหตุที่ประชาธิปัตย์ปรับแผนการตั้งเวทีปราศรัยผ่าความจริงโดยใช้กรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางกระซวกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทุกเรื่อง สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งคงไม่พ้นเพราะแกนนำประชาธิปัตย์ประเมินตรงกันว่า ประชาชนหลายกลุ่มและน่าจะต้องมีพวกทหารจำนวนมาก ที่ไม่ได้มีแต่พวกแฟนคลับประชาธิปัตย์หรือพวกคนกลุ่มไม่เอารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่เอารัฐบาลเพื่อไทย แต่เป็นประชาชนจำนวนมากพอสมควรที่เกิดมีความรู้สึกไม่พอใจเนื้อหาที่ทักษิณ ชินวัตร สนทนากับพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม
       
       เพราะเห็นถึงแผนการที่คนในรัฐบาลกำลังคิดร้ายต่อประเทศ ยิ่งเมื่อเห็นผู้นำกองทัพทั้งหลายแสดงอาการหูตึง ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงคลิป แสดงท่าทีอ่อนปวกเปียก สยบราบคาบให้กับฝ่ายการเมืองอย่างที่เห็น
       
       ประชาชนก็เริ่มรู้สึกบ้านเมืองหมดที่พึ่ง ชักเกรงว่าหากบ้านเมืองมีภัย ประเทศกำลังถูกนักการเมืองเอากองทัพมาปู้ยี่ปู้ยำ มีการใช้อำนาจแบบเมามัว ประชาชนจะหาหลักพึ่งพิงไม่ได้ และต้องเป็นหลักพึ่งพิงที่ประชาชนก็ไม่ต้องการวิธีการทำรัฐประหารหรือใช้อำนาจนอกระบบ แต่เป็นวิธีการตามระบบในรัฐสภาหรือการต่อสู้ตามวิถีประชาธิปไตย
       
       อาการ แน่นอก หนักอกหนักใจของประชาชน หลังมีการเผยแพร่คลิปเสียง อยากระบายออก มันมีอยู่ทั่วไป
       
       อย่าคิดว่า เหตุการณ์สุภาพสตรีที่ตามข่าวบอกว่าเป็นผู้พิพากษานำกล่องข้าวไปปาใส่รถพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูประจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นเรื่องเล่นๆ แค่เรื่องคนไม่พอใจตำรวจที่ไปคอยดูแลสถานการณ์หน้ากระทรวงกลาโหมวันที่ยิ่งลักษณ์ เดินทางเข้ากระทรวงกลาโหมวันแรกที่มีการจับกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านคลิปลับเท่านั้น
       
       มันเป็นภาพสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของคนในยามนี้ได้ฉากหนึ่งหลังมีการเผยแพร่คลิปลับดังกล่าวออกมา ที่เชื่อว่าก็มีประชาชนจำนวนไม่น้อยรู้สึกคับข้องใจ อยากหาเวทีระบายออกที่เปิดตัวเปิดหน้าไม่เอารัฐบาล ไม่เอาทักษิณ ชินวัตร กันให้เต็มที่โดยไม่ต้องสวมหน้ากากขาว
       
       การปรับแผนเปิดเวทีปราศรัยของประชาธิปัตย์แบบรัวกระหน่ำรัฐบาลในกทม.ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเปิดสภาฯ โดยมีการถ่ายทอดผ่านเครือข่ายทีวีดาวเทียมตลอดการปราศรัย จึงเป็นหมากที่ปชป.เชื่อว่าจะสร้างกระแสความไม่พอใจรัฐบาลให้ทะลุถึงระดับสูงกว่าที่เป็นอยู่ได้เพื่อเตรียมต่อยอดการเมือง เลี้ยงกระแสความไม่พอใจรัฐบาลเอาไว้ให้เตรียมพร้อมในช่วงเปิดสภาฯที่ไม่มีใครรู้ได้ว่า ทักษิณกับเพื่อไทยจะคิดการใดในการออกกฎหมายเพื่อช่วยทักษิณกลับบ้านโดยไม่ต้องรับผิดในช่วงสิ้นปีนี้หรือไม่
       
       หรือต่อให้ยังไม่มีการคิดลักไก่เสนอกฎหมายอะไรช่วยทักษิณ แต่ระเบิดหลายลูกที่รัฐบาลกอดไว้ ฝ่ายค้านแม้รู้ดีว่ายากจะทำให้มันระเบิดทำลายรัฐบาลได้เพราะยังไงเสียงในสภาฯก็สู้ไม่ได้ แต่ก็หวังว่าอย่างน้อยก็ขอแค่ให้รัฐบาลอาจเผลอทำระเบิดที่กอดไว้หล่นระเบิดตัวเอง ให้รัฐบาลเสียวเล่นในช่วงเปิดสภาฯ
       
       เช่นการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของสภาฯในวาระ 2 และ 3 ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม หลังล่าสุดการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เสร็จสิ้นในชั้นกมธ.วิสามัญของสภาฯกันไปแล้วเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา บนการตั้งข้อสังเกตุของกมธ.ซีกฝ่ายค้านไว้หลายจุดว่าหลายโครงการที่มีเม็ดเงินมหาศาลขาดรายละเอียดในการจัดทำโครงการที่อาจนำไปสู่ความไม่โปร่งใสในการก่อสร้างโครงการได้ และเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไปว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
       
       แล้วก็ยังมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่คงจะเคาะกันในช่วงท้ายๆของการเปิดประชุมสภาฯ ซึ่งคาดว่าระหว่างใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ประชาธิปัตย์ก็คงโหมตั้งเวทีปราศรัยผ่าความจริงเพื่อเรียกน้ำย่อยอีกหลายจุดทั่วประเทศแน่นอน
       
       และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือการเดินหน้าโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 และ 3 ในส่วนร่างแก้ไขรธน.ที่เสร็จสิ้นการพิจารณาของกมธ.วิสามัญแล้ว เช่นร่างแก้ไขรธน.มาตรา 68 หรือร่างแก้ไขรธน.เปลี่ยนแปลงแก้ไขที่มาของส.ว.ให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ก็จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาวาระ 2 และ 3 น่าจะเป็นช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ขณะที่กระแสข่าวก็บอกว่า น่าจะมีความชัดเจนจากศาลรธน.ออกมาในอีกไม่ช้าว่าตกลงรัฐสภาสามารถแก้ไขรธน.มาตรา 68 ได้หรือไม่และมติเห็นชอบของรัฐสภาโหวตแก้ไขมาตรา 68 วาระแรกที่ผ่านมา เป็นมติที่ชอบหรือว่าเป็นโมฆะ
       
       เมื่อสถานการณ์รอบด้านเป็นเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่ารัฐบาลเตรียมต้องเจอศึกหนัก ประชาธิปัตย์ ที่เก่งอยู่แล้วในเรื่องการโหนกระแส ก็เปิดหน้าออกมาให้เห็นว่า การเมืองนับจากนี้ เข้าสู่โหมดพร้อมลุยเต็มเหนี่ยว
       
       แต่สถานการณ์จะไปถึงขั้นนั้นหรือไม่ อดใจรอไม่นานน่าจะพอคาดเดาได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น