วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

ตะลึง! ทั้งโรงพัก หญิงข้างบ้านโผกอดสามีสาวผมแดงที่ถูกฆ่า ร่ำไห้"พี่ฆ่าหนูทำไม" จนฝ่ายชายรับสารภาพ เมื่อ 30 เม.ย.57



ตะลึง! ทั้งโรงพัก หญิงข้างบ้านโผกอดสามีสาวผมแดงที่ถูกฆ่า ร่ำไห้"พี่ฆ่าหนูทำไม" จนฝ่ายชายรับสารภาพ
 
ตะลึง! ทั้งโรงพัก หญิงข้างบ้านโผกอดสามีสาวผมแดงที่ถูกฆ่า ร่ำไห้"พี่ฆ่าหนูทำไม" จนฝ่ายชายรับสารภาพ
เวลา 16.00 น. วันที่ 30 เมษายน  พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาใช้เวลาสอบเครียด นายธีระพงษ์ กัมพลานนท์ อายุ 49 ปี ผู้ต้องสงสัย ฆ่า นางศิริพร เทียมอาจ อายุ 35 ปี หรือน้องพลอย ซึ่งเป็นภรรยา นานเกือบ 2 ชั่วโมง ท้ายที่สุด นายธีระพงษ์ ยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือฆ่าภรรยาจริง ด้วยการบีบคอและนำศพมาไปทิ้ง สาเหตุเพราะหึงหวง

 ก่อนที่ตำรวจจะนำตัวสามีเข้าห้องสอบเครียด พบว่า นางจันทร์เพ็ญ มะทะนะ อายุ 51 ปี  เพื่อนบ้านของสองสามีภรรยา
เดินทางมาที่โรงพัก และระหว่างที่ตำรวจคุมตัว นายธีระพงษ์มานั้น  ปรากฏว่า นางจันทร์เพ็ญ เกิดอาการคล้ายผีเข้า แสดงอาการและน้ำเสียงเป็นของผู้ตายพร้อมกับโผเข้ากอดนายธีระพงษ์ อีกทั้งร้องไห้อย่างโหยหวน และส่งเสียง "พี่ฆ่าหนูทำไม ทำไมพี่ต้องฆ่าหนู พี่ไม่รักหนูหรืออย่างไร" สร้างความประหลาดใจและตื่นตระหนก แก่ตำรวจและคนในโรงพัก และทุกคนเชื่อว่า วิญญาณของผู้ตาย มาเข้าสิงเพื่อจะบอกความจริงในคดี


(สาวเสื้อแดงลายจุด เพื่อนบ้านที่มีอาการคล้ายผีเข้า โผเข้ากอดชายเสื้อเขียว สามีสาวผมแดงที่ถูกฆาตกรรมอำพราง ในที่สุดยอมรับฆ่าภรรยาตัวเอง)

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

สังคมเถื่อน! แก๊งปล้นน้ำมันจ้วงแทงเจ้าของสาหัส-คดีอืด เมื่อ 30 เม.ย.57



สังคมเถื่อน! แก๊งปล้นน้ำมันจ้วงแทงเจ้าของสาหัส-คดีอืด
 
น้องสาวโพสต์คลิปขอความช่วยเหลือ พีชายต่อสู้แก๊งโจ๋ปล้นน้ำมัน โดนแทงยับเจ็บสาหัส ผ่านมาเกือบเดือนคดีไม่คืบ แก๊งโหดยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคม
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก "เดือนเพ็ญ เดือน แซ่ตี้" ได้โพสต์คลิปภาพจากกล้องวงจรปิดแชร์ส่งต่อไปในสังคมออนไลน์หลายช่องทาง เพื่อร้องขอความช่วยเหลือแทนพี่ชายที่ถูกแก๊งวัยรุ่นเถื่อนก่อเหตุจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่คดีความกลับยังไม่คืบหน้า โดยคลิปดังกล่าวเป็นภาพ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. เวลาประมาณ 01.25 น. พี่ชายของผู้โพสต์ที่ตกเป็นผู้เสียหายพยายามจะเข้าไปยับยั้งการปล้นน้ำมันของคนร้ายที่ด้านหน้าร้านของตนเองจนเกิดการต่อสู้ชกต่อยกันพัลวัน

จากนั้นเมื่อเห็นท่าไม่ดีผู้ต้องหาวัยรุ่นอีกรายได้ลงจากรถ จยย. วิ่งเข้ามาแจ้งแทงเจ้าของร้านหลายครั้งจนเลือดออกตามร่างกายหลายแห่ง ก่อนที่ภรรยาเจ้าของจะวิ่งเข้ามาดึงตัวสามีออกมาจากคมมีด ทำให้วัยรุ่นทั้งคู่ได้ดอกาสวิอ่งหนีไป ส่วนผุ้เสียหายบาดเจ็บสาหัส 


ทั้งนี้ผู้โพสต์ระบุว่า แก๊งคนร้ายมีทั้งหมด 4 ราย 
ซึ่งลงก่อมาก่อเหตุจนถูกกล้องจับภาพได้ 2 ราย ส่วนอีก 2 ราย จอด จยย.คุมเชิงอยู่ใกล้ๆ โดยหลังเกิดเหตุปล้นอย่างอุกฉกรรจ์ทางผู้เสียหายได้ไปแจ้งความไว้กับตำรวจภูเก็ตแล้ว แต่ผ่านมาหลายวันคดียังไม่คืบจึงร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านโลกโซเชียลดังกล่าว.
  

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

พิพากษาทายาท'สมัคร'ชดใช้587ล.เมื่อ 30 เม.ย.57



พิพากษาทายาท'สมัคร'ชดใช้587ล.
 
ศาลปค.กลาง พิพากษา 'ทายาทสมัคร-อดีตรมช.มท.' ชดใช้รายละ 587 ล. เหตุเร่งรีบซื้อรถดับเพลิงปี 2547

30 เม.ย. 57  เมื่อเวลา 10.30 น.  ที่ห้องพิจารณา 2 ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ  ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ 1843/2553 ที่กรุงเทพมหานคร ยื่นฟ้อง คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ภรรยานายสมัคร อดีตผู้ว่าฯ กทม. , นางกาญจนากร ไชยลาภ และนางกานดาภา มุ่งถิ่น ทายาทมรดกของนายสมัคร อดีตผู้ว่า ฯ กทม. เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-3 เพื่อให้ผู้ถูกฟ้องทั้งสาม ซึ่งเป็นผู้รับมรดก นายสมัคร ที่เสียชีวิตแล้ว ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย กรณีที่นายสมัคร กระทำความผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อรถเรือดับเพลิง หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่า ร่วมกันกับ บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จํากัด ประเทศออสเตรีย กำหนดราคาซื้อขายให้สูงเกินจริง
 
โดยคดีนี้ ฝ่ายภรรยาและบุตร ของนายสมัคร ผู้ถูกฟ้อง ไม่ได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาแต่มอบอำนาจให้นายสุขสันต์ สุขสวัสดิ์ ทนายความ มาศาลแทน ส่วน กทม. ผู้ฟ้อง ไม่ได้เดินทางมาศาล
 
 ขณะที่ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พฤติการณ์ของนายสมัคร และ พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีต ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงการลงนามในสัญญามีลักษณะเป็นการเร่งรีบ เพื่อให้มีการดำเนินการตามสัญญาระหว่างที่นายสมัคร ยังคงดำรงตำแหน่งผู้ว่า กทม. แม้จะมีการอ้างเหตุจำเป็นในการดำเนินโครงการจากการเติบโตของ กทม. แต่ทั้งสอง ไม่ได้ดำเนินการอย่างรอบคอบ ในการพิจารณารายละเอียด สัญญา ลักษณะ รัฐต่อรัฐตามขั้นตอน ที่ ครม.มีมติ และยังไม่ได้นำกรณีอื่นที่หน่วยทหารพัฒนา ของ บก.สส. ได้ทำสัญญาแบบรัฐต่อรัฐกับบริษัทสไตเออร์ มาพิจารณาประกอบ ในการปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ ให้ครบถ้วนสมกับกรณีทั้งที่นายสมัคร ก็เป็นผู้ว่า กทม.ย่อมต้องรับรู้และเข้าใจขั้นตอนปฏิบัติ

พยานหลักฐานจึงฟังได้ว่าการกระทำของนายสมัครดังกล่าวจงใจประมาทเลินเล่อ ทำให้ กทม.เสียหาย จึงพิพากษาให้ทายาทซึ่งเป็นผู้รับมรดก ชดใช้เงินค่าเสียหาย ร้อยละ 30 ของความเสียหายทั้งหมดจำนวน 1,958 ล้านบาทเศษ คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 587,580,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้อง โดยให้ชำระเสร็จภายใน 60 วันตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษา 

 ภายหลังนายสุขสันต์ สุขสวัสดิ์ ทนายความของคุณหญิงสุรัตน์ กล่าวว่าหลังจากนี้จะไปปรึกษากับคุณหญิงสุรัตน์ และทายาททั้งสอง เรื่องการอุทธรณ์คดี ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งจะต่อสู้ในประเด็นที่ว่าศาลปกครองไม่มีอำนาจพิพากษาในคดีนี้ เพร่ะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมรดก ที่ควรจะต้องยื่นฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง 

ต่อมาเวลา 12.00 น. ศาลปกครองกลาง ก็ได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ 1234/2554 ที่นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย ยื่นฟ้อง กรุงเทพมหานคร และ รมว.มหาดไทย เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 เรื่องกระทำการออกคำสั่งโดยมิชอบ ที่กรุงเทพมหานคร สั่งให้ผู้ฟ้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จากการที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญากล่าวหาว่า ขณะผู้ฟ้องดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ มีพฤติการณ์ร่วมกับ บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จํากัด ประเทศออสเตรีย กระทำความผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อรถเรือดับเพลิงฯ ซึ่งผู้ฟ้องได้อุทธรณ์คำสั่ง กทม.ดังกล่าว แต่ผู้ถูกฟ้องมีคำสั่งยกอุทธรณ์

ขณะที่วันนี้นายประชา ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา เนื่องจากได้หลบหนีคดีที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกหมายจับ หลังพิพากษาจำคุก 12 ปี ในคดีทุจริตจัดซื้อ รถ-เรือดับเพลิง 

โดยศาลปกครอง ได้พิพากษา ให้นายประชา ผู้ฟ้อง ต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายกับ กทม. เช่นเดียวกับ ทายาทของนายสมัคร เนื่องจากขณะเกิดเหตุนายประชา ดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเริ่มโครงการ และกระบวนการจัดซื้อ
 
และวันเดียวกันนี้ ศาลปกครองกลาง ก็ยังมีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ 1287/2554 ให้เพิกถอนคำสั่งกรุงเทพมหานคร ที่ประกาศกำหนดให้ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีต ผู้ว่า กทม. ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับ กทม.ที่เสียหายจากการ ทำสัญญาซื้อขายรถเรือดับเพลิง และอุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 

โดยศาลเห็นว่า นายอภิรักษ์ มีการแสดงให้เห็นถึงความพยายามการปกป้องผลประโยชน์ของทางราชการ หลังเห็นว่าการซื้อขายมีข้อบกพร่องของกฎหมายจึงได้ยื่นขอระงับการเปิดหนังสือค้ำประกัน หรือ LC กับธนาคารกรุงไทย 2 ครั้ง และทำหนังสือถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และหนังสือถึงนายโภคิณ พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย 2 ครั้ง ให้ทบทวนการสัญญา แต่นายโภคิณ ก็ยืนยันว่าไม่สามารถทำได้ ขณะที่นายอภิรักษ์ ก็ไม่มีอำนาจที่จะบอกเลิกสัญญา ซื้อขายที่ได้ดำเนินการไปแล้ว 

 จึงเห็นว่านายอภิรักษ์ ได้ระมัดระวังตามกรอบอำนาจหน้าที่ ไม่มีเจตนาทุจริต หรือทำให้เกิดความเสียหาย ประกอบกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่าการกระทำของนายอภิรักษ์ ก็ไม่เป็นความผิด จึงพิพากษาให้เพิกถอนประกาศ กทม.ดังกล่าว

อย่างไรก็ตามทั้ง 3 คดีดังกล่าว ถือว่ายังไม่สิ้นสุด เนื่องจากคู่ความยังสามารถอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

แชร์กระฉ่อน!!เพจลับ'คนเสื้อแดง' หมิ่นสถาบันสอนเป็นนักรบหน้าจอ เมื่อ 30 เม.ย.57



แชร์กระฉ่อน!!เพจลับ'คนเสื้อแดง' หมิ่นสถาบันสอนเป็นนักรบหน้าจอ
 
30 เม.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโซเชียล เน็ตเวิร์ค มีการแชร์ภาพและข้อความจากเฟซบุ๊คเพจหนึ่ง
ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการคนเสื้อแดง โดยระบุว่า บุตรชายอดีตนักการเมืองใหญ่เป็นโต้โผ จับมือกับ “นายป็อป” ตั้งกลุ่มชื่อ "มหาวิทยาลัยประชาชน" เพื่อผลิตคลิปและรายการที่หมิ่นและจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง เปิดสอนการทำรบในเฟซบุ๊ค ตั้งแต่ระดับ basic ไปจนถึงขั้นลงมือทำเอง ตัดต่อภาพ มีการเปิดรับสมัครนักศึกษารุ่น 1 ปัจจุบันมีสมาชิก 671 ราย มี ดร.เสน่ห์ ถิ่นแสน หรือ เพียงดิน รักไทย นางโรส ฉัตรวดี สะใภ้ และกงจักร ปีศาจ เป็นแอดมิน

ข้อความที่มีการเผยแพร่ในเฟซบุ๊ค
ช่วยกันหน่อยค่ะ ..... หยิบไม้กวาดหน่อย เปิดโปง หมดแรงเลย ขยะพิษเต็มบ้านเต็มเมือง มนุษย์ขยะพิษ "พานลงแดง" โต้โผใหญ่ จับมือนาย Pop ลูกกะโล่ ควักงบลับ ICT เอามาตั้งกลุ่มลับชื่อ "มหาวิทยาลัยประชาชน" เพื่อผลิตขยะแผ่นดิน และเผยแพร่ขยะพิษ เปิดสอนการทำรบในเฟซ เน้นการนำคลิปหมิ่นมาเผยแพร่ สอนการเล่นเฟซ ตั้งแต่ระดับ basic ไปจนถึงขั้นลงมือทำเอง ตัดต่อภาพ มีการเปิดรับสมัครนักศึกษารุ่น 1 ปัจจุบันมีสมาชิก 671 ราย มี ดร.เสน่ห์ ถิ่นแสน หรือ เพียงดิน รักไทย นางโรส ฉัตรวดี สะใภ้ และกงจักร ปีศาจ เป็น admin

ต้องขอแรงช่วยกันคะ เปิดโปง และเจอคลิปแจ้งลบคะ อย่าเอามาเผยแพร่ ใครอยากเขียนจดหมายฟ้อง Mark Zuckerberg บ้างเอ่ย
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  

แม่น้ำยมแห้งขอดกลายเป็นโลเกชั่นเด็ด "ถ่ายแบบหวิว"ตื่นตาตื่นใจ รับลมร้อน เมื่อ 30 เม.ย.57



แม่น้ำยมแห้งขอดกลายเป็นโลเกชั่นเด็ด "ถ่ายแบบหวิว"ตื่นตาตื่นใจ รับลมร้อน
 
วันที่  30 เมษายน 2557  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณกลางแม่น้ำยม  บ้านใหม่อยู่เจริญ หมู่ 11 ตำบลวังอิทก อ.บางระกำ  จ.พิษณุโลก
มีบรรดาช่างภาพจัดฉากกลางแม่น้ำยมที่แห้งขอด ถ่ายแบบ สาวสวยสวมชุดว่ายน้ำแบบ บิกินี่ เหตุปริมาณน้ำในแม่น้ำยมแห่งนี้ได้ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งฤดูแล้ง จากที่เคยกว้างหลายร้อยเมตรได้แห้งขอดหลายจุด จนเห็นพื้นทรายก้นแม่น้ำเป็นบริเวณกว้าง  แม้ว่าส่งผลเสียกับเกษตรกร ทำให้ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค แต่กลับทำให้ชมรมถ่ายภาพ จ.พิษณุโลกมองในเชิงบวก


ทางชมรมถ่ายภาพ จ.พิษณุโลก เห็นว่า โลเกชั่นแม่น้ำยมที่แห้งขอด เป็นภาพที่หาดูได้ยากในช่วงเวลาปกติ
เหมือนกับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแม่น้ำยมในช่วงฤดูแล้ง  เพราะแม่น้ำสายอื่น ๆ ก็ก็จะแค่ปริมาณน้ำลดต่ำลง  แต่จะไม่แห้งจนเห็นทรายก้นแม่น้ำ  เหมือนกับแม่น้ำยมแน่นอน   ทางชมรมจึงได้ชักชวนสมาชิก  และผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ มาเก็บบรรยากาศ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของแม่น้ำยม ที่จะมีปีละครั้งในช่วงฤดูแล้งนี้เท่านั้น   โดยวัตถุประสงค์อยากจะนำเสนอความสวยงามของแม่น้ำ  แม้จะอยู่ในสภาพแห้งแล้ง  แต่ก็ยังมีความสวยงามแฝงอยู่       บรรยากาศการถ่ายภาพก็เป็นไปอย่างสนุกสนาน มีประชาชน ชาวบ้านที่ผ่านไปมา แวะดูการทำงานของช่างภาพ กับนางแบบสาว อย่างตื่นตาตื่นใจ  แม้ว่าสภาพอากาศจะร้อนจัด

นาย ณชพล พลอาสา ประธานชมรถ่ายภาพพิษณุโลก welovefoto เปิดเผยว่า 
สภาพแม่น้ำยมที่แห้งขอด เป็นภาพที่หาดูได้ยากในช่วงเวลาปกติ  เหมือนกับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแม่น้ำยมในช่วงฤดูแล้ง เพราะแม่น้ำสายอื่น แค่ปริมาณน้ำลดต่ำลง  แต่จะไม่แห้งจนเห็นทรายก้นแม่น้ำเหมือนกับแม่น้ำยม ทางชมรมจึงได้ชักชวนสมาชิก  และผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ มาเก็บบรรยากาศ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของแม่น้ำยม ที่จะมีปีละครั้งในช่วงฤดูแล้งนี้เท่านั้น วัตถุประสงค์อยากจะนำเสนอความสวยงามของแม่น้ำ  แม้จะอยู่ในสภาพแห้งแล้ง  แต่ก็ยังมีความสวยงามแฝงอยู่

“ได้เลือกนางแบบกึ่งอาชีพ 1 ท่าน ถ่ายแบบให้หลากหลายหลายมิติ ถ่ายใน 3 ชุดเพื่อเก็บมุมภาพต่างๆ สาเหตุที่เลือก จุดถ่ายแบบ ที่ บ้านใหม่อยู่เจริญ หมู่ 11 ตำบลวังอิทก อ.บางระกำ  ก็เพราะชื่อ”บ้านใหม่อยู่เจริญ” ชื่อเป็นมงคล เท่ห์  ดีกว่าใช้ชื่อ ”วังอิทก” ซึ่งเป็นชื่อตำบล นอกจากนี้ยังมีจุดน้ำยมที่แห้งอีกแห่งหนึ่ง คือ บ้านวังเป็ด แต่บริเวณดังกล่าวมีนกอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงไม่เหมาะ ตนจึงเลือกท้องน้ำแม่น้ำยม ที่”บ้านใหม่อยู่เจริญ”ถ่ายแบบ ซึ่งภาพที่ถ่ายก็ออกมาดี สวย มีภาพแบล็กกราวด์ ทั้งต้นไม้ และท่อนไม้กลางแม่น้ำยมที่แห้งขอด” นายณชพล กล่าว 

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

ดาวโป๊ญี่ปุ่นเสพติดศัลยกรรมจนหน้าเหมือน “เอลฟ์” เมื่อ 30 เม.ย.57



ดาวโป๊ญี่ปุ่นเสพติดศัลยกรรมจนหน้าเหมือน “เอลฟ์”
 
ดาวโป๊ญี่ปุ่นเกิดเสพติดศัลยกรรมใบหน้า จนสุดท้ายหน้าของเธอกลับไปเหมือนกับ “ด็อบบี้” เอลฟ์รับใช้ในวรรณกรรมชื่อดัง “แฮร์รี พอตเตอร์” ทั้งนี้ ชาวเน็ตต่างวิจารณ์ว่า ใบหน้าก่อนศัลยกรรมของเธอก็ดูดีอยู่แล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ว่า

ดาราภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ของญี่ปุ่น “รินะ นานาเซะ” วัย 25 ปี ซึ่งอันที่จริงมีชื่อในวงการว่า “รูมิ คันดะ”(Rumi Kanda)เกิดเสพติดศัลยกรรมใบหน้า โดยเธอมักบ่นบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ของเธอเสมอเรื่องความไม่พอใจในใบหน้าและรูปร่างของตัวเอง เช่น เธอบ่นว่า เธออ้วนจนเกินไปหรือตาของเธอดูเล็กไป จนกระทั่งเธอตัดสินใจทำศัลยกรรม
   
เธอได้โพสต์รูปหลังจากที่เธอไปทำศัลยกรรมลงบนทวิตเตอร์ส่วนตัว
เธอเผยว่า เธอทำศัลยกรรมเพื่อปรับรูปดวงตา จมูก และคางอย่างละหลายๆครั้ง จนในที่สุดเธอก็โพสต์รูปผลลัพธ์ล่าสุดของการไปผ่านมีดหมอลงบนอินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม กระแสตอบรับไม่ได้เป็นไปอย่างที่เธอต้องการ เพราะหลังจากที่เธอโพสต์รูปแล้ว ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า ใบหน้าของเธอเหมือน “เอลฟ์”ที่ชื่อ “ด็อบบี้”ในวรรณกรรมเยาวชนชื่อก้องโลกเรื่อง “แฮร์รี พอตเตอร์” เนื่องจากคางและจมูกของเธอยาวและแหลมมาก นอกจากนี้ ดวงตายังกลมโตปูดโปนออกมาจนเหมือนเอลฟ์อีกด้วย

   
อย่างไรก็ตาม เธอตอบกระแสวิจารณ์ไปว่า พวกเขาต่างก็อิจฉาที่เธอไปทำศัลยกรรมมา 
โดยขณะนี้เธอเพิ่งได้รับฉายาใหม่ว่า “ด็อบบี้” อีกด้วย ชาวเน็ตบางคนกล่าวว่า ใบหน้าเธอสมัยก่อนทำศัลกรรมยังดูดีกว่าหลังทำศัลยกรรมมากมาย ส่วนอีกคนกล่าวว่า เธอมีปัญหาเรื่องการรับประทานอาหารหรืออย่างไร ทำไมถึงผอมขนาดนั้น 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

สลด! สาวใหญ่แม่ลูก 3 เครียดค่าครองชีพใช้มีดทำร้ายตัวเองสาหัส เมื่อ 30 เม.ย.57



สลด! สาวใหญ่แม่ลูก 3 เครียดค่าครองชีพใช้มีดทำร้ายตัวเองสาหัส
 
สลด! สาวใหญ่แม่ลูก 3 ทะเลาะผัว เครียดหนักเรื่องค่าใช้จ่าย คิดสั้นพยายามใช้มีดทำร้ายตัวเองอาการสาหัส
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุ หน่วยกู้ภัยมูลนิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ รับแจ้งเหตุ มีผู้คุ้มคลั่ง ทำร้ายตัวเอง
ด้วยการใช้มีดปาดคอและกีดแขนตัวเอง เพื่อฆ่าตัวตาย ภายในห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซอยสัตหีบสุขุมวิท 29 หมู่ 3 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ พบร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของเครื่องใช้ล้มระเนระนาด แตกกระจัดกระจาย เกลื่อนพื้นห้องและพบรอยเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ทั่วบริเวณ และฝาผนัง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อต่อมาคือ นางบุญมี ชายเนตร อายุ 39 ปี แม่ค้าขายปลาทะเล ได้วิ่งหนีเตลิดเข้าป่า หลังเจ้าหน้าที่พร้อมชาวบ้านจึงกระจายกำลัง ปูพรมค้นหา กระทั่งพบนอนจมกองเลือด ท่ามกลางดงมดคันไฟ อยู่ในป่าหญ้า ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร


จากการตรวจสอบพบ ข้อมือซ้าย และลำคอ มีร่องรอยถูกเชือดและกรีดด้วยของมีคม เป็นแผลเหวอะหวะนับสิบแผล นอนหายใจรวยรินจมกองเลือด 
เจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนช่วยกันหามออกจากป่าอย่างทุลักทุเล เร่งนำตัวส่งรพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อย่างเร่งด่วน โดยมีลูก 3 คน ร้องกระจองอแง ด้วยความตื่นตกใจและเป็นห่วงแม่ เป็นที่น่าเวทนา สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บได้ทะเลาะวิวาทกับ นายสุริยา จุฬาบดี อายุ 45 ปี สามีอย่างรุนแรง เรื่องที่นายสุริยา ขโมยเงินไป 1,000 บาท นายสุริยาหายจากบ้านไปหลายวัน ทำให้ผู้บาดเจ็บเกิดอาการเครียดอย่างมาก เนื่องจากเงินที่ถูกขโมย เป็นเงินก้อนสุดท้าย ที่เตรียมไว้ใช้ซื้อข้าวปลาอาหารเลี้ยงดูลูกทั้ง 3 คน

สุดท้ายจึงคิดสั้นคว้ามีดโกนหนวดปาดเข้าที่แขนซ้าย และพยายามปาดคอตัวเอง หวังจะฆ่าตัวตายลูกทุกคนจึงพยายามเข้าไปช่วยแม่ พร้อมขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านใกล้เคียงและเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทำให้แม่วิ่งหนีเตลิดเข้าไปซ่อนตัวในป่าก่อนจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยชีวิตไว้ได้ทันเวลา.



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

โจรแสบงัดบ้านผู้พัน พล.ม.2 กวาดทรัพย์สินร่วม 2 ล้าน เมื่อ 30 เม.ย.57



โจรแสบงัดบ้านผู้พัน พล.ม.2 กวาดทรัพย์สินร่วม 2 ล้าน
 
โจรแสบ ปฏิบัติการล้วง คองูเห่า ย่องเงียบเข้า บ้านนายทหารยศพันโท นามสกุลดัง กลางเมืองปทุมก่อนกวาดทรัพย์สินมีค่า มูลค่า 2 ล้านบาทหลบหนีลอยนวล
เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 29 เม.ย. พ.ต.ท.ธีระ ประสิทธิ์ศุภกานต์ สวส. สภ.คูคต จ.ปทุมธานี
รับแจ้งจาก พ.อ.พนาเวศ จันทรังษี รองหัวหน้าชุดตรวจ จเร พล.ม. 2 รอ. อายุ 50 ปี ว่ามีเหตุคนร้ายบุกเข้าไปลักทรัพย์ภายในบ้านเลขที่ 802/262 ซอย 11/6 หมู่บ้านวังทอง ริเวอร์ ปาร์ค หมู่ 12 ต.คูคต กวาดทรัพย์สินมีค่าไปหลายรายการ จึงไปตรวจสอบพร้อท พ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก. พ.ต.ท.ปรากฎ นาคใหญ่ สว.สส. ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ปลูกอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 150 ตร.ว. มีรั้วรอบขอบชิดซึ่งเป็นบ้านของ พ.อ.พนาเวศ
จากการตรวจสอบบริเวณประตูทางเข้าบ้าน และประตูห้องนอนชั้น 2 พบร่องรอยงัดแงะจนกลอนประตู และสายยูพังเสียหาย ตรวจสอบภายในห้องพบข้าวของถูกรื้อค้นกระจัดกระจายทรัพย์สินมีค่าได้แก่ เครื่องทองรูปพรรณน้ำหนักกว่า 50 บาท พระยอดธงทองคำหาค่ามิได้ กระเป๋าถือแบรนด์เนม และของมีค่าหลายรายการ รวมค่าความเสียหายประมาณ 2 ล้านบาท ถูกคนร้ายขโมยหลบหนีไป เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึง เก็บลายนิ้วมือแฝง ในที่เกิดเหตุเพื่อนำไปตรวจสอบต่อไป


พ.ต.อ.นราเดช เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทราบว่าปกติบ้านหลังดังกล่าวมีพลทหาร 2 นายคอยดูแลความเรียบร้อย
ก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นพลทหารทั้งสองออกไปตลาดนัด และนำกุญแจไปฝากไว้ที่บ้านแม่ผู้เสียหาย ซึ่งอยู่บ้านหลังติดกัน ก่อนจะกลับเข้ามาเวลาประมาณ 18.30 น. แล้วมารับกุญแจไปไขก็พบว่าที่ประตูด้านหน้ามีรอยงัดแงะจึงรีบโทรศัพท์แจ้งให้เจ้าของบ้านทราบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวพลทหารทั้ง 2 นายไปสอบสวนแต่ยังให้การปฏิเสธ พร้อมให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาเบาะแสติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายอย่างเร่งด่วนแล้ว.



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

โหดผิดมนุษย์!โจรใต้บุกยิงหัวสาวท้องเมียตำรวจดัุบกลางตลาด เมื่อ 30 เม.ย.57



โหดผิดมนุษย์!โจรใต้บุกยิงหัวสาวท้องเมียตำรวจดัุบกลางตลาด
 
แฝงตัวเดินปะปนกับชาวบ้าน สบโอากาสเหมาะชักปืนจ่อยิงหัวเมียตำรวจศรีสาครซึ่งกำลังตั้งท้อง 2 เดือนดับสยองกลางตลาด ขณะที่เพื่อนอีกคนถูกยิงเข้าโหนกแก้มอาการสาหัส

เมื่อเวลา 14.05 น. วันที่ 29 เม.ย. ร.ต.ท.ดาวยศ เกยุระ ร้อยเวร สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.ศรีสาคร
ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ที่ตลาดนัดหน้าโรงพยาบาลศรีสาคร อยู่บ้านตะโล๊ะ หมู่ 2 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จึงสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือดหยดอยู่ที่พื้นหน้าร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปมือ 2 คนเจ็บมีพลเมืองดีนำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลศรีสาคร ทราบชื่อว่า นางจิริยา พรหมนวล อายุ 29 ปี กำลังตั้งท้อง 2 เดือน ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ และเป็นภรรยาของ ร.ต.ต.เจษฎา ปัญญโชติกุล รอง สวป.สภ.ศรีสาคร ถูกยิงเข้าที่ศีรษะทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะที่ น.ส.พิณยุพา วชิรกิจโกศล อายุ 25 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิต ตำแหน่งเป็นลูกจ้างสาธารสุข ถูกกระสุนปืนบริเวณแก้มขวาอาการสาหัส แพทย์นำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลปัตตานี



จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 คน
ได้ชวนกันซ้อนท้ายรถ จยย. มาหาซื้อสินค้าที่ตลาดนัดตรงข้ามโรงพยาบาลศรสาคร ระหว่างที่เดินเพื่อเลือกซื้อสินค้าอยู่นั้น จู่ ๆ มีคนร้าย 4 คน ขี่รถ จยย. 2 คัน เป็นพาหนะ มาจอดแล้วคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้เดินลงจากรถแฝงตัวปะปนกับชาวบ้าน เมื่อสบโอกาสคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นออกมาจ่อยิงผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 คนจนล้มลงกองกับพื้น แล้วคนร้ายได้วิ่งไปซ้อนท้ายรถ จยย.ที่ติดเครื่องอยู่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อสร้างสถานการณ์ร้ายให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในพื้นที่.




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

โจ๋ฉุนตู้เอทีเอ็มกินบัตร งัดจนพังระบายแค้น เมื่อ 30 เม.ย.57



โจ๋ฉุนตู้เอทีเอ็มกินบัตร งัดจนพังระบายแค้น
 
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 30 เม.ย. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ร.ต.ท.อัมพล คล้ายหงส์ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 
ได้รับแจ้งจากว่า มีเหตุงัดตู้เอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทย หน้าคอนโดสุขสบาย ริมถนนสายชากยายจีน หมู่ 8 ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธราเทพ ตูพานิช รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง ร่วมเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

 พบว่าบริเวณขอบด้านบนซ้ายของตู้เอทีเอ็ม มีร่องรอยถูกงัดเป็นช่องลึก แต่ไม่ได้เงินสดภายในตู้ไป
โดยนายสุพล กันทาวงษ์ อายุ 59 ปี ยามรักษาความปลอดภัย บริษัทแหลมฉบัง  แมนเทนเนนท์ จำกัด ซึ่งเข้าเวรอยู่ใกล้ตู้เอทีเอ็มให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนเองเห็นชายวัยรุ่นคนหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาท่าทางมึนเมา เข้ามากดเงินในตู้เอทีเอ็มดังกล่าว แต่เครื่องกินบัตรเข้าไป จึงเกิดความโมโห ประกอบกับความเมา จึงลงมืองัดตู้ระบายความแค้น เมื่อเห็นตนเดินเข้ามาดู จึงขึ้นรถจักรยานยนต์ขับขี่หลบหนีไป

 เบื้องต้นคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะดื่มสุรากับพรรคพวกและออกมากดเงินเพื่อไปซื้อสุรามาดื่มต่อ
แต่เครื่องกินบัตรเอทีเอ็มไปจึงโมโหงัดตู้เอทีเอ็มดังกล่าว 
ซึ่งก็จะได้มีประสานไปยังธนาคารเพื่อดูภาพจากกล้องวงจรปิด หาตัวหนุ่มใจร้อนรายนี้มาดำเนินคดีในข้อหาทำทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายต่อไป
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ชาวบ้านแห่ขอโชคเศียรพระใหญ่นครพนมแน่นวัด เมื่อ 30 เม.ย.57



ชาวบ้านแห่ขอโชคเศียรพระใหญ่นครพนมแน่นวัด
 
ชาวบ้านแห่ขอโชคเศียรพระใหญ่ นครพนม แน่นวัด หลังถูกปล่อยข่าววัดจะขายให้พ่อค้ารับซื้อของเก่า
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครพนม ว่า มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเดินทางมาที่วัดพุทธนิมิต บ.นาโสกเหนือ หมู่ 10 ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน หลังมีผู้โพสต์และแชร์ภาพเศียรพระขนาดใหญ่ลงในสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่าทางวัดจะขายเศียรพระพุทธรูปให้พ่อค้ารับซื้อของเก่าไปตั้งโชว์ร้านอาหาร-โรงแรม สร้างความหดหู่แก่ชาวพุทธไปแล้ว นั้น ซึ่งพบว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

หลังข่าวแพร่สะพัดออกไปมีประชาชนในตัวจังหวัดและอำเภอใกล้เคียง
ต่างทยอยเดินทางมาสักการะขอพรเศียรพระที่ขาดประดิษฐานหน้าหอระฆังไม่ขาดสาย จนที่จอดรถแน่นขนัด ทางวัดและคณะกรรรมการวัด จึงได้นำ พระประธานพร้อมโต๊ะหมู่บูชา และธูปเทียนมาตั้งไว้ เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้กราบไหว้บูชาขอพรเป็นสิริมงคล จำนวนมาก
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

ปู่พาหลานอัดบั้งไฟเหล็กกระเด็นตัดกะโหลกศีรษะดับ เมื่อ 30 เม.ย.57



ปู่พาหลานอัดบั้งไฟเหล็กกระเด็นตัดกะโหลกศีรษะดับ
 
ปู่พาหลานอัดบั้งไฟเหล็กกระเด็นตัดกะโหลกศีรษะดับ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 เม.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พ.ต.ต.วันชัย ไชยรักษ์ พนักงานสอบสวน สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างบูชาธรรมสถาน มีเด็กถูกเหล็กใช้อัดดินปะสิวบั้งไฟตัดกะโหลกเสียชีวิตในบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.โพธิ์ใหญ่ จึงไปตรวจที่เกิดเหตุ
ทราบชื่อผู้ตายว่า ด.ช.วุฒินันท์ มูลแสง อายุ 12 ปี
 มีบาดแผลถูกคมจากแผ่นเหล็กเครื่องอัดดินปะสิวใช้ทำบั้งไฟขนาดกว้างยาวประมาณ 2 คูณ 3 นิ้ว หนา 1 เซนติเมตร พุ่งตัดกะโหลกศรีษะด้านซ้ายจนกะโหลกเปิดเสียชีวิตอยู่ในเพิงที่ตั้งเครื่อง ซึ่งอยู่หลังบ้านเกิดเหตุ
จากการสอบสวนนายคำ มูลแสง อายุ 50 ปี ปู่ของ ด.ช.วุฒินันท์ ทราบว่า ได้ชวนผู้ตายและหลานสาวอีกคนมาช่วยกันทำบั้งไฟที่บ้านเกิดเหตุ
ซึ่งเป็นบ้านคนรู้จักและมีเครื่องมือใช้ทำบั้งไฟ เพื่อไปจุดในงานบุญเลี้ยงดอนปู่ตาของหมู่บ้านที่จัดขึ้นในวันที่ 1 พ.ค.นี้ โดยใช้ท่อพีวีซีขนาดกว้าง 1 นิ้วเป็นที่บรรจุดินปะสิว และเด็กชายมีหน้าที่คอยควบคุมเครื่องอัดไฮดรอลิกใช้อัดดินปะสิว ซึ่งมีความสูงกว่าตัวเด็ก ส่วนนายคำมีหน้าที่กรอกดินปะสิวใส่ท่ออยู่ด้านข้าง

ขณะที่ ด.ช.วุฒินันท์ นำแผ่นเหล็กหนา 1 เซนติเมตร ใช้รองเพื่ออัดดินปะสิวลงไปในท่อพีวีซีวางด้านบนและเดินเครื่องอัดดินปะสิว แผ่นเหล็กดังกล่าวได้กระเด็นออกมาและส่วนคมของแผ่นเหล็กได้ปลิวไปตัดเข้าที่หัวเด็กเลือดพุ่งล้มทั้งยืน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพของเด็กชาย ไปให้แผนกนิติเวชโรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ผ่าพิสูจน์ลงสาเหตุการเสียชีวิต เพื่อใช้เป็นข้อมูลสอบสวนเกิดจากความประมาทหรือไม่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

หนุ่มเมาอาละวาดพังเซเว่นก่อนทำร้ายรปภ.เมื่อ 30 เม.ย.57



หนุ่มเมาอาละวาดพังเซเว่นก่อนทำร้ายรปภ.
 
เกิดเหตุ หนุ่มเมาอาละวาดพังร้านเซเว่น ก่อนทำร้ายพนักงานและ รปภ.หมู่บ้าน เจ้าหน้าที่คุมตัวสอบ
พ.ต.ท.เจริญ บุญศิลป์ ร้อยเวร สน.ลำผักชี เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ได้รับแจ้งเหตุมีคนเมาสุราและเข้าไปอาละวาดทำลายทรัพย์สินและทำร้ายร่างกายพนักงานภายในร้านสะดวกซื้อ จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาหมู่บ้านเคซี ถนนสุวินทวงศ์ พบเครื่องเก็บได้รับความเสียหาย 2 เครื่อง ส่วนพนักงานของร้านได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน ขณะที่ผู้ลงมือก่อเหตุ ทราบชื่อ คือ นายเอกรัตน์ นวลณี อายุ 29 ปี โดยหลังจากก่อเหตุแล้ว ได้ไปทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านภัสสร 10ซึ่งห่างออกไปประมาณ 100 เมตร เจ้าหน้าที่อาสาสมัครจึงได้ช่วยกันจับตัวชายคนดังกล่าวไว้ พร้อมทั้งนำตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่งโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีเป็นที่เรียบร้อย

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายเอกรัตน์ ไว้ที่ สน.ลำผักชีแล้ว โดยยังอยู่ในอาการมึนเมา และไม่สามารถให้การได้ 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

"ตำรวจฮีโร่"เตะระเบิดเปิดใจ!! สิ่งแรกที่อยากทำหลังหายบาดเจ็บ เมือ 30 เม.ย.57



"ตำรวจฮีโร่"เตะระเบิดเปิดใจ!! สิ่งแรกที่อยากทำหลังหายบาดเจ็บ
 
เมื่อวันที่ 29 เมษายน พันตำรวจตรีพัดธงทิว ดามาพงศ์ สารวัตรงานสายตรวจ 3 กองกำกับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล
มอบเงินรายได้จากการจำหน่ายเสื้อยืดลายตำรวจฮีโร่ เตะระเบิด จำนวน 125,300 บาท ให้แก่ร้อยตำรวจตรีธีรเดช เล็กภู่ ที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ขอคืนพื้นที่บริเวณแยกผ่านฟ้าลีลาศ และเกิดเหตุปะทะ โดยร้อยตำรวจตรีธีรเดชได้ตัดสินใจเตะระเบิดที่มีคนร้ายโยนเข้ามาใกล้กับบริเวณด้านหน้าแนวตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่18กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจนานกว่าสองเดือนแล้ว

โดยพันตำรวจตรีพัดธงทิวได้นำเสื้อที่นายกรัฐมนตรีเซ็นให้กำลังใจ2ตัวมามอบให้ แก่ร้อยตำรวจตรี ธีรเดช ด้วย พร้อมเผยว่าการมอบเงินช่วยเหลือครั้งนี้ทำในนามส่วนตัวเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนตำรวจเหมือนกัน จึงอยากที่จะช่วยเหลือในส่วนที่จะสามารถช่วยได้ และคิดว่าร้อยตำรวจธีรเดชคือฮีโร่ที่ช่วยเหลือผู้อื่น

ด้านร้อยตำรวจตรีธีรเดช กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล มีกำลังใจที่ดีมาตลอด
โดยฝากขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ รู้สึกปลื้มใจและดีใจมากที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจถามอาการอยู่ตลอดเวลา รวมถึงกำลังใจที่สำคัญจากครอบครัว ส่วนบาดแผลคาดว่าอีกประมาณ4-5 เดือนน่าจะหายเป็นปกติ ซึ่งขณะนี้ต้องหมั่นทำกายภาพบำบัด สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เคยคิดเสียใจและสามารถทำใจได้


"ซึ่งหากย้อนเวลากลับไปช่วงเวลานั้นได้จะทำเช่นเดิมยืนยันจะเตะระเบิดเหมือนเดิม แต่ขอเตะให้เร็วขึ้น และหากร่างกายหายเป็นปกติแล้วจะกลับไปปฏิบัติหน้าที่เช่นเดิม ส่วนสิ่งแรกที่อยากทำเมื่อหายจากอาการบาดเจ็บและร่างกายหายเป็นปกติแล้วอยากไปท่องเที่ยวทะเลบางแสนกับครอบครัวและอยากว่ายน้ำ" ร้อยตำรวจตรีธีรเดชกล่าว พร้อมกันนี้ได้ฝากถึงเพื่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังหลังจากระยะหลังที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับการสูญเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้น
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

วิจารณ์แซ่ดปล่อยปลาสไลเดอร์ลงแม่น้ำน่าน ได้บาปหรือบุญ เมื่อ 30 เม.ย.57



วิจารณ์แซ่ดปล่อยปลาสไลเดอร์ลงแม่น้ำน่าน ได้บาปหรือบุญ
 
 วันที่ 29 เมษายน 2557  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในโลกออนไลน์สังคมคนพิษณุโลก มีการกล่าวถึงการปล่อยปลาลงสู่แม่น้ำน่าน อ.เมืองพิษณุโลกในรูปแบบใหม่
นั่นคือ ปล่อยปลาสไลเดอร์ มีพ่อค้าขายปลาหัวใส คิดค้นขึ้น โดยใช้ชื่อว่า เฮฮามหากุศล ปล่อยปลาสไลเดอร์ บริเวณริมแม่น้ำน่าน ถนนพุทธบูชา อ.เมืองพิษณุโลก ด้านหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ชาวพิษณุโลกจำนวนมาก ได้ตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า การปล่อยปลาวิธีนี้ จะได้บุญ หรือ บาปกันแน่ กล่าวคือ พ่อค้าได้ทำท่อพีวีซี ขนาดยาวประมาณ 20 เมตร หัวท่อจุดปล่อยปลาอยู่บนฝั่งแม่น้ำน่าน และปลายท่อก็จ่อลงสู่แม่น้ำน่านพอดี เมื่อมีผู้มาซื้อปลาและนำปล่อยผ่านท่อ เกรงว่าปลาจะได้รับอันตรายจากความร้อน ที่สะสมอยู่ในท่อพีวีซีที่รับแดดทั้งวัน และปลาอาจจะได้รับการกระทบกระเทือน เมื่อไปถึงน้ำ ปลาที่ปล่อยอาจจะตายได้ แทนที่จะได้บุญ กลับได้บาป และเป็นร้านจำหน่ายปลาปล่อยเพียงร้านเดียว บริเวณริมฝั่งแม่น้ำน่าน ที่มีผู้ประกอบการปลาปล่อยร่วม 10 ราย แต่ทั้งหมด ใช้วิธีให้ลูกค้านำถุงใส่ปลาและเดินลงไปปล่อยในแม่น้ำ


ผู้สื่อข่าวได้ไปสำรวจร้านเฮฮาปล่อยปลามหากุศล ที่ริมแม่น้ำน่าน ถนนพุทธบูชา อ.เมืองพิษณุโลก พบเจ้าของร้านนายมนตรี  โมกขำ และนางสาวบังอร  หมื่นสิริ สอบถามถึงที่มาที่ไปถึงแนวคิดในการปล่อยปลาสไลเดอร์

นายมนตรี เปิดเผยว่า ตนและภรรยา ประกอบอาชีพขายปลาปล่อยในแม่น้ำน่านมานานหลายปีแล้ว และได้รับการแนะนำจากลูกค้ารายหนึ่งว่า
ทำไมไม่ต่อท่อลงไปถึงแม่น้ำน่าน และให้ลูกค้าที่ซื้อปลาได้ปล่อยด้านบนเลย เพราะลูกค้าหลายคนจะลงไปข้างล่างก็เหนื่อย หลายคนก็ลื่นล้ม ตลิ่งแม่น้ำน่านก็สูงมาก ตนก็อาสาจะนำปลาไปปล่อยให้ลูกค้าก็ไม่ยอม ลูกค้าคนหนึ่งบอกว่า เคยเห็นที่รังสิต ทำท่อต่อลงน้ำและให้คนปล่อยปลาลงสู่น้ำ ลูกค้าจะได้ไม่ต้องลงไปข้างล่าง จากนั้นก็เริ่มทดลองทำดูเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา เดิมทีก็ใช้ท่อพีวีซีผ่าครึ่ง แต่มีปัญหาปลาจะกระโดดออกก่อน จึงใช้ท่อแบบกลม


นายมนตรี กล่าวว่า  ไม่มีปัญหาเรื่องปลาค้างท่อ หรือปลาไปไม่ถึง หรือว่าจะร้อนตายก่อนลงแม่น้ำน่าน 
เพราะก่อนจะปล่อยปลา ตนจะเทน้ำไล่ความร้อนในท่อลงไปก่อน จากนั้นก็ให้ลูกค้าปล่อยปลาในถุงลงในท่อ และตามด้วยน้ำอีกจำนวนมาก เพื่อไม่ให้ปลาค้างท่อ ที่ผ่านมาลูกค้าก็พอใจ ไม่เคยมีปัญหาปลาค้างท่อ หรือปลาตายก่อนลงแม่น้ำ


สำหรับสนนราคาปล่อยปลาแบ่งเป็น 2 ราคาหลัก ถุงเล็ก 20 บาท ถุงใหญ่ 50 บาท นายมนตรี ยังได้ทำข้อความให้ลูกค้าได้บ่งอ่านถึงการปล่อยปลาแต่ละชนิดและคำอธิษฐานไว้ด้วย อาทิ ปลาไหล การงาน การเงิน จะรุ่งเรือง ปลาหมอ สุขภาพแข็งแรง หอยขม ชีวิตรักจะไม่ข่มขื่น เต่า อายุมั่นขวัญยืน เป็นต้น 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

สุดโหดฆ่ารัดคอข่มขืน-สาวสวยผมทองหมกพงหญ้า เมื่อ 30 เม.ย.57



สุดโหดฆ่ารัดคอข่มขืน-สาวสวยผมทองหมกพงหญ้า
 
เหตุสะเทือนขวัญ!ฆาตกรโหดฆ่ารัดคอข่มขืนสาวสวยผมทองหมกพงหญ้า ตร.เชื่อถูกล่อลวงมาจากที่อื่น เนื่องจากไม่มีใครรู้จักว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน คาดเหยื่อคนมีเงินเพราะสวมนาฬิกายันต์ห้าแถว รุ่นมหาละลวยของ "อาจารย์หนู กันภัย"

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 29 เม.ย. ร.ต.ท.มกรา ศรีสกุลพิสุทธิ์ ร้อยเวร สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
รับแจ้งพบศพหญิงสาวถูกฆ่าโยนทิ้งริมถนน ทางเข้า หมู่บ้านวารุณี หมู่ 8 ต.คลองจิก ไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวน แพทย์ รพ.บางปะอิน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ ที่เกิดเหตุเป็นป่าหญ้าริมถนนคอนกรีตทางเข้าหมู่บ้าน พบศพหญิงสาว อายุประมาณ 25-30 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ผมยาวโกรกสีทอง รูปร่างหน้าตาดี สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ นิ้วกลางมือซ้ายสวมแหวนทอง สวมนาฬิกายันต์ห้าแถว รุ่นมหาละลวย ของอาจารย์หนู กันภัย เลขโค้ต 72125 ข้อมือขวาใส่กำไลแบบสแตนเลส 2 วง สวมสร้อยคล้ายทองที่บริเวณลำคอมีรอยเขียวช้ำรอบ ไม่สวมเสื้อยกทรงชั้นใน อวัยวะเพศมีคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง ตรวจสอบไม่พบเอกสารว่าเป็นใครมาจากไหน

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนหาปลาขี่รถจยย. ผ่านบริเวณจุดที่พบศพ
และพบต้นหญ้าที่ขึ้นปกคลุมข้างทางรกทึบถูกแหวกเป็นทางเหมือนมีการลากบางสิ่งลงไป จึงจอดรถลงไปตรวจสอบ กระทั่งพบศพหญิงสาวรายดังกล่าว จึงรีบแจ้งผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ จาการสอบถามคนในหมู่บ้านไม่มีใครเคยเห็นหรือรู้จักผู้ตายมาก่อน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะถูกคนร้ายที่รู้จัก และคุ้นเคยลวงมาข่มขืน
แต่ผู้ตายพยายามต่อสู้ขัดขืน จึงถูกคนร้ายบีบคอเสียชีวิตแล้วนำศพมาโยนทิ้งบริเวณดังกล่าวเพื่ออำพรางคดี ก่อนจะหลบหนีไปโดยไม่ได้แตะต้องทรัพย์สินมีค่าของผู้ตาย ท้ังนี้ชุดสืบสวนจะได้สอบถามไปยังร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ สถานบริการต่าง ๆ และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมใกล้กับที่เกิดเหตุเพื่อหาเบาะแสของผู้ตาย และติดต่อญาติและผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนและสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป.



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

สลด!!รถเมล์สาย505ทับร่างหนุ่มเซเว่นดับอนาถ เมื่อ 30 เม.ย.57



สลด!!รถเมล์สาย505ทับร่างหนุ่มเซเว่นดับอนาถ
 
29 เม.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.สมเจตน์ ธรรมบุตร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี
ได้รับแจ้งว่ามีรถประจำทางชนรถจักรยาน มีผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ บริเวณแยกแคลาย ด้านถนนติวานนท์ จากนั้นจึงประสานแพทย์เวรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุพบร่างชาย 1 ราย นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน ในสภาพนอนหงาย สวมชุดพนักงานของเซเว่น อีเลฟเว่น
ทราบชื่อคือ นายภาคภูมิ องค์วัฒนะพัฒน์ อายุ 25 ปี เป็นพนักงานเซเว่น อีเลฟเว่น ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการร้าน อยู่บ้านเลขที่ 73/247 หมู่ 6 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี มีบาดแผลฉีกขาดบริเวณสโพก และใกล้กันพบรถจักรยานปั่นสีแดงล้มอยู่ ซึ่งเป็นของผู้เสียชีวิต ส่วนคู่กรณีเป็นรถประจำทาง สาย 505 ยี่ห้ออีซูซุ สีส้ม ทะเบียน 12-5368 กทม. หมายเลขข้างรถ 7-55052 วิ่งระหว่าง ปากเกร็ด - สวนลุมพินี ซึ่งมี นายธวัช หอมหวาย เป็นพนักงานขับรถ ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่อยู่ภายในที่เกิดเหตุ

จากการสอบถามเพื่อนร่วมงานผู้เสียชีวิต เล่าว่า นายภาคภูมิได้เลิกงานในช่วงเวลา 10.00 น.และจะเข้างานอีกครั้งในเวลา 22.00 น.
โดยที่นายภาคภูมินั้น จะขี่จักรยานจากบ้านพัก ที่อยู่ภายในซอยประชาราษฎร์ 16/1 มาทำงานที่เซเว่น อีเลฟเว่น สาขาตลาดจิตเทวัญ ด้านถนนสนามบินน้ำ ซึ่งมีระยะทางไกลหลายกิโลเมตร และคาดว่าช่วงเกิดเหตุ นายภาคภูมิน่าจะกำลังขี่รถจักรยานกลับบ้านพัก แต่มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเสียก่อน

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวน นายธวัช แจ้งว่า ได้รับผู้โดยสารออกจากปากเกร็ด มุ่งหน้าปลายทางที่สวนลุมพินี 
เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้แซงรถจักรยานของผู้ตาย โดยที่นายธวัช อ้างว่าเห็นผู้ตายขับขี่ส่ายไปมาในจังหวะที่รถกำลังจะแซง จึงทำให้รถจักรยานนั้นล้มลง และคาดว่าร่างผู้ตายน่าจะกระเด็นเข้าไปใต้ท้องรถ จนเป็นเหตุให้ถูกทับและเสียชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ขับขี่รถประจำทางไปสอบสวนต่อที่ สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมจะต้องแจ้งข้อหาและดำเนินคดีตามกฎหมาย จากนั้นจึงมอบผู้เสียชีวิตให้ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร.พ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต เพื่อชันสูจน์ต่อไป


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  

อาณุภาพแห่งรัก.สาวอ้วนสุดในโลกประกาศลดน้ำหนักเพื่อแต่งงาน เมื่อ 30 เม.ย.57



อาณุภาพแห่งรัก.สาวอ้วนสุดในโลกประกาศลดน้ำหนักเพื่อแต่งงาน
 
สาวอ้วนที่สุดในโลกชาวสหรัฐวัย 38 ปี ประกาศลดน้ำหนักลง 127 กิโลกรัม เพื่อสวมชุดเจ้าสาวและเข้าพิธีวิวาห์ตามปกติ ขณะที่น้ำหนักปัจจุบันของเธอคือ 347 กิโลกรัม
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากรัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ว่า นางชาริตี เพียซ ชาวอเมริกัน วัย 38 ปี แม่หม้ายลูกติด 1 คน
ที่มีน้ำหนักตัวมากที่สุดในโลก และอาศัยอยู่ที่รัฐไอโอวาของสหรัฐ ประกาศลดน้ำหนักลง 127 กิโลกรัม เพื่อสานความฝันวันวิวาห์ของตนเองกับหนุ่มวัย 22 ปี นายโทนี ซาวเออร์ให้เป็นจริงให้ได้ โดยน้ำหนักตัวปัจจุบันของเธออยู่ที่ 347 กิโลกรัม ดังนั้นน้ำหนักที่เธอต้องการลดจึงมีค่าเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของน้ำหนักตัวทั้งหมด เธอกล่าวว่า แพทย์ในโรงพยาบาลในรัฐเทกซัส ตกลงที่จะผ่าตัดลดความอ้วนให้เธอ หากเธอลดน้ำหนักลงได้ตามเป้าหมาย

เธอสัญญากับตัวเองว่า จะไม่จัดงานแต่งงานระหว่างเธอกับคู่หมั้นที่ห้องรับแขกในบ้านเด็ดขาด
เธอมีความฝันที่จะสวมชุดวิวาห์ เดินไปตามทางระหว่างผู้ที่มาเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานที่เธอกับคู่หมั้นต้องการจะจัดเป็นแบบแนวคาวบอย เพราะทั้งคู่ชอบเพลงแนวคันทรีเหมือนกัน นอกจากนี้เธอยังต้องการที่จะลดหนักเพื่อเฉลิมฉลองให้กับวันสำคัญของชีวิตด้วยการเต้นไปกับคู่หมั้น และเพื่อน ๆ ทั้งคืน

ท้ังนี้เพียซ มีอาการบวมน้ำเหลืองทำให้ขาทั้งสองข้างของเธอบวมขึ้น 
และในที่สุดก็กลายเป็นผู้หญิงที่อ้วนที่สุดในโลกทุบสถิติของนางพอลลีน พอตเตอร์ ซึ่งมีน้ำหนักอยู่ที่ 291 กิโลกรัม เพียซไม่ค่อยได้ออกไปไหนไกลบ้านตั้งแต่ปี 2544 เนื่องจากอาการป่วยนี้ เธอยังกังวลอีกด้วยว่า เธออาจเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจหรือเส้นเลือดอุดตันที่สมอง อันที่จริงเพียซต้องการที่จะลดนำหนักให้ได้ถึง 89 กิโลกรัม เนื่องจากเธอต้องการที่จะมีชีวิตแบบคนปกติทั่วไป .


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

จับ"กะเทยเพี้ยน"ปาหินใส่พระบิณฑบาตร-จุดไฟเผาจยย.ชาวบ้าน เมื่อ 29 เม.ย.57



จับ"กะเทยเพี้ยน"ปาหินใส่พระบิณฑบาตร-จุดไฟเผาจยย.ชาวบ้าน
 
ตำรวจเมืองคอนรวบหนุ่มเบี่ยงเบน จิตป่วน ปาหินใส่พระขณะบิณฑบาต บาดเจ็บ 2 รูป ก่อนราดน้ำมันจุดไฟเผารถ จยย.ชาวบ้านวอด
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 29 เม.ย. พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ รอง ผกก.สส. พร้อมพวกจับกุมคนร้ายขี่รถจยย. ตระเวนก่อเหตุวุ่นวายทั่วเมืองทั้งปาหินใส่พระภิกษุที่กำลังออกบิณฑบาตช่วงเช้าจนได้รับบาดเจ็บ และราดน้ำมันจุดไฟเผารถจยย.ชาวบ้าน ที่นำมาจอดไว้บริเวณ รพ.เทศบาลนครนครศรีธรรมราช โดยมีผู้ที่เห็นเหตุการณ์สามารถบันทึกภาพ และถ่ายคลิปนำไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ค และยูทูป เพื่อเตือนภัย และขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุให้โดยเร็ว

กระทั่งสามารถจับกุมคนร้ายรายดังกล่าวไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือนายปกรณ์ กาหริมล่า อายุ 31 ปี ชาว จ.ระนอง
ขณะ กำลังขับรถ จยย. ซูซูกิ อาร์ซี 100 สีเขียว ทะเบียน ว-0366 สุราษฏร์ธานี วนเวียนอยู่ในเขตเทศบาลเมือง โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการตรวจค้นในรถจยย.คันดังกล่าวพบก้อนอิฐสีแดง ท่อนไม้ยาวกว่า 1 คืบ อีก 1 อัน ซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะ และยังพบข้าวสารบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกประมาณ 2 กิโลกรัม ควบคุมมาสอบสวนที่โรงพัก


เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็น รปภ.ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช 
มีนิสัยกระเดียดไปทางผู้หญิง รักสวยรักงาม วันเกิดเหตุได้ขี่รถ จยย.ตระเวนเที่ยวไปตามถนนราชดำเนิน ผ่านบริเวณหน้าวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร พบพระภิกษุและสามเณรกำลังเดินบิณฑบาตริมถนน จึงใช้ก้อนอิฐที่เตรียมมาขว้างใส่พระ และสามเณรจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะขี่รถ จยย. หลบหนีไป เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเคยคบหาชอบพอกับสามเณรรูปหนึ่ง และพยายามจะขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย แต่ถูกหลอกลวงพาไปกักขังในห้องน้ำในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราชนานหลายชั่วโมงกว่าจะออกมาได้ จึงเกิดความแค้นออกติดตามหาตัวสามเณรรูปดังกล่าวเพื่อล้างแค้น แต่ไม่พบจึงก่อเหตุกับพระเณรที่ได้รับบาดเจ็บแทน ส่วนสาเหตุที่จุดไฟเผารถ จยย.ชาวบ้าน เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นรถจยย.ของคนที่ตนไม่ชอบหน้า



ด้าน พ.ต.ท.วินัย เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นห้องเช่าของนายปกรณ์ ผู้ต้องหาบริเวณหลังวัดมุมป้อม 
พบดีวีดีลามกอนาจาร ประเภทรักร่วมเพศ จำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีรูปภาพผู้ชายร่วมรักกับผู้ชายด้วยกันเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังพบบัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิตของผู้ต้องบหาอีก 3 ใบ น้ำมันเบนซินซึ่งใช้ก่อเหตุเผารถจยย.ชาวบ้านครึ่งขวด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยจากการสอบสวนปากคำนายปกรณ์ให้การวกไปวนมา พูดและเชื่อถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้คล้ายคนมีปัญหาทางจิต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนขยายผลว่านายปกรณ์ เคยก่อคดีอื่น ๆ อีกหรือไม่.





ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

กอ.รมน.คงทหารคุมม็อบตามเดิม หวั่นเหตุฉุกเฉินไม่ทันสถานการณ์ เมื่อ 29 เม.ย.57



กอ.รมน.คงทหารคุมม็อบตามเดิม หวั่นเหตุฉุกเฉินไม่ทันสถานการณ์
 
29 เม.ย.57 ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) สโมสรตำรวจ 
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ กอ.รมน.ครั้งที่ 3/2557 โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติในการประชุม เมื่อวันที่ 28 เม.ย.57 เห็นชอบให้ประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพื้นที่กรุงเทพ จ.นนทบุรี อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี และ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ระหว่างวันที่ 1 พ.ค. - 30 มิ.ย.57

ทั้งนี้ มอบหมายให้ กอ.รมน.รับผิดชอบในการดำเนินการตามมาตรา 15 และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย จำนวน 18 ฉบับ ตามมาตรา 16 วรรค 4 รวมทั้งออกข้อกำหนดตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายใน พ.ศ.2551 จำนวน 5 ข้อ

ในการนี้รัฐบาลได้กำหนดให้ ศอ.รส.ที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นตามคำสั่ง กอ.รมน.ที่ 110/2557
ลงวันที่ 18 มี.ค.57 ยังคงเป็นหน่วยงานในการดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าว สำหรับโครงสร้างและอัตรากำลังของ ศอ.รส.ในที่ประชุมได้เห็นชอบกรอบการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามความจำเป็น และสอดคล้องกับสถานการณ์มีกรอบอัตรา จำนวน 60,717 อัตรา ในส่วนที่สำคัญยังคงเดิม ประกอบด้วย กำลังตำรวจ 112 กองร้อย และกำลังทหาร 57 กองร้อย จัดจากสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 1 กองร้อย กองบัญชาการกองทัพไทย 1 กองร้อย กองทัพบก 46 กองร้อย กองทัพเรือ 7 กองร้อย กองทัพอากาศ 2 กองร้อย โดยมี รมว.กระทรวงแรงงาน เป็น ผอ.ศอ.รส.

โฆษก กอ.รมน.กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงการปรับลดกำลังทหาร แต่การที่ กอ.รมน.ยังคงกรอบใช้อัตรากำลังเดิมนั้น
เนื่องจากการประชุมบอร์ด กอ.รมน.แต่ละครั้งจะต้องมีการเชิญรัฐมนตรีหลายกระทรวงมาเข้าร่วมประชุม จึงเกรงว่าหากพิจารณาปรับลดกำลังลงไปแล้วเกิดสถานการณ์ความรุนแรงขึ้น และต้องขอกำลังเพิ่มเติมนั้นอาจจะไม่ทันต่อสถานการณ์ จึงต้องคงกรอบอัตราเดิมไว้ก่อน ส่วนทาง ศอ.รส.จะใช้กำลังทหาร หรือตำรวจจำนวนเท่าไรนั้น ทาง ศอ.รส.จะเป็นผู้พิจารณาเอง

อย่างไรก็ตาม การใช้กำลังทหารให้เป็นไปตามข้อบังคับ กห.ว่าด้วยการใช้กำลังทหาร การเคลื่อนย้ายกำลังทหาร และการเตรียมพร้อม พ.ศ.2545 โดยก่อนปิดการประชุม พล.ต.อ.ประชา ได้ฝากให้ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ควบคู่กับการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วย
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  

"ถวิล"ลั่นไม่เข้ารายงานตัวกับ "ปู" เมื่อ 29 เม.ย.57



"ถวิล"ลั่นไม่เข้ารายงานตัวกับ "ปู"
 
"ถวิล" ลั่นไม่เข้ารายงานตัวต่อ "ยิ่งลักษณ์" แต่พร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาล เหตุเป็น ขรก.มืออาชีพ ไม่สน "ดีเอสไอ"ออกหมายเรียกขึ้นเวที กปปส.ยันไม่ได้ทำผิด กม.

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่รัฐสภา นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
กล่าวถึงการได้กลับเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ สมช.โดยปฏิเสธที่จะรายงานตัวต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และจะไม่รับมอบงานจาก พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการ สมช. พร้อมเปิดเผยถึงภารกิจแรกที่จะดำเนินการว่า จะทบทวนนโยบายด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้  ทั้งนี้จะยังคงแนวทางการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ตามนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาในวิธีอื่น  ขณะเดียวกันจะสานงานเดิมที่ค้างไว้สมัยดำรงตำแหน่งด้วย





เลขาธิการ สมช. กล่าวยืนยันว่า ไม่กังวลที่จะต้องกลับไปร่วมงานกับรัฐบาล เพราะมีความเป็นมืออาชีพ 
มั่นใจว่าสามารถทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้โดยที่รัฐบาลไม่ต้องหวาดระแวง ส่วนการเข้าประชุม ครม.เป็นดุลพินิจของฝ่ายบริหารว่าจะอนุญาตให้ตนเข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่ รวมทั้งการประชุม ศอ.รส. ที่กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ต้องเข้าร่วม แต่หากร้องขอก็พร้อมเข้าให้ข้อมูล  อย่างไรก็ตามตนไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งแต่เหตุผลที่ขอคืนตำแหน่ง เนื่องจากต้องการสร้างมาตรฐานในการรับราชการและสร้างขวัญกำลังให้กับข้าราชการประจำที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูง ไม่ใช่การนำบุคคลภายนอกเข้ารับตำแหน่ง

 ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าสมช.อาจถูกลดบทบาทลงนั้น เป็นเรื่องที่สังคมต้องประเมิน แต่ส่วนตัวพร้อมทำงานในช่วงอายุราชการที่เหลืออยู่ 5 เดือนนี้อย่างเต็มที่ 





นายถวิล ยังกล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา กรณีการขึ้นเวที กปปส. ว่า  ยืนยันไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญและหากมีการกลั่นแกล้งก็พร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้จะเดินทางเข้าให้ถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญที่เรียกไต่สวนคู่ความในคดีในวันที่ 6 พ.ค.นี้ด้วย.  



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

'ผบ.ทบ.'ไม่ขัด!ศอ.รส.ปรับลดทหาร เมื่อ 29 เม.ย.57



'ผบ.ทบ.'ไม่ขัด!ศอ.รส.ปรับลดทหาร
 
29 เม.ย.57 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์
ถึงกรณีปัญหาการพูดคุยระหว่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กับพล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดในฐานะประธานคณะรัฐบุคคล กรณีที่จะร่างพระบรมราชโองการ ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไทยแก้วิกฤติบ้านเมือง ว่า ถือเป็นความหวังดีของผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่อาจจะสื่อสารกันคลาดเคลื่อน อยากให้มองกันที่เจตนาเป็นหลัก ส่วนจะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กลไกต่างๆ แต่ไม่อยากให้ดึงสถาบันมายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง โดยในส่วนของ ผบ.เหล่าทัพ ก็มีการพูดคุยกันว่า จะควบคุมกำลังพลให้อยู่ในระเบียบวินัย ดูแลประชาชนให้เท่าเทียมกัน ซึ่งขณะนี้ก็มีหลายฝ่ายพยายามหาทางออกให้กับประเทศ ก็อยากให้ดำเนินการต่อไป ทหารจะดูแลคนทุกพวกทุกฝ่ายไม่ให้ใช้กำลังต่อกัน
สำหรับ กรณี พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ที่ปรึกษานายกฯและอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ฝึกกองกำลังที่ จ.นครราชสีมา นั้นตนได้เสนอเรื่องดังกล่าวให้ ศอ.รส.ว่าการดำเนินการดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่ รวมถึงอีกหลายกลุ่มก็มีการจัดตั้งกองกำลัง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง กรณี ศอ.รส.จะปรับลดกำลังทหาร ว่า ทหารออกไปทำหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรง 
แม้จะแก้ไขได้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เบาบางลง ถือเป็นอำนาจของ ศอ.รส.หากจะปรับลดกำลังทหาร แต่ก็ต้องถาม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ การดูแลปลอดภัยของความประชาชน ร่วมถึงการสร้างความความเชื่อมั่น ส่วนตนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกไม่สบายใจ ที่เห็นผู้นำท้องถิ่น หน่วยงาน มาพูดให้เกิดความรุนแรงด้วยการใช้กำลัง ตนมองว่าหากมีการใช้กำลังต่อกันทุกอย่างก็ไม่จบและจะเพิ่มความขัดแย้ง
"5-6 เดือนมานี้ ผมพูดทุกอย่างไปหมดแล้ว ทั้งการแก้ปัญหาของประเทศ การหาทางออก ถ้าไม่เลือกกัน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร"ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ทางตำรวจออกมาระบุว่า ไม้หนึ่ง แกนนำเสื้อแดง ที่ถูกยิงเสียชีวิต เป็นหนึ่งในบัญชีดำของกองทัพนั้น ให้ไปหาข้อมูลมา ทางการข่าว ไปดูุว่าเขาเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงหรือไม่ อย่ามาโยงทหาร เพราะทหารทำหน้าที่ดูแบประชาชนทุกพวกทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ตนจะดำเนิรคดีกับบุคคล สื่อ ที่กล่าวหาว่าตนไม่อะไรเพราะมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก