|
|
เวลานี้ถ้าใครมองเข้าไปในพรรคเพื่อไทยแล้ว คงได้เห็นการ “แสดงละคร” ของแต่ละคนได้อย่างออกรส บางคนออกท่าทางขึงขังเพื่อให้ออกมาสมบทบาทมากที่สุด เพื่อรักษาเรตติ้งยอดนิยมเอาไว้ให้นานที่สุด ทั้งที่เป้าหมายของคนพวกนี้ก็คือต้องการล้างผิดให้กับตัวเอง ตามหลัง “เจ้าของ” คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ลงทุนทุ่มเทไปมากมายแล้วกับการนี้แต่ยังไม่สำเร็จ แต่เมื่อเวลานานไปมันก็มีคนบางกลุ่มที่เดือดร้อนแสนสาหัส นั่นคือระดับมวลชนเสื้อแดงหางแถวที่ถูกปลุกระดมให้มา “ปกป้องประชาธิปไตยส่วนตัวของทักษิณ” มานานหลายปี ต้องติดคุก เสียชีวิต บาดเจ็บพิการ และที่สำคัญคนพวกนี้แทบทั้งหมดไม่ได้ประโยชน์จากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี ส.ส.ตำแหน่งการเมือง ต่างๆ ตรงกันข้ามกลับเดือดร้อนกับการที่ต้องแหกปากปกป้องรัฐบาลที่มีผลงานห่วยแตกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนานไปมันก็เหนื่อยเหมือนกัน คนพวกนี้ต่างเฝ้ามองว่าเมื่อไหร่ตัวเองและครอบครัวจะพ้นทุกข์ ลืมตาอ้าปากได้สักที เหมือนอย่างที่พวกแกนนำและทักษิณ ปลุกระดมมาบนเวทีว่าเมื่อโค่นอำมาตย์ลงไปแล้วก็ถึงยุคของ “พวกไพร่” ตามจินตนาการ
แต่เวลาผ่านไปยิ่งนานทุกอย่างกลับตรงกันข้าม คนที่เสวยสุขกลับเป็นพวก “หัวโจก” มีชื่อเพียงไม่กี่คน ซึ่งก็มีการแบ่งระดับชั้นกันอีก ว่าเป็น “ขี้ข้า” ระดับไหน เพราะบางคนได้บำเหน็จเป็นรัฐมนตรีแบบผูกปี ขณะที่บางคนภาพภายนอกเหมือนเป็นคนสำคัญแต่เอาเข้าจริงกลับถูกกันออกนอกวงทุกที
ถ้าให้สรุปบรรยากาศในพรรคเพื่อไทย รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และความต้องการของ ทักษิณ ชินวัตร และบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง ก็แยกเป็น “สองเรื่องเฉพาะหน้า” เร่งด่วนก่อนก็คือ เรื่องเงินจากพระราชบัญญัติงบประมาณปี 57 กับร่างเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท กับการผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ที่มีอยู่หลายร่างในเวลานี้ เพียงแต่ว่ากำลังหาทางทำให้ “เนียน” เพื่อ “ตบตา” มวลชนที่เฝ้าดูอยู่ข้างเวทีว่าจะมีเสียงโวยวายมากแค่ไหน อีกทั้งยังต้องระวังไม่ให้เกิดการรวมพลังต่อต้านจากสังคมภายนอกที่รับไม่ได้กับความเห็นแก่ตัวของ ทักษิณ อีกด้วย งานนี้ถึงได้บอกว่านาทีนี้มันไม่หมูเหมือนก่อน
ประเมินสถานการณ์ทั้งในและนอกสภาเริ่มร้อนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะฝ่ายต่อต้านเริ่มเห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม “กองทัพประชาชน” ที่มี “คณะเสนาธิการทหารแก่” เป็นหัวขบวน ที่ประกาศขีดเส้นขู่ชุมนุม “โค่นระบอบทักษิณ” ในวันที่ 4 สิงหาคมเป็นต้นไป หากเงื่อนไขที่เสนอไปไม่ได้รับการตอบสนองซึ่งทุกเรื่องเชื่อว่าสังคมรับรู้ไปแล้ว เพราะถ้าใครไม่เอาทักษิณ ก็ต้องให้ทำในแบบเดียวกัน รวมไปถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “หน้ากากขาว” ที่เคลื่อนไหวขับไล่กันทุกสัปดาห์อยู่แล้ว ขณะที่ในสภาพรรคประชาธิปัตย์ก็เตรียมขย่มทุกรูปแบบ งานนี้ถึงได้บอกว่าเป็นศึกใหญ่สำหรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ไม่มีผลงานให้ประชาชนทั่วไปได้ประทับใจจนเป็นภูมิคุ้มกันแน่นหนาเหมือนเก่า
ขณะเดียวกัน แม้ว่าล่าสุดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ทั้งพรรคเพื่อไทยและวิปรัฐบาลจะประสานเสียงมีมติให้สภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับที่เสนอโดย วรชัย เหมะ กับพวก ในการประชุมวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ก่อนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ และร่างเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท มันก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ทักษิณ ชินวัตร ยังต้องการทั้งสามอย่างนั่นคือ “เงิน-ล้างผิด-มวลชนแดง” ซึ่งต้องมาว่ากันถึงขั้นตอนเป็นลำดับไป
การสนับสนุนร่างนิรโทษกรรมฉบับดังกล่าวแม้ว่าในเนื้อหาจะบอกว่าให้นิรโทษฯ เฉพาะระดับชาวบ้านทุกกลุ่ม รวมไปถึงทหารที่ทำตามคำสั่ง ไม่เกี่ยวกับแกนนำระดับ “สั่งการ” ซึ่งก็เป็น “ความหมายซ่อนเงื่อน” ให้ตีความว่าใครคือคนประเภทนั้น เพราะสามารถอ้างได้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสมัครใจไม่มีใครสั่งการ อีกทั้งร่างฉบับนี้ก็ยังเป็นเพียง “วาระแรก” ยังมีเส้นทางข้างหน้าอีกยาวไกล ขณะเดียวกันก็ให้จับตามองกันอีกว่าจะมีการ “รวมเอาทุกร่าง” ที่คาอยู่ในสภารวมเป็นร่างเดียวกันแล้ว “ยำใหม่” ให้มีความหมายกว้างไกลหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นเฉพาะหน้าขอ “เอาใจอารมณ์มวลชน” คนเสื้อแดงไว้ก่อน แม้ว่าฝ่ายญาติคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตต้องการให้สนับสนุนร่างของตัวเอง แต่ก็คงกล้อมแกล้มอธิบายกันได้ และที่สำคัญหากยังงอแงก็ถือว่าแค่ “หยิบมือ” ไม่สะเทือนนัก
ส่วนเรื่องเงิน ที่เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ และเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนั้นเวลานี้ถือว่าการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการยังไม่เรียบร้อย และกำหนดการเดิมก็บอกมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะให้พิจารณากันในวันที่ 14 สิงหาคม ดังนั้น เมื่อจัดการซื้อเวลาด้วยการเปิดทางให้ถกร่างนิรโทษฯก่อน ก็เป็นการผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดภายในลงได้บ้าง เพราะถึงอย่างไรก็เป็นแค่วาระแรก ยังมีโอกาสยำรวม หรือไปแก้ไขในวาระสองในชั้นกรรมาธิการให้ “ล้างผิดเหมาเข่ง” ได้ไม่ยาก
แต่สำหรับสถานการณ์เฉพาะหน้า และพิจารณาจากบรรยากาศร้อนแรงก็ต้องบอกว่านาทีนี้รัฐบาลต้องการให้ร่างงบประมาณปี 57 ที่ต้องมาพิจารณาวาระสองสามและร่างเงินกู้ให้ผ่านโดยเร็วที่สุด เพื่อนำเงินมาใช้ก่อน เพราะคงประเมินแล้วว่าหลังจากนี้บรรยากาศจะเริ่มร้อนแรงขึ้นทุกขณะโดยเฉพาะในช่วงนับจากนี้ไปจนถึงปลายปี แต่ถึงอย่างไรเมื่อมีเงินกำอยู่ในมือแล้วก็พร้อมที่จะยุบสภาเพื่อกลับมาอีกรอบ แม้ว่าคราวนี้จะไม่ง่าย แต่เมื่อประเมินโดยรวมแล้วก็ยังได้เปรียบฝ่ายตรงข้าม อาจจะไม่ชนะขาด แต่ก็ถือว่า “ชนะ” อยู่ดี
ดังนั้นก็ต้องจับตาหลังจากกฎหมายการเงินสำคัญผ่านสภาไปแล้ว โดยเฉพาะร่างงบประมาณปี 57 ส่วนร่างเงินกู้อาจต้องฝ่าด่านตีความเรื่องขัดรัฐธรรมนูญ แต่หากผ่านเร่องสำคัญไปได้สักเรื่องก็เป็นไปได้สูงที่จะมีการยุบสภา เพราะเมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และบรรยากาศการเมืองในช่วงนั้นมันประดังเข้ามาพร้มกันทุกทาง ก็น่าจะยุบสภาผ่าทางตันดีที่สุด!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น