วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

"ในหลวง"ทรงพระราชทานความช่วยเหลือ รับเด็กหญิงถูกทิ้งอายุ 12 ปี ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ เมื่อ 20 ส.ค.57



 "ในหลวง"ทรงพระราชทานความช่วยเหลือ รับเด็กหญิงถูกทิ้งอายุ 12 ปี ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์
 
"ในหลวง"ทรงพระราชทานความช่วยเหลือ รับเด็กหญิงถูกทิ้งอายุ 12 ปี ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาพระราชทานความช่วยเหลือแก่เด็กหญิงพิสมัย  งอกสุข อายุ 12 ปี ที่จังหวัดอุบลราชธานี รับไว้ในพระราชานุเคราะห์พร้อมทั้งพระราชทานทุนการศึกษาให้กับ เด็กหญิงพิสมัย งอกสุข สูงสุดเท่าที่จะเรียนได้

วันที่ 20 สิงหาคม 2557 ที่โรงเรียนบ้านคำหมาในร่องเข  ตำบลนาเลิน  อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี 
นายกองเอก ดร. ดิสธร  วัชโรทัย  ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มอบหมายให้ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัดอุบลราชธานี โดยนายเกรียงเดช วัฒนวงษ์สิงห์  ปลัดจังหวัดอุบลราชธานี ลงพื้นที่บ้านคำหมาในร่องเข ตำบลนาเลิน อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี รับตัวเด็กหญิงพิสมัย  งอกสุข อายุ 12 ปี ที่อาศัยอยู่ลำพังคนเดียว รับไว้ในพระราชานุเคราะห์ โดยให้เข้าเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 32 จังหวัดอุบลราชธานี และได้พระราชทานทุนการศึกษาสงเคราะห์ต่อเนื่องไปจนกว่าจะจบการศึกษาสูงสุดเท่าที่เด็กสามารถจะเรียนได้

โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับตัวเด็กเข้ารับการปรับสภาพจิตใจ ณ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัด ก่อนที่จะนำส่งเด็กเข้าเรียน ณ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 32 ในวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2557

ด้านเด็กหญิงพิสมัย งอกสุข คุณครูโรงเรียนบ้านคำหมาในร่องเข
และเพื่อนๆนักเรียนต่างก็ปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้ทรงพระมหากรุณาธิคุณที่ทำให้เด็กหญิงพิสมัยฯได้มีชีวิตใหม่มีผู้ดูแลและได้เรียนหนังที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 32  จะมีชีวิตและอนาคตที่ดีขึ้นต่อไป


สำหรับเด็กหญิงพิศมัย งอกสุข ต้องอาศัยอยู่เพียงลำพังคนเดียวในบ้าน เป็นเวลาเกืแบ 10 ปี
และต้องรับจ้างเพื่อนบ้านทำงานบ้าน ซักผ้า รีดผ้า เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิต ซึ่งสาเหตุที่พ่อแม่ต้องทิ้งให็เด็กหญิงอยู่ลำพังเนื่องจาก ถูกร่างทรงกล่าวหาว่าพ่อแม่ของเธอเป็นผีปอบ และขอร้องให้ออกจากหมู่บ้านไปเพื่อความสบายใจ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น