25 ส.ค.57 เยาวชนชาย วัย 17 ปี โพสต์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค ในกลุ่มเพจ “พิษณุโลกบ้านเรา” ว่า
“รับจ้างตัดหญ้าช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ พื้นที่มากน้อยไม่เกี่ยง รับเหมาในราคา 300 บาท” ซึ่งมีผู้ที่สนใจจำนวนมาก จึงได้เดินทางไปพบเยาวชนชาย “น้องมอส” หรือ นายนพรัตน์ รองทอง อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 โรงเรียนจ่านกร้อง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์) พักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 337/8 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก
“น้องมอส” ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวถึงที่มาทีไปของการรับจ้างตัดหญ้าว่า เริ่มจากช่วงปิดเทอมเมื่อปลายปี 2556 ตนได้เข้าไปทำงานร้านเครื่องเสียง
และได้ค่าแรงวันละ 300 บาท ซึ่งรู้สึกดีกับเงินก้อนแรกที่ได้รับมาจากการทำงานของตัวเอง และรู้สึกเห็นถึงคุณค่าของเงิน และที่สำคัญยังสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้ จากนั้นมาตนจึงเริ่มคิดว่า ช่วงเวลาว่างจากการเรียน ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ น่าจะทำอะไรที่สามารถหาเงินได้ จึงคิดว่าการรับจ้างตัดหญ้าช่วงวันหยุดน่าจะเหมาะที่สุด จึงได้โพสต์ Facebook ในกลุ่ม “พิษณุโลกบ้านเรา” ซึ่งผลตอบรับก็ดีเกินคาด มีผู้อาศัยอยู่ในจังหวัดพิษณุโลกที่พบเห็น เข้ามาสอบถามรายละเอียด และว่าจ้างให้ไปตัดหญ้าจำนวนหลายราย และในวันนี้ก็ได้รับการติดต่อแจ้งมาว่า พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ ต้องการว่าจ้างให้มาตัดหญ้าบริเวณหน้าวิหารหลวงพ่อทองดำ ซึ่งเป็นลูกค้ารายแรกและรู้สึกดีใจมาก และได้รับคำอวยพรจากเจ้าอาวาสยิ่งปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง
โดยพระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ บอกว่าได้เห็นความเป็นเด็กดี มุมานะอยากหารายได้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
เพื่อแบ่งเบาภาระพ่อ-แม่ จึงอยากช่วยสนับสนุนเยาวชนที่คิดดี ทำดี จึงได้ให้โยมช่วยติดต่อให้มาช่วยตัดหญ้าในบริเวณวิหาร และบริเวณวัด ก่อนจะมอบเงินให้เป็นขวัญถุง พร้อมชื่นชม ที่ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และขอให้เป็นคนดี ตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีของพ่อ-แม่
ด้าน นายมาโนชญ์ ติณสิริสุข รองผู้อำนวยการกลุ่มงานบริหารวิชาการ รองผู้อำนวยการโรงเรียนจ่านกร้อง
กล่าวเพิ่มเติมว่า “นับเป็นเรื่องที่ดี ที่มีนักเรียนของโรงเรียนเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ก็อยากฝากถึงนักเรียนทุกคนว่า เราต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก”
“น้องมอส” ยังบอกว่า เงินที่ได้รับจากการรับจ้างตัดหญ้าจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นทุนการศึกษา อีกส่วนหนึ่งก็จะฝากธนาคารไว้ เผื่ออนาคตมีอะไรฉุกเฉิน จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง และไม่เคยคิดอายใคร เพราะมั่นใจว่าการทำดี ไม่เดือดร้อนคนอื่น ก็เพียงพอแล้ว
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น