วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กกต.สั่ง34พรรคจับเบอร์/ม็อบฮือ เมื่อ 26 ธ.ค.56

กกต.สั่ง34พรรคจับเบอร์/ม็อบฮือ


ม็อบ คปท.บุกสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น เช็กกำลังตำรวจก่อนถอนกลับ ประกาศมาใหม่ 26 ธ.ค.ขวางจับสลาก เพื่อแม้วกลัวไม่ได้เบอร์ฮั้วพรรคเล็กมอบอำนาจ กกต. "5 เสือ" ปัดทำแทนไม่ได้ ส่อโมฆะ นัด 34พรรคเจออาคารเวสน์ 2 ที่เดิม "มาร์ค" ข้องใจ "ปู" หาเสียงอีสานเย้ย กม. ปชป.เตรียมหอบหลักฐานฟ้อง กกต. "สุรนันทน์" ผวานายสุ่มเสี่ยง สั่งทุกกระทรวงถอดป้ายงดโฆษณา
    เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม เวลา 07.30 น. กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. และนายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. ได้เคลื่อนขบวนด้วยรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียง 2 คัน, รถกระจายเสียง 1 คัน พร้อมรถบัสขนมวลชน 10 คัน เดินทางออกจากเวทีที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อมุ่งหน้าไปทำกิจกรรมทางการเมืองที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง
    กระทั่งเวลา 08.10 น. ขบวนของกลุ่ม คปท.ได้เดินทางมาถึงที่ด้านหน้าศูนย์เยาวชน กทม. โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด ผู้ชุมนุมต่างพากันตะโกนโห่ร้องสลับกับเป่านกหวีดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แกนนำได้สั่งการให้การ์ดผู้ชุมนุมเข้าประจำที่ประตู 2 พร้อมผลักดัน ก่อนใช้รถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงดันเข้าไปอีก โดยใช้เวลาเพียง 2 นาที สามารถพังประตูเข้าไปภายในศูนย์ ก่อนทำการรื้อแผงเหล็กกั้นออก ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมโล่ที่ตั้งแนวตั้งรับอยู่ภายในต้องถอยร่นออกไปประจำการที่หน้าอาคารกีฬาเวสน์ 2 ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
    ทั้งนี้ มีรายงานว่า ก่อนที่ คปท.จะเดินทางไปถึงศูนย์เยาวชน กทม.นั้น นายโปรดปราน โต๊ะราหนี หัวหน้าพรรคพลังไทย และเครือข่าย เดินทางไปยื่นใบสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคจำนวน 10 คน ต่อเจ้าหน้าที่ กกต.ภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 แต่เมื่อผู้ชุมนุมเข้าปิดล้อมจึงต้องหลบหนีออกทางด้านหลังอาคาร
    นายอุทัยกล่าวบนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียง หน้าอาคารกีฬาเวสน์ 2 ว่า คปท.เดินทางมาที่นี่ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลรักษาการที่ต้องการเดินหน้าการเลือกตั้ง แต่ คปท.และประชาชนไม่เห็นด้วย เพราะอยากให้มีการเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยและจัดตั้งสภาประชาชนเสียก่อน จึงค่อยมีการเลือกตั้ง แต่พบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังเดินหน้าที่จะจัดการเลือกตั้งให้ได้
    ภายหลังผู้ชุมนุมเข้ามาในอยู่ภายในศูนย์เยาวชนกทม. ได้มีการระดมอุปกรณ์ต่างๆ เข้ามายังหน้าอาคารกีฬาเวสน์ 2 ก่อนจะนำธงชาติไทยขนาด 1.4 กิโลเมตร มาผูกปิดล้อมอาคารกีฬาเวสน์ 2 เพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ยืนประจำจุดอยู่ตามอาคารดังกล่าวไม่ได้ห้ามปราม
    จากนั้นเวลาผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง กลุ่มผู้ชุมนุม คปท.ได้พยายามเข้าไปภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 เพื่อยื่นหนังสือกับเจ้าหน้าที่ กกต. ขอให้ยุติการรับสมัครเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรมครั้งนี้ จึงเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนพร้อมโล่ที่ยืนประจำจุดอยู่ โดยมีการผลักดันกันไปมา และเจ้าหน้าที่ได้ฉีดสเปรย์พริกไทยระงับเหตุ ประมาณ 10 นาที สถานการณ์จึงสงบลง และนายสมศักดิ์ สุริยะมงคล รองเลขาธิการ กกต. ได้อนุญาตให้ผู้ชุมนุมส่งตัวแทนเข้าไปในอาคารดังกล่าวได้ ซึ่งแกนนำ คปท.ได้มอบหมายให้ น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทีมทนายความของ คปท. เข้าไปภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2
    อย่างไรก็ตาม มวลชนที่ยืนรออยู่ภายในอาคารเกิดความเข้าใจผิด คิดว่า กกต.จะอนุญาตให้ผู้ชุมนุมเข้าไปในอาคารทั้งหมด จึงพยายามที่จะเข้าไปภายใน ส่งผลให้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง จึงทำให้มีการปิดประตูทางเข้าอาคาร และ น.ส.พวงทิพย์ติดค้างอยู่ภายใน ทางแกนนำจึงประกาศบนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงให้นำพาตัวแทนของ คปท.ออกมา พร้อมสั่งการให้การ์ดเข้าประจำจุดกันมวลชนที่อยู่ในอารมณ์เดือดดาลออกจากแนวตั้งรับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่งมีการเปิดประตูให้ น.ส.พวงทิพย์ออกมา เหตุการณ์จึงสงบ จากนั้นทางการ์ดผู้ชุมนุมได้นำแผงเหล็กมาวางกั้นตลอดแนวอาคาร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นอีก
    ส่วนนายนิติธรและนายอุทัยได้เข้าเจรจากับนายสมศักดิ์ เพื่อขอให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับเข้าไปภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากับมวลชนขึ้นมาอีก และรับปากว่า หากเจ้าหน้าที่ กกต.จะออกจากภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 สามารถออกได้เลย โดยจะดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้ทันที
    ต่อมานายสมศักดิ์ได้แจ้งแกนนำ คปท.ว่าจะนำเจ้าหน้าที่ออกจากอาคารกีฬาเวสน์ 2 ทางแกนนำ คปท.จึงได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบ โดยให้ตั้งแถวและปรบมือให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ กกต.ที่เดินออกมา โดยนายนิติธร และนายอุทัยเดินไปส่งจนถึงบริเวณประตู 3 ของศูนย์เยาวชนฯ ด้านกระทรวงแรงงาน โดยตลอดเส้นทางได้มีผู้ชุมนุมโห่ร้องและเป่านกหวีดใส่เจ้าหน้าที่ กกต. ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า จะเดินทางกลับสำนักงาน กกต.ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เพื่อรายงานต่อ กกต.ให้รับทราบ และในวันนี้จะไม่มีการรับสมัครเกิดขึ้น
คปท.ลั่นขวางจับสลาก 26 ธ.ค.
    "วันนี้ถือว่าได้ชัยชนะแล้ว และมาเพื่อเช็กกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอให้ตำรวจเตรียมการให้พร้อม เตรียมแก๊สน้ำตามาเลย แล้วให้ไปยืนประจำจุดประตูทางเข้าของศูนย์เยาวชนฯ เพราะในวันที่ 26 ธ.ค. คปท.จะเดินทางมายึดอาคารกีฬาเวสน์ 2 อีกครั้ง เราจะไม่ยอมให้มีการจับสลากหมายเลขผู้สมัครพรรคการเมือง โดยขอให้ผู้ชุมนุมมาพบกัน 06.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล และเดินทางมาพร้อมกันใหม่ ฉะนั้นขอให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. คิดให้ดีว่าจะเลือกอยู่ข้างประชาชน หรือรัฐบาลระบอบทักษิณ และหาก พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ได้รับฟังอยู่ ขอให้เตรียมตัวให้พร้อม" นายนิติธรระบุ
    จากนั้น คปท.ได้เคลื่อนขบวนกลับเวทีชมัยมรุเชฐ ในเวลา 15.30 น. โดยผู้ชุมนุมผู้หญิงได้ตบมือและส่งจูบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนประจุดที่หน้าอาคารกีฬาเวสน์ 2 โดยเหตุการณ์เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย
    ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นเจ้าภาพเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทั้ง 4 พรรค และหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ ที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง มาหารือเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะมีการจับฉลากหมายเลขของพรรคในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ โดยมีนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา, นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล, นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เข้าร่วมประชุมด้วย
    โดยหัวหน้าพรรคเล็กต่างแสดงความเห็นอย่างดุเดือด และเห็นว่าทุกพรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้งและต้องการประสานให้ กกต.จัดการเลือกตั้งให้ได้วันที่ 2 ก.พ. หาก กกต.ทำไม่สำเร็จ ก็เสนอให้จับตัว กกต. 5 คนไปเสียเลย และยังตำหนิการทำงานของ กกต.ที่ผ่านมาไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ และปล่อยหัวหน้าพรรคการเมืองตกอยู่ในวงล้อมผู้ชุมนุมทั้งใน สน.ดินแดงและศูนย์เยาวชนฯ ขณะที่ กกต.หนีออกไปได้ ถือเป็นการทำงานอ่อนหัดมาก  
    รวมทั้งมีการเสนอให้จัดเฮลิคอปเตอร์หรือรถเอกอัครราชทูตลงไปรับฉลากหมายเลขผู้สมัครในวันที่ 26 ธ.ค. เพราะเชื่อว่าผู้ชุมนุมไม่กล้าทำอะไร และหากผู้ชุมนุมยิงเข้ามา เราก็ยิงตอบโต้กลับไป เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาผู้ชุมนุมพร้อมจะฆ่าพวกเรา นอกจากนี้ยังเสนอให้ย้ายไปจับฉลากในต่างจังหวัด เช่น จ.ขอนแก่น เพราะอย่างน้อยมีแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นเกราะป้องกัน
    อย่างไรก็ตาม หลังจากนายสมชายฟังการหารือจากหัวหน้าพรรคเล็กแล้วได้แสดงความเห็นออกมาว่า “ผมไม่ทราบว่าปัญหาที่ผู้ชุมนุมกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ออกมาเรียกร้องเพราะสาเหตุอะไร ผมก็เคยถามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ท่านก็ไม่ทราบเช่นกัน”
    ทันทีที่นายสมชายกล่าวจบ นายกุศลหมีเทศริ์ ศรีอารวงศา ตัวแทนของพรรคคนขอปลดหนี้ ได้บอกนายสมชายว่า “จะบอกให้ คือผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง และหากที่ประชุมไม่ฟังผม ทุกคนจะถูกจับ และถูกปฏิวัติแน่นอน”
    นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า รอให้ กกต.ประชุมสรุป เพราะอาจจะมีทางออก และเสนอให้แต่ฝ่ายทำหนังสือถึง กกต.ให้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ก่อน หากทำไม่ได้ ให้ย้ายไปจับฉลากที่ค่ายตำรวจหรือค่ายทหารก็ได้ แต่ถ้าเราเข้าไปจับฉลากไม่ได้ กกต.จะจับฉลากให้เราเลย เพราะคิดว่าได้เบอร์อะไรก็ยอมรับได้หมด เพราะต้องการให้เกิดการเลือกตั้ง 
    นายบรรหารกล่าวว่า ทุกคนมาที่นี่เห็นด้วยให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 3 อำนาจมาจากประชาชนจริง แต่ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น และ กกต.ต้องจับฉลากให้ได้ แต่หากต้องเปลี่ยนพื้นที่จับฉลากไม่ควรบอกล่วงหน้า ทั้งนี้ อยากให้ทุกพรรคการเมืองทำหนังสือถึง กกต.ให้จับฉลากให้ได้ และหากเกิดเหตุการณ์อะไร ค่อยแก้ปัญหาในภายหลัง ส่วนให้ กกต.จับฉลากแทนพวกเรา ขอให้เป็นวิธีสุดท้าย จากนั้นทุกพรรคต่างยกมือสนับสนุนให้ กกต.จับสลากแทนด้วยคะแนนเอกฉันท์
34 พรรคชง กกต.หยิบเบอร์แทน
    นายสมชายกล่าวสรุปว่า หากไม่สามารถให้พรรคการเมืองจับฉลากได้ ให้ทุกพรรคทำหนังสือยินยอมไปที่กกต.ให้จับฉลากแทน และทุกพรรคจะยอมรับหมายเลข หากกฎหมายเปิดช่องให้สามารถทำได้
    นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยากให้ทุกพรรคทำหนังสือแสดงเจตจำนงไปที่ กกต.เอง เพราะหากมาฝากให้พรรคเพื่อไทยไปดำเนินการแทน อาจถูกมองว่าฮั้วกันได้
    นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เปิดเผยว่า พรรคยังไม่ได้เข้าไปสมัครรับเลือกตั้ง โดยจะรอดูมติของ กกต.อีกครั้ง หากชัดเจนจะส่งผู้แทนไปสมัครในวันที่ 26 ธ.ค. โดยพรรคจะส่งผู้สมัครทั้ง 2 ระบบ ส่วนระบบเขตจะเน้นในพื้นที่ จ.ชลบุรี และพื้นที่เป้าหมายอื่นๆ อีกบางจุด
    ที่สำนักงาน กกต. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงว่า แม้จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกมาที่ศูนย์เยาวชนฯ โดยกลับไปแล้ว และจะกลับมาใหม่ในวันที่ 26 ธ.ค.นั้น กกต.พิจารณาสถานการณ์รวมทั้งเหตุผลประกอบต่างๆ ยังยืนยันใช้อาคารกีฬาเวสน์ 2 เป็นสถานที่รับสมัครแบบบัญชีรายชื่อและจับสลากเหมือนเดิมไปจนถึงวันที่ 27 ธ.ค. จึงขอเชิญทั้ง 34 พรรคไปจับสลากที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 โดย กกต.ทั้ง 5 คน รวมทั้งตนและเจ้าหน้าที่ กกต.จะเดินทางไปด้วย โดยจะเริ่มกรรมวิธีจับสลากในเวลา 09.00 น. ขอเชิญสื่อมวลชนประจำ กกต.ไปร่วมด้วย ทาง กกต.จะจัดรถให้ 
    ทั้งนี้ จะออกจากสำนักงาน กกต.ในเวลา 06.00 น. คาดว่าจะไปถึงในเวลา 08.00 น. ส่วนผู้แทนพรรคการเมืองทั้ง 34 พรรคขอให้ไปเจอกันที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ซึ่งจะทำหนังสือแจ้งไปอีกครั้ง ทั้งนี้ ผบ.ตร.รับปากว่าจะดูแลความปลอดภัยให้
    เมื่อถามว่า คปท.จะมาชุมนุมในวันดังกล่าวมากกว่าเดิมจะดำเนินการได้อย่างไร นายภุชงค์กล่าวว่า พรุ่งนี้ก็คือพรุ่งนี้ เราทำไปตามหน้าที่ด้วยความสุจริตใจ กกต.คิดว่าเรายังสามารถดำเนินการได้ ยังมีเวลาอีก 2 วัน ดังนั้นเราจะทำงานอย่างเต็มที่ จนถึงวันที่ 27 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ขอกำลังทหารมาช่วย
    ส่วนที่พรรคการเมืองมีมติให้ กกต.จับสลากแทนนั้น นายภุชงค์กล่าวว่า ขอดูข้อกฎหมายก่อนว่าทำได้หรือไม่ เพราะเพิ่งทราบจากสื่อมวลชนเช่นกัน การหารือกันเป็นเรื่องดี แต่คิดว่าข้อกฎหมายไม่สามารถทำได้ ตามระเบียบ กกต.ต้องมีการจับสลาก ถ้าเราไปจับแทนอาจเป็นโมฆะได้ คนที่จับสลากต้องเป็นผู้แทนพรรคการเมืองเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หาก 34 พรรคการเมืองเข้าไปได้ ขั้นตอนที่ต้องดำเนินการที่ค้างอยู่คือ การตรวจเอกสาร  จับสลาก โดยให้จับสลากว่าใครจะมีสิทธิจับก่อนหลัง แล้วค่อยจับสลากเบอร์ผู้สมัคร หลังจากนั้นจ่ายเงิน และ กกต.ออกหนังสือรับรอง
    เมื่อถามย้ำว่า หากวันที่ 27 ธ.ค.จับสลากไม่ได้จะทำอย่างไร นายภุชงค์กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์วันต่อวัน ยังมีเวลาอีก 2 วัน โดยจนถึงวันนี้มีพรรคแสดงความจำนงสมัครบัญชีรายชื่อ 36 พรรค
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณชั้น 1 ตรงทางเข้า-ออกทั้ง 2 ด้านของสำนักงาน กกต. คือหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แลกบัตรเข้า-ออกสำนักงาน กกต. และฝั่งห้องผู้สื่อข่าว ได้มีกระดาษเอ 4 ที่มีข้อความว่า "สถานที่สำรองในการจับสลากหมายเลข การสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ” จำนวน 2 แผ่น ติดไว้ที่ห้องกระจก แต่เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ กกต. กลับบอกว่าไม่รู้เรื่องว่าใครนำมาติด พร้อมกับแกะกระดาษทั้ง 2 แผ่นออกไป โดยระบุว่าอาจเป็นผู้ที่ไม่หวังดีจากภายนอกนำมาติดก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม นายภุชงค์ กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้น อาจมีคนหวังดีว่าทำไมไม่มาจับสลากที่ กกต. ซึ่งมีคนพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็หัวเราะกัน
    ทางด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี คปท.ปิดล้อมสถานที่รับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ยังไม่ได้คุยกับ กกต. เรื่องนี้อยู่ที่ กกต.ดำเนินการ
ผวาผิด กม.สั่งงดโฆษณา "ปู"
    นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งถึงรัฐมนตรีทุกคนและปลัดกระทรวงทุกกระทรวง โดยขอให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจระงับการขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ หรือการเผยสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นๆ ที่มีภาพหรือเสียงของนายกฯ นั้นทันที และขอยกเลิกแผนหรือการเตรียมการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่มีภาพและเสียงของนายกฯ ในทุกรูปแบบ เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา เพื่อให้การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ประกอบระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นไปอย่างเคร่งครัด ด้วยความเรียบร้อย สุจริตและเป็นธรรม
    ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลงพื้นที่ภาคอีสานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า การที่รัฐบาลหรือคนที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ หรือรัฐมนตรีใช้เวลาลงพื้นที่ในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งนั้น ถือว่าหมิ่นเหม่มากต่อการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่ดูเหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีความสะทกสะท้านไม่เกรงกลัว กลับใช้เวลาในช่วงนี้เดินหน้าอย่างเดียว เท่าที่ดูเจตนาแล้ว นอกจากจะมีการหาเสียงในตัวแล้วคงเป็นเพราะไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ ด้วย
    นายอภิสิทธิ์ยังตั้งข้อสงสัยด้วยว่า เหตุใด น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงไม่ลงพื้นที่สงขลา ซึ่งเกิดเหตุคาร์บอมบ์ ซึ่งการลงพื้นที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้เชื่อมโยงกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน และหากยังดำเนินการเช่นนี้จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างนายกฯ กับประชาชนจำนวนมากจนเหมือนอยู่คนละโลก ไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ นอกจากนี้ การที่ท้าให้ใช้วันเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 ตัดสินตระกูลชินฯ นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะในรัฐธรรมนูญกำหนดเรื่องการทำประชามติว่าไม่ให้ทำเกี่ยวกับเรื่องบุคคล และยังไม่สนใจที่ทบทวนในเรื่องความขัดแย้งที่ลุกลามมากขึ้น ยิ่งตอกย้ำทำให้เกิดความไม่เชื่อถือว่า รัฐบาลหรือสภาที่มาจากการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้จะสามารถตอบโจทย์ปฏิรูปได้
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยว่า ไม่ได้สำนึกว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดปัญหาในบ้านเมือง แต่จัดบัญชีท้าทายข้อเรียกร้องของประชาชน โดยยังให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่อันดับ 1, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เครือญาตินายกฯ อยู่อันดับที่ 2 เป็นการจัดอันดับที่เห็นชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลัง เพื่อรักษาเครือข่ายให้เป็นผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จในบ้านเมืองต่อไป นอกจากนี้ มีการปูนบำเหน็จให้กับคนที่รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น นายประยุทธ ศิริพานิชย์ อยู่ในอันดับที่ปลอดภัย รวมถึงแกนนำคนเสื้อแดงด้วย
    นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยมี 7 คนที่เป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายคือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นพ.เหวง โตจิราการ, นายอดิศร เพียงเกษ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายพายัพ ปั้นเกตุ และวีระกานต์ มุสิกพงศ์ จึงเกิดคำถามว่า มีเจตนาฟอกผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายหรือไม่ จะเป็นการรับรองความชอบธรรมที่จะนำไปสู่การออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ก่อการร้ายหรือไม่
    น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงหลักฐานเป็นภาพถ่ายการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งระหว่างการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ภาคอีสานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยมีป้ายหาเสียงพรรคเพื่อไทยและป้ายชี้ชวนให้เลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ท่ามกลางมวลชนที่มาต้อนรับ ซึ่งจะส่งหลักฐานให้ กกต.ภายใน 2-3 วันนี้.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น