วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ส.ว.สับกองทัพยอมหงอ “คลิบถั่งเช่า”วันที่ 24 ธ.ค.56


ส.ว.สับกองทัพยอมหงอ “คลิบถั่งเช่า”

วันที่ 23 ธ.ค. น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา กทม. โพสต์เฟซบุ๊คเป็นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำในกระทรวงกลาโหม (รมว.กลาโหม, ผบ.สส., ปลัดกระทรวงกลาโหม, ผบ.ทบ., ผบ.ทร.,ผบ.ทอ.) มีใจความว่า “สืบเนื่องจากข่าวการประชุมของสภากลาโหมเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา มีการนำเสนอโดยฝ่าย ผบ.เหล่าทัพให้มีการตั้ง “สภาประชาชน” ขึ้นมาโดยยังมีนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมรักษาการเป็นผู้กำกับดูแล ทั้งที่ในขณะนี้ประชาชนไม่มีความไว้วางใจในตัวของนายกฯ รักษาการ และที่สำคัญที่สุดของความไม่ไว้วางใจคือการมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังในการกุมบังเหียนรัฐบาลและมีอิทธิพลต่อผู้นำเหล่าทัพในกองทัพไทย สิ่งที่ยังค้างคาใจสังคมไทยมาถึงทุกวันนี้ คือ เสียงพูดคุยของชาย 2 คนในเทปเสียงที่รู้จักกันในชื่อ “คลิปถั่งเช่า” ที่ปรากฏต่อสังคมเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2556 นี้เอง เสียงพูดคุยในเทปเสียงนั้นเป็นการพูดถึงการวางแผนที่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านโดยอาศัยการออกกฎหมายนิรโทษกรรม และอาศัยสภากลาโหมเป็นที่รองรับ
น.ส.รสนา ระบุว่าหากคำพูดดังกล่าวเป็นจริง ก็เป็นการคอรัปชั่นที่ร้ายแรงในกองทัพไทย และเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของบ้านเมืองอย่างสูงสุด นายกฯ ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ เพราะแผนการร้ายในการยึดกองทัพก็เพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ นั้นระบุชัดเจนว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์รับรู้จากการรายงานตลอดเวลา ตัวอย่างเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้ คือ คดีวอเตอร์เกต ที่นายริชาร์ด นิกสัน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาถูกอัดคลิปเสียงแบบนี้ ทำให้ได้รู้ถึงการสั่งการให้มีการดักฟังเสียงของคู่แข่งทางการเมือง คดีวอเตอร์เกตอันฉาวโฉ่ทำให้นายนิกสันต้องลาออกจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาก่อนที่จะถูกถอดถอน หากเปรียบเทียบความร้ายแรงแล้ว ต้องบอกว่าคลิปถั่งเช่ามีความร้ายแรงกว่า เพราะได้บอกถึงแผนการยึดกองทัพของนักการเมือง และการติดสินบนผู้บริหารระดับสูงของเหล่าทัพ ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อระบอบประชาธิปไตย ดังที่คำสนทนาในคลิปได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าภายในปี 2557 จะสามารถคุมกองทัพทั้งหมดอยู่ในมือของนักโทษหนีคุกได้อย่างเบ็ดเสร็จ

วันที่ 24/12/2556 เวลา 6:17 น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น