วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปฐมบทแห่งการ (ล้ม) เลือกตั้ง เมื่อ 24 ธ.ค.56


ปฐมบทแห่งการ (ล้ม) เลือกตั้ง

เห็นจะต้องแสดงความยินดีล่วงหน้ากับ "ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ ๑" ของเพื่อไทย นามว่า "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" พลันปรากฏชื่อในบัญชีรายชื่อยื่นสมัครต่อ กกต.วันแรก (๒๓ ธ.ค.๕๖)
    นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๙ ต่อจากยิ่งลักษณ์ ตล. ก็จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ นอกจากคนชื่อยิ่งลักษณ์ ตล.
    "หญิงสารพัดฉายาโฉด" คนแรกและคนเดียวในโลก!
    นี่พูดในความหมายว่า วันที่ ๒ กุมภา ๕๗ กกต.ปลุกเสกการเลือกตั้งให้เกิดได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายจริง!?
    เพราะผมไม่เชื่อว่าประเทศไทย-คนไทยจะสยบยอมให้ระบอบทักษิณ อาศัยพิธีกรรมเลือกตั้งเป็นฉากประชาธิปไตยให้ปล้นชาติซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่า
    และผมก็อยากพิสูจน์เหมือนกันว่า ข้าราชการ องค์กรตามรัฐธรรมนูญทั้งหลายเมื่อจุดเป็น-จุดตายมาถึง
    จะเลือกใช้อำนาจ-หน้าที่ "ด้วยสยบยอม" ทำเถนตรงข้อกฎหมาย โดยนัยเปิดประตูให้โจรพรางตัวระบบเลือกตั้งเข้ายึดบ้านครองเมือง 
    หรือจะเลือกชาติ ประชาชน ด้วยตระหนักถึงภัยจากระบอบทักษิณที่เข้ามาแล้ว กอบโกย-โกงกิน-กัดกร่อน ทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดังประจักษ์แล้ว?
    การที่ทักษิณส่งยิ่งลักษณ์ลงปาร์ตี้ลิสต์อันดับ ๑ จะมองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากย้ำคำตอบ "โจทย์ประเทศ" ว่า
    ทักษิณคอนเฟิร์มแล้ว...ระบบรัฐ ไม่ว่าข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจ รวมถึงองค์กรตามรัฐธรรมนูญ "ส่วนใหญ่" เวลานี้
    "เอากับระบอบทักษิณ"!
    เอาตามน้ำกันง่ายๆ ด้วยหน้าที่ระบบรัฐ เพียงดุน-ดันให้การเลือกตั้ง ๒ กุมภาเกิด ต่อจากนั้น เรื่องคะแนนเสียง และการเข้าสู่อำนาจ
    "ระบอบทักษิณ" จัดการเอง!
    ยิ่งลักษณ์จะเป็นสัญลักษณ์ "ระบอบทักษิณ" ยึดชาติ หยามหน้าคนไทยด้วย "หญิงโง่" ที่เย้ยกันดีนัก 
    หญิงโง่ผู้ใช้งามสยบขุนศึกนี่แหละ จะกลับมาเป็นนายกฯ สมัย ๒ ให้พวกรักชาติ และพวกคนฉลาด...กระอักเลือด!
    มองไปข้างหน้า ถ้าเลือกตั้งเกิดจริง ประเทศไทย ระบบรัฐสภา จะเป็นครั้งแรกที่ไม่มีฝ่ายค้าน ทั้งรัฐบาล ทั้งรัฐสภา ตีตรา "ระบอบทักษิณ"
    ๓ สถาบันอำนาจประเทศ สถาบันบริหาร คือรัฐบาล สถาบันนิติบัญญัติ คือรัฐสภา ๒ ใน ๓ นี้ จะเป็นอำนาจผูกขาดระบอบทักษิณ
    เหลือเพียง "สถาบันตุลาการ" หนึ่งเดียวค้ำชาติ ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่า ถ้าปล่อยไปในรูปนี้ หลังเลือกตั้ง ๒ กุมภา
    ประเทศไทย, สถาบัน, ระบอบปกครอง ภายใต้อำนาจระบอบทักษิณ จะตกอยู่ในสภาพไหน ก็ตรองกันเอา?
    ไม่ใช่กลัว.....
    แต่บอกให้รู้ว่า...ข้างหน้าจะเป็นอย่างนี้ ถ้ามหาประชาชนยอมให้คนในระบบรัฐวันนี้ สังวาสประโยชน์กับโจรปล้นบ้าน-กินเมือง 
    โดยไม่ลุกขึ้นทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติ ในยามที่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 
    กำลังมีภัย!?
    ผมไม่แน่ใจว่า สิ่งที่กระทำกันไปเมื่อวาน (๒๓ ธ.ค.) โดย กกต.ในการเปิดรับสมัครเลือกตั้งที่อาคารกีฬาเวสน์ ๒ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพฯ (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง จะถูกต้องตามกฎหมายบัญญัติหรือไม่
    เพราะดูมีลับลม-คมใน ไม่บริสุทธิ์ โปร่งใสเลยจริงๆ!
    อะไรกัน...เวลาราชการเปิดทำงานก็ ๐๘.๓๐ น. แต่ปรากฏว่า ในหลายสิบพรรค มีแค่ ๗-๘ พรรคเข้าไปยื่นได้
    ยื่นอะไรกันตั้งแต่ตี ๓ ตี ๔ ตี ๕ กกต.ทำเหมือนนัดแนะล่วงหน้า หรือรู้กัน หรือขยันผิดเวลาราชการ หรือทำแบบทักษิณ ให้ ๓๑ ธันวา เปิดราชการ เพื่อให้เมียซื้อขายที่ดิน
    และนี่ เปิดเวลาราชการ ตี ๓ ตี ๔ ร่วมกับพรรครัฐบาล "ลักหลับ" เลือกตั้ง?
    แถมประกาศรับสมัครในสถานที่หนึ่ง แต่แอบมุบมิบไปทำกันอีกที่หนึ่ง จะอ้างว่ายังไม่ใช่การสมัครจริง แค่มาลงเวลา มาตรวจความพร้อม นั่นก็อ้างได้
    แต่ยังไงก็...ส่อพฤติกรรมไม่บริสุทธิ์!
    ถ้า กตต.ไม่นัดแนะกับพรรคผู้สมัครบางพรรค เช่น พรรคเพื่อไทย ทั้งคนพรรค และคน กกต.จะเกิดนิมิตตรงกัน แล้วตื่นมาพบกันที่อาคารกีฬาเวสน์ตั้งแต่ตอนตี ๓ ตี ๔ เทียวหรือ?
    การทำแบบนี้ โมฆะหรือไม่ เพราะไม่ใช่เวลาที่ประกาศไว้เป็นทางการ และเป็นธรรมกับพรรคอื่นๆ หรือไม่...
    กกต.ก็คงมีข้ออ้างในการตอบมากมาย แต่มันถูกต้อง และสง่างามหรือไม่ ด้วยวิญญูชนอย่าง กกต.ก็ตอบกับจิตสำนึกตัวเองดู?
    ด้วยใจจริง ผมไม่อยากให้ใครตำหนิ หรือคิดในแง่ลบกับ กกต.ชุดใหม่นี้เลย ปรารถนาจะเห็น กกต.ที่บริสุทธิ์-โปร่งใส 
    ไม่ต้องเข้าข้างประเทศไทย หรือประชาชนก็ได้ ขอเพียงทระนงในหน้าที่แห่งตน ปฏิบัติด้วยจิตสำนึกดุลยธรรม สามารถตอบคำถามกับประชาชนในสิ่งที่ทำ ไม่ต้องตรงใจ
    ตรงเหตุ-ตรงผลก็พอ!
    แต่ที่ทำเมื่อวาน จะอ้างมหาประชาชนจำนวนมากกีดขวางการรับสมัคร เป็นเหตุให้ต้องรับสมัครกันแบบ "ลักหลับ" นั่นมันคนละเรื่อง
    จะอ้างเหตุคนมุงล้อมเพื่อทำผิด-ทำเลี่ยงกฎหมาย ไปมุมมิบสมัครกันบนโรงพัก อย่างนั้น ฟังไม่ขึ้น
    นี่อย่างหนึ่งละ ยังมีอีกอย่าง ถ้า กกต.ไม่เอาหูไปนา-เอาตาไปไร่ ก็น่าจะเห็น
    ก็ดูซี...ตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ ให้มีการเลือกตั้งวันที่ ๒ ก.พ.นายกฯ รักษาการ "นางยิ่งลักษณ์"
    ไปไหน ไปทำอะไร กับใคร ที่ไหน?
    ท่านประธาน กกต. "นายศุภชัย สมเจริญ" ก็เห็นใช่มั้ย?
    นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.รับผิดชอบด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ก็เห็นใช่มั้ย?
    นายประวิช รัตนเพียร กกต.รับผิดชอบด้านกิจการการมีส่วนร่วม ก็เห็นใช่มั้ย?
    นายธีรวัฒน์ ธีระโรจน์วิทย์ กกต.รับผิดชอบด้านกิจการพรรคการเมืองและออกเสียงประชามติ ก็เห็นใช่มั้ย? และ
    นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.รับผิดชอบด้านกิจการบริหารเลือกตั้ง ก็เห็นใช้มั้ย?
    เห็นว่า...
    การทำเป็นหนีการขับไล่ของมวลมหาประชาชนปฏิวัตินั้น แท้จริงแล้ว เป็นการฉวยโอกาสใช้ตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ "นายกฯ รักษาการ" ไปทำในสิ่งที่กฎหมายรัฐธรรมนูญห้าม เด่นชัด
    แต่คล้ายกับว่า กกต.ทั้ง ๕ ท่าน ไม่เห็นเลย!
    คือไม่เห็นว่า นางยิ่งลักษณ์ใช้เวลาราชการ ใช้ค่าใช้จ่ายหลวง ใช้คนหลวง ทั้งหลาย-ทั้งปวง ตะลอนไปทั่วอีสาน และขณะนี้ตะลอนหาเสียงต่อทั่วเหนือ
    นั่นคือ การทำผิดกฎหมาย ใช้ของหลวง คนหลวง เงินหลวง เวลาหลวง ไปหาเสียงเลือกตั้งให้พรรคตัวเอง ชนิดจะเลี่ยงอ้างเป็นอื่นไม่ได้
    รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๑ ในข้อที่ใช้กับคณะรัฐมนตรีที่ยุบสภาฯ มีว่า.....
    (๒) ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน
    (๓) ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
    (๔) ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด
    เนี่ย...ผมเชื่อจะต้องมีคนร้องเรียนกับ กกต.แน่ ใน (๒) (๓) กกต.ต้องไปสืบสวนสอบสวนในแต่ละจังหวัดที่นางไปสั่งนั่น-ตรวจนี่ ว่ามีไปอนุมัติอะไรไว้บ้างหรือไม่
    แต่ใน (๔) มันชัดเจนครับว่า นายกฯ รักษาการทำผิดกฎหมาย ทุกจังหวัดที่ไป ล้วนใช้ข้าราชการฝ่ายปกครอง เห็นผู้ว่าฯ ยืนกอกระดุมทุกจังหวัด ยังไม่นับตำรวจที่ต้องระดมมาในทุกจังหวัด 
    แล้ว พล.ต.อ.พงศพัศ อะไรนั่น ยังมีรัฐมนตรีรักษาการบางคนอีก เป็นบุคลากรของรัฐ หรือบุคลากรเฉพาะตัวข้างกายยิ่งลักษณ์มิทราบ เป็นเงาตามติดไปทุกที่ ๒๔ ชั่วโมง?
    ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าพาหนะ ค่าต้อนรับขับสู้ ค่าที่พักไม่ว่าพักชั้น ๑ หรือชั้น ๗ ใช้ทรัพยากรรัฐ เงินหลวงทั้งนั้น
    กกต.ลองวินิจฉัยซิว่า เข้าข่ายฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดหรือไม่?
    การอ้างไปปฏิบัติราชการนั้น เป็นการหาเสียงเพื่อประโยชน์ตัวเองและพรรคเพื่อไทย อันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๑ หรือไม่?
    ผมยังหวังด้วยเชื่อในสัตย์ซื่อ-จริงใจของ กกต.ชุดนี้อยู่ ที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงข้อสังเกตบนบทสรุปว่า
    เมื่อขึ้นต้นเป็นอย่างนี้ แล้วจะลงท้ายการเลือกตั้ง "ด้วยดี" ได้อย่างไร?.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น