วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เถื่อนเลือกตั้งเลือด! กกต.เสนอเลื่อน-เดดล็อกรัฐบาลไม่ยอม เมื่อ 27 ธ.ค.56

เถื่อนเลือกตั้งเลือด! กกต.เสนอเลื่อน-เดดล็อกรัฐบาลไม่ยอม


ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและงัดทั้งกระสุนยาง-กระสุนจริงถล่ม “คปท.” ก่อนจะปะทะเดือดรอบอาคารกีฬาเวสน์ ซึ่งเป็นที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน อัปยศ! ตร.ฮือใช้กระบองทุบรถพยาบาลอาสาอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่  “กกต.” ผวาเลือกตั้งบนกองเลือด ยอมรับสถานการณ์แบบนี้ 2 ก.พ.57 ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ บี้รัฐบาลเลื่อนออกไปก่อน หากไม่ทำตามจะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่รัฐบาล-พรรคเพื่อไทยเมินเฉย สั่ง 5 เสือดำเนินการจัดการเลือกตั้งตามกำหนดทันที
    เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี ได้เกิดเหตุการณ์การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามจลาจลกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) บริเวณรอบอาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หลังกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดหมาย 34 พรรคการเมืองให้มาจับสลากหมายเลขพรรคเพื่อหาเสียงเลือกตั้ง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้แทนจากพรรคการเมืองได้ทยอยเดินทางถึงอาคารกีฬาเวสน์ ตั้งแต่เวลา 05.30 น. ในขณะนั้นที่ กกต. ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในอาคารกีฬาเวสน์แล้ว ตั้งแต่ 04.30 น. โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คน นำโดยนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. พร้อมด้วยนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. ได้เดินทางมาพร้อมกันท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. คุ้มกันอย่างแน่นหนา
ทั้งนี้ มีการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 12 กองร้อย โดยเข้าประจำทุกทางเข้า-ออก ทั้งมีการตรึงกำลังภายในศูนย์รอบอาคารกีฬาเวสน์ 2 พร้อมอาวุธครบมือ เช่น แก๊สน้ำตา รถฉีดน้ำ รถปราบจลาจล รถควบคุมผู้ต้องหา ปืนกระสุนยาง โดยมีกำลังทหารจำนวนหนึ่งมาสนับสนุน 
นายนิติธร ล้ำเหลือ และนายอุทัย ยอดมณี แกนนำ คปท. ได้เคลื่อนมวลชนมาถึงศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ในเวลา 06.50 น. โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด หลังแกนนำได้ขอเจรจาเข้าไปยังพื้นที่ข้างใน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิเสธผ่านเครื่องกระจายเสียงกลับมา
เวลาผ่านไป 15 นาที การ์ดผู้ชุมนุมได้นำคีมมาตัดโซ่ที่คล้องประตู พร้อมนำบันไดมาพาดบริเวณแนวรั้วเพื่อปีนเข้าไปภายใน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศแจ้งเตือนว่า หากบุกรุกเข้ามาจะทำการยิงแก๊สน้ำตา ตามด้วยฉีดน้ำแรงสูง และจะยิงกระสุนยาง กระทั่งต่อมาช่วงเวลา 07.25 น. ผู้ชุมนุมได้พยายามผลักดันประตู 2 ศูนย์เยาวชนฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ยิงแก๊สน้ำตาออกมาบริเวณระหว่างประตู 1 และ 2 ทำให้ผู้ชุมนุมวิ่งหนีไปหลบบริเวณแฟลตดินแดง ฝั่งตรงข้ามศูนย์เยาวชนฯ
อย่างไรก็ตาม ผู้ชุมนุมได้พยายามเข้าไปผลักดันประตู 2 และปีนรั้วเข้าไปภายในอีกครั้ง ทำให้ตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาออกมาอีกเป็นจำนวนมาก โดยเป็นการยิงระดับแนวหน้าอกผู้ชุมนุม ส่งผลให้รถหลายคันกระจกแตก และมีผู้ชุมนุมชายหลายรายถูกแก๊สน้ำตาพุ่งเข้าใส่ล้มลงที่หน้าประตู 2 ก่อนที่ทีมการ์ดและแพทย์อาสาจะนำขึ้นรถฉุกเฉินนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ขณะที่ภายในรั้วศูนย์เยาวชนฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แบ่งทีม ทีมละ 6-7 นาย ยืนประจำจุดตามรั้ว โดยมีการนำปืนกระสุนยางยิงสกัดผู้ชุมนุม
กระสุนจริงยิงม็อบ
    ต่อมาเวลา 09.45 น. ผู้ชุมนุมบางส่วนได้พังประตูบุกเข้าไปยังกระทรวงแรงงาน เนื่องจากมีพื้นที่ติดกับศูนย์เยาวชนฯ ทำให้ตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตา และฉีดน้ำผสมสารเคมี กระสุนยาง และยิงหนังสติ๊กหัวนอต ออกมาเพื่อสกัดกั้น ระหว่างนี้ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อผู้ชุมนุมชาย 1 ราย ถูกกระสุนจริงยิงถากเข้าบริเวณศีรษะล้มลง ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที โดยมีผู้พบเห็นวิถีกระสุนน่าจะมาจากฝั่งแฟลตดินแดง ตรงข้ามกระทรวงแรงงาน
ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมมีการพบเห็นชายฉกรรจ์สวมเสื้อคลุมสีดำ สวมหน้ากากกันแก๊ส ผูกผ้าพันคอสีเขียว มีพฤติกรรมผิดสังเกตอยู่ตรงบริเวณแฟลตดินแดง จึงพยายามเข้าไปสอบถาม แต่ชายคนดังกล่าวได้วิ่งหนีออกไปเสียก่อน โดยมีการทำกุญแจมือหล่นไว้ หลังจากนั้นผู้ชุมนุมยังพบปลอกกระสุนปืนจริงอีก
ขณะที่นายนิติธรปราศรัยบนเวทีรถเคลื่อนที่  พยายามขอร้องให้มวลชนเดินทางกลับที่ตั้งบริเวณ
สะพานชมัยมรุเชฐที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมวลชนส่วนใหญ่ที่หน้ากระทรวงแรงงานทยอยกลับที่ตั้ง แต่ปรากฏว่าผู้ชุมนุมบางส่วน ที่อยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามประตู 2 ไม่พอใจแกนนำ จึงยังระดมก้อนหินและอิฐขว้างเข้าไปภายในศูนย์เยาวชนอยู่ตลอด ขณะที่ตำรวจก็ยังมีการยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำเข้าสู่ผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ทำให้นายนิติธรไม่สามารถนำมวลชนกลับที่ตั้งได้
    นายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และนายพิชิต ไชยมงคล แนวร่วม คปท. ได้เข้ามาช่วยนายนิติธรเพื่อขอร้องให้ผู้ชุมนุมที่หน้ากระทรวงแรงงานกลับที่ตั้งสะพานชมัยมรุเชฐ แต่ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอยู่บนดาดฟ้าและอาคารสูง รวมถึงยังมีการยิงแก๊สน้ำตา-กระสุนยาง ใส่ผู้ชุมนุมเป็นระยะ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมจากเหตุปะทะหน้าศูนย์เยาวชนฯ ได้ทั้งสิ้นจำนวน 14 ราย และได้คุมตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปยังกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี
    เวลา 14.30 น. แกนนำ คปท. ได้พยายามขอให้เดินทางกลับไปยังที่ตั้งอีกครั้ง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้เตรียมตัวเดินทางกลับหลังจากที่แกนนำได้ประกาศร้องขอ แต่ขณะเดียวกันได้มีมวลชนบางส่วนได้บุกเข้าไปยังกระทรวงแรงงาน และได้เข้าล้อมตำรวจประมาณ 50 นายเอาไว้ เพื่อเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยตัวมวลชนที่ถูกจับเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยทราบว่าผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุม 14 รายถูกนำตัวไปที่ บช.ตชด.ภ.1 ทาง คปท.จึงได้ส่งทนายไปที่ดังกล่าว
     ระหว่างเจรจาอยู่ได้เกิดเหตุการณ์อย่างรุนแรงต่อเนื่อง ที่ประตูทางเข้าศูนย์เยาวชนฯ ฝั่งกระทรวงแรงงาน โดยผู้ชุมนุมมีการโยนก้อนหินและประทัดยักษ์เข้ามาภายใน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงสกัดด้วยแก๊สน้ำตา ขณะเดียวกันได้มีเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายนัด หลังจากนั้นได้เกิดการปะทะกันนานร่วมชั่วโมงก่อนที่ผู้ชุมนุมสามารถบุกเข้าไปยังพื้นที่ภายในศูนย์เยาวชนฯ และได้มีการปะทะกับตำรวจซึ่งตรึงกำลังอยู่ภายใน ก่อนที่ตำรวจจะใช้แก๊สน้ำตาสลายทำให้ผู้ชุมนุมวิ่งหนีออกมาภายนอก
    นายนิติธรได้กล่าวบนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงว่า ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปปิดถนนวิภาวดีทั้งขาเข้าและออก อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมยังเข้ากดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในศูนย์เยาวชนฯ จนต้องถอยร่นไปอยู่ในสนามฟุตบอล โดยตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุม ขณะเดียวกันได้มีเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บที่นำตัวส่งโรงพยาบาลอยู่เป็นระยะ
เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกระบองและโล่ได้วิ่งไล่ผู้ชุมนุมออกมาจากพื้นที่ศูนย์เยาวชนฯ ต่อเนื่องไปยังแฟลตดินแดง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยตำรวจมีการขว้างแก๊สน้ำตาและยิงกระสุนยางชุดใหญ่เข้าใส่มวลชน  และยังเจ้าหน้าที่ตำรวจฮือเข้าล้อมกรอบรถ แล้วช่วยกันใช้กระบองทุบรถยนต์ ซึ่งมีอาสาพยาบาลอยู่ภายในรถอย่างบ้าคลั่ง
คปท.เคลื่อนกลับที่ตั้ง
     เวลา 17.30 น. นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. กล่าวบนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงว่า ทราบข่าวมาว่าเวทีที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐได้เกิดเสียงปืนดังขึ้น 2 ครั้ง และมีสิทธิ์จะถูกสลายการชุมนุม และวันนี้ทางการเมือง เราได้รับชัยชนะแล้ว ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้าสโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดี ได้ทยอยเดินไปทางไปยังราชดำเนิน ส่วนการชุมนุมที่ศูนย์เยาวชนฯ ดินแดง ยังมีการปะทะกันและมีเสียงดังคล้ายปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    วันเดียวกัน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ ในฐานะประธานกำกับดูแลศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงสรุปสถานการณ์การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความอดทนอดกลั้นถึงที่สุด แต่ตรงกันข้ามกับกลุ่มผู้ชุมนุม ที่มีการกระทำอันเป็นการละเมิดกฎหมาย ทั้งการยึดสถานที่ราชการ ลักทรัพย์ พกพาอาวุธ มีพฤติกรรมก้าวร้าว สร้างความปั่นป่วน ทำร้ายร่างกายจนถึงผู้บาดเจ็บ และเจตนาฆ่าเจ้าพนักงานจนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย
นายสุรพงษ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีความพยายามขัดขวางกระบวนการเลือกตั้งตั้งแต่วันที่มีการรับสมัครจนถึงวันนี้ ซึ่งเป็นวันจับสลากหมายเลขเลือกตั้งของแต่ละพรรคการเมือง มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวเจ้าหน้าที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปะทะกับเจ้าหน้าที่ ทั้งๆ ที่กระบวนการจับสลากในวันนี้เสร็จสิ้นไปนานแล้ว ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.จะต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาแล้ว 14 รายในความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ
     ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. ออกประกาศ ศอ.รส. ฉบับที่ 13/2556 เรื่อง ห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด และห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือยานพาหนะ หรือการใช้ยานพาหนะ โดยกำหนดห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ที่อาจมีพฤติกรรมอันก่อให้เกิดความไม่สงบ หรือกระทำการยั่วยุ ปั่นป่วนต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ เข้าหรือต้องออก
       เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน บริเวณศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง, บริเวณโดยรอบศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ถนนมิตรไมตรี, ถนนประชาสงเคราะห์ รวมไปถึงพื้นที่บริเวณถนน ทางเท้า คูคลอง และพื้นที่สาธารณะ ต่อเนื่องในรัศมี 50 เมตร และห้ามใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะตามเส้นทางการดังกล่าว โดยประกาศนี้ให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงว่า ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เมื่อเวลา 16.30 น. มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 96 ราย เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี 41 ราย, โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ 8 ราย, โรงพยาบาลรามาธิบดี 10 ราย, โรงพยาบาลพญาไท 1 ราย, โรงพยาบาลเปาโล 2 ราย, โรงพยาบาลทหารผ่านศึก 6 ราย และโรงพยาบาลตำรวจ 18 ราย โดยผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่เกิดจากการถูกแก๊สน้ำตา
       อย่างไรก็ตาม มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี 4 ราย ได้แก่ ชายไทยอายุกว่า 30 ปี ถูกยิงที่ศีรษะ 1 ราย, ชายชาวญี่ปุ่น อายุ 40 ปี อาชีพนักข่าวอิสระ ถูกตีที่บริเวณใบหน้า บาดแผลยาวประมาณ 10 เซนติเมตร อยู่ในระหว่างการรักษา, ชายไทยอายุ 17 ปี ถูกยิงทะลุขาขวา และชายไทยอายุ 56 ปี ถูกยิงที่เท้าซ้าย
พล.ต.ท.นพ.เจตน์ อาวเจนพงษ์ ผอ.รพ.ตำรวจ เปิดเผยว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่บริเวณสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็น จ.ส.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ อายุ 45 ปี เสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยกระสุนจริงเข้าที่บริเวณหน้าอกด้านขวา อาจจะถูกเส้นเลือดใหญ่ เสียเลือดมาก ขณะที่นำตัวส่ง รพ.มีภาวะความดันสูง และไม่สามารถจับชีพจรได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เวลา 09.00 น.ภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ได้มีการดำเนินการจับหมายเลขโดยมีพรรคการเมืองรวม 30 พรรคขึ้นจับสลาก โดยพรรคเพื่อไทยได้หมายเลข 15, พรรครักประเทศไทย ได้หมายเลข 3, พรรคภูมิใจไทย ได้หมายเลข 6, พรรคชาติไทยพัฒนา ได้หมายเลข 14, พรรครักษ์สันติ ได้หมายเลข 23 เป็นต้น ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปพรรคการเมืองแต่ละพรรคต้องชำระเงินเพื่อให้ กกต.เซ็นใบรับรอง ซึ่งหมายเลขประจำพรรคจะนำไปใช้ในการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 ธ.ค.2556-1 ม.ค.2557 นี้
กกต.แนะเลื่อนเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนทุกอย่างแล้ว กกต.ทั้ง 4 คน นำโดยนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต., นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง, นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย และนายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ก็ได้เดินทางออกจากอาคารกีฬาเวสน์ 2 โดยมีเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจมารับกลับไปประชุมที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ โดยมีนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ มารออยู่ก่อนแล้วตั้งแต่เช้า 
    หลังการประชุม นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ได้อ่านแถลงการณ์ของ กกต.ว่า สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในนอกอาคารกีฬาเวสน์ ที่มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุม เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ และไม่ควรเกิดขึ้นในสังคม กกต.ในฐานะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ในการดำเนินการเลือกตั้ง ขอแสดงจุดยืนต่อสังคม ในปรากฏการณ์ดังกล่าวดังนี้
1.กกต.ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษประชาชนที่ไม่อาจอำนวยการให้การดำเนินการรับสมัครเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยได้ 2.ปรากฏการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ กกต.ได้เคยส่งสัญญาณต่อผู้มีส่วนรับผิดชอบแล้ว ว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้และยิ่งจะทวีความรุนแรง หากเดินหน้าจัดการเลือกตั้งต่อไป จนอาจเป็นต้นเหตุของความไม่สงบ ความโกลาหล การจลาจล และการสูญเสียเลือดเนื้อของประชาชน
3.การรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเพียงกระบวนการขั้นต้นของการเลือกตั้ง ซึ่งต่อไปภายหน้ายังมีการรับสมัคร ส.ส.เขต การหาเสียง การเลือกตั้ง การนับคะแนน และประกาศผล และหากความขัดแย้งในแนวคิดระหว่างการมีหรือไม่มีการเลือกตั้ง ยังคงอยู่ เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ไม่ยาก ว่าการเลือกตั้งจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ด้วยความสงบเรียบร้อย และ กกต.คงไม่สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้อีกต่อไป
4.กกต.ขอส่งข่าวสารผ่านแถลงการณ์ฉบับนี้ถึงรัฐบาล คู่ขัดแย้ง และทุกภาคส่วนในสังคม ว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.57 จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีการทำความเข้าใจและสร้างข้อตกลงร่วมกัน เพื่อความสงบสุขในสังคม ระหว่างฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น กกต.จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาเลื่อนการเลือกตั้งออกไป จนกว่าจะมีข้อตกลงร่วมกันดังกล่าว ทั้งนี้ กกต.พร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นคนกลางในการหาข้อยุติร่วมกัน
5.หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เพื่อให้เกิดการคลี่คลายสถานการณ์ในทางที่ดีขึ้น กกต.จะพิจารณาใช้สิทธิและอำนาจหน้าที่ของกรรมการการเลือกตั้งในฐานะกรรมการการเลือกตั้งรายบุคคล เพื่อตัดสินใจคลี่คลายสถานการณ์ตามวิจารญาณที่เหมาะสม
    นายสมชัยกล่าวว่า สิ่งที่สะท้อนออกไป เป็นการส่งข่าวสารถึงรัฐบาล คู่ขัดแย้งและทุกภาคส่วน ว่าหากไม่มีการทำความเข้าใจและมีข้อตกลงร่วมกัน การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.2557 จะมีขึ้นไม่ได้ ดังนั้นขอให้รัฐบาลเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน เพื่อความสงบสุขในสังคมก่อนการเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลมีอำนาจในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้
ตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
“หากไม่ได้รับการตอบสนอง กกต.รายบุคคลจะพิจารณาใช้สิทธิและอำนาจส่วนบุคคลในการตัดสินใจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อแก้ไขและคลี่คลายปัญหา” นายสมชัยกล่าว และว่า เราจะประชุม กกต.วาระปกติในวันที่ 2 มกราคม 2557 ดังนั้นระหว่างนี้จะต้องประสานให้เกิดการพูดคุยก่อน ทุกอย่างจะตัดสินใจในวันนั้น ช่วงนี้ก็รอประสานฝ่ายต่างๆ อยู่
    นายสมชัยกล่าวด้วยว่า การทำหน้าที่ของ กกต. หลายคนอาจมองว่าเราล้ำเส้น เรามีหน้าที่จัดการเลือกตั้งก็จัดไป มายุ่งอะไร ขอเรียนว่า อีกฐานะหนึ่ง กกต.เป็นคนไทยที่รักแผ่นดิน เราปรารถนาดีที่จะเห็นความสงบเรียบร้อยในประเทศนี้ แม้บางเรื่องอาจทำหน้าที่เกินขอบเขตหน้าที่ แต่โดยศักยภาพ สถานะของเรา คิดว่าถ้าเรายื่นมือเข้าไปแล้วทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ วันนี้ถึงเวลาที่เราจะยื่นมือเข้าไป เมื่อยื่นไปแล้ว หากหลายท่านบอกว่าเราทำผิดหน้าที่ ทำสิ่งเกินเลยเราพร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ
เขากล่าวว่า ในวันที่ 2 ม.ค.57 จะมาสรุปกันอีกครั้ง ถ้าไม่ทำคงหาคนทำยาก ดังนั้น กกต.ต้องทำ  เป็นอย่างไรเป็นกัน บทเรียนที่เกิดขึ้นต้องประเมินว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลที่ดีในสังคม หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงมากกว่านี้ อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจ อะไรเป็นประโยชน์สุขของประชาชนและประเทศชาติเรากล้าตัดสินใจ และวันนี้เราได้ตัดสินใจแล้ว  
    นายบุญส่งกล่าวว่า กกต.ขอแสดงความเสียใจต่อประชาชน โดยก่อนที่ กกต.จะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตอนเช้า พวกเราไม่คาดคิดจะมีการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ ก่อนเข้าไปทำงานคิดว่าเหตุการณ์น่าจะเป็นได้ด้วยความเรียบร้อย และได้กำชับผู้เกี่ยวข้องอย่าใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมและผู้ประท้วง
     นายธีรวัฒน์กล่าวว่า กกต.ไม่อยากให้มีการเดินไปซากปรักหักพังบนกองเลือด ทำอย่างไรจะวางแบบแผนประชาธิปไตยให้บ้านเมืองทัดเทียมคนอื่น จึงมาเรียกร้องจากความรู้สึกที่หวั่นไหว ด้วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มาพูดคุย หากไม่รู้จะพูดคุยอย่างไร เราพร้อมน้อมรับเป็นตัวกลาง คงไม่มีวิถีทางใดที่จะทำได้อย่างสงบสันติ ไม่เสียหายกับประเทศชาติเท่าวิธีนี้ และเป็นวิธีประหยัดที่สุด เพียงแต่ทุกท่านที่เกี่ยวข้องรู้สึกเหมือนประชาชนทั้งประเทศ ที่ห่วงใยสถานการณ์หรือไม่
ขณะที่นายประวิชกล่าวว่า กกต.เห็นร่วมกันทุกคน ถ้าความขัดแย้งยังอยู่วันที่ 2 ก.พ.57 เลือกตั้งไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่ กกต.จะแถลงข่าว นายสมชัยได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “16.00 น. กกต. 5 คนจะออกแถลงการณ์สำคัญ (ข่าวกรองว่ามีบางคนจะว่างงาน)” ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชนว่า กกต.บางคนอาจจะลาออกหรือไม่
ทางด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอของ กกต.ว่า คงไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ด้วยหน้าที่ของแต่ละคนต้องทราบบทบาทตนเองว่าต้องมีบทบาทอย่างไร วางตัวเป็นกลางอย่างไร และปฏิบัติหน้าที่ตัวเองอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ความวุ่นวายในการปะทะกันจะลากยาวไปถึงการเลือกตั้งหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากเห็นอย่างนั้น ต้องขอความร่วมมือและขอร้อง เราอยู่อย่างนี้มาสองเดือนกว่าแล้ว เราเจ็บปวดกันมามาก ไม่อยากเห็นเหตุการณ์ต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนต้องทำตามหน้าที่ของตนเอง และปฏิบัติตามข้อกฎหมาย     
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี แถลงว่า กำหนดวันเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ.2557 เป็นวันที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกายุบสภา และไม่มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดที่ให้อำนาจรัฐบาลในการเลื่อนวันเลือกตั้งดังกล่าว ส่วนกรณีที่ กกต.ระบุว่าปรากฏการณ์ความรุนแรงยิ่งจะทวีความรุนแรงขึ้น หากเดินหน้าจัดการเลือกตั้งต่อไปนั้น คิดว่าการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป กลับยิ่งจะทำให้เกิดความวุ่นวายและมีความรุนแรงมากกว่า ยืนยันว่า กกต.มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายในการจัดการเลือกตั้ง รัฐบาลได้แจ้งต่อ กกต.ว่าพร้อมจะสนับสนุนการทำงานของ กกต.อย่างเต็มที่ 
นายโภคิน พลกุล ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย แถลงที่พรรคเพื่อไทยว่า แถลงการณ์ของ กกต. เรามองว่าเหมือนท่านไม่ค่อยรับผิดชอบ และจะไปตอบสนองข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมมากกว่า ซึ่งเราเป็นห่วงว่าประชาชนอาจเข้าใจผิดได้ เหตุที่เกิดขึ้นเพียงในกรุงเทพฯ จังหวัดอื่นๆ ไม่ได้เกิดปัญหาแต่อย่างใด ดังนั้นอยากรียกร้องให้ กกต.ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามกฎหมาย เพราะการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปโดยคาดหวังว่าความขัดแย้งอาจยุติลง ซึ่งอาจไม่เป็นเช่นนั้นหรืออาจจะยิ่งไปกันใหญ่ก็ได้ ดังนั้นอยากเรียกร้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจผ่านการเลือกตั้ง
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความขัดแย้งในระบอบประชาธิปไตย ทางออกที่ดีที่สุดคือการคืนอำนาจให้ประชาชน และมีการเลือกตั้ง ขอให้ กกต.หนักแน่น ทำหน้าที่ของตัวเองที่ให้ดีที่สุด ให้จัดการเลือกตั้งให้สำเร็จ
    เวลา 20.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ปราศรัยกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.รส. ออกแถลงตั้งข้อหาพยายามฆ่าและขัดขวางการเลือกตั้งแก่ผู้ชุมนุมที่บริเวณศูนย์เยาวชน ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ว่ามีการปล่อยข่าวทำลายภาพพจน์การเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชน ว่าใช้ความรุนแรงและมีอาวุธ โดยเขาเผยแพร่ภาพชายคนหนึ่งถือปืนสั้น และระบุว่าเป็นพี่น้องยิงใส่ตำรวจ จากนั้นนายสุรพงษ์ก็ออกมาแถลงบอกว่าพี่น้องประชาชนเข้าไปบุกรุกและทำร้ายสถานที่ราชการ พร้อมพกพาอาวุธ มีเจตนาฆ่าผู้อื่น
    นายสุเทพกล่าวต่อว่า นายสุรพงษ์เอาภาพเหตุการณ์วันที่ 28 พ.ย.2551 ระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและเสื้อแดงที่ซอยวิภาวดี 3 ไม่ใช่กลุ่มผู้ชุมนุมของเรา และขณะนี้ชายที่อยู่ในภาพเขามอบตัวสู้คดี อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ดังนั้นรัฐบาลและนายสุรพงษ์จึงสมคบโกหกคนทั้งประเทศ
    “คนบ้าอำนาจอย่างสุรพงษ์ใส่ร้าย เพราะเราไม่ได้ทำ รถเครื่องขยายเสียงคันนี้ (ที่อยู่ในภาพ) ไม่ได้อยู่ในบัญชีของพวกเรา นี่คือเล่ห์ร้ายของรัฐบาลนางมาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสุรพงษ์ออกมาแถลงการณ์สรุปว่าวันนี้มวลมหาประชาชนชุมนุมโดยมีอาวุธ ถูกข้อหาพยายามฆ่า และบอกว่าผมเป็นตัวการต้องรับผิดชอบ กราบเรียนว่า เมื่อผมตัดสินใจมาทำงานกับพี่น้องผมเต็มใจรับผิดชอบแทน แต่อย่ามาใส่ร้ายพี่น้องในสิ่งที่ไม่ทำ” นายสุเทพกล่าว   
    เลขาธิการ กปปส. กล่าวถึงตำรวจทุบรถอาสาพยาบาลของ กปปส. ว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ต้องตอบให้ได้ว่ามีตำรวจริงกี่คน และตำรวจปลอมกี่คน ต้องเอาตำรวจเหล่านี้มาชี้แจง และอย่าอ้างว่าขัดขวางการเลือกตั้ง เพราะเหตุเกิดเมื่อเวลา 17.00 น. โดยประมาณ ซึ่งกระบวนการของ กกต.เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว นอกจากนี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา เข้าไปดูข้อเท็จจริงในสนามกีฬาฯ พบว่า อาวุธที่ตำรวจนำมาใช้ผิดจากหลักสากล โดยเฉพาะเครื่องยิงแก๊สน้ำตาเคยใช้ในรัฐบาลสมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพื่อจัดการกับ พธม. ทั้งนี้ ยังพบกล่องกระดาษขาวเขียนระบุบนกล่องว่า “ลูกจริง 124 ลูก" ซึ่งหมายความว่าเตรียมไว้จะนำมาทำร้ายประชาชน เพื่อหวังความชอบธรรม ให้ออกมาปราบปรามพี่น้อง
    “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนให้เราต้องปรับปรุงวิธีการต่อสู้เพื่อป้องกัน ไม่ให้ฝ่ายเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ ไม่ใช่มุ่งไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกโกรธ เราต้องไปด้วยระบบ พี่น้องต้องเชื่อมั่นในแกนนำ เพราะรู้คุณค่าของชีวิต หลังปีใหม่เราจะลุกขึ้นยึดอำนาจของประชาชนคืนมา และจะทำกันทั้งประเทศ ต่อสู้ด้วยมือเปล่า ด้วยหัวใจและสมอง และขอถือโอกาสนี้ประกาศล่วงหน้าให้พี่น้องเตรียมตัวรอสัญญาณ พ้นปีใหม่จะบอกวันและเวลาลุกขึ้นยึดอำนาจ และหาก กกต.ประกาศจะเดินหน้าจัดเลือกตั้ง เราจะถือว่าประกาศตัวเองยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับประชาชน” นายสุเทพ กล่าว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น