|
|
“สุเทพ” ยันมวลมหาประชาชนไม่พอใจเฉพาะบิ๊กตำรวจ “อดุลย์-วรพงษ์-คำรณวิทย์” หลังปราบปรามทำคนเจ็บ-ตาย ไม่ได้เกลียดชังในภาพรวม ชวนตำรวจที่ดีแยกตัวออกมาร่วมกับประชาชน พร้อมประกาศให้มวลชนตั้งเวทีทุกสามแยก-สี่แยก ปิดกรุงให้เป็นอัมพาตหลังปีใหม่ วอนข้าราชการทิ้งระบอบทักษิณเรื่องจะได้จบเร็ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัย
วันนี้ (30 ธ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ปราศรัยที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตอนหนึ่งว่า วันนี้มีการชุมนุมของตำรวจที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมีการปราศรัยกันว่า กปปส.ไปพูดจาให้คนเกลียดตำรวจ ซึ่งตนขอยืนยันกับตำรวจทั้งประเทศว่ามวลมหาประชาชนไม่มีความเกลียดชังตำรวจในภาพรวม แต่ไม่พอใจเฉพาะตำรวจเลวบางคนเท่านั้น ซึ่งที่ตนพูดไว้มี 3 ชื่อเท่านั้น คือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว (ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา (รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง (ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล) ที่ต้องพูดถึง 3 ท่านนี้เพราะเป็นตำรวจที่รับคำสั่งมาจากรัฐบาลและกระทำการหลายอย่างที่เป็นปฏิปักษ์ต่อมวลมหาประชาชน
หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นผู้อำนวยการ ได้ตั้งตำรวจ 3 คนนี้ให้มารับผิดชอบปฎิบัติหน้าที่จัดการกับประชาชน ปรากฏว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ชุดนี้ทำให้คนตาย คนเจ็บ ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นมือที่ 3 ซึ่งตนจะคอยดูเมื่อมีการตายอย่างนี้เพราะคำสั่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายสุรพงษ์ ว่านายธาริตจะตั้งข้อหาว่าเจตนาฆ่าคนตายโดยเล็งเห็นผลหรือไม่ เหมือนกับที่ตั้งข้อหาตนและนายอภิสิทธิ์จากเหตุการณ์ชุมนุมเสื้อแดงเมื่อปี 53 ถ้านายธาริตไม่ตั้งข้อหา 2 คนนั้น ก็แสดงว่าสองมาตรฐาน ตนก็จะดำเนินการดำเนินคดีว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
อยากจะบอกไปยังพี่น้องที่กำลังถูกคนยุยงปลุกปั่นให้เข้าใจมวลมหาประชาชนผิด ว่าอย่าได้คิดอย่างนั้น เพราะเราลุกขึ้นมาต่อสู้ไม่ได้ตั้งใจมาต่อสู้กับตำรวจหรือข้าราชการ แต่เราสู้กับระบอบทักษิณเท่านั้น ใครไม่ใช่ขี้ข้าทักษิณไม่เกี่ยว ถ้าตำรวจส่วนใหญ่ในแผ่นดินนี้ไม่ใช่ขี้ข้าทักษิณ อย่ามาเดือดร้อนกับเขาเลย ตำรวจทำถูกต้องแล้วที่จะปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรี แต่ไม่มีหน้าที่ไปปกป้องคนเลว ตนขอเชิญชวนข้าราชการตำรวจที่เป็นตำรวจที่ดีให้แยกตัวออกมา อย่าไปเป็นตำรวจชั่ว
ให้ตำรวจมั่นใจว่ามวลมหาประชาชนไม่มีใจมาดร้ายต่อตำรวจทั้งระบบ เราสู้เพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว ตนจึงได้พูดเมื่อคืนนี้ว่าจิตใจของมวลมหาประชาชนสูงส่งกว่าตำรวจอย่าง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไม่ได้คิดจะไปรบราเข่นฆ่าเหมือนอย่างที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ประกาศความยโสโอหัง ประชาชนอย่างเรารู้ดีว่าไม่ควรลงไปกัดกับหมาบ้า เพราะฉะนั้นขอให้ข้าราชการตำรวจแยกแยะความถูกความผิด อย่าหลงมาตั้งตนเป็นศัตรูกับประชาชน
เลขาฯ กปปส.กล่าวด้วยว่า ที่ตนนัดหมายไว้หลังเทศกาลปีใหม่ จะปฏิบัติการใหญ่ ยึดกรุงเทพฯ ปิดกรุงเทพฯ และคำว่าปฏิวัติประชาชน บางคนติดใจคิดว่าเราเป็นคอมมิวนิสต์ มันไม่เกี่ยว เพราะคราวนี้ทำโดยประชาชน โดยสันติ ด้วยมือเปล่า ไม่ฆ่าใคร ไม่ทำร้ายใครทั้งสิ้น
ถ้าเป็นประเทศอื่นคนลุกขึ้นต่อสู้เป็นล้านๆ สู้ยาวนานขนาดนี้ รัฐบาลประเทศอื่นไปนานแล้ว แต่บังเอิญนายกฯ ของตระกูลชินวัตรดื้อด้านมาก ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หนีไปอยู่เชียงใหม่ ท่ามกลางคนของตัวเอง โดยไม่สนใจที่เจ้าหน้าที่ออกมาปราบปรามประชาชน ไม่สนแล้วก็ไม่ออกจากตำแหน่ง เราจึงต้องออกแรง
“สิ่งที่เราต้องปฏิบัติการร่วมกันหลังปีใหม่ คือ รวมพลังประชาชนทั้งประเทศ ปฏิบัติการให้ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร เห็นชัดว่ารัฐบาลนี้ไม่เป็นที่ต้องการของคนทั้งประเทศ และบริหารประเทศไม่ได้อีกต่อไป มีทางเดียวคือปฏิบัติการยึดกรุงเทพฯ กรุงเทพฯ ต้องเป็นอัมพาตชั่วคราว เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลล้มเหลว ศูนย์กลางอำนาจถูกประชาชนยึดเรียบร้อยแล้ว” นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวต่ออีกว่า ย้ำว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ไม่ต้องตกใจ เราไม่มีอาวุธ ออกมาด้วยความสำนึกในหน้าที่รับผิดชอบว่าเป็นเจ้าของประเทศไทย จำเป็นต้องออกมาทำหน้าที่ก็ออกมา โดยเราจะยึดถนนทุกสายในกรุงเทพให้เป็นถนนคนเดินหมด และจะตั้งเวทีตามสามแยก-สี่แยก ทั่วกรุงเทพฯ และตั้งแต่นี้เป็นต้นไปองค์กรของภาคประชาชนองค์กรไหนต้องการไปปฏิบัติการที่สามแยก-สี่แยกไหน แจ้งมาได้เลย อยากจะจัดเวที จัดการแสดงอะไร เพราะเป็นเวทีของประชาชนทั้งนั้น
และที่ต้องทำให้เป็นถนนคนเดิน เพราะไม่ต้องการให้รถของทหาร ตำรวจ ข้าราชการไปทำงานได้ และต้องขอโทษล่วงหน้าสำหรับคนที่ทนไม่ได้ที่รู้สึกว่าเดือดร้อน บ้านเมืองจะต้องเปลี่ยนแปลงได้ต้องมีเดือดร้อนกันบ้าง
ทั้งนี้ ขอฝากถึงถึงข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร เมื่อประชาชนลงทุนลงแรงขนาดนี้ ถึงเวลานั้นพี่น้องข้าราชการตัดใจทิ้งระบอบทักษิณมาอยู่ข้างประชาชน เรื่องจะได้จบโดยรวดเร็วเรียบร้อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น