วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

9พรรคแอบลักหลับ สมัครปาร์ตี้ลิสต์ตี3‘ปู’ลำดับ1ยังไม่เสร็จ!กกต.หาทางแก้ เมื่อ 24 ธ.ค.56

9พรรคแอบลักหลับ สมัครปาร์ตี้ลิสต์ตี3‘ปู’ลำดับ1ยังไม่เสร็จ!กกต.หาทางแก้


ลักหลับอีกแล้ว งวดนี้ 9 พรรคดอดสมัครปาร์ตี้ลิสต์ตั้งแต่ตีสาม ท่ามกลางวงล้อม กปปส.ที่สนามไทย-ญี่ปุ่น  มีทั้ง “พท.-ชพ.-ชทพ.” และพรรคเล็กพรรคน้อย “สาทิตย์”  ข้องใจทำได้อย่างไร ทั้งที่ผู้ชุมนุมไม่เห็นแม้เงา ซัดผิดปกติใช้  สน.ดินแดงตรวจเอกสาร “สมชัย” แจงผลสมัคร 34 พรรคยังไม่เต็มร้อย นัดถกหาแนวทางแก้ 10 โมง เลขาธิการ กกต.แพลมอาจเปลี่ยนสถานที่ ส่อแววดำเนินคดีม็อบเหตุกลัว  ม.157 แม้วตกรางวัล "ขี้ข้า-นปช." อยู่อันดับต้นๆ วางแปลนตระกูลชินครองเก้าอี้นายกฯ ปูเบอร์หนึ่ง สมชายเบอร์สอง
เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม ซึ่งถือเป็นวันแรกที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เปิดรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น ) ดินแดง  แม้ว่าคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) จะมีการปิดล้อมสถานที่รับสมัครก็ตาม
โดยเมื่อเวลา 10.30 น. นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. พร้อม กกต.ได้ร่วมแถลงข่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ กกต.ประกาศรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยมีพรรคการเมือง 9 พรรคที่เข้ายื่นเอกสารและหลักฐานการสมัคร ที่อาคารกีฬาเวศน์ 2 ส่วนอีก 25 พรรคไม่สามารถเข้ายื่นเอกสารได้ จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน.ดินแดงและกองปราบปราม ขณะเดียวเจ้าหน้าที่ กกต.และ กกต.ทั้ง 5 คนก็ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากกลุ่ม กปปส.ชุมนุมปิดล้อมทุกประตูทางเข้า-ออก กกต.จึงไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการยั่วยุผู้ชุมนุม ส่วนการส่งเจ้าหน้าที่ไปยัง สน.ดินแดงก็เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นว่า ผู้ไปลงบันทึกประจำวันเป็นผู้รับมอบอำนาจจากหัวหน้าพรรคการเมืองจริงหรือไม่เท่านั้น
“กกต.ได้ประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เราพยายามประสานขอเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในอาคารกีฬาเวศน์ 2 แต่กลุ่มผู้ชุมนุมบอกว่าเดินเข้าไปได้ แต่ไม่รับรองความปลอดภัย กกต.จึงเห็นว่าไม่สมควรที่จะเดินฝ่าฝูงชนเข้าไป” นายศุภชัยกล่าว
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต.ยืนยันว่าจะรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อไปตามกำหนดการเดิม ระหว่างวันที่ 23-27 ธ.ค. เวลา 08.30-16.30 น. ซึ่งผลการยื่นเอกสารสมัครรวมถึงการลงบันทึกประจำวันของพรรคการเมืองต่างๆ ยังไม่ถือว่าสมบูรณ์ เพราะยังไม่ได้ตรวจสอบเอกสาร และยังไม่มีการลงนามโดย กกต. รวมทั้งพรรคการเมืองยังไม่ได้ชำระเงิน นอกจากนี้ กกต.ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรตรวจสอบเอกสารและคุณสมบัติต่างๆ ของผู้สมัคร กกต.จึงยังไม่จับสลากหมายเลข
“ข้อกล่าวหาที่ระบุว่า กกต.ลักหลับ เปิดรับสมัครตั้งแต่ช่วงเวลา 03.00 น.นั้นไม่จริง เป็นเพียงการเข้ามายื่นแสดงความจำนง ว่าพรรคการเมืองจะลงสมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น  การที่เจ้าหน้าที่ กกต.เข้าไปประจำการในอาคารกีฬาเวศน์ 2 ตั้งแต่เวลา 03.00 น.ก็เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดรับสมัคร  ยอมรับว่า กกต.ขยันไปเตรียมการตั้งแต่ก่อนรุ่งเช้า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหารับสมัคร ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า กกต.เปลี่ยนสถานที่ไปรับสมัครตามโรงพักนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะการเปิดรับสมัครทำได้ที่เดียวคือ อาคารกีฬาเวศน์ 2 ซึ่งเป็นไปตามที่ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา” นายสมชัยกล่าว
    นายสมชัย ยังชี้แจงถึงกรณีให้พรรคการเมืองไปโรงพักเพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันว่า กกต.จะถือเอาเวลาลงบันทึกประจำวันมาใช้ประกอบการจับสลาก โดยพรรคที่ลงบันทึกประจำวันหลังเวลา 08.30 น.จะได้เบอร์เรียงต่อจากพรรคที่มาก่อนเวลา 08.30 น. ซึ่งขณะนี้ยังต้องรอดูจนถึงวันที่ 27 ธ.ค. จึงจะตัดสินใจได้ว่าจะนัดให้แต่ละพรรคการเมืองมาจับสลากหมายเลขในวันเวลาใด ซึ่ง กกต.จะต้องประกาศและดำเนินการอย่างโปร่งใสและเปิดเผยต่อหน้าสักขีพยานและสื่อมวลชน โดยทุกพรรคการเมืองต้องเข้ามามีส่วนร่วม
เมื่อถามว่า หากครบกำหนดการเปิดรับสมัครยังเข้าไปในอาคารกีฬาเวศน์ 2 ไม่ได้ จะดำเนินการอย่างไร นายสมชัยกล่าวว่า ยังไม่มีคำตอบเพราะ กกต.ต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวัน อาจเปลี่ยนแปลงสถานที่หรือขยายการรับสมัครออกไปก็ได้
ถามว่า การปิดล้อมอาคารกีฬาเวศน์ 2 ถือว่าเข้าข่าย มาตรา 43 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือไม่ นายสมชัยตอบว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องคำนึงถึงพอสมควร ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองพิจารณาว่าจะแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ เพราะเป็นประเด็นกฎหมายทั้งนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ยังไม่จำเป็นต้องตอบตอนนี้ ขอดูสถานการณ์ไปก่อน แต่หาก กกต.ไม่ดำเนินคดีอาจถูกตั้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสียเอง
สำหรับพรรคการเมือง 9 พรรคที่เข้าไปยื่นเอกสารภายในอาคารกีฬาเวศน์ได้ ประกอบด้วย 1.พรรคประชาธิปไตยใหม่ 2.พรรคชาติพัฒนา 3.พรรคเพื่อไทย 4.พรรคดำรงไทย 5.พรรคกสิกรไทย 6.พรรคถิ่นกาขาว 7.พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า 8.พรรคชาติไทยพัฒนา และ 9.พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย ส่วนพรรคการเมืองอีก 25 พรรคที่เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ดินแดง  ประกอบด้วย 1.พรรคพลังประเทศไทย 2.พรรคเสรีนิยม 3.พรรคชาติสามัคคี 4.พรรครักไท 5.พรรคไทยมหารัฐพัฒนา 6.พรรคเสียงประชาชน 7.พรรครักสันติ 8.พรรคภราดรภาพ 9.พรรคพลังสหกรณ์ 10.พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย 11.พรรคแทนคุณแผ่นดิน 12.พรรคพลังประชาธิปไตย 13.พรรคเมืองไทยของเรา 14.พรรคประชาสันติ 15.พรรคพลังไทยเครือข่าย 16.พรรคไทยรักธรรม 17.พรรคยางพาราไทย 18.พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 19.พรรคคนขอปลดหนี้ 20.พรรคประชาสามัคคี 21.พรรคเพื่อสันติ 22.พรรคพลังเครือข่าวประชาชน 23.พรรครักประเทศไทย 24.พรรคภูมิใจไทย และ 25.พรรคพลังไทยรักชาติ
นายสมชัยให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ผู้สมัครทั้ง 34 พรรคยังไม่เสร็จสมบรูณ์ เนื่องจากกระบวนการรับสมัครต้องเป็นไปตามขั้นตาม คือ 1.ต้องตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่นำมาสมัคร 2.ต้องจ่ายเงินค่าสมัครคนละ 5,000 บาท 3.ต้องตกลงการจับหมายเลขของผู้สมัครทั้งหมด 4.กกต.ต้องลงนามรับรอง แต่ขณะนี้กระบวนการยังอยู่ที่ขั้นตอนแรก กกต.ต้องตรวจสอบเอกสารให้เสร็จก่อนที่จะทำตามขั้นตอนต่อไปได้ ยอมรับว่ากระบวนการและขั้นตอนการรับสมัครในวันนี้มีปัญหาคือ พรรคการเมืองที่มาถึงสถานที่สมัครก่อนเวลา 08.30 น.ไม่สามารถจับเบอร์ได้ ดังนั้นเพื่อความยุติธรรม กกต.จะให้ 34 พรรคที่แสดงความจำนงได้จับเบอร์ก่อน ซึ่งจะมีขึ้นวันใดนั้นจะกำหนดอีกครั้ง ส่วนพรรคที่มาสมัครวันอื่นก็จะได้จับหมายเลขเป็นลำดับต่อไป
กกต.นัดถก 10 โมง
“มาตรการของ กกต.รับสมัครวันที่ 24 ธ.ค. กกต.จะนัดประชุม 10.00 น.ที่สำนักงาน กกต. เพื่อประเมินสถานการณ์วันต่อวัน ว่าจะดำเนินการรับสมัครอย่างไรให้เหมาะสม และคาดว่าอาจมีมติอะไรออกมา แต่เจ้าหน้าที่ยังเปิดรับสมัครตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ตามเดิมอยู่” นายสมชัยกล่าว
หลังปิดรับสมัครในเวลา 16.30 น. นายภุชงค์ นุตราวงศ์   เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อในวันแรกว่า จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามารับสมัครทุกวันจนถึงวันที่ 27 ธ.ค. ส่วนวันแรกมีพรรคการเมืองมาแจ้งความจำนงสมัคร 34 พรรค แต่ยังไม่เป็นผู้สมัคร เนื่องจากกระบวนการรับสมัครยังไม่เกิดขึ้นเต็มตัว
“ทั้ง 26 พรรคที่ไปแจ้งความไว้ที่ สน.ดินแดง ต้องไปยื่นใบสมัครที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ส่วนการจับฉลากก็ต้องทำในสถานที่รับสมัคร ยกเว้นมีเหตุจำเป็นรุนแรงจนกระทั่งไม่สามารถจับฉลากได้ มติ กกต.ก็ต้องออกประกาศใหม่ไปใช้สถานที่อื่น เช่น ไปใช้สถานที่ของทหารอย่างสโมสรทหารบก”นายภุชงค์กล่าว และตอบคำถามถึงการดำเนินคดีกรณีการขัดขวางการเลือกตั้งว่า ขอพิจารณาก่อน เพราะคนที่แจ้งความดำเนินคดีคือเลขาธิการ กกต. ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งความ  เนื่องจากต้องดูองค์ประกอบ แต่เรายังไม่อยากไปจุดเชื้อเพลิงกับใคร เดี๋ยวคงว่ากันดีกว่า
หลังการแถลงข่าวของ กกต. นายสิงห์ทอง บัวชุม  สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เข้ายื่นหนังสือถึงประธาน กกต.เพื่อเรียกร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กรณีมีมติบอยคอตไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส. และปราศรัยเท็จใส่ร้ายโจมตี รวมทั้งให้พรรค ปชป.คืนเงินกองทุนพัฒนาการเมือง 30 ล้านบาทด้วย
    สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของ กปปส. ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ผู้ชุมนุมทยอยเดินทางจากเวทีการชุมนุมต่างๆ มาปักหลักพักค้างแรมตั้งแต่หัวค่ำวันที่ 22 ธ.ค.  โดยผู้ชุมนุมได้จับจองพื้นที่ตลอดถนนมิตรไมตรี ตั้งแต่ประตู 1 ถึงประตู 4 และนำแผงเหล็กมากั้นปิดทางเข้า-ออก รวมทั้งมีการ์ดจัดตั้งเวรยามรักษาความปลอดภัย ขณะที่ตลอดทั้งคืนมีการปราศรัยสลับกับการแสดงดนตรี โดยผู้ชุมนุมนำรถบรรทุกจัดเป็นเวทีชั่วคราวกระจายการปราศรัยออกเป็น  2 จุด ทั้งหน้าประตู 2 และปากทางถนนมิตรไมตรีซอย 1
โดยจุดปราศรัยที่ถนนมิตรไมตรีซอย 1 เป็นไปอย่างตึงเครียด จากการเผชิญหน้ากันระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุม แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ได้ยอมถอนกำลัง โดยเมื่อถึงเวลา 05.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปลุกกันหลังจากรู้ว่า มีผู้สมัครรับเลือกตั้งบางส่วนได้แอบเข้าทางด้านหลังประตูทางเข้า ทำให้แกนนำต้องสั่งให้ผู้ชุมนุมคล้องแขนเรียงหน้ากระดานเป็นกำแพงมนุษย์ เพื่อให้ผู้อยู่ข้างในหากจะออกก็ต้องข้ามหัวผู้ชุมนุมไป
ขณะเดียวกันในเวลา 08.30 น. ผู้ชุมนุม กปปส.บางส่วนได้ทยอยเดินทางไปยัง สน.ดินแดง ภายหลัง กกต.ได้ใช้ห้องประชุมของ สน.เป็นสถานที่รับแจ้งความของผู้สมัครให้เป็นหลักฐาน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด โดยผู้ชุมนุมได้เข้าปิดล้อมทางเข้า-ออก สน.ทั้งหมด พร้อมตะโกนร้องว่าขี้ข้าๆๆ และเป่านกหวีดกดดันต่อเนื่อง จนมีการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ชุมนุมกับผู้สื่อข่าวที่อยู่ภายใน สน.ดินแดง
ลักหลับสมัครปาร์ตี้ลิสต์
นายชุมพล จุลใส แกนนำ กปปส.กล่าวบนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงว่า จะให้เวลา 1 ชั่วโมง ตัวแทน กกต.ต้องออกมาชี้แจงว่าเข้ามาทำอะไรกันที่ สน.ดินแดง ได้เปิดรับสมัคร ส.ส.กันที่นี่หรือไม่ เพราะเราหมดความไว้วางใจแล้ว  ขณะออกกฎหมายตอนเวลา 04.00 น.ยังทำได้เลย และเมื่อคืนประมาณ 03.00 น.ก็มีตัวแทนพรรคเพื่อไทยแอบเข้าไปสมัคร ส.ส. เราเชื่อไม่ได้กับพวกลักหลับ
ต่อมาเวลา 10.20 น. แกนนำ กปปส.นำโดยนายชุมพล พร้อมคณะ ได้เป็นตัวแทนเข้าไปเจรจาพร้อมตรวจสอบหลักฐานต่างๆ กับตัวแทน กกต.และ พ.ต.ท.สุภัทร ทองส้ม รอง  ผกก.สส.สน.ดินแดง ภายในห้องทำงาน สน.ดินแดง โดยหลังจากเจรจากว่า 50 นาที แกนนำ กปปส.ได้เดินออกมาจากห้อง โดยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำ กปปส.ปราศรัยกับผู้ชุมนุมว่า จากการตรวจสอบไม่มีพรรคเพื่อไทยเข้ามาแจ้งความ แสดงว่าได้แอบเข้าไปสมัครตั้งแต่เวลา 04.00 น. แสดงว่าการออกมาชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการขัดขวางแต่อย่างใด ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็พร้อมเคลื่อนขบวนกลับไปยังสนามไทย-ญี่ปุ่น       
แต่ในเวลา 11.30 น. ขณะที่นายพุทธิพงษ์กำลังปราศรัยอยู่ ได้เกิดเสียงดังคล้ายประทัดยักษ์ 4 ครั้งที่บริเวณด้านหลัง สน.ดินแดง โดยมีควันสีเทาลอยฟุ้งบนอาคารของ สน. ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ได้ชี้ไปยังบริเวณลานจอดรถชั้น 2 ของโรงแรมปรินส์ตัน ปาร์ก สวีต ที่อยู่ติดบริเวณด้านหลัง สน. ส่งผลให้บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด ซึ่งการ์ดและตำรวจได้รีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งพบภาพผู้ชายต้องสงสัย 2 คน จากเหตุดังกล่าวทำให้แกนนำ กปปส.ที่กำลังจะเดินทางกลับไปที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ยังคงปักหลักอยู่เพื่อรอคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยได้อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ผู้หญิงของ กกต.และตัวแทนพรรคการเมืองสามารถเดินทางออกจาก สน.ดินแดงได้ โดยผู้ชุมนุมต่างพากันปรบมือและเป่านกหวีด ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ชายยังอยู่ภายใน สน.ดินแดงเช่นเดิม จนถึงเวลา 16.40 น. แกนนำ กปปส.ได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมทยอยกลับไปยังสนามไทย-ญี่ปุ่น แต่ได้เรียกร้องให้ตำรวจเร่งตามจับชาย 2 คนที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดด้วย
    ส่วนที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ตำรวจพยายามเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อขอให้เปิดทางให้ผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้เดินทางออกมา แต่ผู้ชุมนุม กปปส.ยังไม่ยอม  มีการเป่านกหวีดพร้อมตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ต่อมานายสมศักดิ์ โกศัยสุข เเกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้าเจรจาอีกครั้ง และอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวออกมาด้านนอกทีละคน และห้ามตำรวจออกมาด้านนอกเด็ดขาด โดยมีผู้ชุมนุมเป่านกหวีดต้อนรับ ขณะเดียวกัน กปปส.ได้มีการตั้งเวทีเพิ่ม 3 เวที ตั้งเเต่ประตู 1 ถึงประตู 3 โดยมวลชนยังปักหลักปิดประตูทั้งหมด
ปักหลักดินแดงยาว
    ร.ต.เเซมดิน เลิศบุศย์ กล่าวว่า หากไม่มีการเปลี่ยนสถานที่ก็จะปักหลักการชุมนุม เเละกระจายกำลังเฝ้าอยู่ที่สนามไทย-ญี่ปุ่นนี้ตั้งเเต่วันที่ 23-27 ธ.ค.
    เมื่อเวลา 19.20 น. ที่ด้านหน้าอาคารกีฬาเวสน์ 2 พบว่ายังมีสื่อมวลชนที่ยังเหลือติดค้างอยู่ภายในสนามอยู่ประมาณ 40 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทีมงานรถเคลื่อนที่ ซึ่งต้องอยู่เฝ้ารถ  เเต่ต้องการออกนอกพื้นที่สนามกีฬา จึงได้มีการประสานงานไปยังเเกนนำ กปปส. ซึ่งยังไม่ได้รับการติดต่อแต่อย่างใด
ขณะที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส.ได้ปราศรัยว่า วันนี้มีเรื่องผิดปกติ เพราะเมื่อเวลา 03.00 น. มีพรรคการเมือง 1 พรรคมาลงชื่อสมัคร ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาเปิดการรับสมัคร ต่อมาในเวลา 08.00 น. มีการประกาศว่ามี 8 พรรคการเมืองได้ลงสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้ง 8 พรรคการเมืองดังกล่าวเข้าไปสมัครได้อย่างไรทั้งที่มีกลุ่ม กปปส.ชุมนุมอยู่ ซึ่งผู้ชุมนุมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่พบใครเดินผ่านเข้า-ออก   
นายสาทิตยังกล่าวอีกว่า ยังมีความผิดปกติอีกเมื่อเจ้าหน้าที่ กกต.เดินทางไปตรวจเอกสารหลักฐานที่ใช้ในการยื่นสมัครที่ สน.ดินแดง เพราะการรับเอกสารจะสามารถรับได้ที่สถานที่ที่จัดไว้ตามประกาศเท่านั้น จึงทำให้กลุ่ม กปปส.นำโดยนายชุมพลไปประท้วงที่หน้า สน.ดินแดง ซึ่งหลังประท้วงเสร็จเรียบร้อย กปปส.กำลังเดินทางกลับ ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาจากบน สน.ดินแดง 3 นัด โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นเสียงประทัดยักษ์ แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบไม่พบร่องรอยของประทัดยักษ์ จึงอยากทราบว่าใครยิงปืนข่มขู่ประชาชน
       ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการส่งกำลังทหารเข้าช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เซ็นอนุมัติคำสั่งให้เจ้าหน้าที่กองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อย (ร้อย รส.) จากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) 2 กองร้อย ประมาณ 300 นาย พร้อมสารวัตรทหาร 90 นาย จากกองพันทหารสารวัตรที่ 11 (พัน สห.11) ตามที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้ร้องขอ ซึ่งกำลังทหารชุดดังกล่าวออกปฏิบัติภารกิจเข้าประจำที่ตั้งภายในสนามไทย-ญี่ปุ่น ตั้งแต่เวลา 20.00 น.ของคืนวันที่ 22 ธ.ค. และพร้อมปฏิบัติภารกิจในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยคู่กับตำรวจตั้งแต่เวลา 05.00 น. โดยเน้นดูแลอาคารสถานที่เป็นหลัก ส่วนมวลชนตำรวจจะดูแล
    ด้านความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  รักษาการนายกฯ และ รมว.กลาโหมนั้น ยังคงปฏิบัติภารกิจที่ จ.เลย โดยกล่าวถึงการรับสมัครเลือกตั้งว่า  ต้องให้ กกต.ดูแล ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคดำเนินการ จากนั้นได้ตรวจสอบติดตามสถานการณ์ และความเคลื่อนไหวบรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้งที่ห้องประชุมของโรงแรม โดยได้แสดงความกังวลกรณีกลุ่ม กปปส.ขัดขวางการเดินทางไปสมัครรับเลือกตั้ง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.)  กล่าวถึงการปิดล้อมสนามไทย-ญี่ปุ่นว่า เป็นการกระทำท้าทายกฎหมาย ท้าทายอำนาจ กกต. จึงขอเรียกร้องให้ กกต.ทั้ง 5 คนดำเนินการเอาผิดทางกฎหมาย รวมทั้งยุบพรรค หากมีสมาชิกพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมืองรู้เห็นเป็นใจ
สำหรับรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทยนั้น มีรายงานแจ้งว่า 10 อันดับแรก คือ 1.น.ส.ยิ่งลักษณ์ 2.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 3.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ 4.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล 5.นายชัยเกษม นิติสิริ 6.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง 7.นายเสนาะ เทียนทอง 8.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก  9.นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และ 10.นายปลอดประสพ สุรัสวดี
ขี้ข้าแม้ว-นปช.เบอร์ต้นๆ
ส่วนลำดับรองๆ ลงมาล้วนเป็นคณะทำงานที่ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณทั้งสิ้น อาทิ 11.นายโภคิน พลกุล 12.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ 14.นายนพดล ปัทมะ 16.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาที่เพิ่งย้ายมา 21.นายภูมิธรรม เวชยชัย 38.นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส่วนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา มือทำงานด้านการตรวจสอบกลุ่มปฏิปักษ์รัฐบาล แม้เพิ่งเข้ามาก็ถูกจัดอันดับไว้ในลำดับที่ 41
          ด้านแกนนำ นปช.ตัวหลักๆ ก็ยังคงได้รับความไว้วางใจ  อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ลำดับที่ 19 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ลำดับ 20 นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ลำดับ 34 ขณะที่แกนนำ นปช.คนอื่นๆ ล้วนอยู่ในโซนปลอดภัยประมาณลำดับที่ 40-50 อาทิ นพ.เหวง โตจิราการ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง นอกจากนี้ยังมีรายชื่อของนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ นายวัฒนา เมืองสุข และนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย อยู่ในลำดับ 40-60  
ส่วนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีรายงานว่าผู้จัดโผคือ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย  โดยดูจากความเข้มแข็งของ ส.ส.เดิมในพื้นที่ และการให้งบประมาณสนับสนุนของพรรค  คือ ลำดับ 1.นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค 2.นายชัย ชิดชอบ บิดานายเนวิน 3.นางนาที รัชกิจประการ เจ้าของกิจการปั๊มน้ำมันพีที นายทุนพรรค 4.นายทรงศักดิ์ ทองศรี อดีต รมช.คมนาคม 5.นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม  บุตรสาวนายสุนทร วิลาวัลย์ อดีต รมช.สาธารณสุข และ 6.นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรค
ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) แกนนำพรรคได้มีการประชุมกันตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ก่อนจะให้นายพิศิษฐ์ พัฒนฐากูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค และนายพันธ์เทพ สลีสถิระ  เลขาธิการพรรค เดินทางไปสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อแทน ตั้งเเต่ช่วงเวลา 05.00 น. เพราะไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้ากับมวลชน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น