วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

นิรโทษคนโกงยกเข่ง บ้านเมืองลุกเป็นไฟ...โทษใคร???เมื่อ 30 ต.ค.56

นิรโทษคนโกงยกเข่ง บ้านเมืองลุกเป็นไฟ...โทษใคร???


ยังมีความพยายามบิดเบือนเบี่ยงเบน โกหกหลอกลวง ว่า ฝ่ายที่ "คัดค้าน" ร่างแก้ไข พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอยที่เปลี่ยนแปลง สอดไส้โดยเสียงข้างมากในคณะกรรมาธิการหรือสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นพวก "อกหัก"   และต้องการทำทุกอย่างเพื่อล้มล้างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งๆ ที่ในข้อเท็จจริงแล้ว เป็นที่ประจักษ์และรับรู้กันอย่างถ้วนทั่วแล้วว่า ผลของการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไม่ใช่แค่ล้มล้างความผิดและคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ให้ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น แต่อาจกระทบถึงการดำเนินคดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รวมถึงคดีการสลายการชุมนุมทางการเมือง 2553  อันกระทบถึงอำนาจฝ่ายตุลาการด้วย
    ลำพังเสียงตะโกน ฟ้องบอกต่อประชาชนของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า รัฐบาลกำลังเหิมเกริมใช้อำนาจเสียงข้างมากในสภาเป็นเครื่องมือฟอกผิดให้กับ "พี่ชาย" ของนายกรัฐมนตรีที่กำลังหนีโทษในคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาจจะเป็น "จุดด้อย" ที่พรรคเพื่อไทยอ้างปัญหาความเป็นศัตรูผูกขาดทางการเมืองได้ แต่เสียงของกลุ่มคนไทยจากทั่วทุกสารทิศ แม้กระทั่งกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่เคียงข้างกับรัฐบาลมาตลอด ก็ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยและต่อต้านแนวคิด Set Zero  เฉกเช่นเดียวกัน ย่อมเป็นนัยสำคัญที่สะท้อนข้อเท็จจริงได้อย่างตรงไปตรงมามิใช่หรือว่า ร่างที่เขียนแก้ไขไว้แบบมีวาระซ่อนเร้นนั้น คนไทยรับไม่ได้
    สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กับความเสี่ยงต่อเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาล น่าจะเป็นเครื่องตอกย้ำได้อย่างดี เพราะประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.8 คิดว่าเสี่ยงต่อเสถียรภาพของรัฐบาล นอกจากนี้ ส่วนมากหรือร้อยละ 85.4 คิดว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นเรื่องของผลประโยชน์มากกว่าความชอบธรรม และเมื่อสอบถามถึงความคิดเห็นต่อวัตถุประสงค์หลักของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.7 เชื่อว่าเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร มากกว่า ในขณะเดียวกันสำนักวิจัยสวนดุสิตโพล ก็ได้มีการสำรวจเจาะลึกกรณี “ข่าว พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” พบว่าประชาชนส่วนใหญ่กังวลว่าประเด็นนี้จะทำให้สังคมเกิดความขัดแย้ง จะทำให้สถานการณ์การเมืองร้อนแรง บ้านเมืองวุ่นวาย ไม่มั่นคง ขาดเสถียรภาพ
    ปฏิกิริยาในด้านลบ หรือตรงกันข้ามกับความพยายามของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการผลักดันร่างแก้ไข พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ชัดเจนเสียยิ่งกว่าชัดเจนในวันนี้ เมื่อเครือข่ายภาคประชาชน 77 จังหวัดประกาศเป่านกหวีดทันทีหากร่างนิรโทษฯ โกงเหมาเข่งผ่านสภาผู้แทนฯ วาระ 3 ซึ่งหมายถึงการส่งสัญญาณ "เรียกแขก" ให้ออกมากลางถนนเพื่อต่อต้านคัดค้านรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย อย่างที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ได้ประเมินบอกสถานการณ์ไว้ตั้งแต่เมื่อมีคณะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกมาฟ้องบอกกับสาธารณชน ว่า มีการอาศัยเสียงข้างมากตามระบอบประชาธิปไตยปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ลักลอบตัดแต่งต่อเติมร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้แตกต่างไปจากร่างเดิมที่ผ่านการพิจารณาของสภาในวาระแรก ทั้งนี้ก็เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อคนๆ เดียวคือทักษิณ ชินวัตร 
    ฉะนั้น ในอนาคตอันใกล้ที่บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ  สังคมไทยจะอบอวลไปด้วยบรรยากาศของความขัดแย้ง  ปราศจากความสงบเรียบร้อยอีกครั้งนั้น ไม่เพียงแค่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องรับผิดชอบทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมเท่านั้น แต่หมายถึงว่า จะโทษหรือโยนภาระให้กับคำว่า "เกมการเมือง" ของฝ่ายตรงข้ามอีกมิได้อย่างแน่นอน เพราะทุกฝ่ายแสดงออก และส่งเสียง "เตือน" คุณแล้ว แม้กระทั่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคนก็ยังฟันธงว่า เป็นการแก้ไขที่ขัดหรือเกินเลยจากหลักการและเหตุผลตามวาระแรกที่ผ่านมติของสภาผู้แทนราษฎร และเหนืออื่นใด พี่น้องเสื้อแดง ฐานเสียงสำคัญของรัฐบาลชุดนี้ก็ยังบอกว่ารับไม่ได้.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น