วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"มาร์ค" ยันไม่เซ็ทซีโร่ ไม่เอาผงซักฟอกพิเศษ ขจัดคราบเลือดวันที่ 31 ต.ค. 56



"มาร์ค" ยันไม่เซ็ทซีโร่ ไม่เอาผงซักฟอกพิเศษ ขจัดคราบเลือด

 วันที่ 31 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา บรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม แก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน โดยเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายคำปรารภของ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ว่า ทำไมการแปรญัตติชื่อร่างจึงสำคัญ เพราะมันเริ่มต้นด้วยเหตุผลว่าเราจะทำกฎหมายเพื่ออะไร แล้วก็มากำหนด ซึ่งจะล้อคำปรารภไปตามชื่อร่าง ที่ผ่านมาร่างนี้สร้างความขัดแย้งให้ประชาชนมาตลอด เราไม่รู้ว่านิรโทษอะไรให้ใครบ้าง หลักการนั้นแก้ไขไม่ได้ แต่โดยปกติเหตุผลเราจะถกเถียงกัน ซึ่งจะสอดรับกับร่างที่เราพิจารณา บางครั้งมีเป็นข้อสังเกตเพื่อปรับเหตุผลให้ตรงเนื้อหาในร่าง ซึ่งร่างนี้ประกอบ 2 ส่วน 1.การอธิบายความจริงที่เกิดขึ้น 2.การอธิบายเจตนาของการเสนอร่างฉบับนี้

 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนที่ นายกฯ บอกอยากให้สภาช่วยกันพิจารณาร่างนิรโทษกรรม เพื่อให้ประเทศเดินหน้า ตนอยากถามว่าเดินหน้าอะไร ประเทศเดินหน้าไม่ได้จริงหรือไม่ ถ้าบอกว่าเดินไม่ได้เพราะมีคนติดคุก มีคนหนีคุกเพราะไม่อยากติดคุก แล้วก็ให้ปล่อยคนเหล่านั้นไปอย่างนั้นหรือ คนที่ฆ่าคน คนที่ศาลตัดสินในฐานความผิดเดียวกัน เราบอกว่าเขาติดคุกแล้วต้องเห็นใจเอาเขาออกมาหมด อย่างนี้ไม่ใช่ กฎหมายในอดีตเราก็เคยทำมาแล้ว เช่นครั้งที่ ประชาชนเข้าต่อสู้ร่วมกับขบวนการคอมมิวนิสต์ แล้วก็นิรโทษกรรมให้ แต่ยกเว้นว่าถ้าการกระทำใดๆเป็นความผิดอาญาก็ไม่ให้ ตนยึดถือหลักการนี้ แต่อย่างการเผาที่ไม่ถือว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบสันติ ไม่ควรนิรโทษฯให้ เพราะสหประชาชาติก็เตือนว่าร่างนี้ขัดหลักสิทธิมนุษยชน เพราะการนิรโทษต้องไม่ให้แก่คนที่ละเมิดสิทธิของคนอื่น โดยเฉพาะชีวิต และรัฐไม่ใช่เจ้าของชีวิตประชาชน ที่จะมาบอกว่าชีวิตที่เสียไปนั้นรัฐไม่ติดใจแล้ว ไม่ได้

 นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนขอให้รอดูตอนลงมติว่า ใครลงมติเห็นชอบให้ร่างนิรโทษกรรมคนนั้นแหละสั่งเผา สั่งฆ่า แต่ใครที่ยกมือคัดค้านคือผู้ที่เอาจริงเอาจังกับการหาความจริง เรามีประชาธิปไตยมากว่า 80 ปี ตนเดินหน้ามาตลอด ไม่ต้องเซ็ทซีโร่ ถ้าหากเอาตามที่ตนพูดว่านิรโทษฯแต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทางการเมือง ประเทศชาติถึงจะเดินหน้าจริง  ผู้สั่งการ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ในการดูแลการชุมนุม การก่อการร้าย กบฏ ก็จะมีบรรทัดฐานที่ชัดเจน ประเทศไทยก็จะไม่ตกอยู่ในวังวน ที่ว่าพออรัฐประหารเสร็จก็มาออกกฎหมายนิรโทษกรรมตนเอง ผู้นำสั่งฆ่าประชาชนและก็ออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้ ตนพูดได้เต็มไปเต็มคำ เพราะตนเดินทางไปพบอสส.มาแล้ว ถ้าที่สุดศาลมองว่า การชุมนุมที่มีการใช้อาวุธ แล้วสิ่งที่ นายอภิสิทธิ์ สุเทพ ทำไม่ถูก ถ้าศาลสั่งอย่างนี้ ตนก็ยอมติดคุก บ้านเมืองต้องอยู่กันอย่างนี้

 “ถ้ากระบวนการยุติธรรมบอกผมผิด ผมยอมรับ เพราะระบบมันต้องใหญ่กว่าตัวเรา ส่วนคนที่กระแนะกระแหนว่าผมพูดไม่จริงหรอก ก็ให้พูดกันไป แต่ผมยืนยันว่าประเทศนี้ต้องมีการพิสูจน์เพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป แต่บางคนที่มาจากตระกูลที่มีสันดานเอาแต่ได้ก็คงไม่คิดแบบนี้ เพราะถ้าผู้ชุมนุมจงใจใช้อาวุธละเมิดสิทธิคนอื่น แล้วก็มาออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ ถ้าอย่างนั้นก็ไปแก้รัฐธรรมนูญที่ระบุว่าการชุมนุมสามารทำได้ โดยสงบและปราศจากอาวุธ ดังนั้นการแปรญัตติของตนจึงทำให้ชัด ว่าการออกกฎหมาย ไม่ใช่จะให้ใครที่มีอำนาจและจะมายกความผิดให้คนนั้นคนนี้ก็ได้ ส่วนการโกงนั้นไม่ใช่ใช่การแสดงออกทางการเมืองจะมารวมอยู่ด้วยกันไม่ได้ เราต้องเดินหน้าไม่เซ็ทซีโร่ ไม่มาใช้บรรทัดฐานเดิมๆ ว่าใครมีอำนาจและจะทำอะไรก็ได้ ตนไม่การผงซักฟอกพิเศษ มาขจัดคราบโกง ขจัดคราบเลือด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอภิปรายของ นายอภิสิทธิ์ มีส.ส.เพื่อไทย ประท้วงเป็นระยะ ในประเด็นว่า นายอภิสิทธิ์ หน้าตาดีจบเมืองนอกมีความรู้ แต่ใช้คำพูดไม่สุภาพ ใช้คำว่าตระกูลสันดาน แบบนี้ไม่ได้ และมองว่านายอภิสิทธิ์ อภิปรายใส่ร้ายว่า ผู้ที่ลงมติเห็นชอบกับร่างคือผู้ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเสียชีวิต ส่วน นายอภิสิทธิ์ ได้ตอบโต้ว่า ตนไม่ได้ใช้คำไม่สุภาพ ตนก็มีสันดาน จ่าประสิทธิ์ก็มีสันดาน แต่แตกต่างกัน ขณะที่ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานฯ คนที่ 1 ในฐานะประธานการประชุม วินิจฉัยว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ทำผิดอะไร เพราะเป็นการอภิปรายเพื่อโน้มน้าวให้เพื่อสมาชิกเห็นด้วยกับที่เขาเสนอ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น