วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ดีเดย์ต้าน กม.อุบาทว์ 31 ต.ค.วัดใจคนไทย-วัดใจ ปชป.!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 ตุลาคม 2556 05:49 น

ดีเดย์ต้าน กม.อุบาทว์ 31 ต.ค.วัดใจคนไทย-วัดใจ ปชป.!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์31 ตุลาคม 2556 05:49 น

ผ่าประเด็นร้อน
       
       เป็นกำหนดการดีเดย์ออกมาแล้วทั้งฝ่ายต่อต้านและสนับสนุนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่มีเจตนาลบล้างความผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก นั่นคือวันที่ 31 ตุลาคม 
       
       เริ่มจากฝ่าย “ขี้ข้า” หรือฝ่ายสนับสนุนก่อน ที่ล่าสุดประธานสภาผู้แทนราษฎรสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ได้ “รับงาน” รีบรวบรัดจัดให้เป็น “เรื่องด่วน” บรรจุวาระเข้าพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ทันทีแบบรวดเร็วทันใจ แบบว่าถ้าไม่พิจารณากันภายในวันสองวันนี้ ทุกอย่างจะพังทลายลงไปหมด
       
       ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งฝ่ายต่อต้าน โดยเฉพาะฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ประกาศชัดแล้วว่านัดระดมมวลชนชุมนุมต้านครั้งใหญ่ โดยนัดระดมพลกันก่อนที่สถานีรถไฟสามเสน ใกล้ที่ทำการพรรค และล่าสุดเห็นว่ามีหลายคนที่ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารพรรคเพื่อมาร่วมเคลื่อนไหวคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวร่วมกับประชาชน เช่น กรณ์ จาติกวณิช, ถาวร เสนเนียม, อิสสระ สมชัย, ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็นต้น อ้างว่าเพื่อตัดปัญหาเรื่องการร้องยุบพรรคในภายหลัง
       
       ขณะที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าพวกเขาก็จะต่อต้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับ “สุดซอย” นี้เช่นเดียวกัน โดยมีการนำทีม สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายสิบคนออกมาแถลงที่พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 ที่รัฐสภา แสดงท่าทางอย่างขึงขังว่า “เดินหน้าต้านเต็มกำลัง”
       
       นอกจากนี้ยังมีกลุ่มมวลชนอื่นๆ เช่น กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทยที่ปักหลักชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่แยกอุรุพงษ์ และกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณที่สวนลุมพินี มาล่วงหน้านานนับเดือนแล้ว รวมไปถึงกลุ่มองค์กรภาคประชาชนทั่วประเทศที่กำลังนัดเคลื่อนไหวดีเดย์ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้น่าจับตามองว่า ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมเป็นต้นไป บรรยากาศการชุมนุมและอารมณ์ของประชาชนจะถูกเร้าถึงขีดสุดแค่ไหนเป็นเรื่องที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
       
       อย่างไรก็ดี บรรยากาศจะดุเดือดเลือดพล่านเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร จะเอาอย่างไร ถ้ายัง “เห็นแก่ตัว” เดินหน้าสุดซอย ทะลุซอย นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการ “เรียกแขก” กันแบบตั้งใจ เพราะเชื่อว่าถ้ายังเดินหน้าไม่ถอย กระแสต้านจะลามไปกันใหญ่แน่นอน แต่ขณะเดียวกันนาทีนี้ก็ต้องรอดูว่า พรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า “เป่านกหวีด” จริงจังแค่ไหน หรือทำท่าขึงขังเพียงแค่พามวลชนไปส่งที่หน้ารัฐสภาเหมือนคราวก่อน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ถือว่า “จบเห่” แต่คนที่จบเห่ก็คือประชาธิปัตย์ทั้งพรรคนั่นแหละ
       
       เพราะสถานการณ์ในเวลานี้ต้องยอมรับว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวแปรสำคัญ เพราะมีทุกอย่างพร้อมทั้งบุคลากร มวลชน และทุนสนับสนุนอย่างพร้อมสรรพมากที่สุด ดังนั้นถ้าฝ่ายประชาธิปัตย์ออกโรงเคลื่อนไหวออกหน้านำมวลชนด้วยตัวเองอย่างจริงจัง เปลี่ยนแปลงวิธีการทางการเมืองเสียใหม่ “กล้าลงทุนเอง” และที่สำคัญต้องยอม “เสี่ยง” เอง เพื่อซื้อใจมวลชน สร้างความเชื่อมั่นกับมวลชนที่พร้อมจะก้าวเดินออกมาขับไล่ระบอบทักษิณ อย่างมั่นใจ และที่สำคัญที่สุดสิ่งที่ คนในพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ สุเทพ เทือกสุบรรณ และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องตระหนักก็คือ ชาวบ้านขาตื่นรู้และรู้เท่าทันนักการเมือง ก้าวหน้าไปไกลแล้ว เนื่องจากมวลชนเหล่านี้มีการเรียนรู้และมีบทเรียนจากสถานการณ์จริงมาอย่างต่อเนื่อง ไม่อาจใช้วิธีตบตาแบบเดิมได้อีกต่อไปแล้ว
       
       ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งการเคลื่อนไหวต่อต้านร่าง “กฎหมายอุบาทว์” ที่จะช่วยลบล้างความผิดให้กับ ทักษิณ ชินวัตร ย้อนหลังไปจนถึงปี 2547 ในทุกคดี มันก็จะเป็นการวัดใจคนไทยด้วยเช่นเดียวกันว่า “ยังโง่” อยู่แค่ไหน หรือว่าตื่นแล้ว และร่วมออกมาต่อสู้กันอย่างพร้อมเพียง เพื่อรักษาระบบ “นิติรัฐ” เป็นการสั่งสอนให้มันรู้ว่า “มันชักเลยเถิด” เพราะเมื่อโกงเห็นแก่ตัว แถมยังทำงานห่วย แต่ดันจะมาขอเงินเพิ่มอะไรประมาณนั้น
       
       อย่างไรก็ดี บรรยากาศในที่กำลังเกิดขึ้นถือว่าน่าจะเร่งเร้ากันพอสมควร เนื่องจากที่ผ่านมาสังคมได้เห็น “ธาตุแท้” ของ ทักษิณ ชินวัตร มากขึ้นทุกวัน เพราะที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นมาเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พิสูจน์ชัดแล้วว่าทำเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ และเพิ่มอำนาจทางการเมืองให้กับคนในครอบครัวนี้ทั้งสิ้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องปากท้อง หรือทำไปเพื่อลดปัญหาหรืออุปสรรคในการบริหารบ้านเมืองแต่อย่างใด ทำให้สะสมความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ
       
       ดังนั้น การดีเดย์ “เป่านกหวีด” รวมพลต้านร่างกฎหมาย “อุบาทว์” เจตนาลบล้างความผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 31 ตุลาคม ทั้งที่ออกโรงโดยคนของพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งมวลชนฝ่ายต่างๆ ที่ปักหลักต่อต้านมาก่อนหน้านี้ หากมีการสมทบกันก็จะกลายเป็นมวลชนขนาดใหญ่ และมีพลัง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องวัดใจกันว่าจะเอาจริงและตื่นตัวแค่ไหน แต่นาทีนี้ถือว่า “เริ่มจุดติด” แล้ว!! 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น