วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ฮือขยี้ระบอบชั่ว เทือกเร่งปิดเกม เมื่อ 28 พ.ย.56

ฮือขยี้ระบอบชั่ว เทือกเร่งปิดเกม


ม็อบดาวกระจายบุกหน่วยงานราชการทั่วกรุง ปลุก ขรก.ออกมายืนเคียงข้างประชาชน ต้านระบอบทักษิณ ผวจ.ชัยนาท-รอง ผวจ.ขอนแก่น-ปัตตานี  ออกมารับดอกไม้พร้อมเป่านกหวีดกับผู้ชุมนุมอย่างครึกครื้น "เทพเทือก"
ย้ายไปปักหลักที่ศูนย์ราชการฯ ลั่นไม่เจรจาต่อรอง เดินหน้าตั้งรัฐบาลและสภาประชาชน "ปู" ปากสั่นขอความเห็นใจเถอะค่ะ วอนต้องจบด้วยการพูดคุย โถ! ไม่รู้จักระบอบทักษิณ แกนนำรัฐบาลพล่านกอดกฎหมาย ขู่เล่นงานผู้ชุมนุม "ชูวิทย์" จี้ ส.ส.ปชป.ลาออกทั้งพรรคร่วมสู้กับสุเทพ เฉ่งอย่าเล่น 2 หน้า เผยพร้อมลาออกสู้นอกสภา
    เช้าวันที่ 27 พ.ย. เครือข่ายประชาชนโค่นระบอบทักษิณ นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เคลื่อนไหวแบบดาวกระจายไปยังกระทรวงและหน่วยงานราชการต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร เพื่อเรียกร้องให้ข้าราชการออกมารวมต่อสู้กับประชาชน ขณะที่ต่างจังหวัดมวลชนได้บุกเข้าไปในศาลากลางหลายแห่ง
     ทั้งนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กระทรวงการคลัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งปักหลักมาข้ามคืน ได้ประกาศให้มวลชนเคลื่อนขบวนมายังศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อนำดอกไม้ นกหวีด ไปให้ข้าราชการที่ทำงานภายในศูนย์ราชการฯ และเชิญชวนข้าราชการออกมาร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเพื่อล้มระบอบทักษิณ พร้อมให้การ์ดรักษาฐานที่มั่นกระทรวงการคลังให้ดี อย่าให้ตำรวจเข้ายึดได้
    โดยมีมวลชนประมาณ 1 หมื่นคน ตั้งขบวนถือธงชาติด้านหน้าที่ถนนพระรามที่ 6 พร้อมรถบรรทุกติดเครื่องเสียง โดยมีขบวนรถมอเตอร์ไซค์ล่วงหน้าเคลียร์เส้นทาง ตลอดเส้นทางมวลชนได้เป่านกหวีด โห่ร้อง รวมถึงตะโกนขับไล่รัฐบาลเป็นระยะ นอกจากนั้นยังมีประชาชนตลอดสองข้างทางมาให้กำลังพร้อมนำน้ำดื่ม  อาหาร มอบให้ผู้ชุมนุมที่เดินผ่าน และบางส่วนเข้าร่วมเดินขบวนกับผู้ชุมนุมด้วย
    ต่อมาเวลา 13.45 น. ขบวนเคลื่อนมาถึงที่ศูนย์ราชการฯ โดยมีประชาชนจำนวนมากล่วงหน้ามารอบริเวณถนนแจ้งวัฒนะฝั่งขาเข้า จังหวัดนนทบุรี พร้อมกับพนักงานของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บางส่วนได้เข้าร่วมชุมนุมด้วย ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประสานตำรวจชุดควบคุมฝูงชน 2 กองร้อย และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกว่า 60 นาย ตรึงกำลังรอบอาคารดีเอสไอ พร้อมกับนำแผงเหล็กกั้นมาป้องกันผู้ชุมนุมเข้าถึงตัวอาคาร
    กระทั่งเวลา 14.45 น. ผู้ชุมนุมหน้าอาคารดีเอสไอได้ฝ่าแนวแผงเหล็กมาประชิดบันไดทางเข้าอาคารและไปนั่งที่ลานจอดรถหน้าอาคาร โดยแกนนำได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงไม่ให้ผู้ชุมนุมบุกเข้าไปภายในอาคาร ไม่ทำลายข้าวของ พร้อมเรียกร้องไม่ให้ดีเอสไอเป็นขี้ข้าทักษิณ โดยให้ข้าราชการออกมาร่วมชุมนุม และต่อต้านระบอบทักษิณ พร้อมได้ให้กำลังใจการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ
    ที่อาคารเอ็นเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (เอ็นโก้) ถนนวิภาวดี ที่ตั้งกระทรวงพลังงาน และอาคารสำนักงานบริษัทปตท. ถนนวิภาวดี กลุ่มผู้ชุมนุมกองทัพเเนวร่วมประชาธิปไตยโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) นำโดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เเกนนำ ได้เดินทางด้วยรถบรรทุกเเละรถกระบะ บรรทุกผู้ชุมนุมจำนวนหลายสิบคันเดินทางมาปิดประตูทางเข้า-ออก โดยมีพนักงานบางส่วนที่มีการพกนกหวีดเเละมีสายคล้องคอให้การต้อนรับ โดยแกนนำกล่าวโจมตีรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องทุจริตเชิงพลังงานเรียกร้องเจ้าหน้าที่หยุดงานไม่ตกเป็นขี้ข้าระบอบทักษิณ โดยแกนนำจะพักนอนค้าง 1 คืน แต่เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง จึงเดินกลับในเวลา 19.00 น.
ข้าราชการขานรับ
    ส่วนที่กระทรวงแรงงาน นายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยผู้ชุมนุมกว่า 2,000 คน เมื่อเดินทางมาถึงที่ด้านหน้ากระทรวง ถ.มิตรไมตรี ต่อมาเวลา 13.25 น. เจ้าหน้าที่ได้เปิดล็อกประตูทางเข้า โดยมีนายพีรพัฒน์ พรศิริเลิศกิจ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นตัวแทนออกมาเจรจา ส่งผลให้ผู้ชุมนุมต่างพากันตบมือและเป่านกหวีดด้วยความดีใจ
    โดยนายพีรพัฒน์ยืนยันว่า ข้าราชการกระทรวงแรง เป็นข้าราชการของในหลวง และเป็นข้าราชการของประชาชนทุกคน ไม่ใช่ข้าราชการของใครคนใดคนหนึ่ง  จากนั้นนายอิสสระได้มอบนกหวีดจำนวนหนึ่งแก่นายพีรพัฒน์ เพื่อนำไปมอบให้กับข้าราชการภายในกระทรวง ก่อนจะมีการเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปยังกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถ.กรุงเกษม ต่อไป
    ที่กระทรวงพาณิชย์ แกนนำผู้ชุมนุม นำโดยดีเจ พงษ์ สารคาม และผู้ชุมนุมประมาณ 1,000 คน ได้เดินทางยังบริเวณหน้ากระทรวง พร้อมทั้งเปิดปราศรัยกล่าวโจมตีความล้มเหลวในการบริหารราชการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ทั้ง 3 คน พร้อมทั้งตะโกน "ออกไปๆๆ" สลับกับการให้ข้าราชการเป็นฝ่ายตะโกนด้วย จากนั้นเวลา 12.30 น. ขบวนผู้ชุมนุมได้เคลื่อนไปสมทบกับผู้ชุมนุมที่ไปรออยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข โดยมีข้าราชการเกษียณอายุราชการ เจ้าหน้าที่ บุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข ประมาณ 300 คน ออกมารวมตัวกันหน้าบริเวณอาคารสำนักงานปลัดฯ เพื่อขับไล่รัฐบาล และตะโกนให้ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ออกจากตำแหน่ง
    ขณะที่ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้นำขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนไปยังกระทรวงวัฒนธรรม โดยมีนายกฤศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา เป็นตัวแทนออกมารับพวงมาลัยและนกหวีด พร้อมทั้งร่วมเป่านกหวีดต่อหน้ามวลชน และได้ให้คำมั่นว่าจะเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน นอกจากนี้ยังมีแกนนำส่วนหนึ่งไปที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย
    ส่วนความเคลื่อนไหวในหลายจังหวัด ประชาชนได้ไปรวมตัวกันที่ศาลากลางเพื่อเรียกร้องให้ข้าราชการออกมายืนเคียงข้างประชาชน ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 26 พ.ย. มวลชนจำนวนหนึ่งเดินเท้ามารวมตัวที่บริเวณหน้าศาลากลาง จ.ตรัง หลังใหม่ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง มือตบ และนกหวีด ที่ดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ ที่น่าสนใจภายหลังยึดศาลากลางชาวบ้านเอากรงนกหัวจุกไปแขวนแข่งเสียงกันที่หน้าห้อง ผวจ.ด้วย เพราะเสียงดังคล้ายกับนกหวีด เช่นเดียวกับที่ จ.สตูล กลุ่มมวลชนเข้าชุมนุมหน้าศาลากลางเพื่อทำการปิดล้อมศาลากลาง
พ่อเมืองร่วมเป่านกหวีด
   
    ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสงขลา มีประชาชนกว่า 2 ,000 คน ร่วมชุมนุม โดยนายกฤษฎา บุญราช ผวจ. ได้พบกลุ่มผู้ชุมนุม และขึ้นรถขยายเสียงสั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาในพื้นที่ศาลากลางแม้แต่รายเดียว โดยแนะให้ไปจับโจรผู้ร้าย ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกว่า จากนั้น ผู้ว่าฯ สั่งระดมมวลชนเข้าชุมนุมในบริเวณศาลากลาง ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมจำนวนมาก ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมชาวนครศรีธรรมราชหลายพันคนก็มารวมตัวกันที่หน้าศาลากลาง และเดินไปโดยรอบศาลากลาง ขณะที่ข้าราชการบนศาลากลางได้ปิดประตูห้องทำงานออกมาร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างสนุกสนาน ที่หน้าศาลากลางจังหวัดพังงา กลุ่มมวลชนกว่า 2,000 คน ได้ตั้งเวทีปราศรัยต่อต้านการทำงานของรัฐบาลและต่อต้านระบอบทักษิณเช่นกัน
    ที่ลานพระรูป หน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายนฤพล แหละตี รอง ผวจ. พร้อมคณะ ลงมารับดอกกุหลาบจากผู้ชุมนุม พร้อมเป่านกหวีดให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม แล้วร่วมร้องเพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนสลายตัวไปโดยสงบ
    เช่นเดียวกับที่ จ.ขอนแก่น นายวินัย สิทธิมณฑล รอง ผวจ. ได้ลงมารับช่อดอกกุหลาบสีแดงจากผู้ชุมนุม พร้อมนกหวีดด้วยตัวเอง โดยได้เป่านกหวีดเสียงดังยาว สร้างความพึงพอใจให้ผู้ชุมนุมที่ต่างเป่านกหวีดตาม พร้อมลั่นมือตบเสียงดังลั่น ซึ่งผู้ชุมนุมได้ขอร้องให้รองผู้ว่าฯ และข้าราชการหน่วยงานต่างๆ เป็นข้าราชการของประชาชน ขณะที่มวลชนในจังหวัดชัยนาท 500 คน ได้เดินทางไปที่ศาลากลาง โดยมีนายกำธร ถาวรสถิต  ผวจ. ลงมารับมอบดอกไม้และนกหวีดด้วยตัวเอง จากนั้นได้ร่วมกับข้าราชการเป่านกหวีดเพื่อเป็นการตอบรับแก่กลุ่มมวลชนเช่นเดียวกัน
    จ.กาญจนบุรี มวลชนกว่า 200 คน แอบเข้ามาทางด้างข้างศาลากลาง พร้อมปักหลักบริเวณด้านหน้าศาลากลาง ใช้นกหวีดเป่าขับไล่เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ปฏิรูปประเทศไทย และขอให้ราชการหยุดทำงาน 3 วัน  ชาวประจวบคีรีขันธ์ก็ร่วมชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัด  ขณะที่ศาลากลางพิษณุโลก ผวจ.ออกมาพบปะประชาชนและรับช่อดอกไม้ที่กลุ่มผู้ชุมนุมนำมามอบให้   บริเวณหน้าสนามหญ้าศาลากลางจังหวัดอ่างทอง มวลชนมารวมตัวกันโดยมีนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.ออกมาพบปะพูดคุยและรับช่อดอกไม้
    ที่ชั้น 3 อาคารรัฐสภา 3 เวลา 10.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงทุกกระทรวง เพื่อซักซ้อมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์การชุมนุม รวมทั้งการบุกรุกสถานที่ราชการ โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี,  นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร., พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง
    โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวในที่ประชุมว่า ขอให้ทุกส่วนราชการรับมือสถานการณ์ด้วยความอดทนอดกลั้น ยึดหลักสันติวิธี และได้สำรวจสถานการณ์ ซึ่งพบว่าส่วนราชการสามารถรับมือสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี มีการสำรองข้อมูล และได้ซักซ้อมแนวทางการทำงานเพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถปฏิบัติราชการต่อไปได้ นอกจากนี้ขอให้มีการเตรียมพร้อมป้องกันสถานที่ราชการไม่ให้ได้รับความเสียหาย หรือถูกบุกรุก พร้อมกับซักซ้อมแนวทางเพื่อเตรียมความพร้อม ทั้งทางด้านความปลอดภัย การติดต่อสื่อสาร ระบบสาธารณูปโภค เพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกส่วนราชการสามารถปฏิบัติราชการได้อย่างต่อเนื่อง โดยให้นายพงศ์เทพเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และ พล.ต.อ.ประชา ให้คำปรึกษาด้านความมั่นคง และให้ทุกส่วนราชการเรียกประชุมเครือข่ายของตนเอง เพื่อให้ความมั่นใจกับทุกภาคส่วน
"ปู" ขอเปิดเวทีเจรจา    
     ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ว่า เราอยากใช้วิธีการที่สันติ และยืนยันว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอาวุธ เราจะไม่ใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชน ขอความกรุณา และขอร้องผู้ชุมนุมว่า การปิดสถานที่ราชการจะมีผลกระทบและมีความเสียหายในส่วนรวม การที่ผู้ชุมนุมมีความเห็นต่างหรือไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเราน่าจะมานั่งคุยกัน เพราะข้อเรียกร้องต่างๆ ต้องจบด้วยการพูดคุยกันในเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เปิดเวทีไว้สำหรับพูดคุย มิฉะนั้นแล้วข้อเสนอของผู้ชุมนุมไม่สามารถที่จะนำไปถึงผลที่จะเป็นไปในทางปฏิบัติได้
    ผู้สื่อข่าวถามว่า เข้าใจข้อเรียกร้องที่ว่าจะล้มระบอบทักษิณหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า "ไม่เข้าใจค่ะ ต้องเรียนว่าระบอบทักษิณไม่เคยมี มีแต่ระบอบประชาธิปไตยที่ดำเนินการ ไม่พอใจอย่างไรเรามาคุยกันเถอะค่ะ" เมื่อถามถึงกรณีที่นายสุเทพประกาศตั้งสภาประชาชนนายกฯ มีความเห็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า สภาประชาชนจะเกิดขึ้นได้ ต้องมีเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ และสุดท้ายต้องมาพูดคุยกันในข้อกฎหมาย ซึ่งต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลอยู่ดี ก็อยากเห็นเวทีนี้มาคุยกันดีกว่า วันนี้จะไม่มีใครแพ้ใครชนะ จะมีเพียงแต่ประเทศเจ็บปวด ประชาชนคนไทยเจ็บปวด วันนี้รัฐบาลไม่มีทิฐิใดๆทั้งสิ้น
    เมื่อถามว่า การที่นายสุเทพประกาศจะไม่พูดคุยกับรัฐบาล และไม่รับอำนาจศาล จะดำเนินการต่อไปอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อย่างน้อยเราต้องมีกติกาในการยึดในการทำงานร่วมกัน เราต้องเรียนขอความเห็นใจเถอะค่ะ เห็นใจสำหรับความเชื่อมั่นของประเทศ ที่วันนี้หลายๆ ประเทศเริ่มส่งสัญญาณเตือนมากับประเทศไทย และเกิดความเสียหายเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องผลกระทบความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน
    จากนั้น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา แถลงภายหลังการประชุม โดยนายพงศ์เทพกล่าวว่า นายกฯ ได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติของแต่ละกระทรวง เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกเข้าไปในกระทรวง จนข้าราชการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ ขณะนี้เราพยายามที่จะอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ต้องการติดต่อราชการ ขอให้ติดต่อที่หมายเลย 1111 เพื่อแจ้งว่าติดต่อราชการกระทรวงใดแล้วเกิดปัญหา และอำนวยความสะดวกต่อไป
    "การชุมนุมนี้ได้ข้ามเขตการใช้สิทธิรัฐธรรมนูญไปแล้ว และศาลได้ออกหมายจับแกนนำผู้ชุมนุมแล้ว และได้ออกหมายจับแกนนำคนอื่นๆ กำลังทำผิดกฎหมายต่อไป เชื่อว่าอีกไม่นานการชุมนุมนี้ ใช่การชุมนุมที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย ขอให้สื่อมวลชนช่วยเผยแพร่ให้ผู้ชุมนุมที่ถูกหลอกไปได้ทราบว่าอย่าไปร่วมชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ขอให้ถอนตัวออกจากที่ชุมนุม" นายพงศ์เทพ กล่าว
ไม่กล้าบุกจับสุเทพ
    ขณะที่ พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า ในฐานะที่ดูแลความมั่นคง ขอยืนยันว่านโยบายของรัฐบาลจะไม่มีการใช้ความรุนแรง หรือไม่มีนโยบายใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม เพราะฉะนั้นข่าวลือที่ออกมาว่าตำรวจจะบุกเข้าไปทำสิ่งต่างๆ กับประชาชน ยืนยันว่าไม่มี และจะไม่มีการบุกเข้าไปจับนายสุเทพ แต่จะรอจนกว่าได้รับเกียรติจากนายสุเทพมามอบตัวเอง และเราก็จะรอต่อไป จะไม่ดำเนินการฝ่าประชาชนเข้าไปล้อมจับ หรือกระทำความรุนแรง และขณะนี้ได้พยายามติดต่อกับนายสุเทพ ยังไม่ได้รับคำตอบ
    ด้านนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าปิดล้อมศาลากลางในจังหวัดต่างๆ ว่าได้รับรายงานว่ามีศาลากลาง 4 จังหวัดที่ถูกปิดล้อมคือ ตรัง ชุมพร สงขลา สตูล ซึ่งขณะนี้ได้ทำหนังสือเวียนส่งถึงผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ว่าศาลากลางถือเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางบริหารงาน เป็นที่ที่ให้บริการประชาชน หากผู้ชุมนุมทำให้ศาลากลางไม่สามารถให้บริการประชาชนได้ เท่ากับเป็นการทำร้ายประชาชน ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ในทันที เพราะถือเป็นภัยพิบัติชนิดหนึ่ง โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ส่วนใน กทม.ยังใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงได้อยู่
    ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยต่อการที่นายสุเทพนำมวลชนบุกยึดกระทรวงการคลัง และประกาศจะยึดหน่วยราชการทั้งประเทศ เพราะมีกลไกฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร คอยควบคุมประเทศอยู่แล้ว จึงขอเรียกร้องให้ประชาชนที่ร่วมชุมนุมกลับบ้าน เพราะทำผิดกฎหมายฐานบุกรุกสถานที่ราชการ และเชื่อว่าการกระทำของนายสุเทพมีเป้าหมายต้องการยึดอำนาจรัฐ ไม่ใช่การเรียกร้องประชาธิปไตย และมั่นใจว่าการชุมนุมไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
      นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวว่า ในส่วนผู้บุกรุกในพื้นที่ราชการทางกระทรวงการคลังมีหน้าที่ตามกฎหมายในการแจ้งความดำเนินคดี และขอให้ศาลปกครองพิจารณาว่าจะมีการคุ้มครองชั่วคราวให้ผู้ที่เข้าไปอยู่ในสถานที่ราชการได้ส่งคืนสถานที่ราชการ ขณะนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาล ขณะเดียวกัน มีความจำเป็นต้องดำเนินการในทางแพ่ง ผู้ที่เข้าไปชุมนุมต้องรับผิดชอบทางแพ่งด้วย
    ที่รัฐสภา นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี นายวรชัย เหมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าว โดยนายวรชัยกล่าวว่า นายสุเทพได้ร่วมประชุมกับกลุ่มที่ต้องการล้มล้างรัฐบาล มีนายทหารเก่าแก่พยายามที่จะผลักดันคนในกองทัพบางคนวางแผนเพื่อก่อเหตุความวุ่นวาย ทำให้รัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และวางแผนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลผู้ชุมนุมปะทะกับประชาชนที่ชุมนุมจนนำไปสู่การอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจฆ่าและทำร้ายประชาชน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไม่อยู่ จนทหารต้องออกมาควบคุมสถานการณ์ เชื่อว่าคนที่คิดจะทำต้องโดนแรงต้าน เพราะคนเสื้อแดงและคนที่รักประชาธิปไตยคงไม่ยอม นอกจากนี้ยังได้ข่าวว่ามีทุนจากต่างชาติกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่พอใจรัฐบาลที่ไม่ได้ทำสัญญาโครงการรถไฟฟ้ากับรัฐบาลเป็นนายทุนให้เงินกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาล
จี้ ส.ส.ปชป.ลาออกยกพรรค
    นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงว่า วันนี้ระบอบทักษิณ เปรียบเสมือนผี มีทั้งคนกลัวและคนเกลียด ซึ่งฝังรากลึกในสังคมและการเมืองไทยเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว ขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ลาออกจาก ส.ส.ทั้งพรรค เหมือนในสมัยปี 2548 ที่ไม่ร่วมทำสังฆกรรม โดยการไม่ลงเลือกตั้ง เพื่อแสดงความจริงใจร่วมการต่อสู้สภากับนายสุเทพ และส.ส.ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ 8 คน พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่อยู่ตรงกลาง อย่าจับปลาสองมือหรือเล่นการเมืองสองหน้า ซึ่งตนและสมาชิกในพรรคพร้อมที่จะลาไปร่วมต่อสู้นอกสภาด้วย
    ขณะที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นำโดยนายวิชาญ ศิริชัยวัฒน์, พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา, นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์, นายพีระ มานะทัศน์ ส.ว.ลำปาง และนายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี แถลงการณ์ถึงทางออกของปัญหาบ้านเมือง อยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าสู่การเจรจาร่วมกันอย่างจริงใจ โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริงเป็นที่ตั้ง เพื่อนำสังคมออกจากความขัดแย้งโดยเร็วต่อไป
    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายเจษฎา อนุจารี ทนายความนายสุเทพ พร้อมทีมทนายความ ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอให้ศาลอาญาพิจารณาเพิกถอนคำสั่ง อนุมัติหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา รวม 2 ข้อหา คือ มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และบุกรุกเข้าไปในอาคารสถานที่ราชการ ภายหลังศาลพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่าคำสั่งศาลที่ออกหมายจับนายสุเทพออกโดยชอบแล้ว ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงมีคำสั่งยกคำร้อง
    ด้านนายเจษฎากล่าวว่า หลังจากนี้ตนเตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาล เพราะสุเทพมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งไม่มีพฤติการณ์หลบหนี สามารถออกหมายเรียกได้
    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.พญาไท ได้นำหลักฐานมายื่นคำร้องขออนุมัติออกหมายจับนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท., นายอุทัย ยอดมณี , นายรัชตชยุต หรืออมร ศรีโยธินศักดิ์ และนาย พิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. ในข้อหาร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ โดยใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืนฯ, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ และทำให้เสียทรัพย์  กรณีบุกรุกกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 พ.ย. เป็นเหตุให้ประตูเลื่อนไฟฟ้าเสียหาย 4 บาน โดยศาลมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
เทือกลั่นไม่เจรจา
    ต่อมา เวลา 17.30 น. ที่ศูนย์ราชการฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แถลงว่า วันนี้มีมวลชนหลายจังหวัดที่เข้าไปควบคุมพื้นที่ศาลากลางจังหวัด นอกจากภาคใต้แล้วยังมีภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลาง แสดงให้เห็นว่าประชาชนทั่วประเทศได้ลุกขึ้นปฏิเสธรัฐบาลนี้ เพราะไม่มีความชอบธรรม เป็นรัฐบาลที่โมฆะ ดังนั้นเราต้องปฏิบัติการต่อไป เพื่อให้ฝ่ายราชการไม่ตกเป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณ การที่ตนตัดสินใจมาที่ศูนย์ราชการฯ เพราะที่นี่มีหลายกระทรวงรวมกัน โดยตั้งใจจะควบคุมศูนย์ราชการฯ ทั้งหมด เพื่อไม่ให้ข้าราชการที่นี้เอื้อระบอบทักษิณได้อีกต่อไป ดังนั้นคืนนี้เป็นต้นไป เราจะตั้งเวทีและพักค้างคืนที่นี่ ถ้าไม่มีตำรวจมาจับ
    "ผมจะรีบปฏิบัติการโค่นล้มระบอบทักษิณให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว โดยจะไม่มีการต่อรอง ยุบสภา หรือให้นายกรัฐมนตรีลาออก เพราะอย่างไรประชาชนก็ไม่ยุติการชุมนุม จนกว่าอำนาจรัฐจะตกเป็นของประชาชน โดยจะมีการตั้งสภาและรัฐบาลประชาชน เพื่อให้ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างแท้จริง และสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เป็นแต่ในเปลือกหรือในนาม"
     ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำแบบนี้เป็นการรัฐประหารโดยประชาชน ไม่ใช่การรัฐประหารโดยทหาร นายสุเทพ กล่าวว่า “ผมไม่สนใจ จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ แต่หมายความว่าถึงเวลาที่จะต้องมีรัฐบาลของประชาชน มีสภาของประชาชน และจะได้จัดแจงวางกฎเกณฑ์กติกาของบ้านเมืองให้เรียบร้อย เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ ส่วนใครจะเรียกว่าอะไรนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคการเมือง เป็นเรื่องของประชาชน”
    จากนั้นเวลา 19.50 น. นายสุเทพกล่าวปราศรัยว่า การที่เรายึดศูนย์ราชการฯ นี้ เพราะมีหน่วยงานราชการของทุกกระทรวงอยู่ที่นี่ ดังนั้นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.เป็นต้นไป ก็จะกลายเป็นง่อย ซึ่งแนวทางเราชัดเจนว่าทำให้รัฐบาลล้มเหลว โดยให้ข้าราชการมาร่วมชุมนุมกับประชาชน และในวันนี้มี 30 จังหวัดที่ประชาชนไปดำเนินการยึดแล้ว ถือว่าเกือบครึ่งประเทศ โดยภาคเหนือคือ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เชียงใหม่, ภาคกลาง พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์, ภาคใต้ยึดได้หมดทั้ง 14 จังหวัด, ภาคอีสาน มหาสารคาม สุรินทร์ ขอนแก่น อุดรธานี ซึ่งถือเป็นพลังของประชาชนจริงๆ และเชื่อว่าพรุ่งนี้จะมีตามมาอีกหลายจังหวัด
    ส่วนกระทรวงต่างๆ นั้น วันนี้ยึดได้แล้ว 9 กระทรวง อาทิ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงการคลัง, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งศูนย์ราชการฯ ด้วย และพรุ่งนี้เราคงไม่ไปยึดอะไรต่อ แต่จะจัดการบริเวณนี้ให้เรียบร้อย และจะมีครัวตามมาทีหลัง ส่วนคนที่อยู่กระทรวงการคลัง ยึดที่มั่นต่อไป เพราะเป็นท่อน้ำเลี้ยงสำคัญของระบอบทักษิณ ส่วนคนที่เวทีราชดำเนินนั้น ต้องคิดอ่านว่ากระทรวงที่เหลือจัดการให้หมดโดยเร็วอย่างไร
    “ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ จะหมดวาระสมัยประชุมสภา ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะจบ หากรัฐบาลไม่มีทางออกก็จะยุบสภา จึงอยากให้ไปถามตัวเองว่า ถ้าเขายุบสภายังจะดำเนินการตามเจตนารมณ์เดิมหรือไม่ เพราะเป้าหมายของเราคือตั้งสภาประชาชน รัฐบาลของประชาชน เพื่ออนาคตของประเทศ ซึ่งวันนี้มีสื่อถามผมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อยากจะคุยด้วย แต่ผมตกลงไม่คุยกับมันแน่นอน ไม่มีการต่อรองอะไรกันแล้ว ไม่ใช่เรื่องของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองแล้ว แต่เป็นเรื่องของประชาชนล้วนๆ” นายสุเทพกล่าว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น