วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เด็ดปีก “สุเทพ” สกัดม็อบ มวลชนต้องร่วมกันปกป้อง ยึดซอยอารีย์รักษาเซฟเฮาส์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤศจิกายน 2556 21:16 น

เด็ดปีก “สุเทพ” สกัดม็อบ มวลชนต้องร่วมกันปกป้อง ยึดซอยอารีย์รักษาเซฟเฮาส์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์26 พฤศจิกายน 2556 21:16 น

รายงานโดย สะเก็ดไฟ
       
       ใกล้ถึงจุดไคลแมกซ์เข้าไปทุกขณะ การเคลื่อนไหวของประชาชนทั้งประเทศเพื่อโค่นล้ม “ระบอบทักษิณ” กับฝ่ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
       
       ที่ดูตามรูปการณ์แล้ว คงไม่ยอมแพ้ต่อพลังมวลมหาประชาชนง่ายๆ เห็นได้จากกรณีการขยายพื้นที่การบังคับใช้พระราชบัญญัติมั่นคงฯ เพิ่มเติมโดยขยายครอบคลุมตลอด 50 เขตในกรุงเทพมหานคร นนทบุรีทั้งจังหวัด-อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี และอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อกลางดึกคืนวันจันทร์ที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา
       
       ล่าสุด ฝ่ายตำรวจได้ยื่นเรื่องขออนุมัติหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำการชุมนุมถนนราชดำเนินและกระทรวงการคลัง-สำนักงบประมาณ ด้วยข้อหาเป็นแกนนำในการบุกยึดสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป
       
       ศาลได้พิจารณาคำร้องและหลักฐานของพนักงานสอบสวนแล้วก็ได้อนุมัติให้ออกหมายจับนายสุเทพ ตามที่ตำรวจได้ยื่นเรื่องต่อศาลส่วนคดีการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่ตำรวจยื่นต่อศาลไปด้วยศาลเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอจึงไม่ได้อนุมัติออกหมายจับในส่วนข้อหาดังกล่าว
       
       แม้ก่อนหน้านี้ นายสุเทพจะได้ให้ทนายความไปยื่นขอคัดค้านการออกหมายจับดังกล่าวต่อศาลด้วยโดยได้นำพยานหลักฐานพร้อมพยานบุคคล ประกอบด้วย คือ นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา และอดีต รมช.มหาดไทย และนายวิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มาเป็นพยานในการคัดค้านด้วย โดยให้เหตุผลว่านายสุเทพไม่มีความผิดตามที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา อีกทั้งขั้นตอนการขออนุมัติศาลออกหมายจับของตำรวจก็ไม่ถูกต้อง ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องออกหมายเรียกก่อน เพราะนายสุเทพไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และการชุมนุมที่ผ่านมาไม่เคยทำให้ทรัพย์สินตามสถานที่ต่างๆ เสียหายด้วย แต่สุดท้ายศาลอาญาก็อนุมัติออกหมายจับดังกล่าวตามที่ตำรวจยื่นเรื่องไป
       
       การออกหมายจับครั้งนี้ พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบช.น. พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้ระบุในคำร้องต่อศาลว่านายสุเทพนำผู้ชุมนุมปิดล้อม สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ถ.พระราม 6 โดยยึดเป็นที่ชุมนุมคู่ขนานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน จากพฤติการณ์ดังกล่าว พนักงานสอบสวนเห็นว่านายสุเทพกระทำความผิด 3 ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (3) ฐานกระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี
       
       มาตรา 215 ฐานมั่วสุมกัน ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือใช้อาวุธ กระทำการเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และโดยเป็นผู้สั่งการหรือเป็นหัวหน้า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 365 ฐานกระทำการโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธหรือร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปหรือในเวลากลางคืน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
       
       ทางด้านฝ่ายทนายความของนายสุเทพรวมถึงแกนนำการชุมนุมอีกหลายคนที่เป็นขุนพลรอบกายนายสุเทพ เช่น นายถาวร นายวิทยา ไม่ได้กังวลมากนัก เพราะยังเชื่อว่ายังพอมีช่องทางสู้คดีได้อยู่ โดยทนายความนายสุเทพจะมีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล เพื่อให้ศาลเพิกถอนคำสั่งออกหมายจับที่จะมีการยื่นในวันพุธที่ 27 พ.ย.นี้ ซึ่งจะอุทธรณ์ในประเด็นว่า
       
       กระบวนการขอออกหมายจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ชอบตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 เพราะนายสุเทพไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน รวมทั้งการออกมาเคลื่อนไหวก็เป็นสิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ให้กระทำได้
       
       การที่ตำรวจรีบใช้วิธีการดังกล่าวกับนายสุเทพก็เพื่อเป็นการล็อกตัวสุเทพ“สกัด” ไม่ให้นายสุเทพขยับได้คล่องตัว เพราะเมื่อนายสุเทพเจอเข้าไปแบบนี้ก็ทำให้ต้องขยับได้ลำบาก
       
       เมื่อเจอยัดข้อหานายสุเทพไม่มีทางเลือกแล้ว ครั้นหากจะไปมอบตัวกับตำรวจก็มีความเสี่ยงสูงที่ตำรวจจะไม่ให้ประกันตัวแน่นอน
       
       หากการเคลื่อนไหวไม่มีนายสุเทพมาเป็นแกนนำคนสำคัญ ก็จะทำให้ประชาชนขาดผู้นำและส่งผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของประชาชนหลายจุดไม่ใช่แค่ที่ถนนราชดำเนินเพราะแม้ประชาชนจำนวนมากเวลานี้จะพร้อมใจกันออกมาโค่นล้มระบอบทักษิณโดยที่ออกมาไม่ใช่เพราะชื่นชมตัวนายสุเทพหรือพรรคประชาธิปัตย์แต่เพราะทนไม่ได้กับระบอบทักษิณที่กินประเทศ แต่ก็ต้องยอมรับว่าหากนายสุเทพขยับอะไรไม่ได้ ยิ่งหากถูกควบคุมตัวไว้ไม่ให้ออกมานำมวลชนได้ก็ทำให้การขับเคลื่อนของประชาชนเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ย่อมต้องเสียขบวนไม่มากก็น้อย
       
       จึงทำให้ทีมทนายความของนายสุเทพ และแกนนำเวทีถนนราชดำเนิน ก็คงต้องคิดหนักว่าจะตอบโต้กับฝ่ายตำรวจอย่างไร
       
       เบื้องต้น เวลานี้นายสุเทพต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในม็อบเท่านั้นและต้องระวังตัวไม่น้อย เพราะเชื่อว่าเวลานี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ได้ส่งตำรวจนอกเครื่องแบบมาเตรียมรวบตัวนายสุเทพไว้แล้วในจุดที่สุเทพปักหลักอยู่ หลังจากก่อนหน้านี้มีการส่งตำรวจมาคอยติดตามตัวนายสุเทพและแกนนำเวทีถนนราชดำเนินมาแล้วหลายสัปดาห์ ทีมการ์ดของนายสุเทพก็คงต้องทำงานหนักนับแต่นี้ในการป้องกันไม่ให้นายสุเทพถูกตำรวจรวบตัวก่อนที่ภารกิจจะจบสิ้น
       
       เพราะหากให้ประเมินก็คงยากที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ หรือบิ๊กๆ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเดินทางไปควบคุมตัวนายสุเทพกลางม็อบ ไม่ว่าจะเป็นที่สำนักงบประมาณ-กระทรวงการคลัง หรือที่ถนนราชดำเนินยามเมื่อนายสุเทพมาเคลื่อนไหวแถวถนนราชดำเนิน เพราะเสี่ยงจะถูกประชาชนขัดขวางและต้องเจอกับการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งทางตำรวจคงไม่ยอมเสี่ยง เพราะนอกจากตัวเองจะไม่ปลอดภัยหากจะเข้าไปรวบตัวนายสุเทพกลางม็อบแล้ว หากเกิดเหตุปะทะขึ้นมาก็จะไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายรัฐบาลแม้จะอ้างว่าทำตามหน้าที่ก็ตาม
       
       ในช่วงนับจากนี้ นายสุเทพและแกนนำการชุมนุมก็คงต้องปรับแผนการเคลื่อนไหวตามสถานการณ์รายวันเพื่อให้ภารกิจนี้จบสิ้นโดยเร็วและตัวเองเป็นฝ่ายชนะในการโค่นล้มระบอบทักษิณ
       
       สิ่งที่ทำก่อนอันดับแรก คือ การต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกควบคุมตัวในช่วงที่ภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น แล้วพอเรื่องยุติก็ค่อยไปมอบตัวต่อไป เพื่อไม่ให้มีข้อครหาได้ว่าหนีกฎหมาย
       
       ท่ามกลางข่าวว่าการซุ่มตัวของนายสุเทพและแกนนำ น่าจะใช้ “เซฟเฮาส์” ย่านซอยอารีย์เป็นที่เก็บตัวและประชุมแกนนำ คือ บ้านพักของ “กษิต ภิรมย์-เอส ภิรมย์” สองพี่น้องตระกูล “ภิรมย์” แถวๆ ซอยอารีย์ ซึ่งเหตุที่จะใช้บ้านพักของ “กษิต-เอส” ก็เพราะบ้านทั้งสองคนอยู่ในย่านจุดชุมนุม คือ กระทรวงการคลัง-สำนักงบประมาณ-กรมประชาสัมพันธ์พอดี
       
       จึงทำให้เป็นสถานที่ซึ่งคล่องตัวต่อการการเคลื่อนไหวดังกล่าวและอย่าได้แปลกใจที่ทำไมถึงอาจจะใช้เซฟเฮาส์ดังกล่าว เหตุก็เพราะนอกจาก กษิต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ประชาธิปัตย์และอดีต รมว.ต่างประเทศจะเป็นนักการเมืองประชาธิปัตย์สายสุเทพแล้ว
       
       “เอส ภิรมย์” คนนี้ คืออดีตนักศึกษารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อนสนิทร่วมรุ่นกับสุเทพ อดีตศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เหมือนกันโดยสุเทพกับเอส ถือเป็นเพื่อนสนิทกันมาก สุเทพ ตอนเป็นนักศึกษาแล้วเข้ามาเที่ยวในกรุงเทพฯ ก็มักเข้ามาปาร์ตี้-นอนพักบ้านตระกูลภิรมย์ ในย่านซอยอารีย์บ่อยครั้ง “สุเทพ-เอส” ได้นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกลางวันกันในเที่ยงของวันที่ไปยึดสำนักงบประมาณ ย่อมแน่ใจได้ว่ายามนี้เพื่อนรักคู่นี้คงไม่ทิ้งกันแน่นอน
       
       อย่างไรก็ตาม อย่าได้กังวลว่าพอรายงานวิเคราะห์การเมืองฉบับนี้เผยแพร่ไปแล้วจะทำให้ตำรวจรู้เซฟเฮาส์ของนายสุเทพและแกนนำ จนไปรอดักรวบตัวที่หน้าบ้านพัก เพราะเมื่อรายงานฉบับนี้เผยแพร่ไปแล้ว ถ้าประชาชนเป็นห่วงนายสุเทพต้องการนายสุเทพเป็นแกนนำการปฏิวัติประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ก็ให้ไปคุ้มครองนายสุเทพกันเยอะๆ ที่บริเวณกระทรวงการคลังและซอยอารีย์อย่าให้ตำรวจตะกวดมันเข้าไปได้
       
       เชื่อว่าการเคลื่อนไหวในช่วง 3 วันต่อจากนี้ คือ พุธไปถึงศุกร์ การเคลื่อนไหวจะร้อนแรงมากขึ้นตามลำดับ เพื่อให้ทุกอย่างจบ ล้างประเทศเนรเทศตระกูลชินวัตรพ้นจากประเทศไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น