วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หมายจับ!‘สุเทพ’ยึดคลังลั่นอารยะเมื่อ 27 พ.ย.56


หมายจับ!‘สุเทพ’ยึดคลังลั่นอารยะ

 รัฐตำรวจยุคนารีขี่ม้าขาวทำงานฉับไว ร้องศาลขอหมายจับ “เทือก” 2 คดี 5 ข้อหา แต่อนุมัติเพียงเรื่องมั่วสุมและบุกสถานที่ราชการ เมินเรื่องชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย “ถาวร” เตรียมอุทธรณ์ข้องใจทำไมม็อบแดงไม่แตะ “ยิ่งลักษณ์” เล่นบทนางเอกพร้อมเจรจาพาทีสุเทพ เฉไฉตอบมาตรฐานจัดการ นปช.สุมหัว
“ตุ๊ดตู่” แนะต้องเด็ดแกนนำคนอื่นด้วย พร้อมจัดหนัก ขรก.เกลือเป็นหนอน “กปท.” ยกกำลังขึงโซ่ปิด 4 กระทรวง เผยมหาดไทยรับปากหยุดงานจนกว่าเหตุการณ์สงบ “สุเทพ” กางแผนปฏิรูปประเทศ ลั่นปิดทุกกระทรวง 27 พ.ย.
เมื่อวันอังคาร หลังจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เต็มพื้นที่กรุงเทพมหานคร, จังหวัดนนทบุรี ,อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี และ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จากกรณีกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณได้เข้ายึดพื้นที่ของกระทรวงการคลัง, กระทรวงการต่างประเทศ, สำนักงบประมาณ และกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ทำให้ตั้งแต่ช่วงเช้าวันอังคาร ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายทันที
โดยเมื่อเวลา 10.40 น. พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมคณะ ได้นำพยานหลักฐานเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุมัติหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำต่อต้านระบอบทักษิณใน 2 คดี ประกอบด้วย 1.คดีใน สน.บางซื่อ กรณีนำผู้ชุมนุมปิดล้อมสำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง โดยกระทำผิด 3 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (3), มาตรา 215 และ มาตรา 365 2.คดีที่ สน.สำราญราษฎร์ กรณีนำชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งทำความผิด 2 ข้อหา ตามมาตรา 116 (3) และมาตรา 117
    และเมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ กล่าวหลังศาลได้พิจารณาคำร้องและพยานหลักฐานแล้วว่า ได้อนุมัติหมายจับนายสุเทพ 2 ข้อหา คือ มาตรา 215 ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และมาตรา 365 ฐานร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ โดยใช้กำลังจากกรณีนำม็อบบุกกระทรวงการคลัง ส่วนข้อหาตามมาตรา 116 (3) ไม่ได้ออกให้ สำหรับกรณีชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ศาลไม่อนุมัติ เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
“หลังจากนี้จะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อนำตัวนายสุเทพมาเข้าสู่กระบวนการ โดยอาจให้พนักงานสอบสวนจับกุมด้วยตนเอง หรือนายสุเทพจะเข้ามอบตัว ซึ่งจะใช้วิธีการอะไรนั้นขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา ส่วนแกนนำหรือผู้ชุมนุมกลุ่มอื่นๆ อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน หากมีหลักฐานเพียงพอก็จะออกหมายจับต่อไป”
     นายถาวร เสนเนียม แกนนำกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ กล่าวว่า จะอุทธรณ์คำสั่งของศาล โดยจะชี้ให้ศาลเห็นว่านายสุเทพมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และข้อหาไม่ร้ายแรงอะไร แต่ก็เคารพดุลพินิจของศาล ส่วนนายสุเทพนั้นจะไม่เข้ามอบตัว หากเจ้าหน้าที่จะเข้ามาจับกุมก็เชิญมาจับที่ม็อบ แต่ขอฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ข้อหามั่วสุมทางการเมืองตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป แกนนำทุกม็อบมีความผิดทุกคน เนื่องจากนายกฯ ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมบริเวณสนามราชมังคลากีฬาสถานก็ต้องผิดเช่นกัน
เผย ขรก.กวักมือเรียก
ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย แกนนำกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ กล่าวเช่นกันว่า สตช.มี 2 มาตรฐาน เพราะการชุมนุมเกิน 10 คนขึ้นไปกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงไปชุมนุมที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญไม่เคยดำเนินคดี ส่วนข้อหาบุกรุกกระทรวงการคลังนั้นเป็นการกล่าวหา ซึ่งได้เตรียมดำเนินคดีกลับแล้ว และยืนยันว่าไม่ได้บุกรุก แต่ข้าราชการกระทรวงการคลังกวักมือเรียกเข้าไป
ส่วนนายเจษฎา อนุจารี ทนายความนายสุเทพ ระบุว่า จะยื่นคำอุทธรณ์ในวันที่ 27 พ.ย. เพราะกระบวนการขอออกหมายจับไม่ชอบตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 เพราะนายสุเทพไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน รวมทั้งการเคลื่อนไหวก็เป็นสิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้
    ในขณะที่ สน.พญาไท เจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารสถานที่ และหัวหน้าหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจากกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดนายนิติธร ล้ำเหลือ, นายอุทัย ยอดมณี และนายรัชต ชยุตศรีโยธินศักดิ์ ในข้อหาบุกรุก, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และทำให้เสียทรัพย์ โดยประตูเลื่อนไฟฟ้าเสียหาย 4 บาน มูลค่าประมาณ 2 แสนบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องไว้สอบสวนก่อนขอนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป
          หลังศาลตัดสินออกหมายจับนายสุเทพ ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำกลุ่มต่อต้านฯ ได้อภิปรายบนเวทีให้ผู้ชุมนุมเข้าใจ โดยเฉพาะกรณีไม่ออกหมายจับเกี่ยวกับชุมนุมที่ราชดำเนิน ซึ่งทำให้ผู้ชุมนุมต่างพากันปรบมือแสดงความดีใจ รวมทั้งส่งกำลังใจให้นายสุเทพต่อสู้ในหมายจับที่เกี่ยวกับการบุกรุก
    ต่อมาเวลา 16.40 น. พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รอง ผบช.น. ได้แถลงการณ์ถึงการจับกุมนายสุเทพตามหมายศาลว่า ต้องพิจารณาตามสถานการณ์ความเหมาะสม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก หากเข้าจับกุมแล้วมีมวลชนจำนวนมาก ทั้งผู้ถูกจับและผู้จับก็อาจได้รับอันตรายแก่ร่างกายได้ ทั้งนี้ หมายจับมีอายุความ 10 ปี ส่วนกรณีฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น ยังไม่แจ้งข้อหาตอนนี้ เนื่องจากมีโทษจำคุก 1 ปี หากจะกล่าวโทษยังไม่สามารถออกหมายจับได้ ต้องออกหมายเรียกก่อน
ปูเล่นบทนางเอก
    สำหรับความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านฯ นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และ รมว.กลาโหมกล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน เพราะการเข้าไปในสถานที่ราชการอาจทำให้การบริหารประเทศติดขัด เราไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อนและขาดความเชื่อมั่น เรายินดีหารือในรายละเอียดถึงความร่วมมือกันต่อไป และขั้นตอนต่างๆ คงให้เจ้าหน้าที่ดูไปตามขั้นตอนและกระบวนการ
    “ต้องขอความร่วมมือ เราต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก เพราะทำให้บ้านเมืองอยู่ได้ เราคงต้องยึดกติกาต่างๆ”นายกฯ ตอบข้อถามถึงกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามใช้คนหมู่มาก ใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย
ซักต่อกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคงเช่นกัน จะดำเนินการอย่างไร นายกฯ ตอบว่า พ.ร.บ.ความมั่นคงเราอยากให้ทุกอย่างดำเนินการไปโดยสงบ และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ทุกอย่างก็สามารถดำเนินการได้ และขอเรียนยืนยันว่า เราไม่ได้ต้องการให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังรุนแรงกับพี่น้องประชาชน เรายึดหลักดูแลความสงบ ความมั่นคงด้วยแนวทางความสันติ ภายใต้กรอบของกฎหมาย แต่การเข้าสถานที่ราชการนั้น คงต้องขอร้องพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯ จะขอเจรจากับนายสุเทพ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวลากเสียงนุ่มนวลว่า ยินดีค่ะ ยินดีที่จะเจรจา และยินดีที่จะพูดคุย และเวทีปฏิรูปทางการเมืองก็เปิดรับอยู่แล้ว เราอยากเห็นการใช้เวทีนี้ในการพูดคุย แต่หากต่างคนต่างพูดคุยรูปแบบเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ชุมนุม ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ กล่าวถึงการเจรจากับนายสุเทพว่า ได้มอบให้ ศอ.รส.ที่มีทีมพูดคุยอยู่แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ส่วนที่นายสุเทพระบุจบใน 3 วันนั้น ก็ต้องถามนายสุเทพ แต่เห็นว่าจบได้ก็ควรจะจบ ไม่ควรยืดเยื้อมากกว่านี้
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ กล่าวถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมเจรจากับนายสุเทพว่า ถือว่านายกฯ เปิดใจแล้ว ดังนั้นอยากให้มาพูดคุยกันดีกว่า ประชาชนจะได้ไม่ต้องมาลำบาก
ปึ้งสาวไส้ไทยให้ต่างชาติ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า ได้แจ้งต่อที่ประชุมเอซีดี ซึ่งมีรัฐมนตรีต่างประเทศกว่า 30 ประเทศรับทราบว่า ผู้ชุมนุมได้ยกระดับโดยใช้วิธีที่ผิดกฎหมายเข้าไปยึดสถานที่ราชการ ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับได้ของสังคมโลก พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมกันประณาม และได้ทำหนังสือไปยังสถานทูตประเทศต่างๆ ที่อยู่ในไทย พร้อมแจ้งไปยังเลขาธิการสหประชาชาติและสำนักงานฮิวแมนไรต์วอตช์ และประธานเดโมเครซีฟอรั่มที่บาหลีและมองโกเลีย รวมถึงโอเอสซีซีที่กรุงเวียนนา นอกจากนี้จะทำหนังสือส่งไปยังเพื่อนที่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ 5 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน และรัสเซีย รวมทั้งได้มอบหมายให้นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ รองปลัด กต.ไปแจ้งความกับกลุ่มผู้ชุมนุมแล้ว
“ประเทศต่างๆ ได้แจ้งเตือนสถานการณ์การชุมนุมในไทย โดยการสำรวจ 68 ประเทศ พบว่า ได้แจ้งเตือนประชาชนแล้ว 22 ประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยแน่นอน” นายสุรพงษ์กล่าว และว่า ตอนนี้ต่างประเทศได้เสนอข่าวการประท้วงของไทยควบคู่ไปกับเหตุการณ์ที่อิหร่านติดอันดับข่าวท็อปเท็นโลกไปแล้ว
พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวเรื่องเดียวกันว่า การบุกรุกสถานที่ราชการของผู้ชุมนุมส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ภาพลักษณ์ และทัศนคติทางลบของต่างชาติที่มีต่อไทย ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ที่สำคัญทำให้ประชาชนเดือดร้อน เช่น เบิกจ่ายงบประมาณ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในระบบราชการ
     “การบุกรุกเข้าไปยึดสถานที่ราชการ ทำลายทรัพย์สิน และขัดขวางการปฏิบัติงานโดยมิชอบ ถือเป็นสิ่งหลอกลวงผู้ชุมนุมที่ต้องการออกมาชุมนุมโดยสันติ จึงขอวิงวอนไปยังผู้ชุมนุมว่า อย่าสนับสนุนการปฏิบัติการใดๆ ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และอย่าหลงเชื่อข่าวลือต่างๆ” พ.อ.ธนาธิปกล่าว และว่า การชุมนุมขณะนี้ยังเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้มีการร้องขอกำลังทหารเข้าไปช่วยสนับสนุนแต่อย่างใด
ซัดม็อบสุเทพเป็นคนบ้า
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้วิพากษ์กลุ่มผู้ชุมนุมที่ยึดกระทรวงต่างๆ ว่า เป็นม็อบคนบ้าที่กำลังคลุ้มคลั่ง เพราะสร้างความเสียหายให้ประเทศอย่างหนัก ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญควรยุบพรรคประชาธิปัตย์โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ใครไปร้อง นอกจากนี้ ดีเอสไอก็ควรถอนประกันนายสุเทพจากคดีสั่งฆ่าประชาชนด้วย
"เมื่อไหร่รัฐบาลใช้มาตรการเบากับผู้ชุมนุมแล้วยังไม่ออกจากสถานที่ราชการ รัฐบาลก็ควรใช้ความเด็ดขาด แต่ที่ราชดำเนินไม่ควรไปทำอะไร ส่วนการชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นเป็นการชุมนุมอยู่ในที่ตั้ง” นายก่อแก้วกล่าว และว่า การขับไล่ตระกูลชินวัตรออกนอกประเทศเป็นไปไม่ได้ คนที่สนับสนุนมีมากกว่าคนที่ออกมาไล่ แม้มวลชนที่มาวันที่ 24 พ.ย.จะเห็นแล้วตกใจ แต่การยึดกระทรวงต่างๆ วันที่ 25 พ.ย.ก็ทำให้ยิ้มได้
ส่วนที่ราชมังคลากีฬาสถาน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ได้กล่าวโจมตีการยึดสถานที่ราชการของนายสุเทพว่า เป็นความชั่วช้า รวมทั้งเรียกร้องให้คนเสื้อแดงในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มาร่วมชุมนุมเพื่อต่อต้านฝ่ายตรงข้าม ที่จะนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 27 พ.ย. และจะไม่เลิกชุมนุมจนกว่านายสุเทพจะยุติการชุมนุม
“ความผิดไม่ได้อยู่ที่นายสุเทพเพียงคนเดียว แต่แกนนำคนอื่นต้องขออนุมัติหมายจับเช่นกัน และกระทรวงใดที่เกิดสนิม มีเกลือเป็นหนอน ต้องสอบทางวินัย และดำเนินคดีอาญาอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะข้าราชการที่ดีต้องไม่เปิดประตูให้พวกกบฏเข้ามาก่อการร้าย การที่นายสุเทพเเละม็อบล้มรัฐบาล จะไปยึดกระทรวงอื่นนั้น ถ้าเเน่จริงขอท้าให้ไปยึดกระทรวงกลาโหมด้วย ถามว่าจะกล้าหรือไม่” นายจตุพรกล่าว
ยัดข้อหา ขรก.ร่วมกบฏ
นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. กล่าวว่า ขอแถลงจุดยืน 4 ข้อ คือ 1.ขอเรียกร้องให้ออกหมายจับเพิ่มเติมนอกจากนายสุเทพให้ขยายไปยังคณะแกนนำอื่นๆ 2.การบุกรุกยึดสถานที่ราชการต่างๆ นั้น นอกจากผิดกฎหมายอาญามาตรา 116, 215, 216, 365 ประกอบมาตรา 362 แล้ว ยังเข้าข่ายผิดมาตรา 113 ข้อหากบฏ จึงขอให้มีการดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหากบฏตามมาตรา 113 (2) และในข้อหาก่อการร้าย 3.ขอให้รัฐบาลวางแผนปกป้องสถานที่ราชการสำคัญ ส่วนข้าราชการใครที่สนับสนุนคณะผู้ก่อการร้าย การกบฏเสียเองต้องถูกสอบสวนวินัย และดำเนินคดีทางอาญา และ 4.ขอเรียกร้องให้ประชาชนที่ไม่ต้องการให้ประเทศชาติถูกทำลายย่อยยับร่วมประณามโจมตีผู้ก่อการกบฏที่อ้างตัวว่าปฏิวัติประชาชนมาที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
    พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส. แถลงข่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมว่า มวลชนส่วนใหญ่เริ่มทยอยเดินทางกลับ และเริ่มมีผู้ไม่เห็นด้วยต่อการบุกยึดสถานที่ราชการ ซึ่งกระทำเกินกว่าเหตุ ส่วนที่ผู้ชุมนุมประกาศยกระดับในวันที่ 27 พ.ย.นี้ ศอ.รส.ต้องวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
สำหรับความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ นั้น กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายนิติธรและนายอุทัย พร้อมมวลชนกว่า 500 คน ได้เคลื่อนขบวนออกจากกระทรวงการต่างประเทศแล้ว หลังจากปักหลักค้าง 1 คืน โดยขบวนได้มาหยุดที่แยกวัดเบญจมบพิตรฯ โดยสถานการณ์เป็นไปอย่างตึงเครียด เมื่อมีการตอบโต้กับตำรวจนานกว่า 30 นาที ก่อนเคลื่อนขบวนกลับที่บริเวณแยกนางเลิ้ง
นายนิติธรกล่าวภายหลังว่า คปท.เตรียมร่างหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ในประเทศให้ยูเอ็นและสถานทูตประเทศต่างๆ ถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล และขอให้ประเทศต่างๆ ยุติการทำงานร่วมกับรัฐบาล เพราะประชาชนไม่ยอมรับ
กปท.บีบ"มท."หยุดงาน
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และกองทัพธรรม นำโดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ และคณะ ได้นำมวลชนกว่า 800 คน ไปปิดล้อมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม โดยได้นำโซ่มาคล้องประตูทางเข้า-ออกทั้งหมด พร้อมเชิญข้าราชการและเจ้าหน้าที่ออกจากกระทรวงต่างๆ ทั้งหมด ซึ่งก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
หลังจากนั้นเวลา 12.10 น. กลุ่ม กปท.ได้เคลื่อนขบวนมากระทรวงมหาดไทย และได้ประกาศบนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงให้กลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่เดินทางออกจากกระทรวงทั้งหมด ภายในเวลา 12.40 น. ก่อนจะตัดน้ำตัดไฟ ซึ่งกระทรวงได้จัดเจ้าหน้าที่อาสาของกรมการปกครองกว่า 100 คน คอยยืนตรึงกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยรอบพื้นที่ รวมทั้งนำรั้วลวดหนามมาวางบริเวณด้านในและด้านบนประตู เพื่อป้องกันมวลชนปีนเข้ามา
ต่อมาเมื่อถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ยังคงตรึงกำลังในกระทรวงเช่นเดิม ส่วนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ได้ทยอยเดินทางออกมาบางส่วน แกนนำ กปท.จึงประกาศให้มวลชนปิดล้อมประตูทั้ง 4 ด้าน แม้จะมีสายฝนที่ตกมาเป็นระยะ ซึ่งต่อมาก็ได้ตัดน้ำและไฟ เมื่อเวลาล่วงมาถึงเวลา 18.00 น. ภายหลังผู้ชุมร่วมกันร้องเพลงชาติไทย พล.อ.ปรีชาได้ขึ้นกล่าวบนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงว่า นายประภาศ บุญยินดี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้รับปากว่า ต่อจากนี้ไปจะไม่มีข้าราชการเข้าทำงานที่กระทรวงจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ และจะไม่รับคำสั่งจากรัฐบาล จึงถือว่าเป็นชัยชนะของเรา จึงขอประกาศให้มวลชนเคลื่อนกลับที่ตั้งที่สะพานมัฆวานรังสรรค์
"เราเชื่อใจผลการเจรจา และวันที่ 27 พ.ย.นี้ เราจะส่งตัวแทนมาดู ถ้าพบว่ามีการเปิดให้ข้าราชการไปปฏิบัติหน้าที่ ทางมวลชนก็จะกลับมาล้อมเหมือนเดิม" พล.อ.ปรีชากล่าวก่อนนำกลุ่มผู้ชุมนุมกลับเวทีเดิม
ในเวลา 18.54 น. ได้เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดดัง 2 ครั้ง บริเวณแนวลวดหนามกลางสะพานมัฆวานรังสรรค์  โดยมีกลุ่มควันสีเทาลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.นางเลิ้ง ต้องปิดการจราจรในบริเวณดังกล่าว พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เบื้องต้นคาดว่าเป็นระเบิดปิงปอง และยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ
    ส่วนเวทีที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น ยังคงมีการกิจกรรมต่อเนื่อง แม้จะมีฝนตกมาเป็นระยะ ในขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ ได้มีการแบ่งคนจากเวทีนี้บางส่วนไปเพิ่มเติมที่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง รวมทั้งขอให้มวลชนทุกคนเตรียมพร้อมตลอด 24 ชม. ในการเคลื่อนขบวน เพราะรัฐบาลกำลังหายใจเฮือกสุดท้าย
"เราจะไม่ยุติเวทีราชดำเนิน เลิกไม่ได้จนกว่าจะได้ชัยชนะ เรามาถึงขนาดนี้ เป็นเวลากว่า 20 วันแล้ว ถ้ากลับบ้านก็เสียชาติเกิด ไม่กลับเด็ดขาด” นายสาทิตย์ระบุถึงการยุบเวทีราชดำเนิน
เคลื่อนไหวใหญ่ 27 พ.ย.
ด้านการชุมนุมที่กระทรวงการคลังนั้น ยังคงมีประชาชนทยอยเข้าร่วมการชุมนุมอย่างคึกคัก แม้จะเกิดความวุ่นวายช่วงหนึ่งเมื่อมีชายอายุกว่า 50 ปีที่มีเสื้อยืดสีแดงปักคำว่า พรรคไทยรักไทย เข้ามาป่วนการชุมนุมช่วงหนึ่ง โดยนายเอกนัฏแลถงในช่วงเช้าว่า วันนี้จะให้ผู้ชุมนุมพักผ่อน 1 วัน ก่อนเคลื่อนไหวทั่วประเทศในวันที่ 27 พ.ย. นี้ และขอให้ข้าราชการทั่วประเทศยึดการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังที่ได้ต้อนรับประชาชนเป็นอย่างดี
    ในช่วงบ่าย นายเอกนัฏแถลงอีกครั้งว่า การชุมนุมจะไม่มีการยึดสนามบิน ปิดถนน หรือทางรถไฟ และในวันที่ 27 พ.ย. จะแถลงจุดยืนร่วมของแต่ละกลุ่ม เพราะไม่ต้องการให้สถานการณ์ยืดเยื้อ และต้องการให้จบโดยเร็วตามที่นายสุเทพแสดงจุดยืนในวันที่ 24 พ.ย.ที่ต้องการให้จบภายใน 3 วัน แต่ก็ต้องฟังเสียงประชาชนด้วย
    ต่อมาเวลา 19.40 น. นายสุเทพได้ปราศรัยบนเวที ซึ่งมีหลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม นั่งอยู่ด้วย โดยเนื้อหายังคงโจมตีการทำงานของรัฐบาลที่เน้นแต่การช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมทั้งกางแนวทางการปฏิรูปประเทศว่า 1.การเลือกตั้งต้องวางกติกาให้ยุติธรรม โกงไม่ได้ และต้องไม่ให้คนชั่วมีโอกาสเข้ามานั่งในสภา 2.ต้องขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันให้ได้ ต้องออกกฎหมายเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันว่าไม่มีอายุความ ไม่ว่าจะวันไหน หากยังไม่ตายก็ต้องติดคุก 3.เคารพในอำนาจประชาชน คือ ประชาชนต้องสามารถถอดถอนนายกฯ รัฐมนตรี และ ส.ส.แบบระบุระยะเวลาได้ เช่น 5 เดือน หรือ 6 เดือน  4.ต้องปฏิรูปโครงสร้างของตำรวจให้เป็นตำรวจของประชาชน ซึ่งคณะกรรมการตำรวจต้องเป็นภาคประชาชนด้วย 5.ต้องออกแบบกฎหมายให้ข้าราชการเป็นคนของประชาชน ไม่ใช่อยู่ใต้นักการเมือง 6.ปัญหาต่างๆ อย่างการศึกษา คมนาคม สาธารณสุข ต้องนำเรื่องเหล่านี้เป็นวาระแห่งชาติ และ 7.รัฐบาลต้องไม่รวบอำนาจผูกขาดธุรกิจเสียเอง       
“วันนี้ต้องพูดเรื่องเหล่านี้ เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสได้มาพูดคุยกับพี่น้องอีกหรือไม่ และขอพูดต่อหน้าพระว่า จะไม่มีทางเอาตัวเองไปเป็นนายกฯ สู้ครั้งนี้เพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง และขอยืนยันว่าไม่ได้สู้เพื่ออำนาจหรือตำแหน่งให้พรรคประชาธิปัตย์หรือนายอภิสิทธิ์ ยืนยันขนาดนี้แล้วหากประชาชนที่ยังไม่ยอมออกมาเสียสละเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน ก็ปล่อยเขาไป ผมตัดสินใจกระทำการที่เสี่ยงต่อการผิดกฎหมายด้วยการพาพี่น้องมาที่กระทรวงการคลังแห่งนี้ เพราะต้องการตัดท่อน้ำเลี้ยงของระบอบทักษิณ และถ้าผมไม่ทำผิดเสียบ้าง เราจะชนะได้อย่างไร พรุ่งนี้เราจะไปปิดทุกกระทรวงที่เหลือให้สิ้นซาก" นายสุเทพกล่าว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น