|
|
พลังมวลมหาประชาชนที่ได้หลั่งไหลกันออกมาที่ถนนราชดำเนิน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมาได้ส่งสัญญาณต่อต้านรัฐบาลอย่างล้มหลามเป็นประวัติการณ์
ภาพความสำเร็จในวันนั้นก็ด้วยการสอดประสานรับส่งกันเป็นจังหวะจะโคนของทัพใหญ่โดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ” แกนหลักของเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเสริมด้วยทีมงานคุณภาพทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่ยึดหัวหาดจ่อทำเนียบรัฐบาลอยู่ที่เวทีนางเลิ้ง และกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) กองทัพธรรม ภาคีเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัดที่ลงหลักปักฐานที่เวทีมัฆวาฬรังสรรค์
เป็นสามประสานที่สร้างประวัติศาสตร์ จนหลายเสียงบอกว่าทำลายสถิติการแสดงพลังของประชาชนเมื่อ 14 ต.ค. 2516 ลงอย่างราบคาบ
และดูเหมือนจะใกล้กลบฝัง “ระบอบทักษิณ” อยู่แค่ไม่อีกชั่วโมงหลังจากนี้
โดยเฉพาะแผน “ดาวกระจาย” เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมาที่เคลื่อนขบวนรวมกันมากกว่า 20 จุดและเข้าคุมพื้นที่ตามกลยุทธ์ ทั้งกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และกระทรวงการต่างประเทศได้อย่างง่ายดาย แบบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แต่มองตาปริบๆ
เสริมด้วยอีก 4 กระทรวง “เกษตรฯ-คมนาคม-ท่องเที่ยว” และ “มหาดไทย” ที่มวลชนตรึงกำลังล้อมกรอบอยู่ โดยทีมงาน กปท.-คปท.ที่เข้ายึดได้เมื่อช่วงเที่ยงๆ วันที่ 26 พ.ย.
มาตรการบุกยึดสถานที่ราชการนั้นตัวแกนนำเองแม้รู้เต็มอกว่าผิดกฎหมาย คดีความต้องตามมาเป็นหางว่าว แต่ก็จำเป็นต้องเสี่ยงใช้ยาแรงขนาดนี้เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ออกลูกดื้อยา คอยแต่เล่นบท “หนูไม่รู้” ทำมึนไม่สนใจเสียงเรียกร้องของประชาชนที่ดังกระหึ่มอื้ออึง
พอเจอลูกบ้าเที่ยวล่าสุดที่ม็อบไล่เช็กอินตามกระทรวงทบวงกรม ก็ทำเอา “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ออกอาการเสียศูนย์ไม่ใช่น้อยจนแทบยืนไม่อยู่
ด้วยมาตรการตั้งรับขยายประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงจนถึงสิ้นปี ครอบคลุมพื้นที่ 50 เขต กทม.และปริมณฑลบางส่วน แถมด้วยการไล่เช็กบิลแจ้งจับบรรดาแกนนำในฐานะ “กบฏ” ล้มล้างการปกครอง
ยังดีที่มีคิวแทรกกับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ “ผู้ใหญ่” ในประชาธิปัตย์ขอไว้ เพื่อเปิดฟลอร์ให้ ส.ส.ที่ยังไม่ลาออกโชว์ฟอร์มลากไส้รัฐบาลตอกย้ำความเป็น “โมฆะรัฐบาล” อีกดอก
ทำให้ วันนี้ (26 พ.ย.) เครือข่ายสายม็อบจึงไม่ขยับไปไหนมาก เพื่อไม่ให้เกิดภาพการแย่งซีนกันเองหนึ่งวัน และถือเป็นวันพักผ่อนของม็อบส่วนใหญ่ซอยเท้าคอยจังหวะขยับเคลื่อนไหวอีกครั้งในวันที่ 27 พ.ย.
ตามประกาศของเฟซบุ๊ก “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่โพสต์สั้นๆ ได้ใจความว่า “พลังมากกว่าล้านที่ราชดำเนินในวันนั้นต้องกระจายไปทุกจุดทั่วประเทศ”
นับจากวันนี้อีก 2-3 วันจนถึงสิ้นเดือน พ.ย.ถือเป็นเวลาที่สุกงอมในการเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้สุดซอย
โดยเฉพาะในจังหวะที่ม็อบถึง “จุดพีก” แบบสุดๆ เช่นนี้
ส่วนกลยุทธ์ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในตอนนี้แน่นอนว่ายังต้องเน้นการตัดแขนขาไม่ให้รัฐบาลสามารถบริหารงานได้ปกติเพราะถือว่าได้ผล และเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นบวกมากกว่าลบ ดูได้จากเสียงตอบรับจากบรรดาข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และรัฐวิสาหกิจที่ขานรับมาตรการอารยะขัดขืนต่อรัฐบาล เห็นจากจำนวนคน เสียงนกหวีด และกำลังใจที่มีให้ตลอดแนวเส้นทางหากม็อบเคลื่อนไปที่ใด
กดดันให้รัฐบาลมีอำนาจแต่ก็ปกครองไม่ได้ ง่อยเปลี้ยเสียขาให้ตกอยู่ในสภาพ “ชัตดาวน์”
ดังนั้น โอกาสที่การยกระดับอีกครั้งหนนี้จะส่งดาวกระจายไปเช็กอินให้ครบ 20 กระทรวงก็มีความเป็นไปได้สูงหลังจากที่ตอนนี้ไล่เก็บแต้มไปแล้วอย่างน้อย 5 กระทรวง “คลัง-คมนาคม-เกษตร-ท่องเที่ยว-มหาดไทย”
แม้อาจจะเก็บได้ไม่ครบก็จะทะลวงในกระทรวงสำคัญอย่าง “พลังงาน-แรงงาน-พัฒนาสังคม-ศึกษาธิการ-ต่างประเทศ-อุตสาหกรรม” เป็นอาทิ
โดยจะใช้ “ทัพใหญ่” ของเวทีอนุสาวรีย์-กระทรวงการคลัง เน้นจุดยุทธศาสตร์สร้างสัญลักษณ์ไม่ยอมรับอำนาจรัฐบาลทรราช และใช้ “คปท.-กปท.” เป็นทีมจรยุทธ์เคลื่อนไหวสับขาหลอกแหย่แนวชายแดนรอบ “ทำเนียบ-รัฐสภา” เพื่อยันแนวตำรวจให้อยู่ในที่ตั้งและหาจังหวะเข้าไปในสถานที่สำคัญๆ
ไม่เพียงแต่ในพื้นที่ กทม.และใกล้เคียงเท่านั้น ในต่างจังหวัดก็เตรียมพร้อมรับสัญญาณบุกจากส่วนกลาง โดยแน่นอนว่าเป้าหมายอยู่ที่ “ศาลากลาง” ของแต่ละจังหวัดเพื่อให้มวลชนปูพรมปิดประเทศกดดัน “รัฐบาลปู”
2-3 วันนี้ถือเป็นเดิมพันสำคัญของทั้งรัฐบาลและฝ่ายต่อต้าน ที่ต้องจบเกมให้เร็ว เพราะหากยืดเยื้อเข้าเดือน ธ.ค.ย่อมไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายรัฐนั้นแพ้ไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงการสูญเสียอำนาจรัฐ และตระกูลชินวัตรจะไร้ที่ซุกหัวนนอน ส่วนฝ่ายต้านก็แพ้ไม่ได้ โดยเฉพาะคนระดับแกนนำที่เริ่มมีคดี-หมายจับติดตัวคนละใบสองใบ หากพลาดพลั้งขึ้นมาก็มีคำว่า “กบฏ” แปะบนหน้าผากกันแทบทุกคน
อีกทั้งยังแพ้ไม่ได้เด็ดขาดเพราะหากรอบนี้โค่นระบอบทักษิณไม่สิ้นซากก็เท่ากับต้องนับถอยหลังถึงวันสูญสิ้นประเทศไทย
เดิมพันด้วยอนาคตประเทศไทยขนาดนี้จะโยนความกดดันเฉพาะแกนนำอย่างเดียวไม่ได้ มวลชนคนรักชาติก็ต้องมาออกมาแสดงพลังขับไล่รัฐบาลทรราชตระกูลชินฯ ให้สิ้นไปเสียทีในคราวนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น