วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ปฏิวัติโดยพลังประชาชน ถ้าสำเร็จบ้านเมืองก็ไปโลด!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2556 06:26 น.

ปฏิวัติโดยพลังประชาชน ถ้าสำเร็จบ้านเมืองก็ไปโลด!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์29 พฤศจิกายน 2556 06:26 น.

ผ่าประเด็นร้อน 
       
       ปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกมาชุมนุมของประชาชนที่มาในแบบ “มวลมหาประชาชน” คราวนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ขณะเดียวกันมันก็เป็นคำตอบได้อย่างชัดเจนมากขึ้นว่านี่คือพัฒนาการ “ตื่นรู้” อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพราะเมื่อพิจารณาจากจำนวนประชาชนที่หลั่งไหลกันเข้าร่วมต่อต้านรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมาถือว่า น่าขนลุกจริงๆ
       
       ขณะเดียวกันสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร และบรรดาขี้ข้าทั้งหลายที่ยังหลับหูหลับตารับใช้รับรองว่าต้อง “หวั่นไหว” คาดไม่ถึงว่า ทุกอย่างจะพลิกผันได้รวดเร็วขนาดนี้ เพราะใครจะนึกว่า เมื่อรัฐบาลสามารถควบคุมทุกกลไกที่มีอยู่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นสื่อหลักทั้งฟรีทีวี หนังสือพิมพ์ กลไกราชการ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการข่มขู่คุกคาม กำจัด รวมไปถึงการโฆษณาชวนเชื่อได้อย่างพร้อมสรรพ ทุกอย่างก็น่าจะไปได้สวยอีกนาน แต่เมื่อผลออกมาอย่างที่เห็นก็ต้องมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น
       
       คำตอบก็ไม่ยาก เรื่องแรกก่อนเลยก็คือ “ระบอบทักษิณ” มันเป็น “ของปลอม” ไม่ได้เก่งจริง หรือไม่ได้เก่งเลอเลิศเป็นเทวดาเหนือคนอื่น ตรงกันข้ามหากพิจารณาโดยอัตราเฉลี่ยออกไปทาง “โง่กว่า” เสียอีก เพราะหากพิจารณาจาก “หัวหน้าแก๊ง” ตั้งแต่ทักษิณ ชินวัตร ลงมา ระดับสติปัญญาก้ไม่ได้เก่งกาจเหนือกว่าคนไทยอื่นๆที่มีอยู่ เพียงแต่ว่าเขาเป็น “นักฉวยโอกาส” และที่สำคัญเป็นนักเสี่ยงโชค กล้าลงทุนกับนักการเมือง หรือผู้มีอำนาจในแต่ละยุค เริ่มตั้งแต่การ มีครอบครัวหากสังเกตให้ดีก็เริ่มต้นด้วยการสร้างความสัมพันธ์กับครอบครัวของนักการเมือง ด้วยการเป็น “นายตำรวจติดตาม” เพื่อเป็น “ช่องทาง” ในวันหน้า และเขาก็ทำสำเร็จ แม้ว่าช่วงแรกอาจจะล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่เป้าหมายในการติดต่อสัมพันธ์กับอำนาจทางการเมืองยังไม่เปลี่ยนแปลง ตรงกันข้าม กลับกระชับแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ และชะตาชีวิตก็พลิกผันเมื่อสามารถ “เข้าหาโคตรเผด็จการ รสช.” ได้สำเร็จ จนนำมาสู่สัมปทานดาวเทียม อย่างที่รับรู้กันอยู่
       
       เมื่อลงสู่สนามการเมือง ก็หมายถึงการต่อยอดทางธุรกิจ เพราะนี่คือ การลงทุน เป็น ธุรกิจการเมือง ที่ใช้อำนาจรัฐเป็นเครื่องมือ ซึ่งสิ่งที่ได้รับมีแต่กำไร เพราะมีทั้งอำนาจและความร่ำรวยที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล สามารถเจือจานลงไปถึงเครือญาติคนในครอบครัวให้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาแบบอู้ฟู่ 
       
       นั่นเป็นเส้นทางของ ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่เริ่มต้น จนมาถึงสนามการเมือง ที่นำเอาโครงการ “ประชานิยม” ที่เคยใช้ได้ผลในประเทศแถบอเมริกาใต้ และก็จะ “ฉิบหาย” กันมาแล้วที่นั่นด้วยเช่นกันมาใช้ในประเทศไทย ด้วยวิธีการ “แจก” ซึ่งแน่นอนว่าชาวบ้านต้องชอบแน่นอน ขณะที่ ทักษิณ ก็ได้รับความนิยม แต่ที่สำคัญก็คือ “มันไม่ใช่เงินแม้ว” สักบาท แต่มันเป็นเงินงบประมาณของรัฐ ซึ่งในระยะยาวเมื่อมีรายจ่ายไม่สมดุลกับรายรับ หรือเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันเสรี หรือการสนับสนุนให้คนเป็นหนี้ ฟุ้งเฟ้อเสพติดกับ “ทุนสามานย์” ในอนาคตมันก็ย่อมมองเห็นหายนะอยู่ข้างหน้าอยู่แล้ว
       
       สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวต้องการชี้ให้เห็นว่า ทักษิณ มันไม่ได้เก่งกาจอะไร ความร่ำรวยที่เกิดขึ้นล้วนมาจากการฉ้อฉล มีการใช้อำนาจ “ใต้โต๊ะ” ทางการเมืองหนุนส่ง แต่ขณะเดียวกันการเข้าสู่อำนาจของเขาทำให้เกิดความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและบ้านเมืองในระยะยาว เพราะวิธีการของเขามันไม่ใช่แค่การทุจริตอย่างเดียว แต่มันยังเป็นการฮุบหรือ “ครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ” รวมไปถึง “สมบัติของชาติ” มาเป็นของส่วนตัว เป็นของครอบครัว
       
       อย่างไรก็ดีด้วยความไร้ความสามารถ ไม่ได้เก่งจริง ในระยะยาว เรื่องทุกอย่าง “มันก็แดง” ออกมาจนได้ ถามว่า รัฐบาลหุ่นเชิด ที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีผลงานเป็นอย่างไรบ้าง ในเมื่อเป็นครั้งแรกที่ผู้นำถูกชาวบ้าน “เหยียดหยามว่าโง่” ซึ่งถือว่าอัปยศสิ้นดี ขณะที่พิจารณาไปถึงตัวรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่ ทักษิณ แต่งตั้งเข้ามา ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง มันมีฝีมือเลอเลิศเหนือใครในปฐพีนี้หรือเปล่า เริ่มจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีพาณิชย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล แม้ว่าจะเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลใหม่ ก็งั้นๆ รวมไปถึง “หัวโจกเสื้อแดง” ที่กลายพันธุ์มาเป็น “อำมาตย์ใหม่”อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีผลงานที่รู้จักก็เป็นได้แค่ “โชว์ห่วย” เท่านั้น แล้วยังมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ละ เป็นเทวดาจุติลงมาจากฟ้าหรือไร ก็โม้มาได้แบบนี้หลายรัฐบาล และในที่สุดก็พังทุกรัฐบาล
       
       คนแบบนี้มันเก่งกาจตรงไหน มีคุณธรรมจริยธรรมพอให้ชาวบ้านได้นับถือได้แค่ไหน ก็เห็นมัน “น้ำเน่า” มาตั้งนานแล้ว แต่กลายเป็นว่า พอมาอยู่กับ ทักษิณ มาเป็นขี้ข้าคนในครอบครัวนี้ กลับกลายเป็นขวัญใจคนเสื้อแดง คนพวกนี้กลายเป็นความหวังไปเสียฉิบ บ้านเมืองมันเกิดอะไรขึ้น 
       
       อย่างไรก็ดี เมื่อเวลาผ่านไปนานเท่าใด ก็ยิ่งได้เห็นธาตุแท้ของระบอบทักษิณ และบรรดาสมุนบริวารทั้งหลาย ว่าได้สูบเลือดสูบเนื้อบ้านเมืองอย่างไรบ้าง และที่สำคัญได้เห็นว่า “ไม่ได้เก่งจริง” มีแต่การสร้างภาพตบตาให้เห็นทุกวัน เพราะเมื่อพิจารณาจากคำตอบจากการบริหารราชการแผ่นดินของ รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรผ่านมาเกือบสามปี ภายใต้การชักใยของ พี่ชายทุกเรื่อง ทั้งการคัดเลือกตัวรัฐมนตรี คัดเลือกข้าราชการมานั่งในตำแหน่งสำคัญ แต่ก็ทำได้แค่นี้ มันช่าง “กระจอก”สิ้นดี และไม่คุ้มค่าและคู่ควรกับการรักษาเอาไว้ เพราะนี่คือการรักษาความร่ำรวย รักษาสมบัติให้กับคนในครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น ไม่ใช่รักษาประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมือง ซึ่งคนจำนวนมากเริ่ม “ตื่น” ขึ้นมาแล้ว
       
       ด้วยเหตุนี้แหละทำให้มวลชนจำนวนมากมายมหาศาลต้องหลั่งไหลออกมาขับไล่ให้พ้นไป เพื่อนำไปสู่การปฏิวัติโดยประชาชนอย่างแท้จริง ให้บ้านเมืองก้าวกระโดดไปข้างหน้า เพียงแต่ว่าในตอนนี้ยังอยู่ในสถานการณ์ยุ่งยาก เพราะกลุ่มมารพวกนี้ยังดื้อแพ่ง ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อย่างไรก็ดี เชื่อว่าจะต้านทานพลังของประชาชนได้ลำบาก เนื่องจากขาดความยอมรับ ไม่มีความชอบธรรม และที่สำคัญ “อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์” อีกแล้ว!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น