ซัด‘แม้ว’เหยียบศพกลับ
กระแสต้านล้างผิดเหมาเข่งขยายวง แนวร่วมเสื้อแดงบุกพรรคเพื่อไทย เทสีแดงเป็นเลือดกระจายไปทั่ว ซัดบิดเบือนนิติรัฐ นักวิชาการแดงจวกยับทุเรศ หักหลังทรยศเสื้อแดง เอาคนคุกเป็นตัวประกันเพื่อให้นายใหญ่กลับบ้าน "สมเกียรติ อ่อนวิมล" ตอก "ยิ่งลักษณ์" ต้องรู้สึกอับอายไม่สมควรเป็นายกฯ ต่อไป แพทย์ชนบทปลุกหมอลุกขึ้นสู้ สื่อนอกหวั่นจุดชนวนความวุ่นวาย
ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติโหวตวาระ 3 ผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับเหมาเข่งสุดซอย เมื่อกลางดึกคืนวันพฤหัสบดี ได้เกิดกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวาง แม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงแนวร่วมของพรรคเพื่อไทยก็ออกมาต่อต้านร่างกฎหมายฉบับนี้เช่นเดียวกัน
เมื่อวันศุกร์ ที่หน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย กลุ่มธรรมศาสตร์เพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มวันใหม่ นำโดยนายธนู รุ่งโรจน์เรืองฉาย นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และพวก กว่า 10 คน รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมต่อพรรคเพื่อไทย ผ่านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย
โดยนายธนูอ่านแถลงการณ์ว่า การแก้ไขเนื้อหา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่วาระ 3 ไปแล้วนั้น มีเนื้อหาที่เป็นภัยคุกคามสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง ทั้งเป็นการบิดเบือนหลักนิติรัฐและประชาธิปไตย ด้วยการกระทำของผู้แทนประชาชน อาศัยอำนาจหลักนิติรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องยับยั้ง พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ได้ และเรียกร้องพรรคเพื่อไทยทบทวนบทบาทหน้าที่ของตนเองเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และพิทักษ์ไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากยื่นหนังสือ ทางกลุ่มได้แสดงกิจกรรม "เหยียบคนตายกลับบ้านผ่านงานศิลปะ" โดยได้มีการเพนต์สีเป็นรูปศพ และเทสีแดงเป็นเลือดกระจายทั่วหน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย และนำชื่อของผู้เสียชีวิตมาแปะบริเวณบันไดทางขึ้นที่ทำการพรรคด้วย และได้กล่าวโจมตีพรรคเพื่อไทยว่า “เอาทักษิณกลับมาแลกกับการตายของคนเสื้อแดงเป็นธรรมแล้วหรือ" กิจกรรมดังกล่าว มีนายปณิธาน พฤกษาเกษมสุข ลูกชายนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ออฟทักษิณ และมีนายศรัณย์ ฉุยฉาย หรืออั้มเนโกะ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าร่วมด้วย
นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ที่มาร่วมให้กำลังใจนักศึกษากลุ่มธรรมศาสตร์เสรีฯ กล่าวว่า การลงมติผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมวาระ 3 ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นการทรยศหักหลังคนเสื้อแดงอย่างไม่น่าให้อภัย กำลังสร้างความชอบธรรมให้กับการสั่งฆ่าประชาชนของแกนนำ ผู้สั่งการในเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 และเท่ากับออกใบอนุญาตให้ผู้มีอำนาจรัฐสามารถฆ่าประชาชนได้โดยไม่ต้องรับผิดใดๆ เป็นการกระทำที่ทุเรศ ไม่คำนึงถึงผู้ตายและญาติผู้เสียชีวิต อยากให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยตระหนักว่าหากเป็นญาติของตนเป็นคนตายบ้าง จะสามารถลืมความเจ็บปวดและทำใจเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้หรือไม่
ทักษิณกลับแลกคนตาย
นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ หนึ่งในนักวิชาการเสื้อแดง โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กว่า พรรคเพื่อไทยใช้เสียงข้างมาก ละเมิดรัฐธรรมนูญ-แก้กฎหมายเกินหลักการที่สภารับรองในวาระแรก, แล้วรวบรัดไม่ให้มีการอภิปรายแปรญัตติในสภาผ่านวาระ 3 ร่วมมือฆ่าและกดขี่เสรีภาพประชาชน ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็คือประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้เป็นรัฐบาล ที่ผ่านมาพรรคหลอกลวงประชาชนว่าต้องดำเนินวิธีเยี่ยงนี้จึงจะสามารถช่วยคนเสื้อแดงที่ยังถูกคุมขังได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง
“การเหมาเข่งที่พรรคเพื่อไทยทำ ไม่ใช่เพื่อปล่อยคนคุก แต่เพื่อร่วมมือฆ่าประชาชน กดขี่เสรีภาพ โดยเอาคนคุกเป็นตัวประกันให้มวลชนของตัวเองสนับสนุน และใช้ 100 ศพของคนตัวเองเพียงเพื่อให้นายใหญ่ของตัวเองกลับ" นายสมศักดิ์ระบุ
นายสมศักดิ์ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ไม่สามารถกล่าวแสดงความยินดีกับคุณทักษิณได้ ภาพรวมที่ตนเห็นและที่คุณทักษิณเห็นไม่เท่ากัน และอาจให้ความสำคัญต่อสิ่งเหล่านั้นแตกต่างกันต่อจากนี้พรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณซึ่งเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้น และต้องประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองให้ไปถึงการลดความขัดแย้งและการเริ่มต้นใหม่ดังที่ได้ประกาศไว้ให้จงได้ หรือไม่ก็ใกล้เคียง ไม่ต้องห่วงว่าเสื้อแดงที่เห็นต่างจะล้มรัฐบาลที่เราเลือกมากับมือ แต่ก็ไม่มีหลักประกันหรือข้อผูกพันใดๆ ที่พวกเราจะต้องเลือกคุณเป็นรัฐบาลในทุกครั้งไป
ด้านนายสมเกียรติ อ่อนวิมล อดีต ส.ว.สุพรรณบุรี ได้ทวีตข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัว ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ใช้ ส.ส.ของพรรค เป็นเครื่องมือออกกฎหมายให้ตัวเองพ้นผิดคนเดียวเท่านั้น ขอให้ท่านอื่นจงทระนงในตนอย่าได้ยอมรับนิรโทษฯ เพราะหากทุกคนที่ต้องโทษเดินหน้าอย่างองอาจรับโทษตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ยอมรับนิรโทษกรรม จะเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียวที่เป็นพลเมืองชั้นต่ำในราชอาณาจักร
"การไม่เข้าร่วมรับนิรโทษกรรมกับคุณทักษิณจะเป็นการประกาศศักดิ์ศรีของคนไทยให้โลกได้ประจักษ์ว่าเราคือชนชาติที่มีศักดิ์ศรีเกียรติภูมิ ศิวิไลซ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พึงต้องรู้สึกอับอายต่อการกระทำและไม่กระทำของตัวเอง อันส่งผลให้พี่ชายพ้นผิดตามกฎหมาย ไม่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป และขอประณาม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ขอให้คุณยิ่งลักษณ์ คณะรัฐมนตรี และ บรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย กลับไปพิจารณาตนเอง พัฒนาตนใหม่ให้สามารถกลับเข้าสู่สังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี" นายสมเกียรติกล่าว
นายสุจิต บุญบงการ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยนี้ เป็นการดูถูกกระบวนการยุติธรรมและสถาบันศาลทุกศาล ที่ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ เนื่องจากการออกกฎหมายนิรโทษกรรมครั้งนี้ ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะคนเพียงคนเดียวสามารถสั่งให้เสียงข้างมากของฝ่ายนิติบัญญัติหันซ้ายหันขวาได้ ขัดหลักนิติรัฐนิติธรรม ผู้ที่ต้องการเร่งออกกฎหมายนี้ ได้รับประโยชน์จากกระบวนการยุติธรรมของเสียงข้างมากลากไป ถือเป็นการท้าทายอำนาจประชาชน ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากกฎหมายนี้จะไม่สามารถเดินอยู่ในประเทศนี้อย่างลอยนวล
แพทย์ปลุกลุกขึ้นสู้
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันว่า อยู่ในสภาวะที่ละเอียดอ่อน มีแนวโน้มจะเกิดความรุนแรง จึงเสนอแนะว่า 1.การพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ ที่อยู่ในขั้นตอนของรัฐสภา จะต้องยึดถือหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรม หลักธรรมาภิบาล และหลักสิทธิมนุษยชนที่เป็นสากล 2.ควรเร่งรีบพิจารณาถึงสวัสดิภาพของประชาชนที่มิใช่ผู้นำทางการเมือง แต่ได้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิในกระบวนการยุติธรรมขั้นพื้นฐาน อันได้แก่ การถูกจับกุม การถูกกักขัง การอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือการถูกจำคุกด้วยเหตุที่มีความเห็นแตกต่างทางการเมือง เพื่อให้เกิดผลเห็นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และจะต้องไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชนในการแก้ไขปัญหา
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ระบุว่า 1.ขอให้สมาชิกชมรมแพทย์ชนบท พี่น้องชาวโรงพยาบาลชุมชน พี่น้องชาวโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล พี่น้องชาวกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งชาวไทยผู้รักประเทศชาติทุกท่าน ในสถานการณ์เช่นนี้ ใครใคร่ทำอะไรก็รีบทำ เพราะเราก็คือประชาชนเจ้าของประเทศคนหนึ่ง ประเทศชาติก็เป็นของเราด้วย อย่างน้อยก็ให้ความเห็น แชร์ความคิด เขียนป้ายบอกทัศนะและจุดยืนติดหน้าบ้านหน้าโรงพยาบาล แม้แต่ถ่ายรูปพร้อมป้ายจุดยืนส่วนบุคคลหรือเป็นกลุ่มก็ตามแต่ การกดดัน ส.ส.ในพื้นที่ การสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้ป่วยและญาติที่มารับบริการ หรือแม้แต่ร่วมการชุมนุม ด้วยความหวังว่า พลังมติมหาชนไม่เอานิรโทษกรรมเหมาเข่งจะทำให้ฝ่ายรัฐบาลยอมถอยก่อนที่จะเป็นชนวนไปสู่ความรุนแรงและการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่ไม่อาจหวนกลับ
2.ขอให้รัฐบาลยกเลิกการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยในทันที แล้วกลับไปตั้งต้นที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนทั่วไปที่กระทำความผิดจากการเข้าร่วมการชุมนุมเท่านั้น โดยไม่นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งแก่ระดับแกนนำ
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ออกแถลงการณ์เช่นกันว่า ให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิกยับยั้ง หรือถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับดังกล่าวออกจากการพิจารณาของวุฒิสภา เพื่อลดบรรยากาศความขัดแย้ง ก่อนสถานการณ์จะลุกลามปานปลาย จนนำไปสู่ความรุนแรง และให้บรรดาชนชั้นนำและนักการเมืองทั้งหลายได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาปากท้องของประชาชน และร่วมมือกันแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน มากกว่าการแก้ไขปัญหาการเมืองดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ขณะที่ พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบการแก้ไขกฎหมายและรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 การออกกฎหมายนิรโทษกรรม และการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ขัดต่อประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง และขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากการตรากฎหมายนิรโทษกรรม ที่จะเอาอำนาจนิติบัญญัติและบริหารไปลบล้างอำนาจตุลาการ ซึ่งขัดหลักการปกครองที่สำคัญในระบอบประชาธิปไตย หลักการแห่งการแบ่งแยกอำนาจ
สื่อนอกชี้จุดชนวนวุ่นวาย
ที่บริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กลุ่มองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กว่า 50 คน นำโดยคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม รองประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ร่วมกันเดินทางเข้ายื่นหนังสือแถลงการณ์ แสดงจุดยืนการคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งชี้ให้เห็นผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชนชาวไทยทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ผ่านนายนอร์แมน แฟลนซ์ (Mr.Norman Flanz) เลขานุการโทฝ่ายการเมือง สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ เป็นตัวแทนรับมอบเอกสารดังกล่าว
สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (ซีเอฟอาร์) แสดงความเห็นว่า ทางการไทยกำลังสร้างเงื่อนไขซึ่งนำประเทศเข้าสู่ทางตันทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 10 ปีที่ผ่านมา และวิจารณ์พรรคเพื่อไทยว่า ใช้ข้ออ้างเรื่องพรรคได้รับการเลือกตั้งเสียงข้างมากในระบอบประชาธิปไตย เพื่อปกครองประเทศแบบเผด็จการ โดยความพยายามล่าสุดคือการแกล้งทำเป็นไม่รับรู้ผลกระทบมหันต์ที่อาจเกิดขึ้นหากผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้
สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานข่าวและบทวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในไทยภายหลัง ส.ส.พรรคเพื่อไทยลงมติข้างเดียวผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่งว่า ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนหวั่นเกรงว่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองในไทยอีกรอบ หากทักษิณกลับประเทศ ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและเสื้อแดงบางส่วนก็คัดค้านการนิรโทษกรรมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามสังหารผู้ประท้วงเมื่อปี 2553
เอเอฟพีรายงานทัศนะของคริส เบเกอร์ ซึ่งร่วมเขียนหนังสือชีวประวัติของทักษิณว่า เขาคิดว่าทักษิณดูเบาสถานการณ์ โดยประเมินความรู้สึกโกรธแค้นของประชาชนต่อกรณีของเขาและการกลับเข้าประเทศต่ำเกินไป ชัดเจนว่าสถานการณ์นี้ร้ายแรงกว่าครั้งก่อน แต่เขายังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะคิดได้ว่าเรื่องนี้อันตรายเกินไป
คริสเตียน ลิวอิส ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากยูเรเซียกรุ๊ป เตือนด้วยว่า การชุมนุมประท้วงน่าจะทำให้นักลงทุนมองเห็นความไม่มีเสถียรภาพมากขึ้น
ขณะที่บีบีซีจากอังกฤษรายงานว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมีความพยายามอย่างโจ่งแจ้งในการทำให้ทักษิณพ้นจากความผิดฐานใช้อำนาจมิชอบ และแม้มวลชนทางการเมืองไทยจะไม่มีการรวมตัวกันมากว่า 2 ปี แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้น่าจะจุดชนวนให้เกิดการต่อต้านอย่างจริงจังเพื่อกำหนดชะตาว่าทักษิณจะได้กลับมาเป็นผู้นำทางการเมืองอีกหรือไม่.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น