วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ใครล่ะจะยอม 'เสียทั้งประเทศ'?เมื่อ 18 พ.ย.56

ใครล่ะจะยอม 'เสียทั้งประเทศ'?


๑๑/๑๑/๑๓ "วันพิพากษาเชื้อชั่ว"!
    ก็คงต้องเรียกอย่างนั้น เพราะเมื่อวาน (๑๑ พ.ย.๕๖)ประเทศไทยตกอยู่ในบรรยากาศและสภาพอย่างนั้นจริงๆ ตั้งแต่เช้า 
    ประชาชนเกือบทั้ง ๗๗ จังหวัด ต่างออกมารวมตัวแสดง "อำนาจอธิปไตย" ด้วยการประกาศ....
    ไม่เอาระบอบทักษิณ "โกงแผ่นดิน-กินประเทศ"!
    ดังนั้น...นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร่างทรงอำนาจระบอบทักษิณ 
    จงไสหัวออกไป!
    ประธานรัฐสภาทาส "สมศักดิ์-นิคม"
    จงไสหัวออกไป!
    สังคมบริหารและปกครองประเทศ ต้องเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปสังคมใหม่ ล้างวิถีสังคมมักง่าย ฝึกหัดระเบียบวินัยคน สร้างจิตสำนึก และดัดสันดาน "โกงจนชิน" เพราะนี้แหละ 
    ต้นเหตุทำให้สิ้นชาติ!
    ต้องล้างทรราชแผ่นดินชนิดเข้มข้น ไม่อย่างนั้น สังคมไทยจะไม่พ้นวังวน "รัฐบาลรังโจร" ที่ซ่องสุมบริหารปล้นประเทศ ข่มขืนประชาชนทั้งหลับและตื่น
    คำว่า "ประชาธิปไตย" หัวใจมิได้อยู่ที่เลือกตั้งโดยไม่คำนึงถึงว่า "กฎ-กติกา" มาจากไหนใครกำหนด?
    ทุกวันนี้ การเลือกตั้งจะมาจาก "กฎ-กติกา" ที่ "นักการเมือง" กำหนด อย่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มา ส.ว.ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย ๒๐ พ.ย.นี้ 
    ชัดเจนว่า ไม่ใช่ของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน แต่มันของ ส.ส-ส.ว.ทาสทักษิณ โดย ส.ส-ส.ว.ทาสทักษิณ และเพื่อ ส.ส.-ส.ว.ทาสทักษิณ!
    เราต้องปฏิวัติ....! 
    แต่ไม่ต้องหูแหก-ตาแหกรีบเลือกตั้ง ต้องใช้เวลากำจัดขยะประเทศให้เข้าที่-เข้าทางก่อน แล้วลืมหู-ลืมตาด้วยสติ ใช้ตัวอย่างการเมืองเลวเป็นบทเรียน 
    แก้ไข เพื่อสร้างกรอบการเมืองดี!
    โดยประชาชนร่วมกัน ร่างกฎ-กติกา ให้นักการเมืองที่มาจากกฎ-กติกาประชาชนกำหนดนั้น เป็นนักการเมืองมีจิตสำนึกเพื่อประชาชน และของประชาชนโดยแท้จริง
    เราต้องปฏิวัติให้คนไทยมี "ที่อยู่-ที่ทำกิน" บนรากฐานเศรษฐกิจพอเพียง! 
    คนจะดี สังคมจะงาม สติ-ปัญญาจะเป็นสัมมาสติ ไม่บูชาคนโกง ไม่หลงอามิส นั่นต้องปฏิวัติด้านที่ดินให้ประชาชนฐานราก มีที่อยู่-ที่ทำกิน
    ผมขอย้ำ!
    ลองประชาชนมีอยู่-มีกิน หนี้สินคือเงินลงทุน ทำให้เป็นอย่างนี้ได้ละก็ "สังคมธรรม-สังคมไทย" ในต้น-ใบ-รากประชาธิปไตย ไม่หนีไปไหน แถมงอกงาม 
    ที่เน้นเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้หมายความว่าปฏิเสธ "เศรษฐกิจระบบทุน" หากแต่ในชั้นเริ่มต้น ประชาชนฐานรากยังไม่แข็งแรง ขืนปล่อยแข่งขันในระบบโดยตรง เสียเปรียบเศรษฐกิจทุน ซึ่งเข้มแข็งกว่า
    ฉะนั้น ประชาชนฐานราก ในการปฏิวัติ ต้องจัดระเบียบนำเข้าสู่แปลงเพาะ! 
    เมื่อปฏิวัติสังคมเสพติดประชานิยมสู่ "สังคมพอเพียง" ล้างพิษการเมืองขี้โกงได้ระดับแล้ว เศรษฐกิจทุน เศรษฐกิจพอเพียง ก็เหมือนดอกไม้ในกิ่งก้านช่อเดียวกัน อยู่ร่วมแบบเสริมแซม สร้างสีสัน
    มนุษย์ที่เข้าถึง คอร์รัปชัน-โกง-กิน มากที่สุด มีอยู่ ๒ ประเภทเท่านั้น คือ
    นักการเมือง
    ข้าราชการ
    ดังนั้น ประชาชน ๑๑/๑๑/๑๓ อันเป็นมหาประชาชนที่ตื่นแล้ว จงเป็นตื่นที่รวมตัว-รวมตีนปฏิวัติ เพื่อล้าง
    นักการเมืองโฉด
    ข้าราชการชั่ว
    ที่สุมหัว รวมตัว-รวมอำนาจ คอร์รัปชัน โกง กิน จนเกิดค่านิยมอุบาทว์ "โกงก็ได้ ถ้าเอามาแบ่งปัน" จนชาติบ้านเมืองใกล้ล่มสลาย ภายใต้ระบอบทักษิณที่ "นังมารร้าย" มันเป็นร่างทรง กินตับ กินปอด กินไส้ กินพุงอยู่ขณะนี้!
    ๑๑/๑๑/๑๓ "วันพิพากษาเชื้อชั่ว"
    ที่กรุงเฮก ศาลโลกมีคำพิพากษาอันเป็นการตีความคำพิพากษาในคดีเดิม คือคดีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ ออกมาแล้ว สรุปด้านใจความจากความรู้สึกผม ศาลโลกพิพากษาว่า
    "เฮ้ย...พวกเอ็งเอาเรื่องเลอะเทอะมาให้รกศาลทำไม (วะ)  กรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ก็มีอยู่มิใช่เรอะ  ก็ไปร่วมสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนซะให้มันเสร็จเรียบร้อยก็สิ้นเรื่อง"!?
    นี่เป็นด้านความเห็นผม อย่าไปท้องอืด-ท้องเฟ้อ ประเด็น "รับ-ไม่รับ" คำพิพากษาศาลโลก หรือประเด็น "ไทยเสียดินแดน" ให้วุ่นวาย ไขว้เขว จากฐานธรรมชาติของชาติที่มีแผ่นดินติดกันเลย
    ผมว่านะ เมื่อวาน เขมรฟังคำตัดสินก็ต้องตะโกน...เขมรชนะไทย!
    และไทยฟัง ก็ต้องตะโกน...ไทยชนะเขมร!
    ต้องชม "ศาลโลก" ผ่ากลางกระบาลได้ดีที่สุด เป็นผ่าในลักษณะ "อ้อมแอ้มกลืนเลย" คือมีคำพิพากษาออกมาแล้ว "สองคนยลตามช่อง" เพราะการตีความของท่าน  
    เหมือน "ตีก้นอีหนู" ยังไง ก็ยังงั้น!?
    ฟังที่ท่านทูต "วีรชัย พลาศรัย" เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ไขความเบื้องต้น เป็นการแปลภาษากฎหมายให้เป็นภาษาเพื่อความเข้าใจง่ายๆ ของมนุษย์ดีกว่า ท่านว่าอย่างนี้     
       "กระผมขอกราบเรียน สรุปสาระของคำพิพากษาที่ได้หารือกับที่ปรึกษาและส่วนราชการของเรา
    ๑.ศาลตัดสินว่า ศาลมีอำนาจพิจารณาตีความตามคำร้องของกัมพูชา 
    ๒.ศาลได้พิจารณาว่า บริเวณใกล้เคียงปราสาทนั้น คือบริเวณที่ศาลเรียกว่า 'ตัวเขาพระวิหาร' โดยศาลได้บรรยายไว้ว่า จะมีเขตจำกัดอย่างไร แต่ไม่ได้มีแผนที่แนบ
         เบื้องต้น ขอเรียนเลยว่า กัมพูชาไม่ได้รับสิ่งที่มาขอศาลนะครับ กัมพูชาไม่ได้รับ ๔.๖ ตร.กม. หรือ ๔.๖ หรือ ๔.๗ ใดๆ ก็ตาม กัมพูชาไม่ได้ พื้นที่ภูมะเขือ กัมพูชาก็ไม่ได้ 
    ศาลไม่ได้ตัดสินเรื่องเขตแดน เว้นแต่ในบริเวณที่แคบมากๆ ศาลเน้นคำว่า 'พื้นที่เล็ก' อยู่มากนะครับ 
    ขณะนี้ พื้นที่นี้กำลังคำนวณอยู่ และที่สำคัญคือ ศาลไม่ได้ระบุว่าแผนที่ ๑ ต่อ ๒๐๐,๐๐๐ นั้น เป็นส่วนหนึ่งของคำตัดสินปี ๒๔๐๕ ที่ผูกพัน ผมคิดว่านี่สำคัญมากๆ 
    ศาลแนะนำ 'ให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน' ในการดูแลปราสาทในฐานะที่เป็นมรดกโลกครับ ศาลแนะนำให้ร่วมมือกัน" 
    ที่บางคน-บางข่าว พยายามขยายประเด็น "พื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร" ที่ศาลโลกบอกว่าเป็นของเขมร ไทยต้องถอนทหารอะไรนั้น ไม่ใช่เป็นการเสียพื้นที่ใหม่ตามที่พูดกัน
    เป็นแค่ "พื้นที่บริเวณใกล้เคียง" อันเป็นพื้นที่ภายใต้ตามคำพิพากษาเดิมนั่นแหละ ท่านทูตวีรชัยก็บอกแล้วว่า "เป็นพื้นที่เล็กๆ แคบๆ" ยังไม่ได้คำนวณว่าจะซักเท่าไหร่ 
    ไม่ใช่ และไม่เกี่ยวพื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตร, ไม่ใช่ และไม่เกี่ยวพื้นที่ภูมะเขือ ที่เขมรร้องขอต่อศาล ไม่ถึงกับต้องใช้คำว่า "เสียดินแดน" ให้บาดใจ กลายเป็นประเด็นใหญ่โตโดยใช่เหตุ
    และทั้งตัวปราสาทพระวิหารและพื้นที่บริเวณใกล้เคียงตัวปราสาทนี้ ศาลก็บอกแล้วไม่ใช่ของเขมร ของไทย หรือของใครๆ ทั้งนั้น 
    เป็น "มรดกโลก" ไปแล้ว เป็นมรดกโลกที่ทั้งไทย ทั้งเขมรต้องช่วยกันดูแลต่อไป!
    เขมรซีปวดใจ หวังจะได้พื้นที่ภูมะเขือ ขนาดขนคน-คนพระไปยึด-ตั้งวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ หมายมั่นว่าศาลโลกจะตีความเป็นพื้นที่เขมร
    แต่ศาลไม่ชี้ขาด ไม่พูดถึงเลย หมายความว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นของไทยอย่างที่เคยเป็นแต่แรก และจะเอาอย่างไรกันตรงนี้
    ต้อง "ถกเขมร-ถกไทย" จนเกิดศึกรอบใหม่กันอีกจนได้แหละ!
    ก็มาถึง ๑๑/๑๑/๑๓ "วันพิพากษาเชื้อชั่ว" ณ ศาลประชาชน ถนนราชดำเนินกันบ้าง สะท้านพสุธากรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์ฯ แต่เช้า เรียกว่า ถนนทุกสายรวมศูนย์ถนนราชดำเนิน
    ยิ่งลักษณ์เอ้ยยยยยย!
    ศาลประชาชน โดย "นิลพัท-สุเทพ" ผู้มีฤทธิ์เท่าหนุมาน ทำหน้าที่หัวหน้าลูกขุน โดยมีประชาชนเรือนแสนเป็นลูกขุนเต็มคณะ 
    เมื่อ ๑๘.๐๐ น.ครบกำหนดเส้นตาย "พ.ร.บ.นิรโทษ ฉบับยกโคตร-ยกเข่ง" ต้องตายไปจากโลก ปรากฏว่ายังไม่ตาย ดิ้นกระแด่ว เด้งๆๆๆ อยู่ในวุฒิสภา มหาประชาชนจึงมีคำพิพากษา
    เฉดหัวมันออกไป!
    และปรากฏการณ์ใหม่ "มิติการเมืองไทย" นิลพัท-สุเทพ ลาออกจาก ส.ส.พร้อมคณะวานรประชาธิปัตย์อีก ๘ นำประชาชนขับไล่ทรราชแผ่นดิน ประเดิมด้วย ๔ มาตรการ อารยะขัดขืน
    ๑.ในวันที่ ๑๓-๑๕ พ.ย.ขอให้นัดหยุดงานพร้อมกันทั่วประเทศเพื่อมาร่วมชุมนุมที่เวทีราชดำเนินและเวทีเครือข่ายที่มีการจัดคู่ขนานทั่วประเทศ
    ๒.ขอให้นักธุรกิจ บริษัทห้างร้านทั้งหลายชะลอการชำระภาษี
    ๓.ติดธงชาติไว้ที่บ้านพักอาศัย ยานพาหนะ และแขวนคอด้วยนกหวีด ไปไหนมาไหนให้พกไปสองอย่างคือพกธงชาติกับนกหวีด
    ๔.เมื่อพบเห็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับคณะรัฐมนตรีชุดนี้ที่ไหนขอให้เป่านกหวีดใส่อย่างเดียว 
    แค่ "เสียพื้นที่" รอบตัวปราสาท ยังแค้นไม่หาย
    แต่ถึงขั้น "เสียทั้งประเทศ" ให้นังมารร้าย ใครล่ะจะยอม?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น