วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ชมรมแพทย์ชนบทออกแถลงการณ์จี้รบ.ยุตินิรโทษสุดซอย เมื่อ 1 พ.ย.56



ชมรมแพทย์ชนบทออกแถลงการณ์จี้รบ.ยุตินิรโทษสุดซอย

ชมรมแพทย์ชนบท โดย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกแถลงการณ์ชมรมแพทย์ชนบท ฉบับที่ 1 "ขอให้รัฐบาลยุติการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยทันที" โดยมีใจความว่า
  
 สืบเนื่องจาก ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่มีการแปรญัตติวาระสองในชั้นกรรมาธิการที่เปลี่ยนหลักการจากการนิรโทษกรรมเฉพาะชาวบ้านผู้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง มาเป็นการนิรโทษโทษกรรมสุดซอยให้กลับทุกกลุ่มคนอย่างเหมาเข่ง ดังที่ปรากฏในร่างมาตรา 3 ที่ว่า "ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ.2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง"
         
 ชมรมแพทย์ชนบทได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในสามสี่วันนี้ที่มีความน่าเป็นห่วงยิ่ง เพราะเป็นการประลองใจประลองกำลังครั้งสำคัญภายใต้การผลักดัน พรบ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่งของรัฐบาลเพื่อไทยที่ได้รับการคัดค้านทั่วสารทิศ ที่แม้แต่พี่น้องเสื้อแดงก็ยังคัดค้านการนิรโทษแบบสุดซอยเหมาเข่ง ที่ปล่อยคนผิดทุกกรณียกเว้น ม.112 ให้พ้นผิด และขายฝันว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นการ set zero หรือเริ่มต้นกันใหม่ เพื่อให้ประเทศก้าวเดินไปข้างหน้าได้ แต่แท้จริงกลับจะยิ่งสร้างความแตกแยกร้าวลึก เกิดผลข้างเคียงจากการนิรโทษกรรมที่อาจตีความล้างผิดอย่างกว้างขวางเกินกว่าเหตุ ส่งผลให้คนธรรมดาที่เสียชีวิตจากการชุมนุมต้องตายฟรี คนสั่งฆ่าหรือคนโกงกินคนที่ศาลตัดสินว่ามีความผิดกลับสามารถเดินยิ้มลอยนวลในสังคมได้ เป็นบาดแผลและเป็นชนวนสู่ความแตกแยกอีกยาวนาน
          
สถานการณ์การชุมนุมที่กรุงเทพในหลายพื้นที่ทั้งอุรุพงษ์ สวนลุม สามเสน สีลมหรืออนุสาวรีย์ จะมีความครุกกรุ่นและสุ่มเสี่ยงต่อความไม่แน่นอนสูง และในต่างจังหวัดกำลังจะมีการชุมนุมด้วยในหลายจังหวัดใหญ่ๆ ตำรวจเริ่มตรวจแหลกตั้งด่านสกัดไม่ให้ผู้คนเข้ากรุงเทพมาร่วมการชุมนุม รัฐบาลคงเพิ่มพื้นที่ที่จะประกาศ พรบ.ความมั่นคงเพิ่มเติมเพื่อควบคุมการชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมคงไม่สนและยืนยันจะชุมนุมท้าทายอำนาจรัฐ อีกทั้งด้วยการสื่อสารในยุคโซเชียลมีเดียที่มีพลังในการสร้างการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย จะทำให้สถานการณ์ในช่วงนี้มีความยากในการกุมสภาพ มีความไม่แน่นอนสูง มือที่หนึ่งสองสามต่างชิงไหวชิงพริบ ตามทฤษฎีไร้ระเบียบ ช่วงนี้นับเป็นช่วงเวลาที่เข้าสู่สถานะที่ยุ่งเหยิงจนไม่อาจทำนายอนาคตได้
         
 
ชมรมแพทย์ชนบทจึงขอเรียกร้องต่อสมาชิกและรัฐบาลดังนี้
1. ขอให้สมาชิกชมรมแพทย์ชนบท พี่น้องชาวโรงพยาบาลชุมชน พี่น้องชาวโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล พี่น้องชาวกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งชาวไทยผู้รักประเทศชาติทุกท่าน ทุกท่านต่างมีวิจารณญาณของตนเองต่อ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ ใครใคร่ทำอะไรก็รีบทำ เพราะเราก็คือประชาชนเจ้าของประเทศคนหนึ่ง ประเทศชาติก็เป็นของเราด้วย อย่างน้อยก็ให้ความเห็น แชร์ความคิด เขียนป้ายบอกทัศนะและจุดยืนติดหน้าบ้านหน้าโรงพยาบาล แม้แต่ถ่ายรูปพร้อมป้ายจุดยืนส่วนบุคคลหรือเป็นกลุ่มก็ตามแต่ การกดดัน ส.ส.ในพื้นที่ การสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้ป่วยและญาติที่มารับบริการ หรือแม้แต่ร่วมการชุมนุม ด้วยความหวังว่า พลังมติมหาชนไม่เอานิรโทษกรรมเหมาเข่งจะทำให้ฝ่ายรัฐบาลยอมถอย ถอยก่อนที่จะเป็นชนวนไปสู่ความรุนแรงและการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่ไม่อาจหวลกลับ
         
2.ขอให้รัฐบาลยกเลิกการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ในทันที แล้วกลับไปตั้งต้นที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนทั่วไปที่กระทำความผิดจากการเข้าร่วมการชุมนุมเท่านั้น โดยไม่นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งแก่ระดับแกนนำ ดังที่เสียงของประชาชนทุกกลุ่มเรียกร้อง
         
ด้วยความเป็นแพทย์ ชมรมแพทย์ชนบทไม่อยากให้ต้องมีการสูญเสียใดๆอีกไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด ขอให้ทุกฝ่ายเคลื่อนไหวอย่างมีสติ เดินหน้าสู่เป้าหมายด้วยสันติวิธี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น