วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

บีอาร์เอ็น เมื่อ 4 มี.ค.56



บีอาร์เอ็น

คอลัมน์ที่ 13รัฐบาลไทย โดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ลงนามความร่วมมือกับ "ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี" หรือ "บีอาร์เอ็น" ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทย เพื่อแก้ไขปัญหารุนแรงที่ยืดเยื้อมานาน
แนวคิดนี้เป็นที่ขานรับของคนส่วนใหญ่ และหลายฝ่ายคาดหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพในชายแดนใต้ต่อไป
สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี อธิบายเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ สันติภาพในเปลวเพลิง ว่า "ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี" หรือ "บีอาร์เอ็น" (Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani) ก่อตั้ง ขึ้นเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2503 โดยอุสตาซ อับดุลการิม ฮัสซัน 
กลุ่มนี้ได้วางแผนก่อเหตุจับตัวผู้ว่าราชการจังหวัดในวันฮารีรายอ วันที่ 18 มี.ค. 2504 แต่ เจ้าหน้าที่สืบทราบล่วงหน้าจึงถูกจับกุม โดยหะยีอามีน โต๊ะมีนา บุตรชายของหะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ ซึ่งเป็นบุตรชายของอดีตสุลต่านแห่งปัตตานีองค์สุดท้าย ถูกจับกุมด้วย และถูกจำคุกจนถึง พ.ศ.2508 
เมื่อพ้นโทษ หะยีอามีนลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย จนเสียชีวิตที่นั่น
กลุ่มบีอาร์เอ็นมีความเข้มแข็งมากในช่วงปี พ.ศ.2511 และได้จัดตั้งหน่วยทหารใช้ชื่อว่า "กองกำลังติดอาวุธปลดแอกอิสลามปัตตานี" เคลื่อนไหวอยู่ในแถบ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส
ตั้งแต่ พ.ศ.2520 เป็นต้นมา เกิดความแตกแยกในหมู่แกนนำบีอาร์เอ็น กระทั่ง พ.ศ.2522 อามีนแยกตัวไปตั้งกลุ่มใหม่ชื่อ "บีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต" และพ.ศ.2526 มีการประชุมสมัชชาเลือกผู้นำใหม่คือ เปาะ นูซา ยาลิล และตั้งชื่อขบวนการใหม่อีกกลุ่มว่า "บีอาร์เอ็น คองเกรส" ส่วน อุสตาซ อับดุลการิม ฮัสซัน ผู้นำเดิมหมดอำนาจลงโดยสิ้นเชิง จึงรวบรวมกำลังไปตั้งองค์กรใหม่เรียกว่า "บีอาร์เอ็น อูลามา"
สำหรับ "บีอาร์เอ็น คองเกรส" นั้น เป็นกองกำลังติดอาวุธ มีเป้าหมายเพื่อก่อกวนและสร้างปัญหาทางสังคมจิตวิทยา เพื่อดำรงสภาพของตนไว้ เน้นการรบแบบจรยุทธ์ ไม่สร้างที่พักถาวร แต่ใช้การหลบหนีข้ามพรมแดน ฐานทางเศรษฐกิจมาจากการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง และขู่กรรโชกส่วนแบ่งจากการซื้อขายที่ดิน การสนับสนุนจากต่างประเทศมีน้อย มีความสัมพันธ์กับขบวนการอื่นในต่างประเทศ เช่น กลุ่มโมโร ขบวนการอาเจะห์เสรี และกลุ่มที่เคลื่อนไหวในหมู่เกาะโมลุกกะ
อย่างไรก็ตาม ศักยภาพการเคลื่อนไหวของบีอาร์เอ็น คองเกรส ลดลง หลังจากไทยปรับเปลี่ยนนโยบายเมื่อ พ.ศ.2523 ปัจจุบันมีกำลังทหารเหลืออยู่ไม่มากนัก 
ส่วน "บีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต" ซึ่งเป็นกลุ่มที่ร่วมลงนามกับรัฐบาลไทยในครั้งนี้ การข่าวของไทยเชื่อว่าเป็นกลุ่มที่อิงผู้นำทางศาสนาและนักการเมือง โดยใช้การเคลื่อนไหวทางศาสนาเป็นเกราะกำบัง เพื่อขยายเครือข่ายสู่กลุ่มเยาวชน นับเป็นกลุ่มที่เข้มแข็งที่สุด จากคำอ้างของกลุ่มมีสมาชิกเป็นแสนคน และเป็นผู้บงการขบวนการก่อความไม่สงบสุข "อาร์เคเค"
ขณะที่ "บีอาร์เอ็น อูลามา" ไม่มีรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้แล้วในปัจจุบัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น