‘รถไฟเร็วสูง’ต้มเพื่อพี่ 2ล้านล้านส่อไม่พอ/พท.ซดกระทิงแดงรอประท้วง
เปิดเอกสารประกอบร่างกฎหมายกู้เพื่อพี่ ต้มเพื่อแม้ว ตั้งงบรถไฟความเร็วสูงไปเชียงใหม่เต็มระบบสายเดียว ส่วนใต้ไปแค่หัวหิน อีสานจบที่โคราช 2 ล้านล้านเอาไม่อยู่ ถ้าจะสร้างเพิ่มต้องกู้ใหม่ ผงะค่าที่ปรึกษากว่า 4 หมื่นล้านบาท "ยิ่งลักษณ์" เพิ่งหาทางไปสภาเจอ ปากดีอยากตื่นเต้น "แม้ว" ตบหัวประธานสภาฯ ติงอย่าเอาใจ ปชป. ขณะที่ ส.ส.เพื่อไทยคึก ซดกระทิงแดงรอประท้วง "จุรินทร์" แฉเงินต้นรวมดอก 5 ล้านล้าน เป็นภาระ 12 รัฐบาล
เมื่อวันพุธ รัฐบาลได้แจกเอกสารประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยมีความหนา 231 หน้า โดยแยกแผนงานและโครงการตามยุทธศาสตร์ ทั้งสิ้น 3 ยุทธศาสตร์
อย่างไรก็ตาม พบว่าโครงการที่ตั้งเอาไว้มีประเด็นที่น่าสนใจ เพราะการใช้งบประมาณจำนวนไม่น้อย หมดไปกับค่าจ้างที่ปรึกษา เฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง ใช้งบประมาณ 1.43 หมื่นล้านบาท ขณะที่ค่าเวรคืนถึง 4 หมื่นล้านบาท และเป็นค่าก่อสร้าง 5.8 แสนล้านบาท
และยังพบว่า เอกสารค่อนข้างสับสนว่าโครงการก่อสร้างไปสิ้นสุดที่ไหน เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 982 กม. ตั้งงบประมาณ 124,327,900,000 บาท ขณะที่รถไฟความเร็วสูงจากสนามบินสุวรรณภูมิ-ระยอง ระยะทาง 221 กม. กลับตั้งงบประมาณถึง 100,631,000,000 บาท เป็นไปได้ว่าโครงการกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ ตั้งงบประมาณก่อสร้างไว้แค่หัวหิน ซึ่งมีระยะทาง 225 กม.เท่านั้น แต่ใช้ชื่อเต็มโครงการ
ส่วนสายกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 กม. ตั้งงบไว้ที่ 170,450,000,000 บาท ก็น่าจะก่อสร้างแค่นครราชสีมา เพราะเมื่อเทียบกับรถไฟความเร็วสูงสายเชียงใหม่ ระยะทาง 679 กม. ที่ตั้งงบไว้ 387,821,000,000 บาท คาดว่าจะเป็นสายเดียวที่สร้างเต็มโครงการ หากจะก่อสร้างสายใต้และอีสานให้เต็มทั้งโครงการ ก็ต้องออกกฎหมายกู้เงินใหม่
นอกจากนี้ เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท มีการตั้งงบประมาณค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการต่างๆ ทั้งหมดเอาไว้กว่า 4 หมื่นล้านบาท
โดยสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ระหว่างวันที่ 28-29 มีนาคม ซึ่งทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านได้เตรียมการอภิปรายกันอย่างคึกคัก ซีกรัฐบาลนั้น นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯ ร่วมกับวิปรัฐบาล จัดวางทีมงานไว้ประมาณ 40 คน โดยทีมวอร์รูมจะประกอบด้วย ส.ส.พรรค ร่วมกับตัวแทนจากคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม ขณะที่ทีมวอร์รูม จะทำหน้าที่สนับสนุนในการให้ข้อมูลชี้แจง ประกอบด้วยความจำเป็นในการออกพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท หลักการดำเนินงานโครงการ ประโยชน์ของโครงการด้านเศรษฐกิจและสังคม ข้อกฎหมาย การตรวจสอบความโปร่งใสของโครงการ และทำหน้าที่วิเคราะห์ประเด็นที่จะต้องตอบโต้ฝ่ายค้านระหว่างการชี้แจงในสภา
"ปู" อยากตื่นเต้น
สำหรับประเด็นที่จะต้องตอบโต้ทางการเมือง จะจัดให้มี ส.ส.ผลัดเปลี่ยนลงไปแถลงข่าว โดยทีมวอร์รูมจะใช้ห้องประชุม 3301 ที่รัฐสภา เป็นห้องทำงาน ขณะที่การชี้แจงในสภา รัฐบาลให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.การคลัง เป็นผู้เปิดการชี้แจง ต่อด้วยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม โดยการชี้แจงจะมีการเปิดซีดีโครงการควบคู่ไปด้วย
อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะพูดถึงการเตรียมความพร้อมในการชี้แจงสภา โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า จะขอชี้แจงรายละเอียดเลยที่เดียวที่สภาที่จะได้ตื่นเต้น
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าเครียดหรือไม่กับการชี้แจงต่อสภา เพราะเห็นหน้าเครียดตั้งแต่วันประชุมคณะรัฐมนตรี นายกฯ ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “โอ๊ย ไม่เครียด ไม่หรอก”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ผู้สื่อข่าวพยายามซักถามอยู่นั้น เป็นจังหวะที่นายกฯ เดินผ่านศาลพระภูมิประจำทำเนียบรัฐบาล โดยนายกฯ ได้หันหน้าไปทางศาลพระภูมิพร้อมกล่าวว่า อุ๊ย! ศาล และยกมือไหว้ท่วมหัวพร้อมกล่าวว่า สาธุ เพื่อเลี่ยงการตอบคำถามสื่อ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีบอดี้การ์ดคนใหม่อุ่นใจหรือเปล่า น.ส.ยิ่งลักษณ์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองไปที่ ร.ท.ธวัชชัย กลีบเมฆ บอดี้การ์ดส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่มาปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยให้กับนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ช่วงเย็นวันพุธ นายกฯ ได้เรียกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ ครม. ประชุมที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อซักซ้อมการชี้แจง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทต่อสภา
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะยังคงอยู่ที่ฮ่องกงต่อไปจนถึงช่วงปลายสัปดาห์นี้ ก่อนกลับดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วน ส.ส.ที่ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกำชับถึงการทำหน้าที่ในสภาในช่วงนี้ที่ร่างกฎหมายสำคัญกำลังจะเข้าสภา ไม่ว่าจะเป็นร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท หรือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา โดยขอให้ ส.ส.อยู่เฝ้าสภาอย่างเข้มข้ม ห้ามเกิดเหตุการณ์สภาล่มเด็ดขาด
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้แสดงความไม่พอใจประธานและรองประธานสภาฯ ที่หลายครั้งการทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมโอนอ่อนไปตามพรรคประชาธิปัตย์มากเกินไป เวลาถูกขอให้นับองค์ประชุมก็ไม่ยอมหลีกเลี่ยงทั้งที่รู้ว่า ส.ส.ลงพื้นที่กันเยอะ
จัดทีมองครักษ์
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยยังเผยถึงการเตรียมรับมือการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทที่ฝ่ายค้านเตรียม ส.ส. 60 คนไว้อภิปราย พรรคเพื่อไทยได้เตรียมตั้งวอร์รูมที่ห้องประชุม 3301 รัฐสภา โดยมีตัวแทนคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และสำนักงบประมาณ มาคอยเตรียมข้อมูลช่วยสนับสนุนการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ขณะเดียวกันได้เตรียม ส.ส. 30-40 คน เช่น นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู, น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ส.ส.กทม., นางเยาวนิตย์ เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายนพคุณ รัฐผไท ส.ส.เชียงใหม่, นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน คอยอภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวคู่ไปกับการชี้แจงของนายกิตติรัตน์และนายชัชชาติ ที่จะเป็นตัวหลักในการชี้แจง
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การดูแลการประชุมจะเป็นไปตามปกติ และเชื่อว่าบรรยากาศน่าจะดี เพราะทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ แม้ว่า ส.ส.รัฐบาลจะมีการเตรียมประเด็นพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องโครงการไทยเข้มแข็งและมิยาซาวา แต่ทุกอย่างก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับการประชุม ซึ่งตนเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาหาก ทุกฝ่ายยึดข้อบังคับ และคัดค้านด้วยเหตุผล อภิปรายอย่างสร้างสรรค์
เขาบอกว่า เรื่ององค์ประชุมไม่ครบไม่น่ามีปัญหา และไม่ได้เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณสไกป์ผ่านที่ประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยกำชับให้ร่วมประชุม แต่เรื่องนี้เป็นหน้าที่ที่ ส.ส.ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบอยู่แล้ว ที่ผ่านมาวาระที่ไม่สำคัญอาจมีปัญหาบ้าง แต่ถ้าเทียบกับสภาสมัยที่แล้วก็ถือว่าเป็นหนังคนละเรื่อง
นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เผยว่า ฝ่ายค้านได้เวลาอภิปราย 16 ชั่วโมง รัฐบาล 14 ชั่วโมง ไม่รวมเวลาประท้วง หากการอภิปรายเสร็จเมื่อใดก็ลงมติเมื่อนั้น อาจเลยเวลา 24.00 น. ของวันที่ 29 มี.ค.ก็ไม่เป็นไร ทั้งนี้ จะมีการถ่ายทอดสดตลอดการประชุม นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 36 คน ได้แก่ รัฐบาล 9 คน, พรรคเพื่อไทย 14 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 9 คน, พรรคภูมิใจไทย 2 คน, พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน, พรรคชาติพัฒนาและพรรคพลังชลได้สัดส่วนรวมกัน 1 คน แต่ยังไม่กำหนดระยะเวลาการแปรญัตติ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่สร้างความฮือฮาให้ ส.ส.ในสภา โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เข้าร่วมประชุมสภาด้วย โดยได้นั่งในบริเวณที่นั่งของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยนั่งติดกับ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ร่วมลงมติรับหลักการวาระที่ 1 ในร่าง พ.ร.บ.ประกันชีวิต (ฉบับที่..) พ.ศ..... รวมทั้งได้ยกมือรับรองการแต่งตั้งรายชื่อกรรมาธิการสามัญ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีได้มานั่งในที่นั่ง ส.ส.ตั้งแต่ได้รับการเลือกตั้งมา อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นวาระที่ค้างมาจากการพิจารณาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและเป็นเหตุให้สภาล่มเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ เมื่อประธานได้ขอนับองค์ประชุมก่อนการลงมติในร่างพ.ร.บ.นี้ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกรัฐมนตรีได้มานั่งคุม ส.ส.ด้วยตนเองหรือไม่
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น .ส.ยิ่งลักษณ์มีความมั่นใจและมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ที่จะชี้แจง และได้มอบหมายตนว่าหากมีผู้ที่บอกว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 เมื่อถึงเวลานั้นให้ตนช่วยชี้แจง ตนจะอยู่สภาประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์
ซดกระทิงแดงรอ
นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย และประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง จะเป็นผู้เปิดอภิปรายในฐานะที่เป็นผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยจะอภิปรายชี้แจงไล่มาตั้งแต่มาตรา 1 จนถึงมาตรา 19
นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ฝากฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ที่จะอภิปรายว่า ขอให้ทักท้วงในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อย่าดีแต่พูด ดีแต่ด่า กล่าวหาใส่ร้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์อย่างเลื่อนลอย หรือพาดพิงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคนเตรียมพร้อมดื่มกระทิงแดงมารอกันหมดแล้ว วันนี้พรรคประชาธิปัตย์เตรียมผู้อภิปรายไว้ถึง 60 คน สะท้อนว่าไม่มีอะไร แค่อยากออกหน้ามาพูด ถ้ามีข้อมูลชัดแค่ 10 คนก็เหลือเฟือแล้ว
ส่วนท่าทีฝ่ายค้านนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการเตรียมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทว่า จะมีการหารือกับวิปรัฐบาลอีกรอบเกี่ยวกับเวลาในการอภิปรายที่ฝ่ายรัฐบาลได้เวลา 12 ชั่วโมงครึ่ง และฝ่ายค้านได้เวลา 12 ชั่วโมงครึ่งบวกสี่ เท่ากับในวันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม จะเลิกจากสี่ทุ่มเป็นเที่ยงคืน และในวันศุกร์ที่ 29 มีนาคม จะต้องขยายเวลาอีก 2 ชั่วโมง จากเวลาที่ตกลงไว้เดิม
ทั้งนี้ ในส่วนของฝ่ายค้านตนได้เชิญผู้อภิปรายมาประชุมร่วมกันเพื่อแบ่งประเด็น มีเป้าหมายครอบคลุม 3 ส่วนคือ เรื่องการก่อหนี้และภาระหนี้ที่จะเกิดกับประเทศและประชาชน เรื่องตัวโครงการมีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหนอย่างไร สนองตอบปัญหาประเทศหรือสนองตอบต่อความต้องการทางการเมือง และเรื่องความไม่โปร่งใส ซึ่งคนทั้งประเทศกังวลมาก โดยฝ่ายค้านมีผู้แสดงความจำนงขออภิปราย 70 คน
เขากล่าวว่า กรณีการกู้ 2 ล้านล้านบาท เป็นการกู้เกินความจำเป็น แม้จะอ้างว่าจะทำโครงการหลายอย่าง แต่มีวิธีการอื่นที่ไม่ต้องกู้ เช่น การให้สัมปทาน ลงทุนร่วมกับเอกชน แต่รัฐบาลไม่เลือกทางนี้ เพราะจะกู้ได้น้อย อยากกู้เยอะ ต้องถามว่าเพราะอะไร และเป็นคำถามเรื่องความโปร่งใสด้วย อีกทั้งยังสร้างภาระหนี้มหาศาล คือเงินต้น 2 ล้านล้านบาท แต่ดอกเบี้ย 3 ล้านล้านบาท ทั้งหมดเป็นภาระประเทศ 5 ล้านล้านบาท บาทเป็นภาระรัฐบาลอย่างน้อย 12 รัฐบาล และเป็นภาระประเทศถึง 50 ปี ในขณะที่รัฐบาลอยู่ได้อีกแค่ 2 ปีครึ่ง และหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์เจอมรสุมทางการเมืองไม่สามารถอยู่ได้ อาจจะสองถึงสามเดือนกู้เสร็จก็ไปแล้ว ทิ้งภาระไว้ให้รัฐบาลหน้า
ประธานวิปรัฐบาลกล่าวว่า ยากให้นายกฯ ชี้แจงด้วยตัวเอง แทนที่จะมอบหมายให้นายกิตติรัตน์
และนายชัชชาติชี้แจง อยากให้ชี้แจงทุกประเด็น ไม่ใช่ทำแค่อ่านเอกสารแผ่นสองแผ่นแล้วไม่มาปรากฏตัวอีกเลย เพราะคนเป็นนายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องรับผิดชอบ และควรตอบได้ทุกประเด็น เนื่องจากเป็นกฎหมายกู้เงินที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งยอดเงินเกือบเท่ากับ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี
“ผมคิดว่าการอภิปรายเรื่องนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่านายกฯ ให้ความสำคัญกับการทำงานในสภามากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าให้เปรียบว่าสอบได้หรือสอบตกในงานสภา ผมคิดว่าสอบตก ตอนมารับตำแหน่งนายกฯ บอกจะทำคะแนนสอบให้ได้ทุกวิชา แต่วิชาสภาสอบตกแน่”นายจุรินทร์กล่าว
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน กล่าวว่า การชี้แจงของกระทรวงคมนาคมยืนยันว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะมีจำนวนทั้งสิ้น 4.24 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ตาม พ.ร.บ.จำนวน 2 ล้านล้านบาท และเงินลงทุนในงบประมาณประจำปีของแต่ละหน่วยงานในอีก 7 ปี จำนวน 2.24 ล้านบาท
ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การลงมติ พรรคจะมีการหารือในช่วงก่อนลงมติว่าจะมีทิศทางอย่างใด ยืนยันว่าเราไม่ได้ปรับท่าที ต้องแยกให้ออกระหว่างท่าทีของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรค ซึ่งสามารถแสดงความคิดเห็นในฐานะ ส.ส.ได้
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำนปช. กล่าวว่า อยากให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หากกลับจากไปดักรอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ฮ่องกงแล้ว ก็ขอให้ออกมาชี้แจงว่าการออกมาแสดงท่าทีในเรื่องนี้ของพรรคภูมิใจไทย เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ ตรงไปตรงมา หรือเป็นการ “ประจบพี่ โจมตีน้อง” ซึ่งการตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์หรือมีเหตุผลเรายอมรับได้ แต่วิธีการที่ทำอยู่ใช้ไม่ได้.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น