บีเอ็มซิ่งเสียหลักฟาดสะพานลอย คนขับกระเด็นดับสยองคาบันไดคลองสอง งัดอีก2สาหัส |
|
|
บีเอ็มซิ่งเสียหลักฟาดสะพานลอย คนขับกระเด็นดับสยองคาบันไดคลองสอง งัดอีก2สาหัส เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 29 มี.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า พ.ต.ท.กกุสนธ์ เหมือนปั้น พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถเก๋งชนสะพานลอย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดบริเวณ ปากซอยรังสิต-นครนายก 27 (ทางเข้าหมู่บ้านมาลีวัลย์ คลองสอง)สะพานลอยหน้าหมู่บ้านมาลีวัลย์ คลองสอง ถนนรังสิต-นครนายก มุ่งหน้านครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิปอเต็กตึ้ง
ในที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อบีเอ็มดับบลิว สีส้ม หมายเลขทะเบียน ฌส 5907 กทม. สภาพพังยับเยิน ด้านขวาฝั่งคนขับชนฟาดกับคอทางขึ้นสะพานลอยดังกล่าวอย่างจัง ทำให้มีผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือนายสุกฤษฎิ์ บำรุงเวช อายุ 30 ปี คนขับ อยู่บ้านเลขที่ 59/137 หมู่ที่ 6 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี กระเด็นออกจากตัวรถเสียชีวิตในลักษณะนอนหงายอยู่ที่บันไดสะพานลอย และพบร่างผู้บาดเจ็บติดอยู่ในตัวรถอีก 2 ราย ที่บริเวณที่นั่งฝั่งซ้าย และที่นั่งด้านหลัง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งช่วยเหลืองัดร่างผู้บาดเจ็บที่อยู่ติดกับซากรถออกมา นำส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ศูนย์รังสิต
เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งจากการสอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์ ทราบว่ารถคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็ว จากนั้นตัวรถเสียหลักหมุนแล้วไถลเข้าไปฟาดกับสะพานลอยอย่างจังจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อกับญาติเพื่อแจ้งให้ทราบแล้ว ทราบว่าทั้งสามคนไปงานแข่งรถ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเรียกให้ญาติมาให้ปากคำอย่างละเอียดที่โรงพัก เนื่องจากผู้บาดเจ็บทั้งสองก็ให้การไม่ได้ ส่วนศพของผู้เสียชีวิตจะส่งชันสูตรโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ศูนย์รังสิต ก่อนมอบให้ญาติดำเนินการรับศพไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
|
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ถกเงินกู้ ป่วน พิเชษฐ ไล่ เจริญ ออกจากห้อง |
|
ถกเงินกู้ป่วน "พิเชษฐ"ส.ส.ปชป. ไล่ "เจริญ" รองประธานสภา ออกจากห้อง หลังไม่ให้ชี้แจงพลาดพิงรัฐบาล "ชวน" กู้ไอเอมเอฟ ผู้สื่อข่าวรายงานการอภิปราย พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทว่า เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย ขณะนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม โดยมีพิเชษฐ พันวิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นขออภิปรายในฐานะอดีตรมว.คลัง ที่ถูกพาดพิง กรณีรัฐบาลนายชวน หลีกภัย กู้เงินไอเอ็มเอฟ แต่นายเจริญไม่อนุญาตให้อภิปราย
ทำให้นายพิเชษฐใช้สิทธิประท้วงนายเจริญ แต่นายเจริญยังคงวินิจฉัยไม่ให้นายพิเชษฐอภิปราย ทำให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงจนนายเจริญต้องปิดไมค์ ทำให้นายพิเชษฐตระโกนผ่านไมค์ว่า คำวินิจฉัยของนายเจริญถือว่าไม่ถูกต้อง ขอให้นายเจริญลงจากบรรลังก์และออกจากห้องไป ทำให้นายเจริญถึงกับหน้าเสีย จากนั้นนายกรณ์ จาติกวนิช ส.ส.กทม.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นแสดงความคิดเห็นว่า ขอให้นายพิเชษฐอภิปรายสิ่งที่ถูกพาดพิง
เพราะรออภิปรายตั้งแต่เช้าแล้ว ทำให้นายเจริญยอมให้นายพิเชษฐอภิปราย โดยหักเวลาอภิปรายของนายพิเชษฐที่จะอภิปรายในวันที่ 29 มี.ค.นายพิเชษฐอภิปรายชี้แจงกรณีระบุว่ารัฐบาลนายชวนสร้างหนี้ และรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาตามใช้หนี้กองทุนไอเอ็มเอฟว่า ตัวเป็น รมช.คลังสมัยนั้น และร่วมรับผิดชอบอยู่ด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลที่ตั้งเรื่องกู้เงินไอเอ็มเอฟคือรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แต่รัฐบาลนายชวนเข้ามาบริหารเงินกู้และทำหนังสือถึงกองทุนไอเอ็มเอฟเพื่อหยุดรับเงินกู้ก้อนดังกล่าวก่อนครบกำหนด 1 ปี และเริ่มชำระหนี้คืนไอเอ็มเอฟก้อนแรกเมื่อวันที่ 14 ส.ค.2540
แต่พอรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาก็ชำระตามกำหนดและประกาศอิสรภาพ นี่เป็นสิ่งที่พวกตนเจ็บช้ำน้ำใจมาตลอด ซึ่งนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ จึงกำชับให้พูดเรื่องนี้ จากนั้นนายกรณ์อภิปรายว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินมีมูลค่าสูงสุดในประวัติการณ์หรือไม่ และสิ่งไม่เห็นด้วยคือการกู้นอกระบบ ทำให้ร่างพ.ร.บ.นี้สุ่มเสี่ยงต่อการขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะมีภาระหนี้และดอกเบี้ยมากมาย ดูได้จากการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทบอกว่าจำเป็นเร่งด่วนสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านน้ำ ขณะนี้ใช้ไปเพียง 6 พันล้านบาท รมว.คมนาคมควรไปศึกษาโครงการให้เกิดความเหมาะสมก่อน และจัดหาคนมาร่วมทุนเพื่อลดภาระประเทศชาติ รัฐบาลต้องบอกว่าแหล่งรายได้มากจากที่ใด หรือไม่มีเจตนาที่จะรับผิดชอบในอีก 10 ปีข้างหน้า เงินก็ใช้ไปหมดแล้วประชาชนต้องแบกรับภาระหนี้
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า ทุกคนกำลังสับสนกับระบบความคิดของรัฐบาล เพราะหากดอกเบี้ยเพิ่มทุก 1 เปอร์เซ็นต์จากดอกเบี้ยเพิ่ม 6 แสนล้าน จะเกิดภาระดอกเบี้ยเพิ่ม 1 ล้าน ๆ บาท เป็น 3 ล้าน ๆ บาท รัฐบาลไม่ได้เตรียมความเสี่ยงไว้เลย หากโครงการอยู่ในภาวะขาดทุนจะทำอย่างไร ขนาดแอร์พอตร์ลิงค์รายได้ยังไม่พอ ต้องเป็นภาระของประชาชน และโครงการรถไฟความเร็วสูงใครเป็นผู้รับผิดชอบ
“การกู้ยืมผ่านร่างนี้ไม่มีความจำเป็นเพราะทุกโครงการสามารถจัดรายได้ตามงบปกติได้ ทำไมรัฐบาลไม่ทำ แผนการเบิกจ่ายงบเงินกู้ของรัฐบาลสูงสุดที่สุดปี 59 เงิน 3.8 แสนล้านแล้วเสร็จภายใน 5 ปี ทั้งที่รัฐบาลสามารถกู้ได้ตามปีงบประมาณโดยไม่มีอุปสรรคทางการเงินใดๆทั้งสิ้น เพราะช่องว่างทางการคลังให้สิทธิกู้ได้อีกหลายโครงการ แต่รัฐบาลกลับหลีกเลี่ยงออกฎหมายพิเศษไปกู้นอกระบบ ทำไมต้องเอาไปเสี่ยงกับโครงการลงทุนครั้งสำคัญของประเทศ ผมขอท้าว่าถ้าท่านจริงใจให้นำสิ่งที่ผู้นำฝ่ายค้านขอไว้ไปบรรจุไว้ในบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.กู้เงิน หากหนี้สาธารณะเกิน 50 เปอร์เซนต์ให้ พรบ.นี้เป็นโมฆะทันที”นายกรณ์กล่าว
|
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น