วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

ข่าวจาก นสพ.เมื่อ 29 มี.ค.56



แม่ช็อก! ลูกสาวผูกคอตายตรงขื่นหน้าบ้าน คาดน้อยใจถูกบ่นทุกวัน
 
เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 28 มีนาคม    พ.ต.ต.พิเชษฐ์  ชูโฉมงาม ร้อยเวรพนักงานสอบสวน สภ.ศีขรภูมิ ได้รับแจ้งมีหญิงวัยกลางคนผูกคอตายตรงขื่อหน้าบ้าน  ที่บ้านยางเตี้ย หมู่ 7 ต.ระแงง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมประสานแพทย์เวร รพ.ศีขรภูมิ และกู้ภัยสุรินทร์จุดศีขรภูมิ

ที่เกิดเหตุพบร่าง นางนิตยา ทองล้ำ แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวในหมู่บ้าน อายุ 35 ปี อยู่ที่ 77/1 หมู่7 บ้านยางเตี้ย ต.ระแงง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ สภาพนอนหงายหน้าเหมือนคนนอนหลับโดยญาติได้นำร่างลงวางไว้บนแคร่ไม้ ใส่เสื้อแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสั้นสีเทาลายจุด ใกล้กับศพมีมุ้งไนล่อนสีชมพูใช้ผูกคอ ห้อยอยู่ตรงขื่อไม้หน้าบ้าน ใกล้ๆกันมีเพื่อนบ้านญาติพี่น้องกำลังปลอบแม่ของผู้ตายซึ่งอยู่ในอาการเศร้า โศกร้องไห้ฟูมฟายน่าเวทนาแก่ผู้พบเห็น

ก่อนเกิดเหตุชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า ผู้ตายมักชอบทานเหล้าเป็นประจำและเมื่อช่วงหัวค่ำก็เดินไปเล่นหัวกับหลานและ เด็กๆในหมู่บ้านคุยเล่นกับเพื่อนบ้านอย่างสนุกสนานและพูดติดตลกว่า ถ้าตัวเองตายไปจะมาหลอกทุกคนแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะนึกว่าพูดเล่นจากนั้น พอกลับมาถึงบ้านได้ข่าวอีกทีว่าผูกคอตายแล้ว

โดยคนที่บ้านและคนรอบข้างไม่มีใครรู้เนื่องจากไฟตรงหน้าบ้าน หลอดขาดและมืดเลยไม่มีใครพบเห็น และก่อนหน้านี้ 6 เดือนพี่ชายของนางนิตยา ชื่อนายวิทย์ ก็ไปผูกคอตายที่สวนป่ารีสอร์ท ที่เมืองสุรินทร์ ส่วนสาเหตุน่ามาจากน้อยใจที่แม่ตัวเองบ่นว่าทุกวันประกอบกับเป็นคนพูดน้อย ไม่นึกว่าจะมาคิดสั้นโดยฆ่าตัวตาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุพร้อมส่งแพทย์เพื่อพิสูจน์ถึงสาเหตุในครั้งนี้แต่ทางครอบครัวไม่ได้ติดใจในการตายของนางนิตยา แต่อย่างใด 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

บก.ผู้จัดการพบกองปราบรับทราบข้อหาหมิ่น"ทักษิณ"
 
"ตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์"บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาน.ส.พ.เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน พบกองปราบรับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาท"ทักษิณ"
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) วันนี้( 29 มี.ค.) นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาน.ส.พ.เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน พร้อมด้วย น.ส.อัจฉรา แสงขาว ทนายความ เดินทางเข้าพบพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กก.5 บก.ป. พ.ต.ท.ไพรินทร์แจ่มจำรัส พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.5 บก.ป.เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาโดยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา              

คดีนี้ สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มอบอำนาจให้นายสุภาพ เพชรศรี ทนายความเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายตุลย์ ภายหลังน.ส.พ.เอเอสทีวีผู้จัดการ ฉบับวันที่ 24 กันยายน 2552 ในส่วนแทรก “ผู้จัดกวน”ได้นำภาพใบหน้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตัดต่อด้วยวิธีการทาอิเล็กทรอนิกส์

โดยมีการนำภาพเปลือยของผู้อื่นมาใส่ไว้ในลักษณะลามกอนาจาร จากนั้น ทาง บก.ป.ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินคดี โดยมีพ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกนายตุลย์ รวม 4 ครั้ง แต่นายตุลย์ ไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใดกระทั่งได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันเดียวกันนี้              

นายตุลย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นหมายเรียกของพนักงานสอบสวนบก.ป.และไม่เคยทราบว่าถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อกล่าวหาดังกล่าวจนมาทราบเรื่องเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่มาตามตัวถึงบ้านพักย่านโชคชัย4 แต่ตนไม่ได้อยู่บ้าน มีเพียงภรรยาที่อาศัยอยู่ ซึ่งหลังจากภรรยา เห็นหมายแล้วจึงบอกให้ตนทราบครั้งแรกตนรู้สึกแปลกใจเพราะเรื่องนี้ผ่านมานานแล้วรวมทั้งไม่เคยได้รับหมายเรียกสักครั้งเดียว จู่ๆ กลับมีหมายเรียกเป็นครั้งที่ 4ส่งมา             
 

นายตุลย์ กล่าวอีกว่าสำหรับกรณีภาพดังกล่าวนั้น ขอยืนยันว่า มีการเซ็นเซอร์ไม่ได้เป็นภาพอนาจารที่เห็นอวัยวะเพศ และมีนายตำรวจท่านหนึ่งก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าดูภาพแล้วก็ไม่ครบองค์ประกอบความผิดและเหตุใดคดีนี้มีการแจ้งความไว้นานแล้วจึงเพิ่งออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อหา ทั้งนี้ในส่วนของ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ ระบุชัดว่าทางบรรณาธิการไม่ต้องรับผิดชอบกรณีที่เกิดการหมิ่นประมาท โดยต้องมีการพิสูจน์ความผิดกันเองโดยบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา จะรับผิดชอบตามความผิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค เท่านั้น              

“ทักษิณหนีความผิด ศาลตัดสินจำคุก2 ปี คดีที่ดินรัชดาฯ และยังมีอีก 4-5 คดี ที่พบการทุจริต ศาลกำลังตัดสินแต่กลับหลบหนีคดีไป แล้วมอบอำนาจให้คนอื่นมาฟ้องร้องผู้อื่นนั้นถูกต้องหรือไม่ 4ปีแล้วตำรวจไม่ทำอะไร ถึงเวลานี้กลับมาเล่นงานผม แสดงว่าทักษิณ มีอำนาจเหนือรัฐไทยเหนือข้าราชการ ประเทศไทยปกครองกันอย่างไร ที่ให้ผู้ร้ายมาสั่งการ ทุกสิ่งทุกอย่าง”นายตุลย์ กล่าว              

บรรณาธิการน.ส.พ.เอเอสทีวีผู้จัดการ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดีตนจะขอความช่วยเหลือจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รวมทั้งทางสภาทนายความเพื่อช่วยเหลือในการต่อสู้คดี โดยก่อนหน้านี้เคยมีฎีกาให้ดำเนินการกับพนักงานสอบสวนที่ใช้ดุลพินิจไม่สมเหตุสมผลซึ่งตนก็เตรียมฟ้องร้องพนักงานสอบสวนชุดนี้ด้วย
              

ด้าน น.ส.อัจฉรา กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าตำรวจบก.ป.ถึงกับต้องตั้งพนักงานสอบสวนเป็นรูปของคณะทำงานเพราะเหตุใด เนื่องจากเป็นคดีความผิดส่วนบุคคลสังคม ประชาชน ไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่ควรไปทำคดีใหญ่ที่มีความสำคัญมากกว่า สำหรับคดีนี้ลูกความตนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาโดยจะทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งให้พนักงานสอบสวนภายใน 30 วัน          
    

ขณะที่ พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่าคดีนี้เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง จึงต้องปล่อยตัวชั่วคราว หลังจากมีการถ่ายรูปและพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติโดยไม่มีการพิจารณาเรื่องการประกันตัว จากนั้นจึงนัดหมายมาให้ปากคำเพิ่มเติมส่วนการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่คงขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานต่างๆ  
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

คุก50ปี"เอ็มแรมบ้า"ข่มขืนสาวป.โทถ่ายคลิปขู่
 
ศาลอาญารัชดา อ่านคำพิพากษา จำคุก "เอ็ม แรมบ้า" 50 ปี คดีข่มขืนนักศึกษา ป.โท ส่วนภรรยาที่สนับสนุน ให้จำคุก 10 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ศาลอาญารัชดา อ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุรชัย วิวัฒนชาต หรือ เอ็ม แรมบ้า ลูกชายนายทหารยศ "พลโท" และอดีตนักโทษคดีใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม สน.พญาไท และ นางธนวรรณ คล้ายแพร อดีตพยาบาล ร.พ.เรือนจำคลองเปรม ภรรยาของ นายสุรชัย ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิด ฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นฯ โดยมีหรือใช้อาวุธปืน / ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นฯ / ร่วมกันข่มขืนใจฯ / ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังฯ / ร่วมกันหมิ่นประมาท พาอาวุธปืน มีด ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน

จากกรณีระหว่างวันที่ 19 เมษายน 2551 ถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2551 จำเลยทั้ง 2 ได้ร่วมกันบังคับนักศึกษาสาวปริญญาโท พนักงานบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ดีเทคทีฟ ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งเป็นของจำเลย ไม่ให้ลาออก และใช้อาวุธปืนข่มขู่ รวมถึงจำเลยที่ 1 ได้ข่มขืนผู้เสียหายหลายครั้ง พร้อมมีการถ่ายคลิปวิดีโอไว้ข่มขู่ ก่อนจะนำไปเผยแพร่

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดหลายกรรม ให้ลงโทษจำคุก 50 ปี ปรับ 1,050 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิด ฐานสนับสนุนให้ทำการข่มขืนผู้อื่น จำคุก 10 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

“กษิต”ฉะกู้เงิน2ล้านล้านส่อไม่โปร่งใสแนะ“ชัชชาติ”ถอนตัว
 
ปชป.ดาหน้าถล่มรัฐบาล “กู้เงิน-เพื่อไทย” ไม่ใช่เพื่อประชาชน “กษิต” ฉะส่อไม่โปร่งใส แนะ “ชัชชาติ” ถอนตัว ห่วงเสื่อมเสียนามสกุล 
ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศยังคงมีความเข้มข้น โดย นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ. เพราะเป็นการลงทุนที่ผิดหลักการว่าด้วยความสมดุล รัฐบาลบริหารประเทศมา 2 ปีแต่กลับใช้เงินมหาศาลสำหรับโครงสร้างพื้นฐานอย่างเดียว ทั้งที่มีเรื่องสำคัญอื่นต้องดำเนินการควบคู่กันไป เช่น การศึกษา การสาธารณสุขและเทคโนโลยี

อีกทั้งแผนพัฒนาระบบคมนาคมยังไม่มีความสมดุลในตัวเอง ไม่จัดลำดับความสำคัญ สะเปะสะปะ เหมือนเลือกทำในบางจังหวัดบางพื้นที่ การก่อสร้างที่ไม่ทั่วถึงนี้จะไม่สามารถลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ 
นอกจากนี้ยังขัดต่อหลักการคุ้มค่าคุ้มทุน เอกสารแผนยุทธศาสตร์ไม่มีตัวเลขรายได้ มีแต่ตัวเลขเงินกู้ ส่วนที่บอกว่าจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางระบบคมนาคมเชื่อมต่อระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับเอเชียตะวันออกและชมพูทวีปนั้น โดยสภาพของพื้นที่ประเทศไทยไม่มีเส้นทางเชื่อมโยงเพื่อเป็นศูนย์กลางการคมนาคมได้ ถ้าเปรียบเป็นปูก็เหมือนปูขากุด 

“ความล้มเหลวของรัฐบาลนี้คือโครงการประชานิยมและความไม่โปร่งใส นายกรัฐมนตรีบริหารแบบไม่รู้เรื่องทำให้เราไม่ค่อยสบายใจ ผมฝากถึงรัฐมนตรีชัชชาติ ผมชอบพอกับครอบครัวท่าน คุณพ่อของท่านเป็นนายตำรวจที่ผมเคารพ ตระกูลของท่านก็เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในสังคม ท่านรัฐมนตรีเองเป็นเดอะเบส ออฟ เดอะเบส เป็นยอดมันสมองของประเทศ ผมไม่อยากให้ท่านต้องมาพัวพันกับความไม่ชอบมาพากล เอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารโสโครกของสังคมไทย” นายกษิต กล่าว


จากนั้นนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายต่อว่า รัฐบาลนี้กู้เพื่อเพื่อไทย ไม่ได้เพื่อประชาชน แต่ทำเพื่อพื้นที่ๆมีส.ส.เท่านั้น
เหมือนกับที่เคยมีคนพูดไว้ในอดีตแล้ววันนี้ก็ทำอีก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ดังนั้นเห็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีจึงแสดงวิสัยทัศน์เลย โครงการนี้มาจากคนผู้เดียวเท่านั้น ซึ่งทำให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นประท้วงผู้อภิปรายว่า พ.ต.ท.ทักษิณคิด เพื่อไทยทำก็จริง แต่นายกรัฐมนตรีเป็นคนมีวิสัยทัศน์ จึงเป็นการอภิปรายที่กล่าวหาเสียดสี แต่ประธานวินิจฉัยให้ผู้อภิปรายทำหน้าที่ต่อ ซึ่งนายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณคิดจึงไม่แปลกที่ไม่เกิดการกระจายลงไปในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จ.นราธิวาส มี 3 ด่านที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แต่ไม่ปรากฏในแผนยุทธศาสตร์ที่จะนำเงินกู้นี้ไปพัฒนา

ตนเองขอให้พึงสังวรสภานี้ประกอบด้วยผู้ทรงเกียรติ เป็นสภาที่เป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่อยากให้สภาแห่งนี้ถูกมองว่าเป็นสภาทาส ขี้ข้าของใครบางคน 
อย่างไรก็ตามการอภิปรายนี้ ทำให้จ.ส.ต.ประสิทธิ์และนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นประท้วงผู้อภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอก กล่าวหาเสียดสีหลายครั้งแต่ประธานได้วินิจฉัยให้ผู้อภิปรายทำหน้าที่ต่อ
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

สิ้นลมแล้ว"เจ้าทองสุข"พญาควายไทยใหญ่ที่สุด
 
วันนี้(29 มี.ค.) นายสมบัติ ธรรมละเอียด อายุ 42 ปี เจ้าของบิ๊กไอซ์ฟาร์มควายไทย บ้านเลขที่ 53 หมู่ 1 ต.ทับยายเชียง อ.พรมพิราม จ.พิษณุโลก ได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์จากวัดทับยายเชียง มาทำการประกอบพิธีบังสกุล เจ้าทองสุข กระบือพ่อพันธุ์เพศผู้ อายุ 21 ปี น้ำหนัก 1,500 ก.ก. หรือตันครึ่ง และเป็นพญาควายที่ได้รับแชมป์ควายที่หนักและตัวใหญ่ที่สุดในประเทศไทยมาหลายสนาม และได้ล้มตายลงอย่างสงบด้วยวัยชรา เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความเศร้าโศกของเจ้าของและคนเลี้ยงเป็นอย่างมาก จากนั้นจึงได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาทำการสวดบังสุกุลก่อนจะฝังร่างของเจ้าทองสุข เพื่อเป็นการส่งวิญญาณ ให้ไปสู่สุขคติตามความเชื่อ

ส่วนการเสียชีวิตของเจ้าทองสุขในครั้งนี้ นายสมบัติ กล่าวว่า ระยะนี้สภาพอากาศที่ร้อนจัด และที่ฟาร์มไม่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ให้บรรดากระบือได้ลงแช่คลายร้อน ซึ่ง ตนเองต้องนำเจ้าทองสุข ไปเลี้ยงในที่ที่ห่างไกลจากฟาร์มออกไปอีก ประมาณ 10-20 กิโลเมตร และต้องจ้างคนเลี้ยงให้ดูแล เจ้าทองสุข เพียงตัวเดียว เพื่อที่จะได้ดูแลได้อย่างดี แต่ปรากฏว่า เจ้าทองสุข กลับกินหญ้าได้น้อยลง จนถึงกับบางครั้งไม่ยอมกินเลย อีกทั้งเจ้าทองสุข เป็นควายที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้มีปัญหาเรื่อง ขาที่รับน้ำหนักตัวไม่ค่อยไหว ประกอบกับมีอายุมาก ถึง 21 ปี โดยเจ้าทองสุขได้เสียชีวิตที่กลางทุ่งนา เจ้าของต้องใช้รถแบ๊คโฮ ในการขนย้ายร่างของเจ้าทองสุขกลับมาที่ฟาร์ม.

นายสมบัติ ยังได้กล่าวอีกว่า ถึงแม้ว่า เจ้าทองสุข จะมีอายุมาก และตนเองก็ทำใจไว้บ้างแล้ว แต่ก็รู้สึกเสียใจ เพราะมีความผูกพัน จึงได้นิมนต์พระมาสวดทำพิธี ก่อนจะฝังร่างของเจ้าทองสุข ลงในหลุม เพื่อเป็นการส่งวิญญาณให้เจ้าทองสุข ไปสู่สุขคติโดยระหว่างที่ทำพิธี เจ้าหนึ่งสยาม กระบือเพศผู้ อายุ 4 ซึ่งเป็นลูกของ เจ้าทองสุข ก็เข้ามาคลอเคลีย อยู่ที่ร่างของเจ้าทองสุขไม่ห่าง บางช่วงยังใช้ลิ้นเลีย ทำความสะอาด ร่างของเจ้าทองสุข แสดงถึงความผูกพันกันระหว่าง ควาย 2 พ่อลูก คู่นี้ด้วย จนกระทั่งพระสวดเสร็จ เตรียมจะฝังร่าง เจ้าหนึ่งสยาม ก็มีน้ำตาไหลออกมา จนคนเลี้ยง ต้องคอยปลอบอยู่ไม่ห่าง สร้างความสะเทือนใจให้กับประชาชนที่มาร่วมฝังร่างเจ้าทองสุขในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

อึ้ง! หนุ่มจีนติดเกมออนไลน์ขั้นหนัก ใช้ชีวิตอยู่ในร้านเน็ตนาน 6 ปี
 
เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวของจีน เปิดเผยเรื่องราวสุดอึ้ง ของหนุ่มชาวจีนรายหนึ่ง ที่ติดเกมถึงขั้นใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในร้านเกมนานถึง 6 ปีติดต่อกัน จะออกไปข้างนอกเพื่อซื้ออาหารและอาบน้ำบ้างบางครั้งเท่านั้น
รายงานระบุว่า หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า หลี่ เหมิง จากเมืองชางชุน ในจีน เขาเรียนจบมหาวิทยาลัยตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว แต่แทนที่จะหางานทำเหมือนกับบัณฑิตคนอื่น ๆ เพื่อหาเงินสร้างเนื้อสร้างตัว เขากลับจมอยู่ในโลกแฟนตาซี ติดเกมออนไลน์งอมแงม ใช้ชีวิตอยู่ในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ทั้งวันทั้งคืนมาจนถึงทุกวันนี้ โดยไม่ปฏิสัมพันธ์กับสังคมภายนอกเลย จนไม่รู้ว่าเขามีครอบครัวหรือเปล่า

จากการเปิดเผยของเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ต พบว่า ในแต่ละวัน หลี่ หมิง จะใช้เวลาขลุกอยู่แต่ในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ชนิดที่เรียกว่าเก้าอี้ติดก้น เขาจะออกไปข้างนอกบ้าง เพื่อไปซื้ออาหารมาเป็นเสบียงสำหรับทานเมื่อหิว และออกไปอาบน้ำเป็นครั้งคราว แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีงานทำ เขาก็พอมีรายได้อยู่บ้าง จากการขายของในเกมออนไลน์ 

ส่วนทางด้านศาสตราจารย์ถิง ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยจี้หลิน ที่พยายามยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ได้เปิดเผยว่า เขาและนักจิตวิทยาสังคมจากมหาวิทยาลัยเหรินหมิน ได้ไปเยี่ยมหลี่ เหมิง ที่ร้านอินเทอร์เน็ต เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับพฤติกรรมเสพติดเกมออนไลน์อย่างหนักแล้ว แต่หลี่ เหมิง ก็มัวแต่ง่วนอยู่กับเกมออนไลน์ ไม่ยอมละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เลย แม้ว่าทีมนักจิตวิทยาจะพยายามพูดคุยด้วยเท่าไร แต่ก็รู้สึกเหมือนกับพวกเขาไม่มีตัวตน เพราะหลี่ เหมิง ไม่ยอมพูดคุยด้วยเลย 

แต่โชคดีอยู่หน่อยสำหรับผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวซินหัว เพราะวันที่ผู้สื่อข่าวเข้าไปสัมภาษณ์หลี่ เหมิง เขาก็ยอมคุยด้วยอยู่บ้าง 2-3 ประโยค โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามหลี่ เหมิง ว่า เขาเอาเงินจากไหนมาจ่ายค่าชั่วโมงอินเทอร์เน็ต เขาก็บอกว่า เขาขายของในเกม แล้วก็นำเงินที่ได้นั่นแหละมาจ่ายค่าชั่วโมงอินเทอร์เน็ต และมันก็มากพอที่จะใช้ซื้ออาหารทานในแต่ละวันด้วย

ทั้งนี้ ปัญหาเด็กติดเกมออนไลน์ กลายเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมจีนมาหลายปีแล้ว จนในจีน ต้องมีการตั้งโครงการบำบัดพฤติกรรมติดเกม เพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะเลยทีเดียว
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

จีนขอ “ทุกฝ่าย” หันมาปรองดองลดความรุนแรงบนคาบสมุทรเกาหลี
 
จีน พันธมิตรสำคัญของเกาหลีเหนือ ออกมาขอความร่วมมือจาก “ทุกฝ่าย” ที่เกี่ยวข้องต่อกรณีความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่เกาหลีเหนือเผยภาพนายคิม จอง-อึน กำลังสั่งการนายทหารระดับสูง โดยมีฉากหลักเป็นกระดานขนาดใหญ่ที่เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์โจมตีสหรัฐ
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ว่า ทางการจีน พันธมิตรสำคัญของเกาหลีเหนือ ออกมาเรียกร้องขอความร่วมมือจาก “ทุกฝ่าย” ที่เกี่ยวข้องต่อกรณีความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลีที่กำลังตึงเครียดจนใกล้ถึงขีดสุด ขณะที่สื่อเกาหลีเหนือเผยภาพนายคิม จอง-อึน กำลังสั่งการนายทหารระดับสูง โดยมีฉากหลักเป็นกระดานขนาดใหญ่ที่เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์โจมตีสหรัฐ

นายหง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงวิงวอนให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนทำให้บรรยากาศทั่วทั้งคาบสมุทรเกาหลีอยู่ในภาวะตึงเครียด จนพร้อมที่จะแตกหักได้ทุกวินาที พยายามหันหน้ามาเจรจากันอย่างสันติวิธี เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์จะดีกว่า ที่ไม่ใช่เพื่อสันติภาพและความมั่นคงของทั้งเกาหลีเหนือและใต้เพียง 2 ประเทศ แต่จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือด้วย

ขณะที่สำนักข่าวกลางเกาหลี ( เคซีเอ็นเอ ) เผยแพร่ภาพนิ่งของผู้นำสูงสุดของประเทศ กำลังนั่งอยู่ภายในประชุมที่ดูแล้วมีบรรยากาศคล้ายกับห้องปฏิบัติการทางกลาโหม โดยมีทหารระดับสูง 4 นาย ยืนล้อมอยู่ด้านหลัง ซึ่งภาพดังกล่าวจะดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่ หากบนป้ายที่อยู่ด้านหลังคิมจะไม่มีข้อความที่แปลได้ใจความว่า “การประชุมเพื่อกำหนดกรอบยุทธศาสตร์ในการโจมตีแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ”

กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ออกมาแสดงทรรศนะต่อภาพที่ออกมาทันทีว่า รัฐบาลเปียงยางมีเจตนาปล่อยภาพเหล่านี้ออกมา เพื่อต้องการทำสงครามประสาทกับนานาชาติว่า เกาหลีเหนือมีศักยภาพทางทหารดีกว่าที่ทุกคนคาดคิด

ทั้งนี้ ภายหลังผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือออกประกาศฉุกเฉินให้มีการติดตั้งจรวดพร้อมบนฐานยิง เพื่อเตรียมโจมตีแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ และฐานทัพอเมริกันทุกแห่งบนมหาสมุทรแปซิฟิกและในเกาหลีใต้ ตอบโต้การที่อีกฝ่ายส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน "บี-2 สปิริต" 2 ลำ ขึ้นบินเหนือน่านฟ้าฝั่งใต้ ทหารของกองทัพประชาชนเกาหลี ( เคพีเอ ) จำนวนมาก ออกเมาเดินสวนสนามกันบริเวณจัตุรัส คิม อิล-ซุง กลางกรุงเปียงยาง พร้อมกับร้องตะโกนต่อต้านรัฐบาลวอชิงตัน และให้กำลังใจนายคิม จอง-อึน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น