เมื่อ วันที่ 30 มี.ค.นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีซีแอล กล่าวว่า บริษัทได้ส่งหนังสือไปยังการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เพื่อขอขึ้นค่าผ่านทางพิเศษหรือทางด่วนแล้วหลังจากจะครบกำหนด 5 ปี ตามสัญญาสัมปทานคือ วันที่ 1 กันยายนนี้ที่ให้บริษัทสามารถปรับขึ้นค่าผ่านทางได้ ส่วนจะปรับขึ้นเท่าไหร่จะต้องมีการหารือร่วมกันก่อน โดยตัวเลขที่เสนอไปจะเป็นการปรับขึ้นตั้งแต่ 5 บาท 10 บาท หรือ 15 บาท เป็นต้น
"การปรับขึ้นค่าผ่านทางคงจะไม่ใช่การปรับขึ้น 1 บาท หรือ 2 บาท แต่จะเป็นการปรับขึ้นครั้งละ 5 บาท เช่น อาจจะเป็น 5 บาท ก็ได้ หรือถ้าจะคิดมากกว่านั้นก็ต้องเป็น 10 บาท จะไม่ใช่ 7 บาท หรือ 8 บาท เป็นต้น โดยจะต้องเจรจาร่วมกันให้ได้ข้อสรุปภายในเดือนสิงหาคม เพื่อให้ทันการประกาศใช้ในวันที่ 1 กันยายน" นางพเยาว์กล่าว
นาง พเยาว์กล่าวว่า ทั้งนี้ การพิจารณาว่าจะขึ้นราคาเท่าไหร่ บริษัทได้พิจารณาจากดัชนีผู้บริโภค และฐานของค่าผ่านทางที่ปรับขึ้นล่าสุดเป็นหลัก หลังจากนั้นจึงจะมีการคำนวณตัวเลขออกมา ซึ่งวิธีคิดของบริษัทจะแตกต่างจาก กทพ. คือ หากคำนวณแล้วมีเศษทางบริษัทจะปรับขึ้น เช่น หากคำนวณแล้วได้ตัวเลข 8 บาท ก็จะปรับขึ้นเป็น 10 บาท แต่ กทพ.จะปรับลงเหลือ 5 บาท ซึ่งก็ต้องมีการเจรจาร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปในตัวเลขที่ตรงกันต่อไป
นาง พเยาว์กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนหลังจากเจรจาจนได้ข้อสรุปแล้ว ก็จะนำเรื่องเสนอไปยังกระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อออกเป็นประกาศกระทรวงคมนาคม ให้สามารถปรับขึ้นค่าผ่านทางได้ โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของจำนวนรถที่ใช้บริการทางด่วนในปี 2555 อยู่ที่ประมาณ 1.084 ล้านคันต่อวัน มีการเติบโตจากปี 2554 ประมาณ 5.8% ส่วนในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 2% โดยจะมีรถใช้บริการ 1.105 ล้านคันต่อวัน เพราะมีฐานผู้ใช้บริการสูงมากอยู่แล้ว การเติบโตจึงไม่สูงมากนัก
"ตอนนี้การเติบโตของผู้ใช้บริการจะอยู่นอก เมืองมากกว่า เพราะในเมืองการจราจรติดขัด โดยนอกเมืองเฉลี่ยมีการเติบโตประมาณ 7% ส่วนในเมืองจะอยู่ที่ประมาณ 2-3% เท่านั้น" นางพเยาว์กล่าว
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น