28 มี.ค. 56 พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.) เพื่อซักซ้อมการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2556 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดย พล.ต.ชัจจ์ กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน จึงได้กำชับให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการทุกภาคส่วนเตรียมความพร้อมป้องกันและลดอุบัตติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างเข้มงวดโดยยึดแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ภายในแนวคิด "สงกรานต์เป็นสุขทุกคนปลอดภัยร่วมใจรักษาวัฒนธรรม" โดยมีเป้าหมายลดจำนวนครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บให้น้อยที่สุด ซึ่งกำหนดเวลาในการดำเนินการช่วงควบคุมเข้มข้น ในระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2556 โดยจะยึด 6 มาตรการหลักและ 6 มาตรการเน้นหนัก เพื่อมุ่งหวังความปลอดภัยทางท้องถนนแก่ประชาชนในทุกพื้นที่
"ในปีนี้การทำงานของศูนย์ฯจะเป็นครั้งแรกที่จะเปลี่ยนมาตรการจากการสั่งการที่ศูนย์เพื่อให้จังหวัดปฏิบัติ เป็นให้จังหวัดปรับแผนใช้เพื่อความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดออกนโยบายวางมาตรการและแนวปฏิบัติให้อำเภอและท้องถิ่นร่วมมือกันเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุแต่ละท้องที่ นอกจากนี้ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายในการขับรถเร็วและเมาสุราหรือบรรทุกเกินกำหนด อย่างเด็ดขาด ที่สำคัญในแผนผู้ว่าทุกจังหวัดจัดโซนนิ่งในการเล่นน้ำสงกรานต์ ห้ามให้รถกระบะบรรทุกถังน้ำและสาดตามท้องถนน เนื่องจากการเกิดอันตราย เพราะมีสถิติอยู่กระทำเช่นนี้จะเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และจะมีความผิดตามกฎหมายอาญา ในฐานสร้างความเดือดร้อนหรือประมาทให้ผู้อื่นบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย ซึ่งการกำหนดโซนนิ่งให้เป็นดุลยพินิจของผู้ว่าฯ เนื่องจากแต่ละพื้นที่ในแต่ละจังหวัด จะมีสภาพลักษณะของจังหวัดและความเป็นเมืองท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน เพื่อรักษาและดำรงวัฒนธรรมไทยในเทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าผู้ขับขี่ที่ดื่มสุราจะมีความผิดแล้วผู้โดยสารที่ดื่มสุราในขณะเดินทางก็มีความผิดเช่นกัน โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 1 หมื่นหรือทั้งจำทั้งปรับ" พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าว
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาร่างแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนระยะที่ 4(2556-2559) มุ่งส่งเสริมกลไกเชิงระบบในการยกระดับมาตรฐานและเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ให้เป็นรากฐานสำคัญของสังคมไทย เพื่อพัฒนาประเทศไทยเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางท้องถนนในประชาคมอาเซียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น