เมื่อ 31 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุชาวบ้านทะเลาะวิวาทและยิงกันบริเวณหน้าโรงพักใกล้กับประตูทางเข้าห้องพนักงานสอบและห้องของผู้กำกับ สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา ท่ามกลางสายตาของตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในโรงพัก โดยหลังเกิดเหตุ ร.ต.ต.สุวิชา ปราบณรงค์ ร้อยเวร พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก ศรีคำอ้าย ผกก. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตภูมิ ที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปควบคุมเหตุการณ์
โดยจุดเกิดเหตุ พบร่างของผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 2 คนนอนจมกองเลือดอยู่หน้าสถานีตำรวจ คือ นายพิศ ทองรุจิ อายุ 50 ปี และนายภัสกร ทองรุจิ อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นพ่อลูกกัน จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลรัตภูมิ แต่เนื่องจากอาการสาหัสกระสุนถูกเข้าจุดสำคัญ แพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยนายพิศ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ลำตัว จำนวน 2 นัด ส่วน นายภัสกร ลูกชาย ถูกยิงเข้าบริเวณลำตัว จำนวน 6 นัด
ในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืน 9 มม.ตกอยู่ จำนวน 8 ปลอก และหัวกระสุนปืนอีก 2 หัวและซองใส่ปืนอีก จำนวน 1 ซอง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุคือ นายเจริญ ธรรมราช อายุ 60 ปี อดีตตำรวจที่ถูกให้ออกจากราชการ หลังก่อเหตุได้ยอมมอบตัวกับตำรวจแต่โดยดีพร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมได้ไปสงบสติอารมณ์ก่อนแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
โดยนายเจริญ มือปืนที่ก่อเหตุนั้นนอกจากเคยเป็นอดีตตำรวจแล้วยังเคยเป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ ซึ่งคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมีสายสัมพันธ์เป็นดองกัน โดยนายเจริญ มีศักดิ์เป็นพ่อตาของ นายภัสกร ที่ถูกยิงเสียชีวิตโดยแต่งงานอยู่กินกับลูกสาวจนมีลูกด้วยกัน 1 คน
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายเจริญ ได้พา นายสถาพร ธรรมราช อายุ 21 ปี ลูกชาย มาแจ้งความที่ สภ.รัตภูมิ เนื่องจากถูกนายภัสกร ลูกเขย ทำร้ายร่างกายโดยตีด้วยค้อนเข้าที่ศรีษะจนเลือดอาบหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเกี่ยวกับปัญหารถจักรยานยนต์ที่นายภัสกร ยืมไป เมื่อแจ้งความเสร็จ จึงได้ออกมายืนอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจ เพื่อรอเดินทางไปโรงพยาบาลรัตภูมิระหว่างนั้น นายพิศ ก็ได้พา นายภัสกร มาที่สถานีตำรวจเช่นกันเพื่อแจ้งความฐานถูกทำลายทรัพย์สิน
ทั้งสองฝ่ายจึงได้เกิดมีปากเสียงกันอีกครั้ง นายพิศ และนายภัสกร ลูกชาย จึงได้เข้าไปชกต่อยนายเจริญ และนายสถาพร เมื่อถูกชกนายเจริญ ชักอาวุธปืนที่พกมากระหน่ำยิงใส่ในระยะเผาขนจนหมดแม็กกาซีนต่อหน้าต่อตาตำรวจและชาวบ้านที่อยู่ภายในโรงพัก ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วโดยที่ตำรวจไม่ทันได้เข้าไปแยก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น