วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

คลังดิ้นหาเงิน จ่ายรถคันแรก เล็งล้วงคงคลัง เมื่อ 28 มี.ค.56


คลังดิ้นหาเงิน จ่ายรถคันแรก เล็งล้วงคงคลัง



คลังพล่านหาเงิน จ่ายคืนรถคันแรก หันฮั้วสรรพสามิตส่งรายชื่อผู้ได้สิทธิ์เดือน เม.ย.นี้ให้อยู่ในกรอบงบที่เหลือดำเนินการแค่ 392 ล้านบาท ส่วนที่เหลือไปลุ้นเอาดาบหน้า อ้าง “ขุนคลัง” ยังไม่ยอมเซ็นไฟเขียวล้วงเงินคงคลังมาใช้ แจงหวั่นถูกฝ่ายค้านนำไปโจมตีในสภา
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังเตรียมแนวทางการแก้ปัญหากรณีเงินงบประมาณไม่เพียงพอสำหรับจ่ายคืนเงินภาษีให้กับประชาชนผู้มีสิทธิ์ในโครงการรถคันแรกแล้ว โดยได้มีการตกลงกับกรมสรรพสามิตให้มีการส่งรายชื่อผู้มีสิทธิ์ในโครงการดังกล่าว ที่จะได้รับเงินคืนในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ให้อยู่ในกรอบวงเงินที่ยังเหลือสำหรับดำเนินการ ประมาณ 392 ล้านบาท จากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรในปีงบประมาณ 2556 ทั้งสิ้น 7,250 ล้านบาท จากผู้มีสิทธิ์ในเดือน เม.ย.นี้ จำนวน 4 หมื่นราย
           ทั้งนี้ ในส่วนของผู้มีสิทธิ์ที่เหลือของเดือน เม.ย. และเดือนต่อๆ ไป คงต้องรอจนกว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง จะเสร็จสิ้นภารกิจการอภิปรายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ในวันที่ 28-29 มี.ค.นี้เสียก่อน จึงจะสามารถเซ็นอนุมัติให้นำเงินคงคลังมาใช้ในการดำเนินการจ่ายคืนเงินโครงการรถคันแรกได้ เนื่องจากนายกิตติรัตน์ไม่ต้องการให้ฝ่ายค้านนำประเด็นดังกล่าวไปโจมตีว่าโครงการประชานิยมของรัฐบาลมีปัญหา เพราะที่ผ่านมารัฐบาลถูกฝ่ายค้านและนักวิชาการให้ความเห็นในเชิงลบกับโครงการรถคันแรกเป็นจำนวนมาก
          “ก่อนหน้านี้ กรมบัญชีกลางได้ดำเนินการจ่ายคืนเงินให้กับผู้มีสิทธิ์ในโครงการรถคันแรกไปแล้วจำนวนมาก จากวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2556 ที่ 7,250 ล้านบาท จนในขณะนี้มีวงเงินเหลือสำหรับดำเนินการในส่วนนี้เพียง 392 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงจำเป็นต้องเร่งหาทางออกอย่างเร่งด่วนเพื่อให้กระบวนการจ่ายเงินคืนให้กับผู้ที่ได้สิทธิ์ยังเป็นไปตามกำหนด” แหล่งข่าวกล่าว
          ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2556 จะต้องใช้เงินงบประมาณสำหรับจ่ายคืนเงินให้ผู้มีสิทธิ์ในโครงการรถคันแรกทั้งสิ้น 3.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลมีการตั้งงบสำหรับใช้ในการดำเนินการส่วนนี้เพียง 7,250 ล้านบาท ทำให้วงเงินส่วนที่เหลืออีก 3 หมื่นล้านบาท อาจต้องใช้จากเงินคงคลังทั้งหมด เนื่องจากก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้ทำเรื่องถึงสำนักงบประมาณเพื่อขอใช้งบกลางในการดำเนินการส่วนดังกล่าว แต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากต้องนำงบกลางไปใช้ในการลงทุนโครงการอื่นๆ ของรัฐบาล
    ด้านนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ยืนยันว่าผู้ที่ได้สิทธิ์ในโครงการรถคันแรกจะได้รับเงินคืนทุกคน โดยรัฐบาลจะใช้เงินคงคลังมาใช้จ่ายคืนให้กับประชาชน และการนำเงินคงคลังมาใช้ในส่วนนี้นั้นสามารถทำได้ เพราะถือว่าเป็นเงินภาษีรถยนต์ที่เก็บมาจากประชาชน และมาเก็บไว้ในเงินคงคลัง ดังนั้นเมื่อถึงเวลาก็นำมาคนให้กับประชาชนผู้ที่ได้สิทธิ์เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไข โดยหลังจากมีการดึงเงินคงคลังออกมาใช้ รัฐบาลจะต้องตั้งงบประมาณมาชดเชยในปีงบประมาณ 2557 เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า กรณีที่กระทรวงการคลังจะดึงเงินคงคลังมาใช้จ่ายคืนให้กับประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ในโครงการรถคันแรกนั้น ไม่น่าจะทำได้ โดยส่วนตัวมองว่าหากมีความจำเป็นต้องใช้จริง ควรออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หรือ พ.ร.บ. ในการนำเงินคงคลังออกมาใช้จ่ายในโครงการนี้เป็นการเฉพาะ และหลังจากนั้นรัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการตั้งงบประมาณมาชดเชย
          “การนำเงินงบประมาณมาใช้คืนเงินคงคลัง ก็เท่ากับเป็นการนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้ ดังนั้นหากเงินภาษีมีไม่เพียงพอ รัฐบาลก็ต้องไปกู้เงินมาใช้ชดเชยให้ได้” นายคำนูณกล่าว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น