สรุปข่าวที่น่าสนใจ
นักโทษเฮได้นอนบ้านใช้กำไลฝังชิพแทน
นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อ 4-5 ปี ที่ผ่านมา มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 89/1 ว่าด้วยผู้ต้องขัง ระหว่างการพิจารณาคดี ให้นำไปคุมขังที่อื่นได้แม้ไม่ใช่เรือนจำ และสถานที่ควบคุมให้เป็นไปตามปลัดกระทรวงยุติธรรมกำหนด ให้เป็นไปตามกฎกระทรวง และการแก้ไขมาตรา 89/2 ประมวลกฎหมายอาญา กรณีผู้ต้องขังที่มีความจำเป็นอาจเสียชีวิต หากต้องถูกควบคุมในเรือนจำหรือมีบิดามารดาอายุมากไม่มีบุตรหลานอื่นมาเลี้ยงให้มีสิทธิออกไปดูแลบิดามารดาได้ แต่ต้องเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาด ต้องโทษมาแล้ว 1 ใน 3 สามารถร้องขอผ่านกรมราชทัณฑ์ผ่านไปถึงศาล หรือร้องขอโดยตรงต่อศาล เพื่อขอทุเลา กรมคุมขังในเรือนจำออกไปควบคุมข้างนอกด้วยกำไล อิเล็กทรอนิกส์ (กำไลข้อมือฝังชิพ) หรือสถานที่ที่กำหนดไว้เฉพาะที่ไม่ใช่เรือนจำ ทั้งนี้ หากศาลอนุญาตให้ผู้ต้องขังออกไปภายนอกได้ จะเป็นหน้าที่ของกรมคุมประพฤติที่จะเข้ามาดูแลในการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ควบคุมไม่ให้เข้า ไปในสถานที่ต้องห้าม ส่วนกรมราชทัณฑ์จะมีหน้าที่รับคำร้องจากผู้ต้องขังเพื่อส่งศาลพิจารณา จึงเป็นหน้าที่ของผู้ต้องขังต้องอธิบายให้ศาลเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องออกไปภายนอก อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบจำนวนผู้ต้องขังที่สามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ ขอยืนยันว่าการออกกฎกระทรวงดังกล่าวไม่ได้เอื้อให้กับผู้ต้องขังรายสำคัญ เนื่องจากศาลจะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจในการปล่อยตัว
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 26/03/2013
สืบนครบาลรวบแก๊ง 5 โจ๋ปล้นแฟมิลี่มาร์ท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รอง ผบช.น. พร้อมหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก๊งวัยรุ่นก่อเหตุตระเวนปล้นทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ประกอบด้วย นายสุรศักดิ์ หรือ โจ้ ครึ้มกลาง อายุ 18 ปี หัวหน้าแก๊ง นายวุฒิชัย หรือ บ่าว อารีวงศ์ อายุ 21 ปี นายพงศ์พันธ์ หรือ บิ๊ก ประยูรพงษ์ อายุ 19 ปี นายคิว (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และน.ส.ชลธาร หรือ ตะวัน สุรภัฎ อายุ 18 ปี พร้อมของกลางรถจยย. 5 คัน โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง อาวุธปืนปลอมแบบออโตเมติก 1 กระบอก และมีดหัวตัดยาวประมาณ 1 ฟุตอีก 1 เล่ม ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ร่วมกันก่อเหตุขี่รถจยย.ตระเวนปล้นทรัพย์ร้านแฟมิลีมาร์ทมาแล้วทั้งหมด 7 คดี ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหามักก่อเหตุช่วงเวลา 00.30 – 03.00 น. จะเลือกเป้าหมายเฉพาะร้านแฟมิลี่มาร์ท นอกจากผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว ยังมีผู้ร่วมก่อเหตุกับแก๊งนี้อีก 2 คน คือนายหก และนายต้น อายุประมาณ 18 – 20 ปี หลบหนีการจับกุมอยู่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่พอจะได้เบาะแสของทั้ง 2 คนแล้ว กำลังติดตามจับกุมตัวอยู่คาดว่าน่าจะได้ตัวเร็วๆนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาปล้นทรัพย์ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ท้องที่เกิดเหตุล่าสุดดำเนินคดี และให้ สน.อื่นๆที่เคยก่อเหตุมาอายัดตัวไปดำเนินคดีด้วย
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 26/03/2013
“ปู” แจง 6 ข้อ – จำเป็นใช้เงินกู้ 2 ล้านล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra และผ่านทางwww.thaigov.go.th ชี้แจง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท มีใจความว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับภูมิภาค ทั้งประเทศเพื่อนบ้านและ ASEAN โดยแนวคิดรัฐบาล คือ 1. พัฒนาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศซึ่งขาดการลงทุนโครงการใหญ่มานาน 2. เชื่อมโยงแนวคิดภายใต้กรอบ Connectivity เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไทยเป็นศูนย์กลางยุทธศาสตร์อาเซียน และเกิดฐานการเชื่อมประชากร 600 ล้านคน ในการ สร้างโอกาสและรายได้ให้กับคนไทยและการใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนสู่อาเซียน 3. ประเทศไทยขาดการเชื่อมเส้นทางบก น้ำ อย่างการเชื่อมต่อให้ต้นน้ำซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบ ผ่านไปยังแหล่งอุตสาหกรรมซึ่งเป็นกลางน้ำไปยังปลายน้ำ ก็คือการส่งออกเพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง รวมถึงรุ่นระยะเวลาการเดินทาง ลดต้นทุนในการสูญเสีย 4. เชื่อมสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้จากเมืองต่างๆเข้าด้วยกัน 5. เพิ่มทางเลือกเชื่อมเส้นทางโดยสาร โดยรถไฟความเร็วสูง จากหัวเมืองไปยังชานเมือง ลดความแออัดให้คนกรุง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทำให้เมืองชนบทเจริญขึ้น และ 6. ตัวเลขเศรษฐกิจที่เป็น ผลลัพธ์ที่เห็นเป็นรูปธรรมที่ได้จากค่าขนส่งที่ลดลง 2% ในช่วงของการลงทุนมูลค่า GDP เพิ่มขึ้นโดย เฉลี่ยประมาณ 1% ต่อปี และการจ้างงานประมาณ 500,000 อัตรา ซึ่งจะส่งผลทั้งความแข็งแรง การหมุนเวียน เศรษฐกิจในประเทศอย่างเข้มแข็งต่อไปในอนาคต
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 26/03/2013
รุมชี้อันตรายคดีอัลรูไวลี่เตือน “ธาริต”
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ด้านการข่าวของหน่วยปฏิบัติการพิเศษดีเอสไอว่า กลุ่มเครือข่ายของผู้เกี่ยวข้องคดีดังกล่าวมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง หลังจากดีเอสไอยื่นเรื่องถอนประกันจำเลย รวมทั้งตนยังได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนๆ ในหลายวงการให้ระมัดระวัง เพราะคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญ อีกทั้งจำเลยยังเป็นนายตำรวจระดับสูง มีเครือข่ายทั้งฝ่ายดีและไม่ดีโดยส่วนตัวแล้วรู้สึกกังวลเป็นธรรมดาของปุถุชนเพราะเป็นครั้งแรกที่ภรรยาและลูกชายเอ่ยปากพูดเรื่องความปลอดภัยในการทำคดีตั้งแต่ทำงาน
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 26/03/2013
ลุ้น กนง.ลดดบ.3 เมษาฯ “โต้ง” หน่าย
นายสมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวว่า มาตรการที่ทาง ธปท. อาจจะนำมาดูแลค่าเงินบาทนั้นคือ 1.การเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาท 2.ลดดอกเบี้ยนโยบาย 3.มาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้า 4.ปล่อยไปตามกลไกตลาด สำหรับวิธีการแรก ทาง ธปท.ควรจะดำเนินการในระดับหนึ่งเนื่องจากการเข้าไปแทรกแซงนั้น ทำให้ ธปท.มีต้นทุน และตั้งแต่การแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาทในปี 2551 ทาง ธปท. ก็ขาดทุนจากการเข้าไปแทรกแซงแล้ว 5.3 แสนล้านบาท ส่วนวิธีการที่ 2 คือการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ได้ไม่คุ้มเสีย เนื่องจากการลดดอกเบี้ยนโยบายไม่ได้รับประกันว่าเงินทุนจากต่างประเทศนั้นจะไม่ไหลเข้าไทยหากจะต้องลดดอกเบี้ยนโยบายจริงๆก็ต้องลดลงมากๆเหลือเพียง 1% เพราะหากลดดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อย 0.25-0.5% จะไม่ได้ผลต่อการลดปริมาณเงินทุนไหลเข้า แต่หากลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากก็จะมีผลต่อฟองสบู่ในสินทรัพย์ต่างๆ ส่วนวิธีการที่ 3 มาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้านั้น เชื่อว่า ธปท.คงไม่ดำเนินมาตรการนี้ เนื่องจากมีบทเรียนมาแล้วจากในอดีตที่ส่งผลให้หุ้นตกวันเดียว 108 จุด
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 26/03/2013
ศาลปล่อย 2 นปช.ยกฟ้อง!เผาเซ็นทรัลเวิลด์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีวางเพลิงเผาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตามที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสายชล แพบัว อายุ 31 ปีและนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 29 ปี ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยที่ 1 – 2 ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนที่เก็บสินค้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 2 ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว ได้อธิบายให้จำเลยฟังว่าจำเลยถูกคุมขังมาเป็นเวลาอันสมควรแล้ว เกินกว่าระยะเวลาที่ศาลลงโทษจำคุก และศาลไม่ได้มีคำสั่งขังระหว่างอุทธรณ์ จึงจะออกหมายปล่อยจำเลยจากเรือนจำภายในวันที่ 25 มี.ค. แต่คดีนี้ถือว่ายังไม่สิ้นสุด อัยการโจทก์ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ขณะเดียวกัน มีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งพร้อมด้วยแกนนำนปช.มาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 26/03/2013
ปาปัวปลื้มยกย่อง “ปู” สตรีต้นแบบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติภารกิจเยือนประเทศปาปัวนิวกินีอย่างเป็นทางการเป็นวันที่ 2 ในเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เร็วกว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง) ที่ทำเนียบผู้สำเร็จราชการปาปัวนิวกินี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับนายไมเคิล โอกิโอ ผู้สำเร็จราชการในสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 แห่งปาปัวนิวกินี จากนั้นมีพิธีมอบสื่อการเรียนการสอนและหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทย ให้แก่มหาวิทยาลัยปาปัวนิวกินี จากนั้นเวลา 12.00 น. นายกฯเดินทางไปยังรัฐสภาเพื่อหารือทวิภาคีและหารือเต็มคณะกับนายปีเตอร์ โอนีล นายกฯปาปัวนิวกินี และร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามความตกลง 2 ฉบับ โดยนายกฯมอบชุดทดสอบเบื้องต้นให้แก่นายกฯปาปัวนิวกินี จากนั้นนายกฯทั้งสอง ร่วมกันแถลงข่าวโดยนายกฯปาปัวนิวกินี ยินดีต้อนรับภาคเอกชนไทยที่สนใจมาลงทุนและยืนยันความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในทุกด้านและเปิดรับนักลงทุนไทยสาขาต่างๆ นอกจากนี้ได้ชื่นชมบทบาทผู้นำในการบริหารประเทศของนายกฯ ซึ่งสตรีชาวปาปัวนิวกินีได้ยกย่องนายกฯให้เป็นสตรีต้นแบบ
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 26/03/2013
ตร.ถอนหมายจับ – สาวมอมยาผิดตัว
พ.ต.อ.ภูมิพัตน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ถอนหมายจับออกจากระบบผู้ต้องหาแล้ว ทั้งนี้ ความผิดพลาดเกิดจากนายวัชระวุฒิ ผู้เสียหายที่ถูกมอมยาและรูดทรัพย์สินไป ขณะที่เข้าแจ้งความมีอาการมึนเมามาก ประกอบกับการให้การของพยานแวดล้อมไม่ชัดเจน จึงทำให้เกิดการชี้ตัวผิดได้ ทั้งนี้ น.ส.ศศิธร ร้องเรียนมาว่าภาพตามหมายจับไม่ใช่ตนเอง ทางสภ.เมืองบุรีรัมย์ประสานไปยัง น.ส.ศศิธรเพื่อขอนัดพบดูตัวที่สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่นำนายวัชระวุฒิไปดูตัวด้วย ปรากฏว่าไม่ใช่อย่างที่นายวัชระวุฒิได้ชี้ตัวไปตอนแรก จึงสร้างความไม่พอใจแก่ น.ส.ศศิธร ซึ่งนายวัชระวุฒิพยายามขอโทษไกล่เกลี่ยแล้ว สำหรับเรื่องการติดตามจับกุมคนร้ายตัวจริง การสืบสวนสอบสวนอาจต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ทั้งการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ และการไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งจะประชุมวางแผนกันวันนี้ และเร่งตามหาตัวคนร้ายที่แท้จริงมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 26/03/2013
จ่อยึดทรัพย์บ่อน “แม่โห้”! ห้ามยักย้ายถ่ายเท
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร. กล่าวถึงการดำเนินคดีเจ้าของบ่อนการพนันที่ตำรวจกองปราบปรามเข้าจับกุม ว่า การดำเนินคดีกับนักพนัน และขยายผลจับกุมเจ้าของบ่อนเป็นหน้าที่ของนครบาลรับผิดชอบซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยจะพิจารณาด้วยว่าพฤติกรรมเข้าข่ายต้องยึดทรัพย์หรือไม่ ทั้งนี้ตามกฎหมายระบุว่าหากมีการจับกุมผู้เล่นพนันได้มากกว่า 100 ราย และมีเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท จะต้องประสานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ทำการยึดทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร.ได้กำชับเรื่องดังกล่าวหลายครั้งให้ทุกหน่วยดำเนินการปราบปรามอบายมุข และแหล่งพนันให้ชัดเจน ซึ่งต่อไปก็จะลงพื้นที่ตรวจอย่างเดียว
ร.ต.อ.(หญิง) สุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการ ปปง. (ฝ่ายปฏิบัติการ) กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมบ่อนการพนันขนาดใหญ่เมื่อกลางดึกวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ปปง. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ประสานข้อมูลกับตำรวจพื้นที่ทำงานควบคู่ไปด้วย เบื้องต้นได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินผู้ที่กระทำผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วว่ามีความสัมพันธ์กับใครบ้าง และเคยกระทำผิดหรือไม่บ่อนดังกล่าวเคยถูกจับกุมจะมีความเชื่อมโยงกับผู้กระทำผิดก่อนหน้านี้หรือไม่ หลังการจับกุมแล้วหากมีการจำหน่ายถ่ายโอนทรัพย์ไปให้ใครถ้าเป็นการช่วยกันจะต้องถูกดำเนินคดีอาญามีความผิดร่วมด้วย
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 26/03/2013
40 ส.ว.ออกโรงฮึ่มฟ้องศาลรธน.
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. ขอหารือในที่ประชุมวุฒิสภา ว่า หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้สไกป์เป็นเครื่องมือทำหน้าที่บริหารประเทศและร่วมประชุม ครม. สามารถใช้อำนาจในการปกครองประเทศจากบ้านพักในนครดูไบ กรุงลอนดอน รวมทั้งโรงแรมในฮ่องกง และเป็นที่ทราบว่าโครงการจำนำข้าว โครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ตลอดจนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ล้วนมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น การกระทำดังกล่าวเป็นการทำการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศในวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ดังนั้น ตนในฐานะเป็นผู้ทราบการกระทำดังกล่าวจะหารือกับเพื่อน ส.ว.เพื่อใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐมนตรีและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเลิกการกระทำดังกล่าว โดยจะเสนอในเร็วๆนี้
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 26/03/2013
ปลื้มเดลินิวส์ส่งต่อของขวัญ
ดร.ประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ กล่าวว่า หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และมูลนิธิแสง – ไซ้กี เหตระกูล ได้สานต่อโครงการ “เดลินิวส์ส่งต่อของขวัญ” ในโครงการที่ 7 ด้วยการสร้างห้องสมุดให้กับนักเรียน โรงเรียนวัดกกเต็น ต.ห้วยขมิ้น อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี สพป.สุพรรณบุรี เขต 3 เป็นโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ และขาดโอกาสในการพัฒนาห้องสมุด นอกจากนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่จะบ่มเพาะความรู้ทั้งในหนังสือจากห้องสมุดและค้นคว้าในระบบไอที ผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นการค้นคว้าให้เกิดการเรียนรู้อย่างไมรู้จบ เพื่อสอดรับกับการที่ประเทศไทย กำลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community) (อาเซียน อีโคโนมิค คอมมูนิตี้) หรือ AEC (เออีซี) ในปี 2558 ดังนั้นหากเป็นไปได้ขอเปลี่ยนจากการรับกระเช้าของขวัญ หรือช่อดอกไม้ที่จะนำมาแสดงความยินดีในวันครบรอบการก่อตั้งหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ในวันที่ 28 มี.ค. 2556 ซึ่งเป็นวันครบรอบปีที่ 49 และกำลังก้าวสู่ปีที่ 50 ขอเปลี่ยนเป็นเงิน เพื่อนำเข้าบัญชี มูลนิธิแสง –ไซ้กี เหตระกูล ซึ่งจะนำไปใช้ในการก่อสร้างห้องสมุดให้เด็กชนบท หรือจะเป็นสมุด หนังสือแบบเรียน เครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียน สื่อการเรียนการสอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กีฬา ของเล่นเด็กเล็ก หรือแม้กระทั่งจักรยานให้เด็กได้ขี่มาโรงเรียน
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 26/03/2013
หนุน สธ. ใช้ระบบ “P4P”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ตัวแทนแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลศูนย์ (รพศ.) /โรงพยาบาลทั่วไป (รพท.) และตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ประมาณ 4,000 คน นำช่อดอกไม้ และป้ายเขียนข้อความให้กำลังใจและสนับสนุนให้มีการจ่ายค่าตอบแทนตามภาระงานหรือ พีฟอร์พี (Pay for Perfermance : P4P) มาชุมนุมบริเวณลานด้านหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจและสนับสนุน นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) และ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. ให้เดินหน้าเรื่อง p4p ที่จะมีผลในวันที่ 1 เม.ย. 2557
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 26/03/2013
เตือนหุ้นไทย “ขึ้น – ลง” แรง
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัดกล่าวในรายการ Market Wise “กรุงเทพธุรกิจทีวี” วานนี้ (25 มี.ค.) ว่า ตลาดหุ้นไทยมีความผิดปกติมา 3 – 4 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กปรับตัวขึ้น 100 – 200% ในระยะเวลาอันสั้น โดยมีกลุ่มนักลงทุนบางกลุ่มใช้จังหวะนี้ทำให้ราคาหุ้นสูงจนผิดปกติ ความผิดปกติของดัชนีตลาดหุ้นไทย เห็นได้ชัดเจนจากการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนภาพชัดเจนว่ามีการเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กที่ไม่มีข้อลูกการลงทุน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ฯ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยอยู่ระหว่างการจ้างบริษัทที่ 3 เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ในการวิเคราะห์หลักทรัพย์เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นข้อมูลให้กับนักลงทุนใช้ตัดสินใจในการลงทุน โดยคาดว่าจะครอบคลุมบทวิเคราะห์เพิ่มเป็น 250 บริษัท
ด้านนายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินลงทุนบุคคล บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นหลังจากที่ปรับลดลงแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็มีแนวโน้มจากนี้ดัชนีจะผันผวนแรงจากการเข้าออกของกระแสเงินทุน ทั้งเงินลงทุนต่างชาติ และเงินลงทุนในประเทศ นักลงทุนจึงต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 26/03/2013
รถคันแรกเดี้ยง
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลางยังไม่ทราบว่าจะนำเงินจากที่ไหนมาจ่ายคืนให้กับผู้ได้สิทธิทางภาษีในโครงการรถคันแรกในเดือน เม.ย.นี้ เพราะงบประมาณที่ตั้งไว้เหลือไม่พอจ่ายให้กับผู้ซื้อแล้ว ขณะนี้กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างหาเงินจากหน่วยงานต่างๆที่ได้ไป และไม่ได้ใช้งบ มาจ่ายให้กับผู้ที่ได้สิทธิรถคันแรกให้ได้ตามเงื่อนไขที่รัฐบาลตกลงไว้
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรมบัญชีกลางได้เตรียม 4 แนวทางที่จะนำเงินมาจ่าย คือ 1. ขอเบิกจากงบฉุกเฉินกลาง โดยขอเกลี่ยจากส่วนราชการที่ยังไม่ได้ใช้ 2. ขอแปรญัตติงบประมาณ 3. ใช้วิธีการกู้เงิน 4. การขอใช้เงินคงคลังที่มีอยู่ 3 แสนล้านบาท ออกมาใช้ก่อน ทั้งนี้แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับที่นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เตรียมแก้ปัญหาโดยจะใช้เงินคงคลังไปจ่ายคืนให้กับผู้ใช้สิทธิไปก่อนในกรณีไม่สามารถเบิกจากงบกลางได้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้กระทบกับนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 26/03/2013
นักลงทุนกระหน่ำซื้อบอนด์ระยะสั้นไม่สนราคาดิ่ง
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานการเคลื่อนไหวตลาดพันธบัตร ล่าสุดในช่วงวันที่ 11 – 15 มี.ค. พบว่า ยอดคงค้างตราสารหนี้ภาครัฐอยู่ที่ 6.7 ล้านล้านบาท ลดลง 5.1 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ยอดคงค้างพันธบัตรกลับเพิ่มขึ้นถึง 7.72 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน นอกจากนี้ ยังพบว่า ความต้องการลงทุนในตลาดพันธบัตรระยะสั้นภาครัฐยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องมากกว่าพันธบัตรประเภทอื่นๆ ทำให้การประมูลพันธบัตรของ ธปท. อายุ 14 วัน อายุ 1 เดือน และอายุ 3 เดือน มีอัตราผลตอบแทนต่ำกว่าอัตราอ้างอิงหรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งอยู่ที่ 2.75% เล็กน้อย โดยอยู่ที่ 0.06% 0.057% และ 0.025% ตามลำดับ ขณะที่พันธบัตรอายุ 6 เดือน มีอัตราผลตอบแทนใกล้เคียงกับอัตราอ้างอิงพันธบัตรอายุ 3 ปี มีผลตอบแทนสูงกว่าอัตราอ้างอิง 0.073% พันธบัตรรัฐบาลอายุ 25 ปี ผลตอบแทนต่ำกว่าราคาอ้างอิง 0.017%
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 26/03/2013
รวบรวมโดยทีมงาน www.bangkokvoice.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น