วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ยกระดับไล่ เมื่อ 5 พ.ย.56

ยกระดับไล่


 ผลแห่งการกระทำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ สาวไปได้ถึงต้นเหตุในวันที่คนไทยลุกขึ้นมารวมพลังกันอีกครั้ง นั่นคือ การคอร์รัปชันโกงกิน ที่สำนึกร่วมของประชาชนเห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกันต่อการคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ล้างผิดคนโกงอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้บริสุทธิ์ไร้มลทิน 
    พลังคนไทยที่ถูกผนึกขึ้นอีกครั้งในทุกภาคส่วนของสังคม  ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนที่ลุกขึ้นมาชุมนุมที่อุรุพงษ์ แล้วผนึกรวมกำลังกับกลุ่มสีลม หรือกลุ่มประชาชนที่สถานีรถไฟสามเสน ที่ยกระดับไปสู่การปักหลักถนนราชดำเนิน 
    กลุ่มประชาชนเหล่านี้คือ กลุ่มปฏิบัติการประชาธิปไตยทางตรงอย่างเป็นรูปธรรม พวกเขาเหล่านี้ตระหนักตื่นรู้ ถึงสิทธิ์อันชอบธรรมในการชุมนุมโดยสงบ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญตามหน้าที่พลเมือง ที่คอยกำกับตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐบาลอย่างเต็มกำลัง ควบคู่ไปกับการเกิดเครือข่ายต้านกฎหมายนิรโทษในแต่ละจังหวัด ที่กำลังจุดติดเป็นไฟลามทุ่งในทั่วทุกภาค  
    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น นับเป็นการสร้างแรงกระเพื่อมในสังคมไปทุกส่วน ทั้งบุคลากรทางการแพทย์สาธารณสุข หมอ -พยาบาล โรงพยาบาลรัฐและเอกชน  ขณะเดียวกันในแวดวงวิชาการ บุคลากรที่สำคัญในวงการศึกษาหลักของประเทศ  อย่างอธิการบดีมหาวิทยาลัยในประเทศทั้ง 25 มหาวิทยาลัย  อาทิ ม.ธรรมศาสตร์, ม.ศรีนครินทรวิโรฒ, ม.วลัยลักษณ์ฯ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
     ม.เกษตรศาสตร์, ม.ขอนแก่น, ม.เชียงใหม่, ม.มหิดล,  ม.สงขลานครินทร์, ม.ศิลปากร, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า), ม.แม่ฟ้าหลวง, ม.แม่โจ้, ม.มหาสารคาม, ม.บูรพา, ม.พะเยา ฯลฯ ต่างร่วมลงนามคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้อย่างถ้วนหน้า
    นอกจากนี้ ยังเกิดปรากฏการณ์แนวรบด้านออนไลน์ที่ตื่นตัวอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มโซเชียลมีเดียที่เรียกได้ว่า เป็นเครื่องมือสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นำไปสู่การออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนที่มีแนวคิดไปในทางเดียวกัน  นัดหมายสื่อสารสร้างพลังทางการเมืองผ่านออนไลน์ หรือการเปิดพื้นที่ให้มีส่วนร่วมโดยตรง โดยเห็นได้จากแคมเปญรณรงค์ "ล้านชื่อหยุดกฎหมายล้างผิดคดีโกง" ที่ชาวโซเชียลออนไลน์แห่ลงชื่อกันไปแล้วกว่า 4.6 แสนรายชื่อ ภายในระยะเวลา 5 วันที่เริ่มรณรงค์หยุดกฎหมายล้างผิดใน  www.change.org  
    ปฏิกิริยาของผลกระทบดันสุดลิ่ม พ.ร.บ.นิรโทษกรรม  กลายเป็นกระแสโหมต้านคนโกงในสังคมไทย ที่ผนึกกำลังรวมกันทุกภาคส่วนทั้งธุรกิจ-เอกชน เป็นเสียงสัญญาณที่  ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายทาสในเรือนเบี้ยตระกูลชิน ต้องสดับตรับฟังถึงวิถีการเมืองที่เรียกว่า อำนาจเผด็จการสภาฯ  ตัดสินด้วยเสียงข้างมาก ที่ใช้ไม่ได้กับการเมืองยุคยิ่งลักษณ์ ในวันนี้ 
    เพราะเสียงข้างมากลากถูกฎหมาย มัดมือชกอย่างเหิมเกริม หวังแต่เพียงประโยชน์ส่วนตน กำลังถูกสั่งสอนจากประชาชนเจ้าของประเทศ ยิ่งย่ามใจใช้อำนาจโกงกินบ้านเมือง นำพาชาติเสียหาย ยิ่งต้องไม่เสียเวลาขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ออกไปโดยเร็ว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น