วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี!!!เมื่อ 23 พ.ย.56



ถ้าหากเป็นภาษามวย...คงต้องเรียกว่า ถึงขั้นคายฟันยาง ขาแกว่ง ตีนขวิด เดินกลับหามุมตัวเองแทบไม่เจอ ออกอาการมึนซ์ซ์ซ์ๆ เบลออ์อ์อ์ๆ เอ๋ออ์อ์อ์ๆ ไปทั่วทั้งคณะรัฐบาล และสมาชิกรัฐสภากว่า 300 พระหน่อ แถมบรรดามวลชนที่ถูกกำหนด กฎเกณฑ์ ให้ระดมกันมาเป็นแสนๆ ณ สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ตามยุทธศาสตร์เดินสองขา กลับขาเดี้ยง ขาพิการ เผ่นกลับไปตั้งแต่ 6 โมงเย็นหลังเคารพธงชาติ งานนี้...เลยคงไม่ต้องเสียเวลาไปนับคะแนน มีแต่จะต้องถามว่าแล้วจะ น็อก กันซักเมื่อไหร่ ตอนไหน...
                  ----------------------------------------------------------
    ในเมื่อ กรรมชั่ว หรือการกระทำที่ขัดกับกฎหมาย ระเบียบ ประเพณี อันดี การกระทำอันสะท้อนให้เห็นถึงความจงใจในการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้รับการพิสูจน์ ยืนยัน โดยชัดเจนแล้ว จากศาลรัฐธรรมนูญ ก็เหลืออยู่แต่บรรดาองค์กรต่างๆ ซึ่งมีความผูกพันอยู่กับคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลแห่งนี้ ตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญได้บัญญัติเอาไว้ จะนำผลแห่งคำวินิจฉัยดังกล่าวไป บังคับใช้ กันเมื่อไหร่ และอย่างไร เท่านั้นเอง และนั่นเท่ากับว่า...ไล่มาตั้งแต่คณะรัฐมนตรีในรัฐบาล ตลอดไปจน ส.ส. และ ส.ว.ทั้งหลาย ที่มีส่วนร่วมในการประกอบ กรรมชั่ว เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ไม่มี เงาหัว เหลือติดตัวไปด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อมาถึง ณ ขณะนี้...
                  ---------------------------------------------------------
    พูดง่ายๆ ว่า...เมื่อไหร่ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบ คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น เรียบร้อย และอย่างเป็นทางการ โอกาสที่จะได้เห็น การตายยกแผง การสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส.และ ส.ว. ตลอดไปจนถึงสภาพความเป็นคณะรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ คือไม่ต้องเสียเวลาไปรวบรวมคะแนน นับคะแนนใดๆ ต่อไปอีกแล้ว เนื่องจากบรรดานักชกมุมแดงนับเป็นร้อยๆ ต่างนอนพะงาบๆ สิ้นสติสมประดี ก่ายกันอยู่บนเวที ชนิดต่อให้นับถึงร้อยก็ยังไม่คิดจะลุกขึ้นมาเช็ดนวมเอาเลยแม้แต่น้อย ส่วนบรรดาแกนนำมวลชนทั้งหลายที่เคยกู่ก้องร้องตะโกนอยู่ในสนามราชมังคลาฯ ว่า เราชนะแล้ว...แม่จ๋า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญท่านไม่ได้หยิบเอาเรื่องของ การยุบพรรค มาพิจารณาให้เสียเวลา มาถึงบัดนี้ จะไปฉุดกระชากลากถูมวลชนทั้งหลาย ให้กลับมารวมตัวกันในแบบ แดงทั้งแผ่นดิน เหมือนแต่ก่อน ก็ออกจะยากซ์ซ์ซ์ลำบากยากเย็นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
               ---------------------------------------------------------------
    ทั้งนั้น ทั้งนี้ ก็คงไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า ผลแห่งการกระทำ หรือ กรรม ที่ตัวเองได้กระทำเอาไว้นั่นเอง คือจากที่เคยแสดงอาการเจ็บปวด รวดร้าว ต่อการที่รัฐบาลทรยศ หักหลัง มวลชนเสื้อแดงกันแบบจะจะโต้งๆ ในกรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง แต่จู่ๆ ดันมาตีลังกากลับแบบ 360 องศา ใส่เกลียวซัมเมอร์ซอลท์อีก 3 รอบครึ่ง หันกลับมา จูบปาก รัฐบาล เรียกร้อง เพรียกหามวลชน ให้ออกมาปกป้องรัฐบาลที่เพิ่งทรยศมวลชนของตัวเองไปหมาดๆ หลังจากที่แต่ละรายได้รับ กล่องขนม กันไปคนละกล่อง สองกล่อง แล้วแบบนี้...มวลชนที่ไหนเค้าจะเอาด้วย อย่างมาก...คงได้แต่ยอมกล้ำกลืน ฝืนทน เดินทางมารับ ค่าขนม ในช่วงลงทะเบียนตอนเช้าๆ บ่ายๆ พอดวงตะวันเริ่มคล้อยๆ หลังเคารพธงชาติเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเป็นไปในแบบ...ทางใครก็ทางมัน หรือบ้านใครก็บ้านมัน ส่งผลให้การชุมนุมที่เคยกะว่าจะยืดเยื้อไปอีกซักวันสองวัน มีอันต้องเก็บฉาก เก็บกล่อง สูญสลายหายตัวไปก่อนกำหนดการ...
               ----------------------------------------------------------------
    สรุปเอาเป็นว่า...ยุทธศาสตร์ 2 ขา เมื่อมาถึงขั้นนี้ ไม่ว่าขาซ้าย ขาขวา ขาพรรคการเมือง หรือขามวลชน น่าจะเดี้ยงไปแล้วทั้ง 2 ข้าง พรรคการเมืองนั้นแม้จะไม่ถึงขั้นยุบพรรค แต่บรรดา ส.ส.จำนวนกว่า 300 พระหน่อ น่าจะสิ้นสภาพไปแล้วโดยทางพฤตินัย และนั่นเท่ากับรัฐบาลทั้งรัฐบาล ก็คงไม่หลงเหลือสภาพ ความเป็นรัฐบาล อีกต่อไปแล้ว ส่วนบรรดามวลชนที่เคยคึกคัก เข้มแข็ง ปานประดุจผนังทองแดง กำแพงเหล็ก อันเนื่องมาจากความหลงผิด หลงเชื่อ ในวาทกรรมว่าด้วยเรื่อง อำมาตย์ และ ไพร่ มาถึง ณ ขณะนี้ ก็คงได้รับข้อพิสูจน์ ยืนยัน โดยไม่ต้องเสียเวลาอธิบายใดๆ ว่า บรรดา ไพร่ ที่แปลงสภาพตัวเองขึ้นไปเป็น อำมาตย์ นั้น เอาเข้าจริงแล้ว...น่าจะเลวร้าย ชั่วร้าย ซะยิ่งกว่าอำมาตย์ธรรมดาๆ ไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า...
               ------------------------------------------------------------------
    ในเมื่อทั้งขาซ้าย ขาขวา หมดเรี่ยว หมดแรง หมดสภาพลงไปเช่นนี้...จะยังมัวยืนบิดไป บิดมา อยู่บนเวทีให้ต้องเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว กันอีกทำไม เหลือแต่ต้องหามุมสงบๆ หาพื้นเวทีที่เหมาะๆ ทรุดตัวลงไปนิทรา สิ้นสติสมประดี อย่างเป็นงานเป็นการ โดยไม่จำเป็นต้องไปฟังเสียงกรรมการนับหนึ่งถึงสิบอีกต่อไป ส่วนประเภทที่ยังคิดจะฮึดๆ ฮัดๆ ปากกล้าแต่ขาเดี้ยงไปหมดแล้วทั้งสองขา แต่ยังอุตส่าห์พึมๆ พำๆ ออกมาทั้งๆ ที่ตาค้าง ตาลอย ว่าจะไม่ยอมรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญบ้าง จะเริ่มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับบ้าง จะเดินหน้าเป็นรัฐบาลต่อไปโดยไม่คิดจะยุบสภาฯ บ้าง ฯลฯ อันนี้...คงต้องระวังเอาไว้ว่า ระหว่างพูดไป-พูดมา ทั้งๆ ที่ยังสะลึมสะลือ เผลอๆ ฟันยางอาจหลุดเข้าคอ ไม่ใช่แค่ น็อก เท่านั้น แต่อาจถึงขั้นเด๊ดสะมอเร่ อิน เดอะ เท่งทึง เอาง่ายๆ...
             --------------------------------------------------------------------
    ทั้งนั้น ทั้งนี้ เนื่องจากไม่ใช่แต่เฉพาะ กฎหมาย ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ที่ทำให้ตัวเองต้องร่วงลงไปกองกับพื้นเวทีอยู่ในขณะนี้ แต่ยังมี กฎแห่งกรรม ที่กำลังดลบันดาลให้อารมณ์ความรู้สึกของผู้คน ซึ่งน่าจะมีจำนวนฝ่าตีนไม่น้อยไปกว่า 2 ล้านตีน รอคิวที่จะตามมากระทืบให้จมธรณีซะอีกต่างหาก!!! ด้วยเหตุนี้...อย่าไปเสียเวลาฮึดๆ ฮัดๆ คิดจะโงหัวขึ้นมาเต้นย้อกๆ แย้กๆ ต่อไปอีกโดยเด็ดขาด สู้หันไปหลับนิทรา สิ้นสติสมประดี ฟังกรรมการนับไปถึงร้อย ถึงพัน โดยไม่ต้องบาดเจ็บมากไปกว่านี้น่าจะเข้าท่ากว่าเป็นไหนๆ...
              -------------------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Karl Marx (อีกครั้ง...อีกครั้ง...และอีกครั้ง)... “Success, arrogance and injustice, then downfall.- ความสำเร็จ ความหยิ่งยโส และความอยุติธรรม จะเกิดก่อน...จากนั้น ความหายนะจะตามมา...”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น