วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

'แผน-เป้าหมาย' ใหญ่กว่าชุมนุม "แล้วเอาไงต่อ?"เมื่อ 2 พ.ย.56

'แผน-เป้าหมาย' ใหญ่กว่าชุมนุม "แล้วเอาไงต่อ?"


ทุกคนในประเทศวันนี้ ไม่เว้นกระทั่งทักษิณ-ยิ่งลักษณ์  นปช. เสื้อเหลือง เสื้อแดง พวกล้มเจ้า ไม่ล้มเจ้า เอาทักษิณ  ไม่เอาทักษิณ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักวิชาการ สมณะชีพราหมณ์ ยาจก วณิพก ขอทาน มารและเทพ
    ไม่มีใครที่ไม่อยากรู้ว่า เมื่อสภาทาสเพื่อไทย "ลักหลับ" สังคมชาติตอนตี ๔ ของคืนที่ ๑ พ.ย.๕๖ ด้วยพฤติกรรมรุมโทรมระบบนิติรัฐ ผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดหัว-สุดตีนทักษิณ สำเร็จความใคร่ครบ ๓ วาระแล้ว
    "จะเอาไงต่อ?"
    คำถามไม่แปลก แต่แปลกตรงว่า "ทุกไทย" แทนที่จะถามฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย กลับหันหน้า-ตาจ้องไปถามประชาธิปัตย์ ถามอภิสิทธิ์ ถามสุเทพ ถามทุกคนในพรรคประชาธิปัตย์
    "แล้วเอาไงกันต่อ?"
    คำถามเช่นนี้ เป็นคำตอบในตัวอย่างหนึ่งว่า การที่รัฐบาลเพื่อไทยอาศัยสภาฯ เป็นเครื่องทรงประชาธิปไตย แต่ใช้สันดานเผด็จการระบอบทักษิณออกกฎหมายนิรโทษกรรม ฉบับสุดซอยนั้น
    "ข้อดี" ที่เกิดขึ้นทันตาเห็น คือ ทำให้ประชาชนคนไทยที่เคยแตกแยกเป็นเหลือง-เป็นแดง คืนกลับเป็นคนไทยร่วมธงไตรรงค์ผืนเดียวกันอีกครั้ง 
    เพราะทนไม่ได้ รับไม่ได้ กับที่ทักษิณหลอกใช้ หลอกให้ไปเอาประชาธิปไตยกลับมา ด้วยการฆ่าทหาร-เผาบ้าน-เผาเมือง เปลี่ยนแผ่นดินเป็นแดง
    เสร็จแล้ว ตัวเองกับโคตรเหง้ากลับใช้เผด็จการโจรสภา ฯ ออกกฎหมาย "ล้มล้าง" ระบบกฎหมายทั้งหมด ล้างโทษ-ล้างผิด-ล้างคดี ให้ตัวเอง 
    แถมเรียกเอาเงินคืนจากประเทศอีกกว่า ๕ หมื่นล้าน!
    ทุกอย่าง มันชัดขึ้นทุกวันว่า ทักษิณและยิ่งลักษณ์ ไม่มีความจริงใจที่จะทำให้ประชาชนกินดี-อยู่ดี พ้นจากความยากจนตามที่พูด ตรงกันข้าม มีแต่ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์และคณะพรรค อยู่ดี-กินดี ร่ำรวยกันถ้วนหน้า
    ท่ามกลางเสียงก่นด่า และพูดจาตำหนิกันทั้งประเทศและทั้งโลกว่า รัฐบาลนี้ บริหารเต็มไปด้วยทุจริต-คอร์รัปชัน ทุกขั้นตอนและทุกนโยบายที่ออกมาใช้ จนไทย "โกงติดอันดับโลก"
    การออกกฎหมายนิรโทษตามอำเภอใจครั้งนี้ ถือเป็น "ฟางเส้นสุดท้าย" บนหลังประชาชน น้อยคนนักที่จะยอมทนให้ทักษิณหลอกใช้ หลอกทำร้าย-ทำลายประเทศต่อไปอีก
    ดังนั้น ในทันทีที่รัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ สั่งสมุน ส.ส.ใช้เสียงข้างมากหักหาญผ่านกฎหมายในสภาฯ คืนวานซืน 
    ความอดทนกับระบอบทักษิณในหมู่ประชาชน ก็...ขาดสะบั้น! 
    จากเคยรัก กลายเป็นแค้นที่ถูกหลอก และแค้นนี้ ไม่เป็นแค้นเฉพาะคนที่เอา-ไม่เอาทักษิณเท่านั้น มันกลายเป็น "แค้นร่วมกัน" ของพี่น้องประชาชนร่วมชาติไปทันที!
    นี่คือ "ข้อดี" ในความริยำพฤติกรรมนักการเมืองระบอบทักษิณ ทำให้ประชาชนตาสว่าง หางที่เห็นรางๆ แต่ก่อน นึกว่าเป็นด้ามธงนำทางสู่ประชาธิปไตย 
    แต่ตอนนี้ "ตาสว่าง" เห็นชัดกันแล้วว่า ไม่ใช่ด้ามธง หางหมาก็ไม่ใช่ เพราะความเข้มข้นแห่งจัญไร มันถึงระดับ
    "หางเหี้ย"!
    ส่วน "ข้อเสีย" คงไม่ต้องจาระไนซ้ำซาก ถ้ายอมให้ระบอบทักษิณครองประเทศ วันไหนที่ทักษิณและโคตรวงศ์พงศาปรารถนาสิ่งใดในสยามประเทศ
    กระดิกตีนสั่งรัฐสภาทาส "เฮ้ย...อ้ายสมศักดิ์ ไปออกกฎหมายเวนคืน-ออกกฎหมายขายประเทศมาให้ข้าเดี๋ยวนี้  เร็ว ๓ วาระรวดนะ" 
    "คะๆๆๆๆๆ ครับบบบบๆๆๆๆ นาย"!
    ใคร-คนไหน มีโทษ มีคดีอะไร จะฆ่าคนตาย จะโกงกินใคร ขายยา-ขายชาติ ไม่เป็นไร สั่งรัฐสภาทาสออกกฎหมายนิรโทษให้ 
    เพราะอำนาจรัฐบาล-อำนาจรัฐสภา อยู่ในกำมือข้า สั่งปั๊มเป็นกฎหมายให้ได้ ไม่ต้องไปสนใจระบบ-ระบอบศาลอีกต่อไป 
    ใครถาม "นางสำมนักขา" ว่า ทำไมทำจัญไรกันอย่างนี้ ก็ให้ตอลี้-ตอแหลตอบว่า "รัฐบาลไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของรัฐสภาค่าาาาา คนละหน้าที่กัน"
    นี่...อนาคตประเทศ ถ้าคนไทยยอมอยู่ใต้ระบอบทักษิณจะเป็นอย่างนี้ ก็พอดีความหนักของ "ฟางเส้นสุดท้าย" ที่ตกใส่หลังคนไทย 
    มัน "หนักเกิน" ที่คนไทยจะทนแบกได้อีกต่อไปแล้ว!
    ประชาชนวันนี้จึงต้องหันหน้ามาถามประชาธิปัตย์ไงล่ะว่า......แล้วจะเอาไงกันต่อ?
    ผ่านวาระ ๓ แล้ว จะปล่อยเลยตามเลย..... 
    ปล่อยตามแต่โชคชะตาฟ้าดินจะกำหนด หรือพวกเราคนไทยในนาม "ประชาชน" จะร่วมกันกำหนดเส้นทางอนาคตประเทศกันเองต่อจากนี้ ชนิดมีเป้าหมายเข้มข้น?
    ก็มีหลายเวทีที่ทำหน้าที่พิทักษ์ประเทศ ทั้งที่สวนลุมฯ  กลุ่มสันติอโศก ทั้งที่อุรุพงษ์ โดยคุณนิติธร ล้ำเหลือ และที่สถานีสามเสนโดยประชาธิปัตย์ ซึ่งคัดท้ายในสภาฯ แล้ว กำลังน้อยสู้เขาไม่ได้ 
    จึงออกมาตั้งเวทีรวบรวมมวลประชาอยู่สถานีสามเสน สู้กับอสูรมารที่ ยึดบ้าน-ยึดเมือง-ยึดสภาฯ อยู่เวลานี้!
    สดับตรับฟังทิศทางทั้งหางเสียงและหัวเสียงแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีกลุ่มมิตรมากมวลชน ก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนหลากหลาย ด้วยเป้าหมายต้านระบอบทักษิณกินเมืองตรงกัน เช่น กลุ่มเครือข่ายประชาชน ๗๗ จังหวัด โดยอาจารย์สมเกียรติ-สุริยะใส เป็นต้น
    ก็นั่นแหละ ถามย้ำกันอยู่ในคำเดิม "แล้วจะเอาไงต่อ?"
    แค่แบกความแค้นคับในความระยำยับระบอบทักษิณมารวมกันนั่งฟังปราศรัยไป-มา คืนแล้ว คืนเล่า มันก็ชักเหงา และเซ็ง เพราะเร่งเครื่องใส่เกียร์ ๕ มา แต่ก็เดินหน้าต่อไม่ได้
    ตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องคิดสำหรับผู้นำกลุ่มชน ฝ่ายอสูรยังไงก็ได้เปรียบในฐานะ เป็นฝ่ายกุมอำนาจรัฐ ใช้อำนาจรัฐสั่งการอยางนั้น-อย่างนี้ แล้วบอกว่า "นี่คือกฎหมาย" ได้
    แต่ฝ่ายหนุมานอาสา มีขีดจำกัดมากมาย กระดิกอะไรก็ผิดกฎหมายไปทั้งนั้น อย่างเก่ง ทำได้แค่แสดงปฏิกิริยามวลชน แค่ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ 
    แล้วจะยืนระยะได้อย่างไร ในขณะที่นาฬิกาฝ่ายรัฐบาลบอกวัน-เวลาสุดท้ายให้ได้ แต่นาฬิกาฝ่ายประชาชนต่อต้านเผด็จการระบอบทักษิณ มีแค่เข็มสั้นชี้วัน-เวลา ชั่วนา-ตาปี เข็มยาวไม่มีมาบรรจบเลข ๑๒ ซักที 
    อย่างนี้ก็....รอจนเซ็ง!
    เวิ้งว้าง-ว่างเปล่าในเป้าหมาย มวลชนหน่าย เอาแต่ชุมนุมวันแล้ว-วันเล่า "แล้วจะเอายังไงต่อ" ก็ตอบไม่ได้
    ลงท้าย "ฝ่อตาย" ก่อนตำรวจกระทืบตาย!
    เห็นคุณสุเทพ ณ สถานีสามเสนบอกว่า ๑.ไม่มีการเคลื่อนขบวนชุมนุม ๒.ไม่มีการเจรจาต่อรองรัฐบาล ๓.รอให้ประชาชนมาชุมนุมมากๆ แล้วค่อยถามมติ ๔.จะปล่อยให้ประชาชนคนคิดเอง
    "อ้าว...จะชุมนุมเพื่อฟังและชิมอาหาร ๔ ภาคตลอดไป จนกว่าทักษิณ-ยิ่งลักษณ์เบื่อหน่ายอำนาจแล้วเลิกราจากการเป็นรัฐบาลไปเองงั้นหรือ?"
    นี่อาจเป็นคำถามแทรกจากผู้ชุมนุมที่ยังยืนคำถามว่า "แล้วเอาไงต่อ เมื่อรัฐบาล+รัฐสภาเดินหน้าวาระ ๓ รอเข้าวุฒิสภา เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไปอย่างนี้?"
    หรือทุกอย่าง เอาไปกองไว้ที่ "ศาลรัฐธรรมนูญ" แล้วนอนรอคำวินิจฉัย นั่นคือภารกิจที่ประชาธิปัตย์ทำได้นอกจากสู้ในสภาฯ และที่สถานีสามเสน
    ไม่ใช่ขัดคอ-ขัดขา แต่ฝากให้คิด เมื่อประชาธิปัตย์ "เปิดหน้าชก-เดินหน้าชน" อย่างนี้ หมายความว่าพร้อมแล้ว ทั้งคน-ทั้งแผน ถ้านำพลาด อนาคตประชาธิปัตย์ก็จะจบทั้งในและนอกสภาฯ ต่อจากนี้
    ก่อนที่ "มหาชนนำประเทศไป" ประชาธิปัตย์ซึ่งเป็น "ขาใหญ่" จะต้อง "นำมหาชน" เดินหน้า จากซอกหลืบริมทางรถไฟ โดยมี "เป้าหมาย" เป็นป้ายจอด 
    เป็น "พญามังกร" จะต้องไม่คะนองน้ำอยู่ในหนองอย่างนี้!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น