วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

กระบวนการปฏิรูปได้เริ่มต้นแล้ว เมื่อ 18 พ.ย.56

กระบวนการปฏิรูปได้เริ่มต้นแล้ว


ดูจากอาการหงุดหงิด งุ่นง่าน ของพวกลิ่วล้อ บริวาร ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่ระดับมวลชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปจนถึงผู้คนในคณะรัฐบาลที่ออกอาการดิ้นไป ดิ้นมา ไม่ต่างไปจากไส้เดือนถูกขี้เถ้า งานนี้...ต้องเรียกว่าการลุกขึ้นมาต่อสู้ คัดค้าน ความไม่ถูกต้อง ชอบธรรม ของรัฐบาล ตามแนวทาง อารยะขัดขืน ของ เทพเทือก และพวกนั้น ถือเป็นการ เดินมาถูกทาง อย่างชัดเจน แน่นอน มิพึงต้องสงสัยใดๆ อีกต่อไป...
                                                             --------------------------------------------
    อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า...การเปลี่ยนแปลง (ปฏิรูป) ไปสู่สิ่งที่ดีนั้น มันคงต้องอาศัยความดีนั่นแหละถึงจะนำไปสู่สิ่งที่ดีได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง การต่อสู้เพื่อพิทักษ์ความศักดิ์สิทธิ์ ความถูกต้อง ของตัวบทกฎหมาย ตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ถ้าหากจะหันไปใช้วิธีการที่ขัดแย้งกับตัวบทกฎหมาย มันคงไม่ถึงกับถูกเรื่องกันซักเท่าไหร่นัก ไม่เช่นนั้น...มันคงไม่ต่างอะไรไปจากพวกที่เรียกร้องประชาธิปไตยด้วยการเผาบ้าน เผาเมือง นั่นแหละ แม้จะเผาจนกระทั่งได้ อำนาจรัฐ ตกมาอยู่ในมืออย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่สุดท้าย...อำนาจนั้นๆ ก็หาใช้อำนาจที่ยั่งยืนถาวรแต่อย่างใดไม่...
                                                            --------------------------------------------
    เรียกว่า...ขนาดมีมวลชน มีตำรวจ มีข้าราชการแต่ละกรม กอง อยู่ในมือแท้ๆ ยังมิวายออกอาการ ประสาท ถึงขั้นต้องหอบผ้า หอบผ่อน อพยพลูกหลานว่านเครือหนีไปตั้งหลักอยู่ที่เมืองนอกกันเป็นสายๆ โดยเฉพาะเมื่อเห็นผู้คนนับเป็นแสนๆ ล้านๆ กระจัดกระจายโผล่ออกมาในแต่ละซอกแต่ละมุมทั่วทั้งประเทศ ภายใต้ฉากสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่า อำนาจรัฐ เท่าที่มีอยู่ในมือจะมากมายมหาศาล เบ็ดเสร็จและเด็ดขาดขนาดไหน สุดท้าย...ยังไงๆ มันก็คง เอาไม่อยู่ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง นั่นแหละท่าน เพราะการมีอำนาจแต่ปกครองไม่ได้ อำนาจนั้นๆ ย่อมไม่ต่างอะไรไปจาก สากกะเบือ ด้ามใดด้ามหนึ่งเท่านั้นเอง...
                                                           --------------------------------------------
    และถ้าหากเมื่อไหร่ผู้คนนับเป็นจำนวนล้านๆ เกิดโผล่ขึ้นมาในถนนราชดำเนิน ตั้งแต่พระบรมรูปฯ ไปจนจรดท่าพระจันทร์ ตามการ ยกระดับ ของม็อบขึ้นมาจริงๆ ถึงจังหวะนั้น...จะไปเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าก็คงไม่ทันซะแว้วว์ว์ว์ ด้วยเหตุนี้...การถอยไปตั้งหลัก การอพยพลูกหลานว่านเครือไปอยู่เมืองนอกซะแต่เนิ่นๆ นอกจากจะถือเป็น สัญชาตญาณการเอาตัวรอด ของสิ่งมีชีวิตที่หูไว ตาไว อย่างเป็นพิเศษ ยังอาจถือเป็นการ ส่งสัญญาณ ถึงจุดจบและมุมจบของ ระบอบทักษิณ ที่กำลังใกล้จะมาถึงในอีกไม่ใกล้ไม่ไกลนับจากนี้...
                                                          --------------------------------------------------
    ไม่ว่าจะมองกันตามหลักโหราศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ ตลอดไปจนนิติศาสตร์ ก็ตามที...น่าจะสรุปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ว่า ช่วงจังหวะนับจากนี้ทั้ง กฎหมาย และ กฎแห่งกรรม ต่างกำลังทำหน้าที่อย่างชนิดไม่มีใครสามารถหมุนเข็มนาฬิกากลับไปยังจุดเดิมๆ ได้อีกต่อไป ผู้ใดที่ก่อกรรมย่อมต้องได้รับผลกรรมตอบสนองอย่างไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่อณูเดียว ผู้ใดที่ประพฤติ ปฏิบัติ ผิดไปจากครรลองและจุดมุ่งหมายของกฎหมาย ย่อมต้องได้รับผลแห่งการตัดสินไปตามตัวบทกฎหมายอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ถึงจะระดมกำลังมาล้อมศาล กดดันข่มขู่กระบวนการยุติธรรมกันอย่างไรก็แล้วแต่ ระหว่างผู้คนจำนวนนับเป็นหมื่นๆ แต่ ขาดความชอบธรรม กับผู้คนจำนวนนับเป็นแสนๆ ล้านๆ แถมยังมี ความชอบธรรม เป็นที่หยัดยืน เป็นตัวรองรับอีกต่างหาก ใครจะฝ่อ ไม่ฝ่อ ในขั้นตอนสุดท้าย คงต้องเก็บไปคิดกันเอาเอง หรือไม่งั้นลองไปถามเด็กอนุบาลที่ออกมายกป้ายประท้วงกฎหมายอัปยศเมื่อไม่กี่วันมานี้ก็น่าจะพอได้รับคำตอบ...
                                                         ------------------------------------------------------
    ส่วนใครที่ชอบ มองข้ามช็อต ต้องการจะได้รับคำตอบในแบบเจาะเวลาหาอนาคตนั้น...ก็คงต้องว่ากันไปตามแต่รสนิยมของใคร-ของมันก็แล้วกัน แต่ที่พึงยึดถือเป็นหลักปฏิบัติเอาไว้ให้จงหนักก็คือว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตาม จะไปยัดเยียด ไปกำหนดกฎเกณฑ์ให้แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง เป็นไปตามที่ตัวเองเห็นดี เห็นงาม ไปซะทั้งหมด มันคงไม่ถึงกับถูกเรื่องกันซักเท่าไหร่นัก เพียงแค่ยึดหลักง่ายๆ ว่า...บ้านเมืองนั้นย่อมประกอบไปด้วยคนดีและคนไม่ดี เพียงแค่ป้องกันไม่ให้คนไม่ดีขึ้นมามีอำนาจ และส่งเสริมให้คนดีได้มีบทบาท เพียงเท่านั้น...ก็ถือเป็นอนาคตที่สดใส ยิ่งใหญ่ ชนิดแทบจะยกภูเขาทั้งภูเขาออกจากอกของปวงชนชาวไทยได้แล้ว อะไรที่มันจะเกิดขึ้นต่อไปก็คงต้องปล่อยให้ ธรรมชาติแห่งความถูกต้อง เป็นตัวจัดสรรไปตามลำดับขั้น...
                                                        ----------------------------------------------------------
    อย่างที่ว่าเอาไว้หลายครั้ง หลายหน นั่นแหละว่า...กระบวนการปฏิรูปที่แท้จริง ก็คือการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกนึกคิดในหมู่ประชาชน ไม่ใช่การไปนั่งปิดห้องร่างพิมพ์ขง พิมพ์เขียว อะไรต่อมิอะไรตามลำพัง ด้วยเหตุนี้...การที่ปวงชนชาวไทยนับเป็นล้านๆ ทั่วประเทศได้ออกมาแสดงความรู้สึก นึกคิด แสดงความต้องการที่จะให้ประเทศชาติบ้านเมืองดำเนินไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม เป็นประชาธิปไตยที่มีคุณธรรม และศีลธรรม เป็นตัวกำกับ เพียงเท่านี้...ย่อมถือได้ว่า กระบวนการปฏิรูปประเทศ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ส่วนมันจะนำไปสู่จุดไหนต่อจุดไหน อย่าถึงกับต้องเสียเวลาตั้งคำถามให้ต้องปวดหัว เวียนเฮด โดยใช่เหตุ เพราะสุดท้าย...มันคงต้องขึ้นอยู่กับประชาชนนั่นแหละเป็นหลัก...
                                                       --------------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก ท่านพุทธทาสภิกขุ “การเปลี่ยนแปลง (ปฏิรูป) สังคม...เป็นสิ่งจำเป็น ต้องเปลี่ยนแปลงอุดมคติของสังคมให้ลึกลงไปถึงสามัญชน มิฉะนั้น...เขาจะไม่ทำแม้ในสิ่งที่เขาทำได้ และไม่สนใจที่จะรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำได้ มีแต่การเป็นทาสอายตนะไปวันๆ...”.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น