วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เดินอารยะ12เส้น เทือกชี้แผนเผด็จศึก24พ.ย.ตัดน้ำไฟ‘บ้านปู-ขี้ข้าแม้ว’เมื่อ 22 พ.ย.56


เดินอารยะ12เส้น เทือกชี้แผนเผด็จศึก24พ.ย.ตัดน้ำไฟ‘บ้านปู-ขี้ข้าแม้ว’

เพื่อแม้วปูดกลุ่มอำนาจเดิมอุ้ม "อภิสิทธิ์"   เป็นนายกฯ พระราชทาน "สุเทพ" นั่งรองนายกฯ ตามแผนบันได 3 ขั้น "เหลิม" กุข่าวซ้ำแรมบ้าจะมีเหตุรุนแรง ขู่จับ "เทพเทือก" ข้อหากบฏ "โอ๊ค-เอม-อุ๊งอิ๊ง" ดราม่าทวงธงชาติคืนจากม็อบ "แทน" สวนกลับติดธงชาติทวงคืนประเทศจากทักษิณ คปท.สับขาหลอกเคลื่อนขบวนปักหลักสามแยกนางเลิ้งประชิดทำเนียบฯ ขณะที่อนุสาวรีย์ฯ ดีเดย์ 24 พ.ย.ชุมนุมยันรุ่งเช้าก่อนเดินอารยะไปหน่วยงานราชการปลุกมาร่วมขจัดระบอบทักษิณ
    เมื่อวันศุกร์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศเป็นแกนนำม็อบ หากมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นต้องจับกุมนายสุเทพ ข้อหากบฏในราชอาณาจักร แม้ไม่ประสงค์ต่อผล แต่เล็งเห็นผลได้ และสอบสวนหาพยานหลักฐาน นายทุน และผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย 
    "ผมได้ข่าวมาว่าการชุมนุมครั้งนี้จะมีคนก่อเหตุร้าย ไม่ใช่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ เพราะฝ่ายเจ้าหน้าที่ห้ามพกอาวุธและปืนเด็ดขาด มีแต่ปืนยิงแก๊สน้ำตา แก๊สน้ำตา ปืนยิงกระสุนยาง กระบอง แบริเออร์ และรั้วลวดหนาม หากมีการก่อเหตุร้ายผู้ร่วมชุมนุมที่มาร่วมจะได้รับผลกระทบ และหากเหตุร้ายเกิดขึ้น นายสุเทพต้องรับผิดชอบ แต่เจ้าหน้าที่จะคอยเฝ้าระวัง
    เขาบอกว่า เสาร์-อาทิตย์นี้ ตนและ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ และตำรวจ จะติดตามสถานการณ์อยู่ที่กระทรวงแรงงาน รวมทั้งวันที่ 24 พ.ย.ตนจะเอาตำรวจในเครื่องแบบตามนายสุเทพอย่างใกล้ชิด ไม่ให้คลาดสายตา และทุกที่
    ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้เรียกทนายความส่วนตัว 5 คน เข้ามาหารือภายหลังจากนายสุเทพกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเป็นประธานาธิบดี ถือว่าเป็นการใส่ร้าย เพราะท่านไม่เคยคิด หากตรวจสอบคำปราศรัยเรียบร้อยจะขอใบมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณฟ้องนายสุเทพ   
                   นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า ทราบข่าวว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ  ได้ไปนัดกินข้าววางแผนกับคนใหญ่คนโต 2 คน มีอักษรย่อ พ. ทั้ง 2 คน เป็นที่มาของการนัดรวมตัวเดินขบวนกันในวันที่ 24 พ.ย.ของมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยเฉพาะจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ทั้ง 2 พ. เคยร่ำเรียน ทราบว่ามีการวางแผนเชื่อมโยงกันอย่างมีนัย
    "วันนี้ ป.ป.ช.ได้รับเรื่องร้องเรียนให้ถอดถอน ส.ส.และ ส.ว. 312 คน สืบเนื่องจากประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ซึ่งอาจจะเกิดสถานการณ์ที่ทำให้ทั้ง 312 คนต้องพ้นไป แล้วบ้านเมืองก็เกิดสุญญากาศ เข้าล็อกการขอนายกฯ พระราชทาน ซึ่ง พ. คนหนึ่งจะเข้ามาเป็นนายกฯ รักษาการ" นายวรชัย กล่าว
ปูดแผนบันได 3 ขั้น
    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ยินเพื่อน ส.ส.คุยกันว่า กลุ่มอำนาจเดิมที่เกลียดชังพรรคเพื่อไทยพยายามจะอุ้มชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ด้วยแผนบันได 3 ขั้นคือ หาเรื่อง หาทาง และหาบันได และเร่งปิดจ๊อบเร็ว และทราบมาว่าฝ่ายตรงข้ามมีการวางตัวรัฐมนตรีชุดใหม่ไว้แล้ว เพื่อหวังจะได้เป็นรัฐบาลภายในสิ้นปีนี้ โดยมีคนนอกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล้มรัฐบาล จะเข้ามาในคณะรัฐมนตรีชุดดังกล่าวกว่า 10 ตำแหน่ง ซึ่งในสัปดาห์หน้า ตนจะเอารายชื่อดังกล่าวมาติดไว้ที่พรรค
    “วันนี้ผมคิดว่าอยากให้นายอภิสิทธิ์มาเป็นนายกรัฐมนตรี ให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกรอบก่อนสิ้นปีนี้ จะได้รู้ว่าประชาชนในประเทศนี้จะต้อนรับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพด้วยของขวัญปีใหม่อย่างไร และประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป” นายจิรายุกล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บุตรของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย โอ๊ค พานทองแท้, เอม พินทองทา, อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ได้พร้อมใจกันโพสต์รูป "ธงชาติไทย" ลงในอินสตาแกรมพร้อมกัน รวมทั้งในเฟซบุ๊ก พร้อมระบุใต้ภาพว่า ขอทวงคืนธงชาติจากม็อบประชาธิปัตย์
    โดยเฟซบุ๊กของนายพานทองแท้โพสต์ข้อความว่า เชิญคนไทยทุกคนร่วมกันทวงคืน "ธงชาติไทย" จากม็อบประชาธิปัตย์ พร้อมระบุว่า "อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน" คือคำพูดที่พรรคประชาธิปัตย์ยุคผลัดใบควรท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจ ตลอดเวลาที่เปลี่ยนจุดยืนจากในอดีต หันมาเล่นการเมืองนอกสภา เรียกร้องการเมืองข้างถนน, เรียกร้องอำนาจนอกระบบ, เรียกร้องนายกฯ ม.7 และเรียกร้องทหารให้ออกมาทำรัฐประหาร
    พรรคประชาธิปัตย์ยังใช้วิธีทำนองเดียวกัน กับที่พันธมิตรฯ เคยใช้ คือกลยุทธ์ "ดึงฟ้าต่ำ ทำหินแตก แยกแผ่นดิน" ที่แอบอ้างสถาบันทั้ง 3 อยู่ตลอดเวลาดังเช่น การเรียกตัวเองว่ายามเฝ้าแผ่นดิน, กู้ชาติ, ใส่เสื้อเหลือง, ผ้าพันคอฟ้า ฯลฯ โดยครั้งนี้ใช้กลยุทธ์เดียวกันกับพันธมิตรฯ อย่างชัดเจน แต่ใช้รูปแบบ 3 in 1 โดยใช้สีธงไตรรงค์ อันหมายถึงสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมสถาบันทั้ง 3 มาเป็นสัญลักษณ์ในการ ทำลายคู่แข่งทางการเมือง ทั้งๆ ที่คู่แข่งทางการเมืองก็ล้วนแต่เป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น
    เฟซบุ๊กของนายพานทองแท้ระบุอีกว่า วันนี้ผมและน้องๆ ได้โพสต์อินสตาแกรมรูปธงชาติและข้อความเหมือนๆ กันว่า "ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย ไม่ใช่ของ ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คนไทยทุกคนจงร่วมทวงคืนธงชาติไทย ไม่ให้ถูกนำไปใช้ในการแบ่งแยกคนไทยกันเอง"
    จากนั้นในหน้าเฟซบุ๊กของนายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โต้ตอบนายพานทองแท้กลับว่า "วันนี้คุณโอ๊คและเหล่าขี้ข้านัดกันมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับธงชาติไทย เพิ่งเห็นว่าคุณโอ๊คและเหล่าขี้ข้าพูดถูก เห็นด้วยครับ ว่าธงชาติไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ตระกูลใด ตระกูลหนึ่ง    
    
     "นี่คือเหตุผลที่คนไทยผู้รักชาติ รักแผ่นดินเขาพากันติดธงชาติออกมาต่อต้านตระกูลชินวัตร และระบอบทักษิณ เพราะเขาอยากจะบอกคุณทักษิณว่าประเทศนี้เป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่ของตระกูลชินกับเหล่าขี้ข้าเขาจึงมีเหตุผลอันชอบธรรมที่จะใช้ธงชาติมาเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้อย่างมีเกียรติมีอารยะในครั้งนี้"
"แทน"สวนกลับ"โอ๊ค"
    เฟซบุ๊กนายแทนระบุอีกว่า พวกที่แบ่งเพียงสีเดียวของธงชาติมาใช้ พวกที่แบ่งแยกประชาชนออกเป็น "ไพร่" เป็น "อำมาตย์" ต่างหาก ที่ควรจะสำนึกในการกระทำอันของตัวเอง ว่าสิ่งที่พวกคุณคิด ที่พวกคุณทำมา มันเลวร้ายเกินที่คนไทยจะทนได้อีกต่อไป พวกเราไม่ยอมอีกแล้ว ที่จะให้พวกคุณมาข่มขืน ย่ำยีแผ่นดินของเรา มาแบ่งแยกคนไทยออกจากกัน คนไทยไม่ต้องร่วมใจกันทวงคืนธงชาติไทยหรอกครับ แต่เรากำลังร่วมกันทวงคืนประเทศไทยของเรากลับคืนมาเป็นของคนไทยทุกคนครับ
    ขณะที่ ตั๊น จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความตอบโต้บรรดาลูกๆ อดีตนายกฯ นักโทษหนีคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ เช่นกันว่า "มีข่าวว่ามีคนอยากจะทวงคืนธงชาติไทยจากประชาธิปัตย์อยากจะเรียนกลับไปว่า คุณมีสิทธิอะไรมาทวงคืนธงชาติไทย ธงชาติไทยเป็นของคนไทยทุกคนที่รักชาติ สำหรับคนที่ไม่รักชาติหรือทำร้ายประเทศชาติบ้านเกิดตนเองนั้น แนะนำให้ไปยืมธงชาติประเทศอื่นถือแทนแล้วกันนะคะ..."
    พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการต่ออายุ พ.ร.บ.ความมั่นคงว่า ต้องดูปัจจัยว่าการชุมนุมยืดเยื้อและมีจำนวนมากหรือไม่ ต้องรอดูการชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.นี้ก่อน แต่ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว หากมีเหตุผลความจำเป็นจะประกาศต่อออกไปโดยตั้งกรอบไว้ประมาณ 1 เดือน แต่ถ้าระหว่างนั้นไม่มีเหตุการณ์อะไรก็สามารถยกเลิกได้ทันที ซึ่งการประกาศคงจะอยู่ในพื้นที่เดิม โดยสัปดาห์หน้าจะตัดสินใจว่าจะประกาศต่อหรือไม่ ส่วนการชุมนุมวันที่ 24 พ.ย. เรายังเป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 เพราะยังมีเงาๆ อยู่ ต้องเฝ้าระวัง นอกจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจตราในจุดสูงข่มประมาณ 20 จุด ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของตึก และให้สื่อมวลชนขึ้นไปร่วมตรวจสอบด้วย  
    ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ได้มีข้อสั่งการในที่ประชุม ศอ.รส.ทั้งหมด 9 ข้อ ประกอบด้วย 1.กำชับการปฏิบัติงานด้านการสืบสวนสอบสวน ให้เจาะลึกถึงรายละเอียดของแกนนำในการเคลื่อนไหวของมวลชน รวมทั้งระบบการส่งกำลังของมวลชน 2.ให้ตรวจสอบและเช็กประวัติกลุ่มการ์ดหัวรุนแรง และกลุ่มการ์ดในพื้นที่ชุมนุม โดยให้ประสานกับ บช.น.และ บช.ส. 3.ให้ บช.ภ.7-9 ตั้งจุด ว.23 คัดกรองกลุ่มมวลชนและอาวุธ โดยประสานกับ บก.ทล.อย่างเข้มข้น 4.ให้ บช.น.ตั้งแผงกั้นจราจร โดยให้วางระบบการจราจร เพื่อให้การเดินทางสะดวกและปลอดภัย
    5.จัดทำแผนเกี่ยวกับ ว.23 โดยให้มีระยะห่างจากพื้นที่ชุมนุมประมาณ 400 เมตร ให้มีการตรวจค้นโดยใช้ ตร.จราจร, สืบสวน, สายตรวจ 6.จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ 7.ให้มีการแจ้งภารกิจให้กับกำลังพลทราบ เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งทั้ง 9 จุด 8.กำชับการป้องกันการก่อเหตุ เพื่อสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชุมนุมจากกลุ่มมือที่ 3 ที่อาจเข้ามาก่อเหตุ 9.ให้ ผบช.ภ.วางระบบการปฏิบัติงานที่ดีและเข้มแข็ง เพื่อรักษาความปลอดภัย
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศูนย์เฝ้าฟัง ศปก.ตร. ได้มีการส่งกรณีที่ทางสถานีโทรทัศน์ช่องบลูสกายได้มีการเผยแพร่ภาพตราโล่เขน ซึ่งเป็นตราประจำของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีการดัดแปลงนำรูปภาพคล้ายสัตว์ตัวเงินตัวทองสีเขียวที่กำลังสวมหมวกตำรวจ พร้อมมีข้อความที่ลำตัวว่า "กูรักทักษิณ" ซ้อนทับด้านหน้าตราโล่เขน และมีข้อความระบุที่ตราโล่ว่า "สำนักงานตะกวดแห่งชาติ" โดยมีการส่งภาพดังกล่าวให้กับ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส. เพื่อให้นำเสนอ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว
    โดยเบื้องต้น ผบ.ตร.ได้มีการเสนอเรื่องให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาว่า เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายมาตราใดบ้าง เนื่องจากตรา สตช.ถือว่าเป็นตราราชการ ซึ่งได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายราชการ พ.ศ.2482 ซึ่งการกระทำครั้งนี้ อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 6 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้เครื่องหมายราชการ เว้นแต่หน่วยราชการที่กำหนดเครื่องหมายนั้นจะได้อนุญาต , มาตรา 7 ห้ามมิให้ผู้ใดปลอมหรือเลียนเครื่องหมายราชการ ไม่ว่าจะทำเป็นสีใด หรือทำด้วยวิธีใดๆ หรือทำให้ปรากฏที่วัตถุหรือสินค้าใดๆ ก็ตาม ซึ่งผู้ใดฝ่าฝืนจะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 2 พันบาท
คปท.จ่อหน้าทำเนียบฯ
    สำหรับการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม เมื่อเวลา 12.30 น. กลุ่มมวลชนนำโดย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ประมาณ 100-150 คน รวมตัวบริเวณหน้าศูนย์การค้าเทอร์มินัล 21 แยกอโศก โดยนำรถกระบะติดเครื่องขยายเสียง 1 คัน จอดริมถนนหน้าห้าง กล่าวปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลและระบอบทักษิณ พร้อมกับเป่านกหวีดเป็นระยะๆ โดยได้รับความสนใจจากประชาชนและชาวต่างชาติที่สัญจรผ่านไปมาในย่านดังกล่าวหยุดยืนดูตามราวบันไดทางเดินรถไฟฟ้า รวมทั้งมีแม่ค้านำนกหวีดมาวางขายบนทางเท้าบริเวณใกล้เคียงด้วย
    สำหรับกลุ่ม คปท. นำโดยนายอุทัย ยอดมณี และนายนิติธร ล้ำเหลือ หลังจากเดินทางกลับจากพรรคเพื่อไทยช่วงเวลา 16.00 น. ซึ่งขณะที่ขบวนเคลื่อนมาถึงหน้าโรงแรมเฟิสท์ ก็เกิดเสียงดังคล้ายเสียงของระเบิดปิงปองขึ้นบริเวณด้านหน้าขบวน คปท.ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรถจักรยานยนต์ที่คอยเคลียร์พื้นที่จราจรให้ผู้ชุมนุม แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ขบวนจะเคลื่อนต่อไป จากสอบถามคนขับตุ๊กๆ ที่อยู่ใกล้จุดเสียงดังคล้ายระเบิดปิงปอง ระบุว่า เห็นระเบิดปิงปองถูกโยนมาจากบนตึกฝั่งตรงข้ามโรงแรมเฟิสท์
    ต่อมาเวลา 18.00 น. แกนนำ คปท.นำมวลชนทั้งหมดที่ไปร่วมชุมนุมที่หน้าพรรคเพื่อไทย เคลื่อนขบวนมาปักหลักยึดพื้นที่ถนนพิษณุโลก ช่วงแยกนางเลิ้งถึงแยกพาณิชยการ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ไม่ได้กลับชุมนุมที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบกเช่นเดิม
    โดยนายอุทัยเปิดเผยว่า ตั้งแต่คืนวันที่ 22 พ.ย.เป็นต้นไป คปท.จะมีการยกระดับการชุมนุมมาตั้งเวทีกดดันรัฐบาลที่เชิงสะพานชมัยฯ ส่วนพื้นที่ชุมนุมเดิมที่หน้าทบ. ทางเวทีของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และกองทัพธรรม รวมถึงเวทีอนุสาวรีย์ฯ ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะขยับเข้ามาแทนที่ ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นไปตามข้อตกลงระหว่าง 3 เวทีที่จะร่วมขับไล่ระบอบทักษิณครั้งใหญ่ในวันที่ 24 พ.ย.นี้
    ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกเวทีคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแถลงถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับกิจกรรมในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ว่าขอให้พี่น้องประชาชนที่จะมาร่วมกันชุมนุม อยู่กับพวกเราไปจนถึงเช้าวันที่ 25 พ.ย.นี้ เพราะเราจะมีการเดินอารยะไปยังที่ทำการส่วนราชการต่างๆ เพื่อไปเชิญชวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ให้มาร่วมชุมนุมในการขจัดระบอบทักษิณให้สิ้นซาก และการเดินอารยะครั้งนี้ เราจะเดินกันอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ เราจะมีเพียงนกหวีดและดอกไม้เพื่อไปมอบให้กับข้าราชการเท่านั้น ซึ่งถือเป็นยุทธการวิธีหนึ่งที่จะทำให้เราได้รับชัยชนะเหนือระบอบทักษิณ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมขอให้รอฟังการปราศรัยจากแกนนำ
    นายเอกนัฏกล่าวว่า บริเวณพื้นที่การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ฯ จะมีการติดตั้งเครื่องอำนวยความสะดวกราว 30 ชุด ซึ่งจะติดตั้งจอทีวี เต็นท์ และรถสุขา โดยจะติดตั้งด้านหลังเวทียาวไปจนถึงสนามหลวง และด้านหน้าเวทียาวไปจนถึงถนนหลานหลวง นอกจากนี้จะมีการปรับกิจกรรมบนเวทีให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
    นายเอกนัฏกล่าวถึงกรณีรัฐบาลรัฐสภาและพรรคเพื่อไทยปฏิเสธคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของระบอบทักษิณ ถือว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายกบฏต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงเป็นสิทธิของประชาชนโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญที่จะลุกขึ้นมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล รัฐสภาและผู้ที่กระทำตัวรับใช้ระบอบทักษิณ ตั้งตัวเป็นกบฏต่อรัฐธรรมนูญ เราจึงขอเชิญชวนประชาชนให้ออกมาร่วมชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.นี้
    ช่วงค่ำ นายเดชา วัฒนธีรางกูร ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช อำเภอเชียงใหญ่ จบการศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้มาจัดงานแต่งงานที่ถนนราชดำเนิน โดยมีเจ้าสาว น.ส.วิชชุดา ช่วงชัยกิจการ คนกรุงเทพฯ จบการศึกษาจาก ม.ธรรมศาสตร์ ได้ร่วมเคารพธงชาติบนเวทีร่วมกับผู้ชุมนุม สร้างสีสันแก่ผู้ชุมนุมไม่น้อย.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น